เข้าสู่ระบบบทที่ 13
ซูเมิ่งดับไฟที่ตะเกียงเตรียมตัวเข้านอน ร่างบางในชุดเสื้อตัวในบางเบาเดินมุ่งไปที่เตียงท่ามกลางราตรีอันมืดมิด ถอดรองเท้าไว้หน้าเตียง ขึ้นไปบนเตียงก่อนเอื้อมมือบางปลดหน้ากากบนหน้าลง
…นางชอบตอนอยู่คนเดียวเป็นที่สุด เพราะไม่ต้องสวมเจ้ากากให้อึดอัดที่ใบหน้า
นางเอนตัวลงนอนหลับตาพริ้ม หลังจากออกจากห้องประชุม นางถูกปล่อยให้ว่างนางจึงไปจัดการเติมอาหารใส่ท้องจนเต็ม และรีบเข้ามาในห้องนอน นั่งเขียนสรุปเรื่องคดี ดูวนซ้ำไปเรื่อย ๆเพราะนางแอบรู้สึกตงิดตงิดเหมือนตนลืมเรื่องอะไรไป เเต่ดูวนไปจนเวลาล่วงเลยเกือบชั่วยามนางจึงตัดสินใจเข้านอน
ฟู่ ฟู่
สองหูได้ยินเสียงบางอย่างทำเอานางลืมตามองหาเเหล่งที่มาเสียงตามสัญชาตญาณทันที ตรงบริเวณกำแพงด้านหน้าห้องมีก้านไม้ก้านหนึ่งแทงเข้ามาก่อนมีควันพวยพุ่งออก
คงไม่ใช่ยาสลบหรอกนะ!!!
หากไม่เพราะนางเป็นคนหูดีและยังนอนหลับไม่สนิทคงถูกรมด้วยยาสลบไปแล้ว พอคิดได้ดังนั้นร่างบางก็กลั้นลมหายใจทันที ไม่นานหน้าต่างบานหนึ่งก็ถูกเปิดออกก่อนมีร่างสูงในชุดดำสนิทโพกผ้าปิดครึ่งหน้ากระโดดเข้ามา
เขาก้าวเข้ามาพอเห็นทุกอย่างสงบนิ่งและรวมถึงคนบนเตียงนอนนั้นด้วย ฝีเท้าก็แผ่วความระมัดระวังลงก่อนก้าวไปที่หน้าเตียง
วันนี้เขารู้สึกเบื่อ ๆเนื่องจากไม่มีอะไรทำ และบังเอิญมีคนมาจ้างให้สืบว่าภายใต้หน้ากากขาวนี้หน้าตาเป็นอย่างไรซึ่งต้องเป็นลูกน้องของตนที่ต้องรับงานเหล่านี้ แต่เขานึกสนุกอยากทำเองเลยรับงานและลงมือทันที
…อันที่จริง หากไม่ใช่งานที่ยากจริง ๆเขาไม่มีทางลงมาแตะอย่างแน่นอน แต่ครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษเพราะเขาต้องการคลายความเบื่ออยากแสดงฝีมือวาดภาพเสียบ้าง แม้จะถูกคัดค้านหลายเสียงจากลูกน้องแต่ก็ไม่ทำให้เขาล้มเลิก
…พอรมยาสลบเสร็จจุดตะเกียงมองหน้าเจ้านั่นแค่แวบเดียวเขาก็เอาไปวาดได้แล้ว รับรองว่าใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเค่อเสียด้วยซ้ำ
คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็ย่างเท้าไปจุดตะเกียงทำให้ทั้งห้องสว่างขึ้น สองเท้าเดินไปที่เตียงเเหวกม่านออก พลันคิ้วงามของเขาก็ต้องขมวดมุ่น
…เขาเพิ่งเคยเห็นคนนอนหลับในท่าคลุมโปงแบบนี้
สองตาสีดำสนิทมองไปยังร่างสั้นที่มีผ้าห่มบางคลุมแทบทั้งตัวเว้นที่เท้าเท่านั้น มือหนาเอื้อมไปกำมุมผ้าห่มด้านหนึ่งก่อนกระชากลงพื้น
ตุบ!
