Share

บทที่ 11

last update Last Updated: 2025-11-30 21:59:09

#####บทที่ 11

            เป็นอย่างที่ซูเมิ่งคาดไว้! นางถูกนำตัวออกจากคุกในเวลาต่อมา และได้กลับมายังห้องอันแสนคุ้นเคย เพียงแต่ในห้องไม่ได้มีคนเยอะอย่างคราวที่แล้ว มีเพียงท่านเจ้าเมืองที่นั่งทำหน้าขรึม และสองผู้ติดตามที่พอเห็นหน้านางก็ถลึงตามองนางอย่างโกรธแค้นแต่มิอาจพุ่งมาจัดการนางได้ 

            คนที่นำทางมา พอพานางมาหยุดตรงหน้าท่านเจ้าเมืองต่งก็เดินออกไป

            “คารวะท่านเจ้าเมือง สบายดีหรือ?”

            พอเห็นคิ้วที่ขมวดแทบเป็นปมนั่น รอยยิ้มยียวนบนหน้าเรียวก็เผยออกมาแทบจะทันที สายตาเหลือบเห็นเก้าอี้ไม่ไกลจึงถือวิสาสะเดินไปนั่ง

            …จะเรียกว่าไร้มารยาทก็ได้ แต่ตอนนี้นางทั้งปวดหลังและหิวข้าวมาก ใครให้จับนางไปทรมานบนเตียงแข็ง ๆกันล่ะ ข้าวปลาก็ไม่มีมาให้

            “เจ้าเป็นใคร? เจ้าไม่ใช่ชาวเมืองซีเปียน" 

            พอเปิดปากก็ถามตรงประเด็นทันที ต่งจื่อลู่พยายามเมินเฉยกับกริยาท้าทายทั้งหลายของชายหนุ่มตรงหน้า ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหาวิธีแก้ปัญหาต่างหาก ข่าวที่มีคนเกือบถูกฆ่าถูกปิดไว้ พอรุ่งเช้าคาดว่าข่าวนี้คงรู้กันทั่ว

            “อ่อว เรื่องนี้เอง เรียกข้าช่างหลิน เป็นชาวยุทธ์เร่ร่อนน่ะ อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง แต่รับรองได้ข้าไม่ใช่ฆาตกรแน่นอน”

            “งั้นเข้าเรื่องเลยละกัน เกี่ยวกับคดีนี้เจ้ารู้อะไรอีกหรือไม่” 

            ต่งจื่อลู่พยายามทำใจเย็นลดทิฐิของตนลงเล็กน้อย รอคอยคำตอบ

            “ข้ารู้ข้อมูลเพียงเท่านี้ข้าจึงบอกท่านไปได้เพียงเท่านั้น ถ้าท่านอยากได้ข้อคิดเห็นเพิ่มจากนี้ ข้าต้องรบกวนนำรายละเอียดคดีทั้งหมดมาให้ข้าดูก่อน”

            …นางไม่ใช่เทพเซียนนะ จะให้ทำนายทุกอย่างได้โดยไม่มีข้อมูล

            ต่งจื่อลู่มองประมาณเด็กหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง เรื่องจัดการกับคนร้ายก็สำคัญ แต่เขาก็ไม่กล้าวางเดิมพันกับชายไม่รู้หัวนอนปลายเท้าให้ดูความลับทางราชการ จิตใจคนยากแท้หยั่งถึงนัก ไม่แน่ว่าเจ้าช่างหลินคนนี้มาปรากฏตัวที่ที่ว่าการโดยบังเอิญหรือว่าตั้งใจมาทำอันใดกันแน่

            “ท่านพ่อเจ้าคะ ท่านแม่ให้นำมื้อเย็นมาให้เจ้าค่ะ”

            ระหว่างที่สายตาสองคู่จ้องไปจ้องกลับสักพัก จู่ ๆเสียงหวานก็ขัดขึ้นพร้อมประตูบานใหญ่เปิดออก ต่งเจียวมี่ลูกสาวคนเดียวของเจ้าเมืองต่งเดินเข้ามาอย่างไร้ท่าทีขัดเขิน เพราะนางมักนำอาหารมาให้พ่อของตนเป็นประจำ เพียงแต่ครั้งนี้ดึกกว่าทุกครา

            ไป๋ซูเมิ่งในคราบชายหนุ่มจอมยุทธ์นามช่างหลินหมุนตัวกลับไปมองเจ้าของเสียง พอสายตาสบกับร่างบางในชุดชมพูคิ้วทั้งสองพลันเลิกขึ้นภายใต้หน้ากากขาวซึ่งไม่มีใครเห็น ส่วนหญิงสาวคนมาใหม่นั้นอ้าปากค้างไปเสียแล้ว

            “ท่านจอมยุทธ์ช่างหลิน!”

