ข่าวลือเรื่องราวอื้อฉาวของโจวฟางเซียนแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงราวกับไฟลามทุ่ง คำพูดดูถูกเหยียดหยามจากปากของเหล่าคุณหนูผู้สูงศักดิ์ถูกส่งต่อกันไปปากต่อปาก จนกระทั่งเรื่องราวบิดเบือนกลายเป็นว่าองค์หญิงสามเป็นหญิงสาวแพศยา ชอบแย่งชิงคนรักของผู้อื่น
เสียงก่นด่าสาปแช่งดังระงมไปทั่วตลาด ชาวบ้านต่างพากันประณามโจวฟางเซียนอย่างรุนแรงราวกับนางเป็นปีศาจ ทว่าความจริงกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง นางไม่เคยคิดร้ายหรือทำร้ายใครมาก่อนเลย
วันที่นางไปหาเรื่องไป๋หลี่เมิ่งนั้น ก็เพราะความหึงหวงและความกลัวเข้าครอบงำ นางกลัวว่าเย่ซีเฉิน ชายหนุ่มที่นางเฝ้ารักและเทิดทูนจะไม่เลือกนางเป็นภรรยา
โจวฟางเซียนรักเย่ซีเฉินด้วยใจจริง นางวาดฝันถึงอนาคตร่วมกันกับเขา แต่ความฝันนั้นกลับพังทลายลง เมื่อเย่ซีเฉินตกหลุมรักไป๋หลี่เมิ่ง
นางรู้ดีว่าเย่ซีเฉินเข้าหานางในตอนแรกก็เพราะฐานะองค์หญิงสามของนาง ที่ฮ่องเต้และฮองเฮาโปรดปราน แต่เมื่อเขาได้พบกับไป๋หลี่เมิ่ง หญิงสาวที่เพียบพร้อมทั้งรูปโฉมและสติปัญญา เขาก็เปลี่ยนใจไปอย่างง่ายดาย
โจวฟางเซียนได้แต่เก็บความเจ็บปวดไว้ในใจ นางต้องทนอยู่กับความอับอายและถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นหญิงแพศยา ทั้งที่ความจริงแล้วนางเป็นเพียงเหยื่อของความรักที่ไม่สมหวัง
ภายในห้องทรงพระอักษร ฮ่องเต้ทรงกริ้วอย่างหนักเมื่อได้ยินข่าวลือเรื่ององค์หญิงสามผลักไป๋หลี่เมิ่งตกน้ำ พระพักตร์แดงก่ำด้วยโทสะ เสียงคำรามกึกก้องไปทั่วห้อง "โจวฟางเซียน! เจ้ามันเป็นตัวอัปยศของราชวงศ์!"
ฮ่องเต้ทรงรู้สึกอับอายขายหน้าอย่างที่สุดที่องค์หญิงผู้สูงศักดิ์กลับก่อเรื่องเสื่อมเสียเช่นนี้ พระองค์ทรงตำหนิโจวฟางเซียนอย่างรุนแรง "เจ้ามันช่างโง่เขลา! ทำตัวไร้ค่าเช่นนี้ ใครเขาจะอยากได้เจ้าไปเป็นภรรยา!"