สิ่งที่ตามมากับผ้าห่มที่หลุดลงพื้นคือหมอนที่กระเด็นอย่างแม่นยำมาที่หน้าเขา ชายหนุ่มเอี้ยวตัวหลบเล็กน้อยให้พ้นวิถี ก่อนหมุนตัวไปมองคนบนเตียงเพื่อจะได้รีบทำภารกิจให้เสร็จ ๆไปเสียที
เเต่ภาพตรงหน้าก็ทำเอาเขาหัวร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น!
ร่างเตี้ยกว่าบุรุษปกตินอนหันหลังผมเผ้ายุ้งเหยิง!
…จากที่ตอนเเรกจะมาหาอะไรทำสนุก ๆแก้เบื่อตอนนี้เริ่มอยากคืนคำกลับไปนอนอยู่ห้องสบายอุรา คราแรกเขาน่าจะเชื่อคำค้านของลูกน้อง ไม่น่านึกสนุกเลย
คราวนี้ชายหนุ่มเล็งไปจะจี้จุดให้ร่างบนเตียงขยับไม่ได้ เเต่ก่อนถึงตัวร่างเตี้ยพลันพลิกตัวหันหน้ามาฝั่งเขาพร้อมมือที่บังเอิญปัดมือเขาพอดี ชายหนุ่มรีบหันกายหลบหมอบหัวเตียง
นี่ถูกยาสลบจริงใช่หรือ ไย…
เเกรก เเกรก
พอเสียงขยับตัวสงบลงก็มีเสียงดังขึ้นอีกเเห่งหนึ่ง ชายหนุ่มมองที่ต้นเสียง สายตาแฝงความอัดอั้น มองไปที่คนบนเตียงที่บัดนี้นอนหันมาตรงหน้าเขาแต่ติดที่มีม่านบัง อีกเพียงนิดเดียวเขาก็จะทำภารกิจสำเร็จแล้ว แต่เขาก็ตัดใจหันกายออกจากห้องอย่างรวดเร็ว และไม่ลืมดับตะเกียงทำให้ห้องกลับมามืดลงอีกครา
ท่ามกลางราตรีอันมืดมิดเงาร่างสูงโปร่งในชุดสีดำทั่วกายกระโดดข้ามหลังคาเเล้วหลังคาเล่าหลบสายตาเวรยามอย่างชำนาญจนมาถึงหลังคาเป้าหมาย สองมือหยาบกร้านที่ผ่านการฝึกฝนรำดาบจนเก่งกาจกำลังแงะแผ่นหลังคาเเผ่นหนึ่งขึ้นด้วยแรงไม่มากนัก ไม่นานเขาก็เอาออกได้ พอมองลงไปในเรือนด้านล่างผ่านช่องที่เกิดขึ้นก็พบแต่กับความมืดมิด เขากระโดดลงมาข้างล่างสองเท้าก้าวเบาบางไร้เสียง เหลือบตามองเจ้าของห้องบนเตียงก็เห็นไม่มีการเคลื่อนไหวใดจึงเดินต่อไป เขาก้าวไปและสำรวจของทั่วทั้งห้อง ทั้งตู้เสื้อผ้า บนโต้ะหนังสือที่มีกระดาษเกลื่อนทั้งบนโต้ะและรอบ ๆก็มีกระดาษหลายเเผ่นร่วงอยู่
เขาหยิบกระดาษเเผ่นหนึ่งจากบนโต๊ะขึ้นมา เดินระวังไปตรงบริเวณที่มีเเสงจากไฟด้านนอกรอดเข้ามาเพื่อมองตัวอักษรบนกระดาษ
…หืม นี่มันตัวอักษรอะไร! เขาไม่คุ้นเลย จะว่าเป็นอักษรของแคว้นอื่นก็ไม่ใช่ เพราะเขาก็เคยเห็นผ่านตามาบ้าง
พอเห็นว่าดูต่อไปก็ไร้ประโยชน์ร่างสูงจึงนำกระดาษในมือมาวางดังเดิม ก่อนก้มลงหยิบกระดาษข้างล่างขึ้นมาหนึ่งเเผ่นยัดใส่หน้าอก จากนั้นก็สำรวจห้องอีกสักพักและจากไปโดยไม่วนไปใกล้เตียงเลยสักนิด
ซูเมิ่งลืมตาโพลงท่ามกลางความมืดมืด เหงื่อเเทรกซึมออกมาเต็มง่ามมือขวาที่กำกริชซ่อนไว้ใต้ร่างของตน นางหอบหายใจแรงหลังสะกดลมหายใจตนให้เหมือนคนหลับมาตั้งแต่ชายชุดดำคนเเรกจนถึงคนที่สองออกไป
