แชร์

บทที่ 22

ผู้เขียน: มายุมายูมายา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 21:04:08

#####บทที่ 22

 

            จากการที่ก่อนหน้านี้ซูเมิ่งหว่านเมล็ดพันธุ์โดยการซื้อใจเป่าต้งไปแล้วทำให้หลังจากนั้นนางก็มีคนให้ใช้งานเพิ่มขึ้นตามมา ซูเมิ่งสั่งให้เป่าต้งหาโอกาสออกไปซื้อข่าวที่หอสรรพสิ่ง โดยสิ่งที่นางต้องการคือประวัติความเป็นมาของหอฟางซินซึ่งก็คือหอนางโลมที่ตั้งอยู่ที่เมืองตงเปียนหรือหอนางโลมที่นางเกือบได้ไปทำงานที่นั่น จากบันทึกที่นางเเลกมาด้วยเงินส่วนตัวที่ซูเมิ่งหามาได้นั้นทำให้นางรู้ว่าหอนางโลมแห่งนั้นไม่ได้มีชื่อเสียงมากนักเป็นสาขาย่อยของหอนางโลมต้าฟางซินซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวง สาขาเมืองตงเปียนเพิ่งก่อตั้งไม่นาน ผู้ดูเเลหอก็เป็นตระกูลพ่อค้าในเมืองเเห่งนั้นฐานะปานกลาง ไม่ได้มีอำนาจพิเศษถึงขนาดสามารถแบกรับผลที่ตามมาหากถูกตระกูลไป๋ล่วงรู้เข้าว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวนาง ทำให้ซูเมิ่งคิดว่าต้องมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลังเป็นเเน่ นางจึงตัดสินใจว่าคืนนี้ซูเมิ่งจะลองเข้าไปดูลาดเลาที่หอต้าฟางซินดู เพราะข้อมูลที่ซื้อได้เป็นข้อมูลทั่วไปหากต้องการเชิงลึกนางคงต้องลองสืบเอง

            ตอนนี้ซูเมิ่งได้เปลี่ยนเป็นชุดบุรุษสีขาวนวล ในมือถือพัดจีบสีเขียวมรกตห้อยหยก รวบผมขึ้นทั้งหมดครอบผ้าสีเขียวอ่อน ใบหน้าและตามลำตัวทาด้วยสมุนไพรทำให้กลบผิวขาวราวหิมะกลายเป็นคล้ำขึ้นเล็กน้อย หากไม่ใช่คนที่สนิทชิดเชื้อกับซูเมิ่งมาก่อนไม่มีทางจำได้แน่นอน

            ซูเมิ่งออกจากจวนโดยให้เป่าต้งจัดการเรื่องคนเฝ้ายามให้ ส่วนขากลับนางก็เเค่ส่งสัญญาณบอกให้เป่าต้งรู้เดี๋ยวเขาจะพานางข้ามกำแพงเข้าจวน เพราะด้วยความที่นางไม่มีวิชาตัวเบาอย่างเป่าต้งการข้ามกำเเพงจวนที่สูงเกือบสามช่วงตัวจึงเป็นเรื่องยากยิ่ง ครานี้ออกมาข้างนอกคนเดียวและให้ไป๋จื่อใส่ชุดนางนอนบนเตียงเผื่อว่าเย่าถิงจะเข้าห้องมา อีกอย่างคือนางออกมาช่วงกลางคืนตัวคนเดียวก็สะดวกกว่าด้วย 

            ซูเมิ่งเดินตามถนนทิศบูรพามาสักพักจากถนนมืดเปลี่ยวก็เริ่มมีเเสงไฟมากขึ้น ตามมาด้วยเสียงดังเจียวจาว ผู้คนเดินขวักไขว่ และสุดท้ายเบื้องหน้าของซูเมิ่งก็คือหอสีไม้เเดงขนาดใหญ่มีป้ายประดับดอกไม้เขียนไว้ว่า ต้าฟางซิน