ในความคิดของฮ่องเต้ องค์หญิงสามเป็นเพียงสตรีเอาแต่ใจ ไร้ความสามารถ ไร้ค่าคู่ควรกับราชวงศ์ยิ่งนัก พระองค์ทรงตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะมอบสมรสพระราชทานให้องค์หญิงสามกับขุนนางบ้านนอกที่อยู่ห่างไกล เพื่อไม่ให้นางสร้างความเสื่อมเสียให้กับราชวงศ์อีก
แต่ฮองเฮาเสิ่นอวี้กลับไม่เห็นด้วยกับการกระทำของฮ่องเต้ แม้จะไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่ภายในใจของฮองเฮากลับร้อนรุ่มเป็นไฟ นางไม่อาจทนเห็นลูกสาวที่รักต้องถูกเนรเทศไปอยู่แดนไกลได้
"ฝ่าบาท" ฮองเฮาทูลเสียงแผ่วเบา แต่หนักแน่น "หม่อมฉันคิดว่าเรื่องนี้ควรจะสอบสวนให้แน่ชัดก่อน องค์หญิงสามอาจจะไม่ได้เป็นคนทำก็ได้"
ฮ่องเต้ทรงชะงักไปครู่หนึ่ง พระองค์ทรงรู้ดีว่าฮองเฮารักและเอ็นดูโจวฟางเซียนมากเพียงใด แต่พระองค์ก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อข่าวลือที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับราชวงศ์ได้
"ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้เป็นคนทำ แต่นางก็ทำให้ราชวงศ์เสื่อมเสียชื่อเสียง" ฮ่องเต้ตรัสเสียงเข้ม "การมอบสมรสพระราชทานและส่งนางไปอยู่ที่อื่นเป็นทางออกที่ดีที่สุด"
ฮองเฮาทรงถอนหายใจเฮือกใหญ่ นางรู้ว่าไม่อาจเปลี่ยนใจฮ่องเต้ได้ แต่ก็ไม่อาจยอมให้ลูกสาวต้องถูกเนรเทศไปอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้
"ฝ่าบาท หม่อมฉันขอร้อง" ฮองเฮาทูลวิงวอน "โปรดให้โอกาสองค์หญิงสามได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองด้วยเถิด"
ฮ่องเต้ทรงมองฮองเฮาด้วยสายตาอ่อนโยน พระองค์ทรงรู้ดีว่าฮองเฮาเป็นสตรีผู้มีเหตุผลและไม่เคยขออะไรที่เกินเลย
"ก็ได้" ฮ่องเต้ตรัสในที่สุด "เราจะให้โอกาสนาง แต่ถ้านางไม่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองได้ นางก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา"
ฮองเฮาทรงถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยลูกสาวของนางก็ยังมีโอกาสได้แก้ไขความผิดพลาด
แต่ในขณะเดียวกัน ซูกุ้ยเฟยและองค์หญิงเจ็ดโจวฟางหรูกลับรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งที่ฮ่องเต้เปลี่ยนใจ พวกนางต่างคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะกำจัดโจวฟางเซียนให้พ้นทาง แต่กลับต้องมาผิดแผนเพราะฮองเฮา
ความเกลียดชังที่มีต่อโจวฟางเซียนยิ่งเพิ่มพูนขึ้นในใจของซูกุ้ยเฟยและโจวฟางหรู พวกนางสาบานว่าจะต้องทำให้องค์หญิงสามตกต่ำยิ่งกว่านี้อีกให้ได้
เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องทั่วเมืองชายแดนเมื่อกองทัพของแม่ทัพเกาเฟยฉีเดินทางกลับมา หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนานและยากลำบาก ในที่สุดพวกเขาก็สามารถปราบปรามชนเผ่านอกด่านและตัดหัวของหัวหน้าเผ่าได้สำเร็จ สงครามที่ยืดเยื้อมานานสิ้นสุดลง เหล่าทหารต่างรู้สึกโล่งใจและภาคภูมิใจในชัยชนะครั้งนี้
