แชร์

บทที่ 22 (ต่อ 1)

ผู้เขียน: มายุมายูมายา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 21:04:28

#####บทที่ 22 (ต่อ 1)

            พอเหล่านางโลมได้ฟังจบก็พากันเงียบกริบ การละเล่นนี้พวกนางหาได้เคยได้ยินมาก่อนไม่ 

            พอซูเมิ่งเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ก็รีบอธิบายต่อ 

            “ข้าจะให้พวกเจ้าเล่าเรื่องอะไรก็ได้คนละเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลี้ลับที่ตัวเองเคยเจอมา หรือ ความลับของตนเองหรือคนอื่นที่ตนเองเก็บไว้ หากข้าฟังแล้วชอบใจก็จะมอบของสิ่งนี้ให้เเก่คน ๆนั้น”

            พูดจบซูเมิ่งก็ควักเอาขวดกระเบื้องอันหนึ่งออกมา ลวดลายวาดเป็นดอกไม้งดงาม จากนั้นซูเมิ่งก็เปิดฝาออก ทันใดนั้นกลิ่นหอมรัญจวนก็โชยออกมา

            “นี่เป็นน้ำหอมผสมกลิ่นชะมดเจียง ที่นอกจากจะมีกลิ่นหอมของดอกไม้แล้วยังมีส่วนผสมของไขชะมดที่หากทาลงบนตัวเเล้วจะดึงดูดเพศตรงข้ามได้ดียิ่ง เจ้าลองเข้ามานี่สิ”

            ซูเมิ่งเอ่ยเรียกสตรีชุดเเดงให้เข้ามาใกล้มากขึ้น ซึ่งนางก็ทำตามทันที จากนั้นซูเมิ่งก็เทน้ำหอมลงบนนิ้วและป้ายไปตามจุดชีพจรของสตรีชุดเเดง เช่น ตรงซอกหู ข้อพับแขน การเเตะเนื้อตัวนี้ทำเอาคนถูกเเตะขนลุกซู่หน้าเเดงก่ำ พอนางโลมคนอื่นเห็นดังนั้นก็ดึงสตรีชุดเเดงไปลองดมดูและได้กลิ่นน้ำหอมจริง ซึ่งเป็นกลิ่นที่หอมประหลาด พวกนางนั้นเป็นนางโลมแน่นอนว่าเรื่องน้ำหอมนั้นพวกนางปะพรมทั่วตัวไม่ขาด แต่กลิ่นนี้นั้นเป็นกลิ่นโดดเด่น ทั้งหอมและน่าดึงดูด เเค่อยู่ใกล้ ๆพอได้กลิ่นก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยสดชื่นและร้อนรุ่มในกาย 

ในใจเเต่ละคนอดคิดไม่ได้…หากตนได้ครอบครองตำเเหน่งนางโลมอันดับหนึ่งต้องไม่หนีไปไหนแน่นอน

            ซูเมิ่งมองสีหน้าของเเต่ละคนที่เปลี่ยนไปเป็นมุ่งมั่นมากขึ้นก็ยกยิ้มมุมปาก และเพื่อเป็นการกระตุ้นมากขึ้นซูเมิ่งจึงเดินไปเเตะน้ำหอมให้นางโลมทุกคนอย่างเดียวกับที่ทำกับสตรีชุดแดง จากนั้นนางก็กลับมานั่งที่ของตน รอให้เวลาไหลผ่านไปสักครู่ให้ทุกคนได้ดื่มด่ำกับของขวัญสุดพิเศษที่นางนำมามองให้เสียก่อน

“เอาล่ะ ใครเป็นผู้เริ่มก่อนดี” 

            ขวดกระเบื้องถูกวางลงบนกึ่งกลางโต๊ะตรงหน้าซูเมิ่งและนางโลมทุกคน ทันทีที่เสียงกระเบื้องกระทบไม้ดังขึ้นสายตาทุกคู่ก็จดจ้องมายังต้นเสียงทันทีราวถูกร่ายมนต์สะกด ซูเมิ่งไม่ได้ทำท่าทีสนใจนางโลมคนใด มือเรียวยกถ้วยชาขึ้นจิบด้วยท่าทีผ่อนคลาย

            “ข้าก่อนเจ้าคะ” 

            เป็นเเม่สาวชุดแดงที่นั่งข้างซูเมิ่งที่เสนอตัวขึ้น พอได้รับการพยักหน้ารับจากเจ้าของของขวัญสุดพิเศษก็แย้มริมฝีปากเเดงอวบอิ่มนั่นขึ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงดังมั่นใจ