            เบื้องหน้าเต็มไปด้วยสตรีเเต่งตัวด้วยชุดสีสันฉูดฉาด แต่งหน้าทาปากจัดจ้าน พอเห็นซูเมิ่งเดินเข้ามาก็มีสตรีนางหนึ่งที่ดูมีอายุมากสุดเข้ามาต้อนรับทันที

            “ยินดีต้อนรับค่ะ นายท่าน มีอะไรให้ข้า มามา[16]รับใช้บอกได้เลยเจ้าค่ะ” 

            รอยยิ้มเย้ายวลแย้มขึ้นเบ่งบานเต็มดวงหน้าขาวผ่อง 

            ซูเมิ่งยกมือเกลี่ยขอบหน้ามามารอบหนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น 

            “ห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง ส่วนที่เหลือข้าคงต้องรบกวนมามาจัดมาให้ข้าแล้ว" พูดจบก็วางเงินตำลึงก้อนหนึ่งใส่มือมามา

            …ตั้งเเต่กลับมายังตระกูลไป๋เรื่องเงินกับซูเมิ่งก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป เพราะในห้องสมบัติส่วนตัวของซูเมิ่งนั้นเต็มไปด้วยสิ่งของมีค่าและของหายากมากมายที่ทั้งพี่ชายและท่านพ่อมักแบ่งมาให้นางจากของที่ได้รับพระราชทานเป็นรางวัลจากฮ่องเต้ สมบัติที่นางมีนั้นสามารถใช้กินอยู่ได้ทั้งชีวิตเลยเชียวเเหละ ส่วนเงินที่ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็ใช้เงินที่ท่านเเม่จัดสรรให้มาทุกเดือนก็เพียงพอแล้ว

            พอเห็นเงินในมือมามาก็สั่งให้คนไปจัดห้องให้คุณชายที่ดูท่าจะจ่ายเงินง่ายเสียยิ่งกว่าเทน้ำ จากนั้นก็ให้สตรีอีกนางพาซูเมิ่งไปยังห้องที่เตรียมไว้ ส่วนตนก็ไปยังห้องพักตัวของเหล่านางโลมเลือกสตรีมาสิบคน ซึ่งนางคัดเอาทั้งคนที่เก่งการร่ายรำ เล่นดนตรี คนที่คุยเก่งและไม่เก่งไปรวม ๆกัน เลือกไว้หลาย ๆเเบบให้ลูกค้าได้เลือก จากนั้นก็เดินนำสตรีเหล่านี้ไปยังห้องที่เตรียมไว้ให้ซูเมิ่ง

            ฝ่ายซูเมิ่งพอนางเข้ามาในห้องอย่างเเรกที่ทำก็คือไล่สายตาสำรวจโดยรอบพบว่าหอนางโลมเเห่งนี้หรูหราเสียงยิ่งกว่าหอเลี่ยงหลิงที่เป็นหอขายอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงเสียอีก ภายในห้องนอกจากจะมีโต๊ะนั่งพื้นขนาดใหญ่แล้ว ข้างในสุดยังมีส่วนที่แยกเป็นสระอาบน้ำซึ่งมีที่กั้นบาง ๆกั้นอยู่ บนโต๊ะก็มีชุดน้ำชาชุดหนึ่งวางอยู่ก่อนแล้ว นอกจากนี้ไม่ไกลก็มีเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดวางเรียง

            “เป็นห้องที่งามนัก ถูกใจข้าเสียจริง” 

            สิ้นคำซูเมิ่งก็ควักเงินอีกหนึ่งตำลึงให้เเก่สตรีปากเเดงที่เดินนำนางมา หลังจากนั้นซูเมิ่งก็เดินผ่านไปนั่งยังเบาะนั่งข้างหลังโต๊ะ กางพัดออกพัดเบา ๆ ท่วงท่างามสง่าแต่ดูเข้าถึงง่ายนั้นทำให้คนที่ต้องพบเห็นต่างใจกระตุกวูบ

            ไม่นานมามาก็พาเหล่าสตรีของตนเข้ามา พอเห็นท่าทางนั้นของซูเมิ่งก็เเทบอยากมอบกายถวายตัวเเทนเหล่าลูกสาวของตนเสียแทบทันที