เกาเฟยฉี แม่ทัพผู้เกรียงไกรควบม้าคู่ใจเข้าสู่เมืองด้วยท่าทางองอาจ ใบหน้าคมสันของเขาเปื้อนไปด้วยฝุ่นควันจากสนามรบ แต่แววตาของเขากลับเปล่งประกายด้วยความยินดีและความหวังที่จะได้กลับบ้าน
สิบปีผ่านไป ราวกับความฝันที่แสนหวาน โจวฟางเซียนยังคงงดงามราวกับเทพธิดาที่ไม่เคยแก่ลง ความรักของนางและเกาเฟยฉียิ่งทวีความลึกซึ้งขึ้นทุกวัน เหมือนดั่งต้นไม้ใหญ่ที่หยั่งรากลึกและแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปอย่างมั่นคงเสี่ยวสือและเสี่ยวเฟย บัดนี้เติบโตเป็นเด็กหนุ่มสาวที่เฉลียวฉลาดและมีน้ำใจ พวกเขาเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเกาเฟยฉีและโจวฟางเซียน สร้างความสุขและเสียงหัวเราะให้กับจวนแม่ทัพแห่งนี้อยู่เสมอในคืนหนึ่ง ขณะที่แสงจันทร์สาดส่องลงมาทั่วบริเวณจวนแม่ทัพ พวกเขานั่งชมจันทร์อยู่ที่กลางศาลาริมน้ำ บรรยากาศเงียบสงบราวกับโลกนี้มีเพียงแค่เขาและนางเสี่ยวสือและเสี่ยวเฟยถูกฝากฝังให้เกาฮูหยินดูแลเป็นพิเศษในคืนนี้ เพื่อให้บิดามารดาได้มีเวลาส่วนตัวในการรำลึกถึงความรักที่งดงามของพวกเขาเกาเฟยฉีมองโจวฟางเซียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก "เซียนเอ๋อร์ เจ้ายังคงงดงามเหมือนวันแรกที่เราพบกัน"โจวฟางเซียนยิ้มเขิน "ท่านพี่ก็ยังคงทำให้หัวใจข้าเต้นแรงเหมือนเดิม""เซียนเอ๋อร์ เจ้าจำครั้งที่เราพบกันครั้งแรกได้หรือไม่" เกาเฟยฉีเอ่ยถามเสียงนุ่มโจวฟางเซียนพยักหน้า "ข้าจำได้ดีเจ้าค่ะ ท่านพี่ช่วยป้อนลูกอมน้ำผึ้งให้ข้า""ข้า
การรบดำเนินไปอย่างดุเดือด เลือดทหารทั้งสองฝ่ายไหลนองเต็มพื้นดิน เสียงร้องโหยหวนของผู้คนที่บาดเจ็บดังระงมไปทั่วเกาเฟยฉีควบม้าเข้าไปฟันแทงศัตรูอย่างบ้าคลั่ง ดาบของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด เขาไม่สนใจว่าใครจะเป็นใคร เขาฆ่าทุกคนที่ขวางหน้าในที่สุด กองทัพกบฏก็แตกพ่าย เหล่าทหารที่เหลือต่างพากันวิ่งหนีเอาชีวิตรอดเกาเฟยฉีมองดูสนามรบที่เต็มไปด้วยซากศพด้วยสายตาเย็นชา เขาไม่รู้สึกเสียใจกับการนองเลือดในครั้งนี้เลยสักนิด เขาต้องการเพียงแค่กลับไปหาครอบครัวของเขาหลังจากผ่านไปหลายเดือน เกาเฟยฉีก็สามารถปราบหัวหน้าของเหล่ากบฏได้สำเร็จ เขาได้รับการยกย่องจากฮ่องเต้และประชาชนเกาเฟยฉีรีบเดินทางกลับเขตชายแดนของเขาทันที เมื่อมาถึงจวนแม่ทัพ เกาเฟยฉีก็รีบตรงไปที่ห้องนอนของเขาและโจวฟางเซียนเขาเปิดประตูเข้าไป เห็นโจวฟางเซียนนั่งอยู่บนเตียง กำลังอ่านหนังสือให้เสี่ยวสือและเสี่ยวเฟยฟัง"ท่านพ่อ!" เสี่ยวสือและเสี่ยวเฟยร้องออกมาอย่างดีใจ พวกเขาวิ่งเข้าไปกอดเกาเฟยฉีเกาเฟยฉียิ้มออกมาอย่างมีความสุข เขากอดลูกๆ ของเขาไว้แนบอกจากนั้นเขาก็หันไปมองโจวฟางเซียน โจวฟางเซียนยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่นเกาเฟยฉีเดินเข้าไปหานาง แล้วคุ