            ซูเมิ่งโปรยยิ้มละมุนส่งไปให้ นางยืนขึ้นก่อนเอ่ย

            “คารวะคุณหนูขอรับ ไม่คิดเลยว่าท่านเป็นบุตรีของเจ้าเมืองต่งนี่เอง”

            ช่างบังเอิญเสียจริง โลกในยุคนี้ก็กลมเหมือนกันนะเนี่ย นางได้เเต่เอ่ยในใจ

            ต่งจื่อลู่หุบยิ้มทันทีจากที่ก่อนหน้าพอเห็นหน้าบุตรีของตน เขามองทั้งสองสลับกันก่อนส่งสายตาเชิงถามต่อเจียวมี่

            “อ่อ เป็นโชคดีของข้าต่างหากเจ้าคะ”

            เจียวมี่หันไปพูดเสียงอ่อนหวานไม่ดีใจออกหน้าออกตาจนเกินงาม ก่อนหันไปตอบพ่อของตน

            “ข้ารู้จักคุณชายช่างหลินโดยบังเอิญเจ้าค่ะ พอดีคุณชายช่วยข้าไว้เมื่อหลายวันก่อน”

            พูดจบก็หันไปแอบขยิบตาบอกเป็นนัย ๆกับซูเมิ่ง เพราะนางปดกับท่านพ่อเข้าให้แล้ว อันที่จริงคือนางเจอกับท่านจอมยุทธ์ช่างหลินวันนี้นี่เอง แต่นางจะบอกความจริงนี้ไม่ได้! เพราะถ้าบอก ท่านพ่ออาจลงโทษนางได้ที่วันนี้แอบหนีออกไปเที่ยวข้างนอกทั้งที่นางถูกสั่งให้เรียนพิณอยู่ที่จวน

            ซูเมิ่งนั้นก็เป็นลูกรับที่ดีเช่นกัน

            “ใช่ ๆ หลายวันก่อนข้าเจอคุณหนู นี่ข้ายังไม่รู้นามคุณหนูคนงามเลย”           ปากหวานไม่พอนางยังแอบส่งยิ้มโปรยให้อีกด้วย จนต่งเจียวมี่หน้าขึ้นสีเเดงระเรื่อ

            “เรียกเจียวมี่ก็ได้เจ้าค่ะ”

            …คุณชายท่านนี้เจ้าชู้เสียจริง พอกลับจวนนางต้องรีบกลับไปบอกบ่าวที่แอบชื่นชอบคุณชายช่างหลินให้หักห้ามใจไว้ แม้ต่งเจียวมี่จะคิดได้ดังนั้นแต่ก็แอบใจเต้นให้เขาอย่างห้ามไม่อยู่

            …เจ้าจอมทะเล้นนี่มันช่างกล้าเกี้ยวลูกสาวตนต่อหน้าต่อตาเขา มันน่าจับเข้าห้องทรมานนัก!

            …ฮ่า ฮ่า เป็นผู้ชายนี่ดีเสียจริง ครานี้ได้ทำให้ท่านเจ้าเมืองโกรธเคืองตาลุกเป็นไฟ เป็นการเเก้แค้นที่ทำให้นางปวดหลังและหิวข้าวจนถึงตอนนี้ได้ดีทีเดียว

            แต่แกล้งได้แต่พองามเท่านั้น ตอนนี้น้ำขึ้นนางต้องรีบตักก่อน

            “ท่านไม่อยากให้ข้าดูข้าคงต้องไปก่อน ตอนนี้ท้องข้าร้อง หิวไส้จะขาดเเล้ว ลาก่อนท่านเจ้าเมืองต่ง แล้วพบกันคราหน้าขอรับคุณหนูเจียวมี่”

            พูดจบซูเมิ่งก็เตรียมขยับตัวเดินออกทางประตูบานที่เจียวมี่เข้ามา พร้อมนับ หนึ่ง สอง สาม…

            “ช้าก่อน!”

            ซูเมิ่งหยักยกมุมปาก ยกยิ้มเจ้าเลห์ แต่กลับไม่มีใครเห็นเพราะนางหันหลังให้ทุกคนอยู่

            “วันพรุ่งนี้ ยามเช้ามีคนต้องไปดูบันทึกคดีนี้พอดีหากเจ้าอยากดูก็มาร่วมด้วยได้ และตอนบ่ายรองหัวหน้ามือปราบอู๋จะไปสอบสวนเหยื่อ หากเจ้าอยากไปก็บอกรองหัวหน้ามือปราบเอาเองละกัน ไป! เจียวมี่กลับจวนได้แล้ว”