นางเฝ้าดูว่าเเต่ละคนที่เขามาหากใครจะฆ่านางก็พร้อมสู้ เเต่ดูเหมือนเจตนาของไอ้ชุดดำทั้งสองไม่มีใครคิดจะฆ่านางสักคน นางจึงแสร้งทำเป็นหลับตลอดที่ทั้งสองอยู่ภายในห้องของนาง
เจ้าชุดดำคนแรกเหมือนมีเป้าหมายอะไรบางอย่างที่ตัวนาง คงคิดว่านางถูกยาสลบจึงทำตัวสบายราวเป็นห้องของตน ทั้งจุดไฟ และไหงทำท่าจะแต๊ะอั๋งนางอีกล่ะ
ส่วนเจ้าชุดดำคนที่สองก็สำรวจห้องอย่างเดียวไม่ย่างมาทางนางเสียด้วยซ้ำ
พอซูเมิ่งคิดได้ดังนั้นก็ลุกขึ้นจากเตียง จุดไฟ และเดินไปที่โต้ะหนังสือจึงพบว่ากระดาษที่นางเขียนไว้หายไปแผ่นหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ทำให้นางกังวลเเต่อย่างใด เพราะกระดาษเหล่านี้นางเขียนเป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้น จ้างให้ก็ไม่มีใครอ่านออก หึ
นางเดินไปดับไฟก่อนล้มตัวนอนอีกครั้ง แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเหล่านี้ทำให้ค่ำคืนผ่านไปอย่างยากลำบาก นอนนับแกะก็แล้ว นับม้าก็แล้ว ใจที่พะว้าพะวังทำให้ข่มตาไม่หลับเสียทีจนดวงอาทิตย์สาดส่องนางจึงคล้อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า…
ซูเมิ่งถูกปลุกโดยเสียงร้องเรียกของเลี่ยงหวง ชายผู้ทำหน้าที่เป็นผู้คุมนางชั่วคราว นางจัดการล้างหน้าล้างตาอย่างรีบร้อนเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็รีบออกไปพบชายหนุ่มใบหน้าใจดีที่หน้าประตู เขามีท่าทางร้อนรน พอนางมองไปเลี่ยงหวงก็จะหลบหนีไม่กล้าสบตานาง จนนางเริ่มรู้สึกเอะใจแต่ก็ไม่ได้เปิดปากถามเลี่ยงหวงไปเพราะเขาดูรีบร้อนพานางไปยังห้อง ๆหนึ่งมาก
ครานี้นางถูกพามายังอีกด้านนึงของที่ว่าการ ไม่ใช่ห้องประชุมขนาดใหญ่แต่เป็นห้องประชุมขนาดย่อมเเทน รอบโต้ะกลางห้องมีเก้าอี้ไม่ถึงสิบตัวเรียงอยู่ พอนางมาถึงบางคนในห้องก็กำลังก้มหน้าดูกระดาษบนโต้ะ บ้างก็ถกเถียงเสียงเบา ทว่าทันทีที่ร่างบางเดินเข้ามาก็ตกเป็นจุดสนใจทันที
“คนเก่งของท่านมาแล้ว ท่านหัวหน้ามือปราบกู่”
มือปราบเซียวเอ่ยขึ้นสีหน้าท่าทางช่างขัดกับคำพูด แววตาแฝงความเยาะเย้ยไว้หลายส่วน ซึ่งซูเมิ่งก็รู้สึกถึงความปกตินั่น พอมองไปยังใบหน้าอบอุ่นของกู่เทียนหลิวนางก็รู้ได้เลยว่าต้องมีเรื่องอะไรไม่ดีที่เกี่ยวกับนางเป็นแน่
“ช่างหลิน เมื่อวานนี้ข้านำคนออกค้นหาในกลุ่มคนที่เดินทางเข้าออกเมืองซีเมืองในช่วงเจ็ดวันมานี้ ไม่เจอคนที่มีลักษะเหมือนที่เจ้าบอกเลย”
พอได้ยินดังนั้นคิ้วเรียวภายใต้หน้ากากพลันขมวดมุ่น
…หือ เหตุใดถึงไม่เจอ หรือนางพลาดที่ส่วนใดกัน
“ข้าเตือนท่านแล้วว่าอย่าไปเชื่อเจ้าคนไร้ที่มานี่ หึ”
