เมื่อเดินทางมาถึงจวนแม่ทัพ เขาก็ได้รับจดหมายด่วนจากฮ่องเต้ เนื้อความในจดหมายแจ้งว่าฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้เกาเฟยฉีเข้าเฝ้าเพื่อรับพระราชทานรางวัล พร้อมกับจดหมายอีกฉบับที่แนบมาข้างกัน
เกาเฟยฉีเปิดอ่านจดหมายอีกฉบับด้วยความประหลาดใจ เมื่อพบว่าเป็นลายมือของไป๋หลี่เมิ่ง หญิงสาวที่เคยช่วยชีวิตเขาและกองทัพไว้เมื่อครั้งอดีต เนื้อความในจดหมายเล่าถึงเหตุการณ์ที่เขาเกือบลืมเลือนไปแล้ว เมื่อครั้งกองทัพของเขาขาดแคลนเสบียงอย่างหนัก ไป๋หลี่เมิ่งได้รวบรวมเงินทองจากเหล่าสตรีชั้นสูงมาซื้ออาหารช่วยเหลือเหล่าทหารจนสามารถผ่านพ้นวิกฤตมาได้
แต่ท้ายจดหมายกลับมีข้อความที่ทำให้เกาเฟยฉีตกตะลึง "โปรดช่วยข้ากำจัดองค์หญิงสาม"
หัวใจของเกาเฟยฉีเต้นระรัวด้วยความสับสน องค์หญิงสามที่ไป๋หลี่เมิ่งกล่าวถึงคือโจวฟางเซียน องค์หญิงผู้สูงศักดิ์และเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ เหตุใดไป๋หลี่เมิ่งจึงต้องการให้เขากำจัดองค์หญิงผู้นี้?
เกาเฟยฉีขมวดคิ้วแน่น ความรู้สึกขัดแย้งกันอย่างรุนแรง เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าไป๋หลี่เมิ่งมีความแค้นเคืองกับองค์หญิงสามถึงเพียงนี้ แต่เมื่อนึกถึงบุญคุณที่ไป๋หลี่เมิ่งเคยช่วยชีวิตเขาและเหล่าทหารไว้ หัวใจของเขาก็เอียงไปทางหญิงสาว
เกาเฟยฉีและกองกำลังทหารคู่ใจเดินทางมาถึงเมืองหลวงภายในเวลาไม่นานนัก ทันทีที่ถึงเมืองหลวง เขาตรงไปยังพระราชวังเพื่อขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ตามพระราชโองการ เมื่อฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นเกาเฟยฉี ก็ทรงนึกถึงเกาเทียนฉี สหายเก่าผู้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งเป็นบิดาของเกาเฟยฉี
"เจ้าคือบุตรของเกาเทียนฉีสินะ" ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "พ่อของเจ้าเป็นวีรบุรุษของแผ่นดิน เราจะไม่มีวันลืมความดีของเขา"
เกาเฟยฉีก้มลงคำนับด้วยความเคารพ "ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงระลึกถึงบิดาของกระหม่อม"
"เจ้าต้องการสิ่งใดหรือไม่" ฮ่องเต้ตรัสถาม "เราจะประทานให้เจ้าทุกอย่างเท่าที่เราจะทำได้"
เกาเฟยฉีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปาก "ฝ่าบาท กระหม่อมขอพระราชทานสมรสกับองค์หญิงสาม"
คำขอของเกาเฟยฉีทำให้ฮ่องเต้ถึงกับตะลึงงัน พระองค์ทรงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสถาม "เจ้ารู้หรือไม่ว่าองค์หญิงสามมีข่าวลือเสียหายมากมาย"
"กระหม่อมทราบฝ่าบาท" เกาเฟยฉีตอบอย่างหนักแน่น "แต่กระหม่อมเชื่อว่าองค์หญิงสามไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวลือกล่าวอ้าง"
ฮ่องเต้ทรงมองเกาเฟยฉีด้วยสายตาพิจารณา พระองค์ทรงรู้ดีว่าเกาเฟยฉีเป็นคนซื่อสัตย์และมีความสามารถ หากเขาแต่งงานกับองค์หญิงสาม ก็อาจจะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของราชวงศ์ได้
"ก็ได้" ฮ่องเต้ตรัสในที่สุด "เราจะประทานสมรสให้องค์หญิงสามกับเจ้า"