เช้าวันรุ่งขึ้น เกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น พวกเขาออกไปเดินเล่นที่ชายหาดด้วยกัน"ท่านพี่ ข้ามีความสุขมาก" โจวฟางเซียนพูดเกาเฟยฉียิ้มให้นาง "ข้าก็เช่นกัน"ทั้งสองคนเดินเล่นไปตามชายหาด จับมือกันไว้แน่น รู้สึกขอบคุณที่ได้มีกันและกันเกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนใช้เวลาในแคว้นหนานอีกหลายวัน พวกเขาได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คนในแคว้นนี้อย่างเต็มที่ก่อนกลับ โจวฟางจิงมอบของขวัญให้น้องสาวและน้องเขยเป็นผ้าไหมอย่างดีที่ทอด้วยมือจากชาวบ้านในแคว้นหนานเกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนขอบคุณโจวฟางจิงและเจ้าเมืองแคว้นหนานสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น พวกเขาสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมอีกครั้งในเร็วๆ นี้การเดินทางกลับเป็นไปอย่างราบรื่น เกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนกลับมาถึงจวนแม่ทัพเกาอย่างปลอดภัย พวกเขารู้สึกสดชื่นและมีความสุขกับการเดินทางครั้งนี้มากเมื่อกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวสือและเสี่ยวเฟยก็วิ่งเข้ามาหาพ่อแม่ด้วยความดีใจ"ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านกลับมาแล้ว" เสี่ยวสือร้องตะโกน"ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านซื้ออะไรมาฝากข้าบ้าง" เสี่ยวเฟยถามเกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนยิ้มให้ลูกๆ ทั้งสองคนหยิบของฝากออกมาให้ลูกๆ
ห้าปีผ่านไป นับตั้งแต่เกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัว ทั้งสองคนยังคงรักและดูแลกันอย่างดีเสมอมา ชีวิตในจวนแม่ทัพเกาเต็มไปด้วยความสุข เสียงหัวเราะของเสี่ยวสือและเสี่ยวเฟยดังก้องไปทั่วบริเวณวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิที่อากาศอบอุ่นและดอกไม้บานสะพรั่ง เกาเฟยฉีเดินเข้ามาหาโจวฟางเซียนที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ในสวน"เซียนเอ๋อร์" เขาเรียกนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนโจวฟางเซียนเงยหน้าขึ้นมอง "มีอะไรหรือเจ้าคะ ท่านพี่"เกาเฟยฉียื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้นาง "นี่เป็นจดหมายจากองค์หญิงใหญ่ โจวฟางจิง นางเชิญเราไปเยี่ยมนางที่เมืองใต้"โจวฟางเซียนรับจดหมายมาเปิดอ่าน ดวงตาของนางเป็นประกาย "จริงหรือเจ้าคะ ข้าไม่ได้เจอพี่หญิงมานานแล้ว""ใช่แล้ว เราไปเยี่ยมนางกันเถอะ" เกาเฟยฉีพูดโจวฟางเซียนพยักหน้าอย่างตื่นเต้น "ได้เจ้าค่ะ ข้าอยากไปมาก"เกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนตัดสินใจเดินทางไปเมืองใต้ทันที พวกเขาฝากเสี่ยวสือและเสี่ยวเฟยไว้กับฮูหยินเกา แล้วออกเดินทางด้วยรถม้าการเดินทางสู่แคว้นหนานเป็นไปอย่างยาวนาน ทั้งสองต้องใช้เวลาหลายเดือนในการเดินทาง ทั้งโดยรถม้าเพื่อข้ามผ่านหุบเขาและที่ราบอันกว้างใหญ่ และโดยทางเรือ