            “ข้ามิได้อายุสิบหกอย่างที่บอกใครต่อใคร แต่เป็นยี่สิบปีต่างหาก”

            พอสตรีชุดเเดงสุดเย้ายวนเอ่ยจบห้องทั้งห้องก็เข้าสู่ความเงียบทันที เหล่านางโลมส่วนใหญ่อ้าปากค้างบางคนถึงกลับเอามือทาบอก …พวกนางมิใช่ตกใจกับความลับนั่นแต่เป็นผลลัพธ์ที่ตามมาต่างหาก หากมามารู้นี่ไม่ใช่ทำให้ราคาค่าตัวตกและเสี่ยงถูกลงโทษหรอกหรือ ใจสตรีนางนี้ช่างกล้ายิ่งนัก

            “ยอดเยี่ยมมาก หากเจ้าไม่บอกข้าคงคิดว่าสิบหกจริง ๆ” 

            ซูเมิ่งพยักหน้าหงึก ๆ เอื้อมมือเชยคางสตรีเจ้าของความลับทำเป็นบิดดูใบหน้าซ้ายขวาพอเป็นพิธี จากนั้นก็ล้วงเงินก้อนหนึ่งให้ ถือว่าเป็นรางวัลให้กับความกล้าเปิดประเดิมคนเเรกแม้ว่าความลับที่บอกมานั้นจะไม่ใช่เรื่องที่นางต้องการรู้ก็ตาม

            “ขอบคุณเจ้าค่ะคุณชาย” 

            พูดจบนางก็ยื่นใบหน้าแนบริมฝีปากจุ๊บแก้มซูเมิ่งอย่างถือวิสาสะ แต่ซูเมิ่งก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจแต่นางขยับตัวออกห่างแทน

            “เอาล่ะมีใครทำให้ข้าตื่นเต้นได้มากกว่านี้ไหม”

            พอหลังจากคนเเรกเปิดคนต่อ ๆมาก็ยกความลับของตนเองขึ้นมาอีกเรื่อย ๆ จนซูเมิ่งต้องรีบเอ่ยแทรก

            “ไม่มีเรื่องอื่นแล้วหรือ ข้าฟังเรื่องพวกเจ้าจนเบื่อเเล้ว” 

            สตรีชุดเหลืองที่กำลังจะเล่าเรื่องตนเองก็รีบกลืนความลับของตนเองลงคอ ชั่วเวาบเดียวความทรงจำอย่างหนึ่งก็วาบขึ้นมา

            “ข้ามีความลับนึงของมามามาบอกเจ้าค่ะ” 

            เจ้าของเสียงพูดเสียงเบาพร้อมขยับเข้าใกล้ซูเมิ่งมากขึ้น “ท่านอย่าไปบอกมามานะเจ้าคะ ข้าเคยได้ยินคนพูดว่าสาเหตุที่มามาไม่เคยรับแขกเป็นเพราะมามาเป็นเมียลับ ๆของใต้เท้าท่านหนึ่งเจ้าค่ะ”

            พอซูเมิ่งได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วเบา ๆฝืนเเกล้งเป็นสุขุมนิ่งแต่ในใจดีใจแทบสิ้น 

            “ใต้เท้าท่านนึงงั้นรึ เจ้ารู้หรือไม่ว่าคือผู้ใด” 

            พูดพลางหยิบเงินก้อนหนึ่งขึ้นมาให้อย่างที่ทำกับทุกคน

            สตรีชุดเหลืองรีบหยิบเงินเก็บเข้าอก ก่อนส่ายหน้า “ไม่รู้เจ้าค่ะ” 

            จากนั้นซูเมิ่งก็ไม่ได้ซักไซ้มากมายนัก นางก็นั่งฟังเรื่องของคนอื่นซึ่งเนื้อหาก็น่าสนใจ มีบางคนก็เอาเรื่องตลกขบขันหรือเรื่องในครอบครัวของขุนนางที่เคยมาซื้อตัวเองแล้วเล่าให้ฟังยามเมาแต่ก็ไม่มีเรื่องไหนน่าสนใจเท่าเรื่องของมามา จนกระทั่งเหลือเพียงสตรีในชุดฟ้านางเดียวที่นั่งนิ่ง หลายคราที่ซูเมิ่งเหลือบสายตาผ่านก็สังเกตเห็นบางทีมีทีท่ามีมองออกไปทางประตูอยู่บ่อยครั้ง แต่ท่าทางนั้นก็ไม่ได้โจ่งแจ้งจนเกินไป

            “แม่นางคนนี้ไม่อยากได้หรือ มิฉะนั้นข้าจะตัดสินแล้วน้าว่าใครจะได้ไป” 