เกาเฟยฉีก้มลงคำนับ "ขอบพระทัยฝ่าบาท"
"เราจะจัดงานมงคลให้เจ้าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า" ฮ่องเต้ตรัสต่อ "เจ้าจงเตรียมตัวให้พร้อม"
"พ่ะย่ะค่ะ" เกาเฟยฉีรับพระราชโองการ
หลังจากออกจากพระราชวัง เกาเฟยฉีก็ตรงไปยังจวนรับรองของเขาที่อยู่ในเมืองหลวง
ทันทีที่เกาเฟยฉีกลับมาถึงจวนของตน เขาเรียกคนสนิทเข้ามาพบและสั่งให้เขียนจดหมายถึงไป๋หลี่เมิ่งทันที เนื้อความในจดหมายระบุว่าเขาตกลงรับข้อเสนอของนางแล้ว เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณที่นางเคยช่วยเหลือเขาและกองทัพเอาไว้
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียง ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางและความเครียดจากการตัดสินใจทำให้เขาผล็อยหลับไปในที่สุด
สิบปีผ่านไป ราวกับความฝันที่แสนหวาน โจวฟางเซียนยังคงงดงามราวกับเทพธิดาที่ไม่เคยแก่ลง ความรักของนางและเกาเฟยฉียิ่งทวีความลึกซึ้งขึ้นทุกวัน เหมือนดั่งต้นไม้ใหญ่ที่หยั่งรากลึกและแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปอย่างมั่นคงเสี่ยวสือและเสี่ยวเฟย บัดนี้เติบโตเป็นเด็กหนุ่มสาวที่เฉลียวฉลาดและมีน้ำใจ พวกเขาเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเกาเฟยฉีและโจวฟางเซียน สร้างความสุขและเสียงหัวเราะให้กับจวนแม่ทัพแห่งนี้อยู่เสมอในคืนหนึ่ง ขณะที่แสงจันทร์สาดส่องลงมาทั่วบริเวณจวนแม่ทัพ พวกเขานั่งชมจันทร์อยู่ที่กลางศาลาริมน้ำ บรรยากาศเงียบสงบราวกับโลกนี้มีเพียงแค่เขาและนางเสี่ยวสือและเสี่ยวเฟยถูกฝากฝังให้เกาฮูหยินดูแลเป็นพิเศษในคืนนี้ เพื่อให้บิดามารดาได้มีเวลาส่วนตัวในการรำลึกถึงความรักที่งดงามของพวกเขาเกาเฟยฉีมองโจวฟางเซียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก "เซียนเอ๋อร์ เจ้ายังคงงดงามเหมือนวันแรกที่เราพบกัน"โจวฟางเซียนยิ้มเขิน "ท่านพี่ก็ยังคงทำให้หัวใจข้าเต้นแรงเหมือนเดิม""เซียนเอ๋อร์ เจ้าจำครั้งที่เราพบกันครั้งแรกได้หรือไม่" เกาเฟยฉีเอ่ยถามเสียงนุ่มโจวฟางเซียนพยักหน้า "ข้าจำได้ดีเจ้าค่ะ ท่านพี่ช่วยป้อนลูกอมน้ำผึ้งให้ข้า""ข้า
การรบดำเนินไปอย่างดุเดือด เลือดทหารทั้งสองฝ่ายไหลนองเต็มพื้นดิน เสียงร้องโหยหวนของผู้คนที่บาดเจ็บดังระงมไปทั่วเกาเฟยฉีควบม้าเข้าไปฟันแทงศัตรูอย่างบ้าคลั่ง ดาบของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด เขาไม่สนใจว่าใครจะเป็นใคร เขาฆ่าทุกคนที่ขวางหน้าในที่สุด กองทัพกบฏก็แตกพ่าย เหล่าทหารที่เหลือต่างพากันวิ่งหนีเอาชีวิตรอดเกาเฟยฉีมองดูสนามรบที่เต็มไปด้วยซากศพด้วยสายตาเย็นชา เขาไม่รู้สึกเสียใจกับการนองเลือดในครั้งนี้เลยสักนิด เขาต้องการเพียงแค่กลับไปหาครอบครัวของเขาหลังจากผ่านไปหลายเดือน เกาเฟยฉีก็สามารถปราบหัวหน้าของเหล่ากบฏได้สำเร็จ เขาได้รับการยกย่องจากฮ่องเต้และประชาชนเกาเฟยฉีรีบเดินทางกลับเขตชายแดนของเขาทันที เมื่อมาถึงจวนแม่ทัพ เกาเฟยฉีก็รีบตรงไปที่ห้องนอนของเขาและโจวฟางเซียนเขาเปิดประตูเข้าไป เห็นโจวฟางเซียนนั่งอยู่บนเตียง กำลังอ่านหนังสือให้เสี่ยวสือและเสี่ยวเฟยฟัง"ท่านพ่อ!" เสี่ยวสือและเสี่ยวเฟยร้องออกมาอย่างดีใจ พวกเขาวิ่งเข้าไปกอดเกาเฟยฉีเกาเฟยฉียิ้มออกมาอย่างมีความสุข เขากอดลูกๆ ของเขาไว้แนบอกจากนั้นเขาก็หันไปมองโจวฟางเซียน โจวฟางเซียนยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่นเกาเฟยฉีเดินเข้าไปหานาง แล้วคุ