            ต่งจื่อลู่กล่าวรวดเดียวจบ คางเขายังเชิดอยู่เช่นเดิม ก่อนเดินนำบุตรีของตนออกประตูผ่านซูเมิ่งไป

            ซูเมิ่งมองพวกเขาเดินไปจนลับสายตา จากนั้นเท้าบางเริ่มก้าวเดินบ้าง ใบหน้าภายใต้หน้ากากยังคงแฝงแววทะเล้นไม่คลาย

            ในหัวนางตอนนี้ วาดฝันไปไกลว่าหากตนจับคนร้ายได้และได้เงินหลักพันตำลึงมาครอง ตนจะนำไปซื้ออะไรบ้างดี เช่าโรงเตี๊ยมดีดี สั่งตัดเสื้อผ้าสักหลาย ๆชุด สั่งทำอาวุธเอาตามแบบที่นางเคยใช้เมื่อชาติก่อน โอย แค่คิดก็มีความสุขแล้ว

            …แต่ตอนนี้นางต้องหาอะไรใส่ท้องก่อน ร่างอันบอบบางนี้เกิดทรยศนางขึ้นมา เป็นลมเป็นแล้งเพราะหิวจะแย่เอาได้

             ซูเมิ่งเดินทางมาที่ว่าการแต่เช้า พอมาถึงก็มีคนเดินพานางไปที่ห้องเก็บบันทึกคดีความ นางใช้เวลากว่าชั่วยามอ่านและทำความเข้าใจข้อมูลทั้งหมด

            นางเข้าใจเลยว่าทำไมท่านเจ้าเมืองถึงยอมให้คนที่ไม่รู้ว่ามีที่มาอย่างซูเมิ่งมายุ่งเกี่ยวกับคดีนี้ เนื่องจากคดีนี้ก่อเหตุมาแล้วถึงสี่ครั้งไม่รวมครั้งล่าสุด สองครั้งเเรกเหยื่อเป็นชาวเมืองตงเปียนและสองครั้งหลังเกิดที่เมืองหนานเปียน หลังก่อคดีครั้งที่สองฆาตกรทิ้งสัญลักษณ์บ่งชี้ถึงเมืองหนานเปียนซึ่งก็เกิดเหตุคดีการตายแบบเดียวกันที่หนานเปียนจริง ๆ ดังนั้นทุกคนเลยมั่นใจว่าครั้งที่ห้าต้องเกิดที่เมืองนี้แน่นอน

            ลักษณะการก่อเหตุเหมือนกันทั้งสองครั้งคือ เหยื่อถูกมีดปาดคอ ตามเนื้อตัวมีรอยฟกช้ำ ซึ่งมีจุดที่น่าสนใจคือจากการผลการชันสูตรศพ สาเหตุการตายคือแผลที่คอซึ่งถูกของมีคม ส่วนรอยฟกช้ำเกิดขึ้นทีหลัง หลังจากเหยื่อเสียชีวิตแล้ว ซึ่งเป็นอย่างนี้ทั้งสี่คดี ยกเว้นเหยื่อเมื่อวานที่รอดมาได้ นอกจากนั้นท่านอนก็เหมือนกันทุกรายคือ เป็นท่านอนหงายมือปล่อยข้างตัวสองข้าง ทรัพย์สินอยู่ครบ สถานที่เกิดเหตุไม่เหมือนกันเลยสักเเห่ง แต่มีจุดที่เหมือนกันคือทั้งห้าที่เป็นบริเวณอับคน และเวลาที่ก่อคดีนั้นเหยื่อต้องอยู่ตัวคนเดียว 

            พอซูเมิ่งขอดูข้อมูลเหยื่อทั้งสี่ราย ข้าราชการคนที่พานางมาห้องนี้ก็หายตัวไปกว่าเค่อก่อนกลับมาพร้อมนำสิ่งที่นางต้องการมาให้ ระหว่างนั้นนางก็นั่งจิบน้ำชารอ

            ดวงตาเรียวกวาดตามองข้อมูลเหยื่อแต่ละคน ยิ่งมองนัยน์ตายิ่งลึกขึ้น พออ่านจบถึงเหยื่อคนสุดท้ายนางจึงหันไปขอที่จด

            “เอ่อ เจ้า ไม่สิ ท่านนามว่าอันใด?”