            พูดพลางเอื้อมหยิบขวดกระเบื้องที่บรรจุน้ำหอมขึ้นมา

            สตรีชุดฟ้าเงยหน้ามองซูเมิ่งอย่างเอียงอายก่อนตอบ “เชิญคุณชายเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่สันทัดเรื่องพวกนี้” 

            นี่เป็นคราเเรกที่ซูเมิ่งได้ยินเสียงสตรีชุดฟ้า ฟังดูเสียงหนากว่าสตรีทั่วไปเล็กน้อย 

            …นี่คงเป็นสาเหตุที่นางเป็นคนไม่ค่อยพูดกระมัง เพราะพอเปล่งเสียงออกมาทำให้ความงามลดลงไปสามส่วน

            “งั้น ข้าเลือกให้เจ้าแล้วกัน” 

            ซูเมิ่งยื่นขวดกระเบื้องให้สตรีเจ้าของความลับของมามา แต่นางโลมคนอื่นไม่รู้ว่าอะไรคือความลับนั้นที่ทำให้ซูเมิ่งพอใจ เพราะสตรีชุดเหลืองกระซิบบอกนางเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัด มีบ้างที่แกล้งทำเป็นตัดพ้อซูเมิ่งเสียงเบา หลังจากการละเล่นจบลงซูเมิ่งก็นั่งต่ออีกสักพักก่อนขอตัวกลับ

            นางเดินตามบ่าวรับใช้นางหนึ่งออกมาจากห้องเดินไปตามทางเดินชั้นสองเป็นระเบียงที่มองลงไปเห็นซุ้มตรงกลางที่มีการเเสดงของกลุ่มนางรำชุดหลากสีกำลังเเสดงอยู่ รอบซุ้มนี้มีไม้ดอกประดับรอบ ๆงดงามราวนางรำเหล่านั้นกำลังร่ายรำกลางทุ่งดอกไม้ ห่างออกมาจากซุ้มก็มีโต๊ะตั้งอยู่เป็นกลุ่มอยู่รอบ ๆ เวลานี้ยามจื่อแล้วแต่ดูเหมือนที่นี่ยิ่งดึกยิ่งครึกครื้น เพราะโต๊ะที่ยังว่างก่อนหน้าต่างถูกผู้คนจับจองเป็นที่เรียบร้อย

            “ทุกคนหยุดอยู่กับที่เดี๋ยวนี้ ข้าไป๋เหิงซานแห่งกรมกลาโหม หากข้าไม่ได้สั่ง ห้ามใครออกไปเด็ดขาด” 

            เสียงทุ้มดังกังวาลขึ้น ทุกคนในหอฟางซินต่างได้ยินทุกคน ด้วยเพราะผู้พูดใช้กำลังภายในขยายเสียงให้กระจายออกไปไกล ไป๋ซูเมิ่งที่กำลังเดินถึงกลับหยุดชะงักกึกในใจเต้นระรัว

            …มีใครดวงซวยกว่านางไหม!? ไยพี่ใหญ่มาโผล่ที่นี่ได้!!! คงไม่ได้มาตามหานางหรอกกระมัง

            คนในหอทั้งโลมทั้งฝ่ายลูกค้าและฝั่งทางหอต่างไม่มีใครขยับ เพราะนอกจากเสียงเเล้วทหารในชุดเครื่องเเบบในมือถือดาบต่างวิ่งกรูเข้ามา จัดระเบียบคนที่เดินขวักไขว่ก่อนหน้าให้อยู่ในพื้นที่ที่จัดไว้ให้เรียบร้อย ซึ่งซูเมิ่งก็เช่นกันนางถูกทหารนายหนึ่งพาไปรวมกับบุรุษกลุ่มหนึ่ง และทหารคนนั้นก็เดินจากไป ซูเมิ่งรีบมุดตัวเข้าไปอยู่ด้านในสุดอย่างรวดเร็วหาจุดที่คนอื่นมองไม่เห็นแต่ตัวเองสามารถมองสถานการณ์ด้านนอกได้

            ดูจากสถานการณ์ตรงหน้าพี่ใหญ่น่าจะไม่ได้มาตามหานางแน่นอน แต่น่าจะเกิดอะไรผิดปรกติที่นี่มากกว่า เพราะดูจากทหารที่เขานำมา การประกาศตัวอย่างยิ่งใหญ่และการใช้อำนาจของกรมกลาโหมคงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรไม่มากก็น้อย อาจมีเหตุร้ายเกิดขึ้นที่นี่หรือไม่ก็มาตามหาของหรือคนก็เป็นได้ ซึ่งสิ่งที่ซูเมิ่งทำได้ตอนนี้คือรอดูสถานการณ์ก่อน หากนางคิดไม่ผิดประตูทุกบานทางเข้าออกทุกทางของที่นี่น่าจะถูกปิดเรียบร้อยแล้ว

            ขณะที่ซูเมิ่งก้มหน้าปลีกตัวหลบอยู่ในซอกกำแพง ด้านหน้านางมีบุรุษสองคนยืนบังอยู่ หูของซูเมิ่งก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นไม่ไกลและเหมือนกำลังค่อย ๆเคลื่อนเข้า

            “ผู้ดูแลหอของที่นี่อยู่ไหน พาข้าไปพบเดี๋ยวนี้”

            เป็นไป๋เหิงซานและมีบุรุษอีกคนหนึ่งที่นางจำหน้าได้เป็นอย่างดีเดินตามพี่ใหญ่นางไป นั่นก็คือมือปราบฉิงอี พวกเขาทั้งสองเดินตามเด็กรับใช้คนหนึ่งไป ซึ่งน่าจะไปทางห้องของมามาที่อยู่ลึกสุดชั้นสองของหอฟางซิน เป็นทางที่ซูเมิ่งเคยเดินผ่านมาก่อนหน้า

            เมื่อเห็นดังนั้นซูเมิ่งก็รอให้ทหารยามที่เดินตรวจความเรียบร้อยเดินผ่านไปเสียก่อน จากนั้นก็ย่องเบาก้าวไปทางที่พี่ใหญ่และฉิงอีเดินไปก่อนหน้า เนื่องด้วยที่หอเเห่งนี้มีพื้นที่เยอะทำให้ทหารเฝ้าได้ไม่ทั่วถึงซูเมิ่งจึงพอหลบเลี่ยงจนมาถึงห้องของมามาจนได้ ตรงประตูห้องมีคนเฝ้าอยู่แต่นางขอเเค่พื้นที่ด้านข้างเป็นพอเพราะนางอยากรู้เเค่ว่าจุดประสงค์ที่พี่ใหญ่มาในวันนี้คือะไรก็เท่านั้น

            “คนร้ายที่ทางการกำลังตามจับคาดว่าน่าจะซ่อนตัวอยู่ในหอฟางซินแห่งนี้ ข้าจึงได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้สามารถสั่งปิดที่นี่ชั่วคราวจนกว่าจะหาคนร้ายเจอ คงต้องรบกวนมามาปฏิบัติตามด้วย”

            เสียงของฉิงอีเอ่ยขึ้นไม่ดังมากแต่ตรงตำเเหน่งของซูเมิ่งนั้นได้ยินชัดเจน เพราะนางเจาะกำเเพงกระดาษออกเป็นรูขนาดไม่ใหญ่เพื่อจะได้ฟังเสียงได้

            “ได้เเน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ พวกท่านเชิญตามสะดวกได้เลย แต่ข้ารับรองได้เลยว่าเหล่าลูกน้องของข้าทุกคนไม่มีทางเป็นคนร้ายแน่นอนเจ้าค่ะ”

            “ไม่แน่เสมอไปหรอก เพราะคนร้ายมีวิชาปลอมเเปลงโฉมเป็นเลิศ เพราะฉะนั้นอาจจะปลอมเป็นใครก็ได้ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวมามาเอง” 

            เป็นเสียงพี่ใหญ่ของนางที่เอ่ยขึ้น

            “อุ้ยตาย ไม่ใช่แน่นอนเจ้าค่ะ งั้นเชิญใต้เท้าตามสบายเลย”

            “งั้นข้าคงต้องรบกวนขอตรวจค้นทุกส่วนของหอเเห่งนี้รวมถึง ตรวจสอบประวัติของเเขกและลูกจ้างทุกคนด้วย”

            ที่ตกใจเสียยิ่งกว่ามามาก็คือคนที่ฟังอยู่ด้านนอกอย่างซูเมิ่ง เพราะหากนางถูกตรวจสอบประวัติมีหวังพี่ใหญ่รู้เป็นแน่! หรือไม่ซูเมิ่งคงต้องหาทางออกไปที่นี่แต่ทางเลือกนี้ช่างยากเสียยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร คนร้ายอยู่ในนี้ พี่ใหญ่คงวางกำลังเเน่นหนาตามจุดเข้าออกแล้ว การจะเดินจะเหินในหอยังพอทำได้เเต่การจะออกไปจากที่นี่นั้นไม่น่าได้แน่นอน

            …เหลือก็เเต่นางต้องภาวนาให้พวกเขาหาคนร้ายเจอก่อนที่จะตรวจสอบมาถึงนางแล้วล่ะ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status