เช้าวันรุ่งขึ้น เกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น พวกเขาออกไปเดินเล่นที่ชายหาดด้วยกัน"ท่านพี่ ข้ามีความสุขมาก" โจวฟางเซียนพูดเกาเฟยฉียิ้มให้นาง "ข้าก็เช่นกัน"ทั้งสองคนเดินเล่นไปตามชายหาด จับมือกันไว้แน่น รู้สึกขอบคุณที่ได้มีกันและกันเกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนใช้เวลาในแคว้นหนานอีกหลายวัน พวกเขาได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คนในแคว้นนี้อย่างเต็มที่ก่อนกลับ โจวฟางจิงมอบของขวัญให้น้องสาวและน้องเขยเป็นผ้าไหมอย่างดีที่ทอด้วยมือจากชาวบ้านในแคว้นหนานเกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนขอบคุณโจวฟางจิงและเจ้าเมืองแคว้นหนานสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น พวกเขาสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมอีกครั้งในเร็วๆ นี้การเดินทางกลับเป็นไปอย่างราบรื่น เกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนกลับมาถึงจวนแม่ทัพเกาอย่างปลอดภัย พวกเขารู้สึกสดชื่นและมีความสุขกับการเดินทางครั้งนี้มากเมื่อกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวสือและเสี่ยวเฟยก็วิ่งเข้ามาหาพ่อแม่ด้วยความดีใจ"ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านกลับมาแล้ว" เสี่ยวสือร้องตะโกน"ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านซื้ออะไรมาฝากข้าบ้าง" เสี่ยวเฟยถามเกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนยิ้มให้ลูกๆ ทั้งสองคนหยิบของฝากออกมาให้ลูกๆ
ห้าปีผ่านไป นับตั้งแต่เกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัว ทั้งสองคนยังคงรักและดูแลกันอย่างดีเสมอมา ชีวิตในจวนแม่ทัพเกาเต็มไปด้วยความสุข เสียงหัวเราะของเสี่ยวสือและเสี่ยวเฟยดังก้องไปทั่วบริเวณวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิที่อากาศอบอุ่นและดอกไม้บานสะพรั่ง เกาเฟยฉีเดินเข้ามาหาโจวฟางเซียนที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ในสวน"เซียนเอ๋อร์" เขาเรียกนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนโจวฟางเซียนเงยหน้าขึ้นมอง "มีอะไรหรือเจ้าคะ ท่านพี่"เกาเฟยฉียื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้นาง "นี่เป็นจดหมายจากองค์หญิงใหญ่ โจวฟางจิง นางเชิญเราไปเยี่ยมนางที่เมืองใต้"โจวฟางเซียนรับจดหมายมาเปิดอ่าน ดวงตาของนางเป็นประกาย "จริงหรือเจ้าคะ ข้าไม่ได้เจอพี่หญิงมานานแล้ว""ใช่แล้ว เราไปเยี่ยมนางกันเถอะ" เกาเฟยฉีพูดโจวฟางเซียนพยักหน้าอย่างตื่นเต้น "ได้เจ้าค่ะ ข้าอยากไปมาก"เกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนตัดสินใจเดินทางไปเมืองใต้ทันที พวกเขาฝากเสี่ยวสือและเสี่ยวเฟยไว้กับฮูหยินเกา แล้วออกเดินทางด้วยรถม้าการเดินทางสู่แคว้นหนานเป็นไปอย่างยาวนาน ทั้งสองต้องใช้เวลาหลายเดือนในการเดินทาง ทั้งโดยรถม้าเพื่อข้ามผ่านหุบเขาและที่ราบอันกว้างใหญ่ และโดยทางเรือ