            ซูเมิ่งถามคนที่ติดตามนางมาตั้งแต่เช้า

            “ข้า เลี่ยงหวง” 

            เขาเป็นชายร่างผอมบางส่วนสูงไม่มาก ตัวสูงกว่าซูเมิ่งประมาณสามชุ่น[7] ใบหน้าออกเหลี่ยมแต่มองภาพรวมดูเป็นคนจริงใจ และน่าจะพอเป็นวรยุทธิ์เพราะดูเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว

            “ข้าเขียนพู่กันไม่คล่องน่ะ ฝากพี่เลี่ยงหวงเขียนตามที่ข้าบอกให้หน่อย”

            สิ่งที่ซูเมิ่งให้เขียนนั้นเป็นลักษณะร่วมที่เหยื่อเเต่ละคนมีเหมือนกัน นั่นก็คือ เป็นบุรุษ อายุไม่มาก ยังไม่มีครอบครัว ไม่มีงานทำเป็นหลักเเหล่ง ไม่มีกำลังภายใน และแต่ละคนเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่ ๆในแต่ละเมืองทั้งนั้น ซึ่งเหล่ามือปราบแต่ละเมืองสอบปากคำคนรอบตัวเหยื่อก็ไม่มีศัตรูร่วมกันเลยสักราย เรียกคนที่เหล่าเหยื่อมีเรื่องเมื่อก่อนหน้าวันที่เกิดเหตุไม่กี่วันมาสอบปากคำก็ไม่มีใครน่าสงสัย ทางมือปราบทุกเมืองต่างมืดแปดด้านไม่รู้ว่าจะจับฆาตกรคนนี้อย่างไร เพราะยิ่งฆาตกรยังลอยนวลความน่าเชื่อถือของพวกเขาก็ยิ่งน้อยลงชาวเมืองยิ่งไม่เชื่อใจทางราชการมากขึ้น เหล่าตระกูลใหญ่ ๆในแต่ละเมืองที่เกิดเหตุก็กดดันรอบด้านเพราะห่วงลูกหลานว่าจะตกเป็นเหยื่อ

            นอกจากนั้นนางก็บอกให้เลี่ยงหวงเขียนรายละเอียดอื่นเพิ่มอีกหลายอย่างจนกระทั่งพอใจซึ่งเวลาก็ล่วงเลยจนถึงเวลามื้อกลางวันแล้ว

            ซูเมิ่งเดินตามเลี่ยงหวงไปทานมื้อกลางวันจากนั้นนางก็ถูกพาให้มาพบกับท่านรองหัวหน้ามือปราบอู๋ซึ่งเตรียมตัวไปสอบปากคำเหยื่อที่รอดชีวิตเมื่อวาน และก็มีเลี่ยงหวงตามไปด้วย จนตอนนี้นางชักเริ่มเอะใจว่า เลี่ยงหวงถูกส่งให้มาคุมตัวนางจริงอย่างที่นางคิดก่อนหน้า 

            เมื่อวานนี้ก่อนกลับไปถึงโรงเตี๊ยมนางหาซื้อวัตถุดิบมาทำเป็นลูกกระเดือกปลอมและหาแผ่นหนังมาทำที่รองส้นให้ตัวสูงขึ้นโดยอาศัยประสบการณ์ชาติก่อนที่นางปลอมตัวเป็นชายบ่อยครั้ง ยากตรงที่ชาตินี้นางต้องทำอุปกรณ์เหล่านี้เองไม่มีขายสำเร็จรูป เพราะนางรู้ว่าครานี้นางเข้ามาพัวพันคดีนี้ต้องเจอคนมากมายอีกทั้งเหล่ากองปราบสมัยนี้ก็ดูถูกไม่ได้ นางต้องปลอมตัวให้รัดกุมขึ้นแม้เงินที่มีจะน้อยนิดก็ตาม

            …บอกเลยงานนี้นางทุ่มสุดตัวหมดกระเป๋า เพราะฉะนั้นเงินพันตำลึงนี้นางต้องได้มา

            ซูเมิ่งนั่งอยู่ในรถม้ากับเลี่ยงหวงส่วนอู๋หลวนซานขี่ม้าอยู่ข้าง ๆ จนถึงครานี้นางยังไม่รู้เลยว่าเหยื่อที่กำลังสอบปากคำคือใครเพราะนางมาในตำแหน่งผู้สังเกตการณ์เท่านั้น ไม่มีหน้าที่ออกความเห็นหรือพูดอะไรทั้งนั้น จนกระทั่งรถม้าที่กำลังเคลื่อนอยู่หยุดลง เลี่ยงหวงออกไปก่อนตามด้วยซูเมิ่ง

            ทันทีที่สายตาของนางมองไปเบื้องหน้า สองตาเรียวพลันเบิกกว้างปากอ้าค้าง

            …พระเจ้า!!! นี่มันจวนตระกูลเย่นี่

            ซูเมิ่งรีบหุบปากตั้งสติ พอหันซ้ายแลขวาไม่มีใครมองนางอยู่ก็โล่งใจ

            “พี่เลี่ยงหวง เอ่อ เหยื่อคือผู้ใดรึ?”

            …คงไม่ใช่คุณชายหยางเหวินหรอกกระมัง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status