มือปราบอีกคนที่มากับมือปราบเซียวเอ่ยสำทับเพราะเห็นซูเมิ่งนิ่งเงียบไป
“ข้าขอดูข้อมูลคนเข้าเมืองช่วงนี้หน่อยได้หรือไม่”
ซูเมิ่งทำราวกับว่าวาจาเสียดแทงเมื่อครู่ไม่มี นางหันไปกล่าวกับกู่เทียนหลิวโดยตรง
“ได้ เจ้ารอสักครู่”
กู่เทียนหลิวชั่งน้ำหนักในใจสักครู่พอมองสบตามุ่งมั่นนั้นก็หันไปสั่งให้ลูกน้องไปรวบรวมมาให้ซูเมิ่ง ไม่นานสมุดจดรายงานทั้งหมดก็ถูกส่งถึงมือกู่เทียนหลิง แต่ก่อนที่จะส่งถึงมือซูเมิ่งพลันถูกชิงไปก่อน
“เจ้ายังกล้าขอดูข้อมูลอีกหรือ ข้าไม่ลงโทษเจ้าโทษฐานหลอกลวงทางราชการก็ดีเท่าไหร่แล้ว อย่าได้คืบแล้วเอาศอกเสียดีกว่า”
มือปราบเซียวเอ่ยขึ้น ซูเมิ่งที่เพิ่งยื่นมือมาจะรับค้างเริ่มรู้สึกรำคาญ นางอุตส่าห์มองเมินคำพูดเสียดสีก่อนหน้าละเชียวแต่ก็ไม่วายหยุดหาเรื่องนางสักที
“มอบโทษฐานหลอกลวงให้ข้าท่านมีหลักฐานหรือไม่ ท่านมือปราบเซียว”
“คนมากมายในห้องประชุมเมื่อวานล้วนเป็นหลักฐานว่าเจ้าพูดโกหกส่งเดชถึงลักษณะคนร้ายออกมา”
มือปราบอีกคนรีบพยักหน้าเห็นด้วยกับหัวหน้าตน พอซูเมิ่งเห็นดังนั้นแววตานางก็เปลี่ยนไป นางหลุบม่านตาลงก่อนเงยขึ้นสบตามือปราบเซียว ริมฝีปากบางหยักยิ้มเจ้าเล่ห์
“งั้นพนันกันหรือไม่ หากลักษณะคนร้ายที่ข้าบอกไม่เป็นเรื่องจริง ข้าจะยอมถูกลงโทษตามกฎหมายทุกอย่าง แต่ถ้าหากที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริงท่านจะต้องยอมคุกเข่าหน้าที่ว่าการและตะโกนร้องบอกว่า ช่างหลินเลิศล้ำไม่มีใครเกินร้อยครั้ง ท่านกล้าพนันหรือไม่!”
ซูเมิ่งจ้องตา นางมองเห็นแววตาหวาดหวั่นนั่นของมือปราบเซียว
ส่วนทางมือปราบเซียวนั้นพอได้ยินว่าสิ่งที่เขาต้องทำเมื่อพนันเเพ้คืออะไรก็แอบลังเล เพราะมันคือการนำเกียรติของตนมาพนัน และอีกอย่างตรงบริเวณที่ว่าการก็มีคนเดินมากมาย รวมทั้งมีร้านน้ำชาหลายร้าน หากว่าเขาเเพ้… เเต่พอคิดถึงความเป็นไปได้ที่ตนจะแพ้ก็กลับมามั่นใจอีกครั้ง เขามีโอกาสชนะพนันถึงเกือบเต็มสิบส่วนเพราะเมื่อวานคนของเขาที่ถูกส่งไปช่วยก็รายงานว่าตรวจสอบละเอียดแล้ว
“ได้! ข้าพนัน คนในห้องนี้เป็นพยาน”
#####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็
#####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง
#####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน
#####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้
บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข
#####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป







