แชร์

บทที่ 15

ผู้เขียน: มายุมายูมายา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 20:57:03

#####บทที่ 15

            “ฮูหยินใหญ่ตระกูลเสิ่นกลับหนานเปียนเเล้วขอรับ เพิ่งออกจากเมืองนี้เมื่อหนึ่งเค่อที่แล้วขอรับ” 

            ช่างอินเงยหน้าจากหนังสือในมือ ก่อนส่งเสียงตอบรับ

            “อืม”

            “เอ่อ ส่วนงานที่จ้างไว้ก็ให้คนมาบอกยกเลิกขอรับ” 

            เสียงของลูกน้องคนเดิมเอ่ยขึ้น แต่คำนี้ทำให้คิ้วยาวดกดำภายใต้หน้าสีดำขอบทองอันหรูหรากระตุกขึ้น วางหนังสือในมือลงแล้วหันไปถามชายเจ้าของประโยคก่อนหน้าด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นแฝงความคุกคามไว้หลายส่วน

            “แล้วสัญญาว่าจ้าง?”

            “ยกเลิกแล้วขอรับ และขอเอาเงินมัดจำคืนด้วยเพราะถือว่าทำงานไม่สำเร็จ อีกอย่างตอนนี้นางก็เหมือนไม่ต้องการเห็นใบหน้าภายใต้หน้ากากชายที่มีนามว่าช่างหลินแล้ว” 

            พอกล่าวจบก็แอบชำเลืองตามองเจ้านายของตน พอเห็นใบหน้าที่มักเรียบนิ่งกลับมีร่องรอยความไม่พอใจก็เผลอก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว

            ช่างอินคิดถึงวันที่เขาเข้าไปยังห้องของชายที่สวมหน้ากากปกปิดคล้ายกันกับเขาแต่รสนิยมต่างกันสิ้นเชิง วันนั้นเขานึกเบื่อจึงแย่งงานลูกน้องมาทำเพื่อคลายเบื่อ แต่กลับทำภารกิจล้มเหลวสร้างความอับอายต่อหน้าลูกน้องตนมากมาย นี่ยังไม่ได้โอกาสแก้มือเจ้าของงานก็ดันมายกเลิกเสียแล้ว นี่เป็นเหตุให้เขาไม่พอใจ

            “เหตุใดถึงยกเลิก?”

            “ทางการจะจับคนร้ายได้แล้วขอรับ ฮูหยินตระกูลเสิ่นก็เลยไม่มีเหตุที่ต้องสนใจเรื่องนี้เเล้ว และจากคนของเราในกองปราบบอกว่าเป็นฝีมือการสืบคดีของช่างหลินขอรับ” 

            คิ้วหนาขมวดมุ่น ทำเอาลูกน้องที่ยืนรอฟังคำสั่งเห็นเข้า ดวงตาเบิกโตอ้าปากอ้าง

            …นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีเรื่องทำให้เจ้านายของเขาคิดหนักได้ เพราะตั้งแต่ที่หอสรรพสิ่งเติบโตจนมั่นคงได้อย่างตอนนี้ น้อยสิ่งที่ทางหอจะทำไม่ได้ เจ้านายเขาจึงไม่มีอะไรให้ต้องคิดมาก

            “สืบที่มาของเจ้าคนนี้มาให้ข้า ส่วนสัญญาว่าจ้างที่ยกเลิกก็ตามนั้นแล้วก็ส่งของเพิ่มชดเชยไปด้วย”

            “ขอรับ ข้าน้อยจะให้คนไปจัดการเดี๋ยวนี้” 

            พูดจบก็หมุนตัวจะเดินออกมา แต่พลันนึกได้ว่ามีบางเรื่องที่ตนลืมรายงานจึงหมุนกลับมาอีกครั้ง

            “คนของเรารายงานว่าบ่าวของคุณชายหยางเหวินที่นายท่านให้ไปสืบก่อนหน้าตายแล้ว ยังให้สืบต่อไหมขอรับ?”

            …ช่างอินนึกไปยังเเผนที่ตนวางไว้แล้วถูกบ่าวคนหนึ่งขัดเข้าโดยบังเอิญ อ้อ ครั้งนั้นเหมือนเขาให้คนไปสืบที่มากระมัง

            “ตายอย่างไร?”

            “ถูกไฟครอกตายขอรับ”

            …หืม ถูกไฟครอกตายงั้นรึ?

            “ไม่ต้องแล้ว” 

            “ขอรับ” 

            พอกล่าวรับคำเสร็จก็เตรียมจะหมุนตัวออกไปอีกครั้ง แต่พอก้าวไปเพียงก้าวเดียวเขาก็หมุนตัวกลับมาอีกรอบ สบเข้ากับดวงตาที่จ้องเขม็งมา แม้ในใจจะอยากวิ่งหนีออกไปให้สุดหล้าแต่ก็ต้องฝืนเอ่ยขึ้น

            “ข้าน้อยได้รับรายงานจากสาขาที่เมืองหลวงว่ามีภารกิจลับขั้นสามมาขอรับ”

            การค้าขายของหอสรรพสิ่งที่ไม่รวมสิ่งของที่วางขายแต่ละสาขาเมื่อรับเข้ามาจะถูกแบ่งเป็นขั้นตามลำดับความยากและความต้องการให้เป็นความลับของผู้ว่าจ้าง โดยขั้นสูงสุดคือขั้นสี่ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับแคว้น ส่วนขั้นสามนี้ถือว่าทั้งยากและต้องรักษาเป็นความลับไม่แพ้กันโดยนานครั้งถึงมีภารกิจขั้นสามมา เขาจึงคิดว่าควรต้องรายงานเจ้านายของตน

            “ว่ามา” ช่างอินเอนกายพิงพนักเก้าอี้ มือขวายกชาขึ้นจิบ

            “ผู้ว่าจ้างคือหัวหน้าตระกูลไป๋ขอรับ”

            “แม่ทัพไป๋หย่งคัง?” 

            ช่างอินนึกหน้าคนที่กำลังพูดถึง แต่ก็นึกไม่ออกเพราะเขาไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับราชสำนักนานแล้ว

            “ขอรับ ภารกิจคือตามหาบุตรีนามไป๋ซูเมิ่งที่หายไปขอรับ จากข้อมูลที่แจ้งมามีภาพวาดแล้วก็รายละเอียดปลีกย่อยอีกเล็กน้อยขอรับ ดูเหมือนว่าจะหายตัวไปสักพักแล้ว แต่เพิ่งมาใช้บริการหอสรรพสิ่ง คุณชายจะเอารายละเอียดมาดูเลยหรือไม่ขอรับ” 

            …คงหมดทางตามหาถึงค่อยคิดถึงหอสรรพสิ่งกระมัง ช่างอินนิ่งคิดสักครู่ก่อนเอ่ยตอบ

            “ไม่ล่ะ ให้หลิ่งเอ้อรับงานนี้ไป ข้าจะพักผ่อนแล้วออกไปได้” 

            หลิ่งเอ้อคือยอดฝีมือที่เจ้านายเขามักมอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญ หากเจ้านายจัดการให้อยู่ในมือหลิ่งเอ้อนั้นเเสดงว่าเขาให้ความสำคัญกับงานนี้มาก คิดได้ดังนั้นเขาก็โค้งคำนับก่อนหมุนตัวออกมา ส่วนช่างอินพอเห็นลูกน้องตนออกไปได้เสียทีก็หยิบหนังสือที่เปิดค้างไว้ก่อนหน้าขึ้นมาอ่านอีกครั้ง ภายในห้องจึงกลับมาเงียบสงบอีกครา

            เช้าวันนี้ซูเมิ่งลุกขึ้นจากที่นอนด้วยจิตใจแจ่มใส นางลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดของตนเองที่ใส่ติดตัวมาก่อนถูกกักตัวให้อยู่แต่ในที่ว่าการจนถึงวันนี้ ตอนนี้ในอกเสื้อของนางมีตั๋วเงินสองพันตำลึงที่เพิ่งไปรับจากท่านหัวหน้ามือปราบกู่เมื่อวานนี้ วันนี้นางต้องย้ายออกไปพักข้างนอกตามเดิมแล้ว พอเรื่องคดีจบลงก็ไม่มีเลี่ยงหวงคอยตามติดดั่งเงา ไม่มีคนมาเฝ้ารอบห้องทำให้คืนนี้นางนอนหลับสบายเป็นพิเศษ

            …แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่นางต้องจัดการก่อนจากไป นั่นก็คือ ทวงค่าตอบแทนที่นางชนะพนันอย่างไรเล่า!

            ตอนนี้ซูเมิ่งยืนอยู่ข้างหน้าที่ว่าการเป็นที่เรียบร้อย นางยืนรอให้ถึงเวลาที่นัดมือปราบเซียวไว้ให้เขาทำตามที่พนันกัน รอบกายนางนั้นเต็มไปด้วยชาวเมืองที่มุงเข้ามาเนื่องจากเห็นเเผ่นป้ายที่นางขอให้เลี่ยงหวงทำให้ บนป้ายผ้าเขียนไว้ว่า บริเวณนี้มีละครให้ชมไม่คิดเงิน เชิญล้อมเข้ามา ซึ่งพอชาวเมืองเห็นว่ามีเรื่องสนุกแถมยังไม่เสียเงินจึงล้อมเข้ามาหลายต่อหลายชั้น โดยมีชายวัยละอ่อนสวมหน้ากากขาวยืนอยู่กลางวง ท่ายืนพักขาสองมือกอดอกสองตาก็มองไกลออกไปดูราวคุณชายเจ้าเสน่ห์คนหนึ่ง

            “มาเสียทีนะขอรับท่านมือปราบเซียว”

            พอชาวเมืองมองตามสายตาของคนที่ยืนโดดเด่นอยู่กลางวงไปก็เห็นชายอีกคน เขาสวมเสื้อผ้าเนื้อดีสีสันสดใสช่างขัดกับอารมณ์บนหน้า มองไปแล้วไม่เจริญตาเท่าชายอีกคน

            “นั่นเป็นบุตรชายบ้านไหนกันนั่น ไยข้ามิเคยเห็นเลย” 

            สตรีวัยกลางคนที่ยืนวงในสุดเอ่ยถามชายที่อยู่ข้างเคียงเสียงเบา

            “โธ่ เจ้าไปหลบอยู่ไหนมารึ นี่ก็คือคนที่ก่อนหน้ามีเรื่องกับท่านเจ้าเมืองแล้วถูกพาตัวเข้าไปในที่ว่าการไงเล่า เพื่อนข้าที่ทำงานในกองปราบบอกว่าคนนี้เเหละที่ช่วยจับคนร้าย”

            สองเเขนกอดอกเชิดหน้าภูมิใจกับข้อมูลที่ตนเอ่ยออกไป

            “จริงรึ แล้วนี่จะมีเรื่องอันใดกัน เจ้ารู้หรือไม่?”

            หญิงคนเดิมมองผ่านท่าทางโอ้อวดนั้นก่อนเอ่ยถาม

            “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า ข้าก็มาพร้อมเจ้า เจ้าไม่รู้แล้วข้าจะรู้หรือ” 

            ไป๋ซูเมิ่งที่พอได้ยินบทสนทนานั้นก็หลุดขำออกมา …พวกชาวเมืองที่นี่ก็สายข่าวเร็วเหมือนกันนะ เรื่องผ่านมาไม่ถึงวันเท่านั้นเอง

            แต่ต่อมานางก็รีบหุบยิ้มหันมาสนใจคู่กรณีอีกครั้งเพราะน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียดของผู้มาใหม่

            “เจ้าจะให้ข้าทำอะไรก็รีบบอกมา! ข้าต้องรีบกลับไปทำงานแล้ว”

            ซูเมิ่งยกยิ้มมุมปากก่อนจะก้าวเท้าเข้าหามือปราบเซียวจนตอนนี้นางยืนอยู่ห่างชายหนุ่มไม่ไกล นางยื่นคอเข้าหาก่อนกระซิบเสียงเบา

            “ท่านต้องตะโกนว่า ช่างหลินเลิศล้ำไม่มีใครเกิน ทั้งหมดร้อยครั้ง ข้าน้อยขอเพียงเท่านี้ท่านทำได้หรือไม่”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status