"ท่านพี่ ท่านจะทำจริงๆ หรือ" โจวฟางเซียนถามเสียงเบาเกาเฟยฉีส่ายหน้าทันที "ไม่เด็ดขาด ข้าจำได้ดีว่าวันนั้นเจ้าทรมานเพียงใด เซียนเซียน"โจวฟางเซียนยิ้มเจ้าเล่ห์ "เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของภรรยาท่าน ท่านมีหน้าที่ทำก็พอ"กล่าวจบ นางก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปหาเกาเฟยฉีที่นั่งอยู่เกาเฟยฉีมองภรรยาด้วยสายตาตกตะลึง "เซียนเซียน เจ้าจะทำอะไร"โจวฟางเซียนไม่ตอบ นางเพียงแค่ยื่นมือไปจับมือเขา แล้วออกแรงลากเขาให้ลุกขึ้นตามเกาเฟยฉีเดินตามโจวฟางเซียนไปอย่างงุนงง จนกระทั่งมาถึงห้องนอนของทั้งคู่ โจวฟางเซียนผลักเขาลงบนเตียงอย่างแรง"เซียนเซียน!" เกาเฟยฉีร้องออกมาด้วยความตกใจโจวฟางเซียนขึ้นคร่อมร่างของเขา นางโน้มตัวลงมาใกล้ จ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา"ท่านพี่ ท่านลืมแล้วหรือว่าเราสัญญาอะไรกันไว้" นางกระซิบข้างหูเขาเกาเฟยฉีรู้สึกราวกับถูกไฟลวก เขาจำได้ทันทีถึงสัญญาที่ให้ไว้กับโจวฟางเซียนเมื่อห้าปีก่อน"ข้าจะให้เจ้ามีความสุขที่สุด" เขาเคยกล่าวไว้เช่นนั้นและคืนนี้ เขาจะทำตามสัญญานั้นเกาเฟยฉีโอบกอดโจวฟางเซียนไว้แนบอก จูบและเล้าโลมนางอย่างดูดดื่ม โจวฟางเซียนตอบรับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ ร่
นับแต่นั้นมา เกาเฟยฉีก็มีอาการแพ้ท้องแทนโจวฟางเซียนอย่างหนัก เขาคลื่นไส้ อาเจียน และเวียนหัวตลอดเวลาเกาเฟยฉียังพบว่าเขาไม่สามารถนอนหลับได้ถ้าไม่ได้กลิ่นกายของโจวฟางเซียน เขาจึงต้องนอนกอดนางทุกคืน"เซียนเอ๋อร์ ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าลำบาก" เกาเฟยฉีเอ่ยเสียงเศร้าโจวฟางเซียนลูบผมเขาอย่างอ่อนโยน "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเต็มใจ"แม้แต่อยู่ที่ค่ายทหาร เกาเฟยฉีก็ยังคงมีอาการแพ้ท้องอยู่ เขาต้องพกผ้าเช็ดหน้าที่มีกลิ่นกายของโจวฟางเซียนติดตัวไปด้วยเสมอ เพราะถ้าไม่ได้กลิ่นนาง เขาจะเวียนหัวจนเป็นลมเหล่าทหารต่างพากันแปลกใจที่เห็นแม่ทัพใหญ่ของพวกเขาพกผ้าเช็ดหน้าผู้หญิงติดตัว แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามฤดูหนาวมาเยือน เมืองหลงถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน บรรยากาศภายในจวนแม่ทัพเกาอบอุ่นเป็นพิเศษด้วยความคาดหวังของทุกคน โจวฟางเซียนใกล้ถึงกำหนดคลอดบุตร เกาเฟยฉีเฝ้าดูแลนางอย่างใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืนเขาคอยประคองนางเดินเล่นในสวน ป้อนอาหารให้นาง และอ่านหนังสือให้นางฟังก่อนนอน ทุกครั้งที่โจวฟางเซียนรู้สึกไม่สบายตัว เกาเฟยฉีจะรีบเข้ามาดูแลนางทันที"เซียนเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เกาเฟยฉีถามด้วยความเป็นห่วง"ข้าไม่เป็นไ