"ท่านพี่ ท่านจะทำจริงๆ หรือ" โจวฟางเซียนถามเสียงเบาเกาเฟยฉีส่ายหน้าทันที "ไม่เด็ดขาด ข้าจำได้ดีว่าวันนั้นเจ้าทรมานเพียงใด เซียนเซียน"โจวฟางเซียนยิ้มเจ้าเล่ห์ "เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของภรรยาท่าน ท่านมีหน้าที่ทำก็พอ"กล่าวจบ นางก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปหาเกาเฟยฉีที่นั่งอยู่เกาเฟยฉีมองภรรยาด้วยสายตาตกตะลึง "เซียนเซียน เจ้าจะทำอะไร"โจวฟางเซียนไม่ตอบ นางเพียงแค่ยื่นมือไปจับมือเขา แล้วออกแรงลากเขาให้ลุกขึ้นตามเกาเฟยฉีเดินตามโจวฟางเซียนไปอย่างงุนงง จนกระทั่งมาถึงห้องนอนของทั้งคู่ โจวฟางเซียนผลักเขาลงบนเตียงอย่างแรง"เซียนเซียน!" เกาเฟยฉีร้องออกมาด้วยความตกใจโจวฟางเซียนขึ้นคร่อมร่างของเขา นางโน้มตัวลงมาใกล้ จ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา"ท่านพี่ ท่านลืมแล้วหรือว่าเราสัญญาอะไรกันไว้" นางกระซิบข้างหูเขาเกาเฟยฉีรู้สึกราวกับถูกไฟลวก เขาจำได้ทันทีถึงสัญญาที่ให้ไว้กับโจวฟางเซียนเมื่อห้าปีก่อน"ข้าจะให้เจ้ามีความสุขที่สุด" เขาเคยกล่าวไว้เช่นนั้นและคืนนี้ เขาจะทำตามสัญญานั้นเกาเฟยฉีโอบกอดโจวฟางเซียนไว้แนบอก จูบและเล้าโลมนางอย่างดูดดื่ม โจวฟางเซียนตอบรับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ ร่
นับแต่นั้นมา เกาเฟยฉีก็มีอาการแพ้ท้องแทนโจวฟางเซียนอย่างหนัก เขาคลื่นไส้ อาเจียน และเวียนหัวตลอดเวลาเกาเฟยฉียังพบว่าเขาไม่สามารถนอนหลับได้ถ้าไม่ได้กลิ่นกายของโจวฟางเซียน เขาจึงต้องนอนกอดนางทุกคืน"เซียนเอ๋อร์ ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าลำบาก" เกาเฟยฉีเอ่ยเสียงเศร้าโจวฟางเซียนลูบผมเขาอย่างอ่อนโยน "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเต็มใจ"แม้แต่อยู่ที่ค่ายทหาร เกาเฟยฉีก็ยังคงมีอาการแพ้ท้องอยู่ เขาต้องพกผ้าเช็ดหน้าที่มีกลิ่นกายของโจวฟางเซียนติดตัวไปด้วยเสมอ เพราะถ้าไม่ได้กลิ่นนาง เขาจะเวียนหัวจนเป็นลมเหล่าทหารต่างพากันแปลกใจที่เห็นแม่ทัพใหญ่ของพวกเขาพกผ้าเช็ดหน้าผู้หญิงติดตัว แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามฤดูหนาวมาเยือน เมืองหลงถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน บรรยากาศภายในจวนแม่ทัพเกาอบอุ่นเป็นพิเศษด้วยความคาดหวังของทุกคน โจวฟางเซียนใกล้ถึงกำหนดคลอดบุตร เกาเฟยฉีเฝ้าดูแลนางอย่างใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืนเขาคอยประคองนางเดินเล่นในสวน ป้อนอาหารให้นาง และอ่านหนังสือให้นางฟังก่อนนอน ทุกครั้งที่โจวฟางเซียนรู้สึกไม่สบายตัว เกาเฟยฉีจะรีบเข้ามาดูแลนางทันที"เซียนเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เกาเฟยฉีถามด้วยความเป็นห่วง"ข้าไม่เป็นไ