            “ต้องให้คุณชายคอยนานแล้ว มามานำสุดยอดสตรีในหอฟานซิงมาให้คุณชายได้เลือกแล้วเจ้าค่ะ” 

            สิ้นคำก็ให้สัญญาณให้สตรีทั้งสิบนางเดินเข้ามายืนเรียงต่อหน้าซูเมิ่ง บางนางก็ค่อย ๆเยื้องย่างท่าทางบอบบางน่าทะนุถนอม บางนางก็ฉีกยิ้มยั่วยวนมาให้ซูเมิ่งอย่างไม่ปิดบัง

            ซูเมิ่งไล่มองสตรีตรงหน้าอย่างช้า ๆ 

            “นางนี้ก็งดงามอ่อนหวาน นางนี้ก็รูปร่างอรชร ส่วนนั้นก็งดงามไปอีกแบบ ข้าเลือกไม่ถูกจริง ๆ มามา งั้นเอาอย่างนี้เอาพวกนางไว้ทั้งหมดนั่นเเหละ”

            พอได้ยินดังนั้นมามาก็ตกใจแทบสิ้นสติ 

            “ดะ ได้เจ้าค่ะ” จากนั้นก็หมุนตัวไปกล่าวกับสตรีด้านหลัง “พวกเจ้าดูเเลคุณชายให้ดีดีนะ มีอะไรให้คนไปเรียกข้าได้โดยตรง” 

            จากนั้นก็เคลื่อนกายออกไปทันที

            ไม่รอให้ซูเมิ่งเอ่ยปาก สตรีในชุดสีแดงสดนางหนึ่งก็เดินเข้ามานั่งข้างกายซูเมิ่งคนเเรก ส่วนคนอื่นที่เหลือก็ค่อย ๆก้าวมาบริการซูเมิ่งอย่างดี เสียงพูดคุยในห้องจึงเริ่มดังขึ้น

            …เป้าหมายการมาหอนางโลมวันนี้คือนางต้องการล้วงเอาข้อมูลภายในของหอนางโลมนี้จากปากของเหล่านางโลม เพราะฉะนั้นนางจึงรับสตรีเหล่านี้ไว้ทั้งหมด เวลานางถามอะไรจะได้ข้อมูลที่หลากหลายและอีกอย่างคือด้วยรู้ว่านอกจากหน้าที่บริการลูกค้าให้พึงพอใจแล้วอีกหน้าที่นึงที่สำคัญก็คือต้องพยายามปอกลอกเงินจากลูกค้าให้มากที่สุด นี่จึงเป็นเหตุให้นางมือเติบเช่นนี้อย่างไรเล่า 

            “เอาล่ะ ๆ ข้าว่าเรามาเล่นอะไรสนุก ๆกันดีกว่า” 

            ซูเมิ่งเอ่ยขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านี้นางปล่อยให้เหล่านางโลมทั้งรำ ทั้งเล่นพิณให้นางดูจนเบื่อเเล้ว ตั้งแต่เข้ามาแม่สตรีในชุดเเดงและเหลืองที่นั่งขนาบข้างซูเมิ่งจะพยายามให้นางดื่มเหล้าเท่าไหร่นางก็ไม่แม้จะแตะเพราะนางไม่รู้ว่าเหล้าสมัยนี้แรงแค่ไหน แล้วก็ร่างนี้อึดเหมือนซูเมิ่งในสมัยก่อนหรือไม่ เพื่อให้ไม่เสียงานนางจึงเลือกไม่แตะ แต่ให้พวกนางโลมดื่มแทน และตอนนี้ก็ถึงเวลาอันสมควรแล้ว

            “ละเล่นอะไรเจ้าคะ เป็นทายคำเปลื้องผ้าหรือทายคำกินเหล้าหรือเปล่าเจ้าคะ คริคริ" 

            สตรีชุดสีเเดงอีกคนพูดด้วยใบหน้าเเดงก่ำแล้วก็หันไปหัวเราะกับสตรีชุดสีฟ้าอีกคน ซึ่งคนนี้เป็นสตรีนางเดียวที่ตั้งแต่เข้ามาในห้องไม่ค่อยได้พูดคุยหรือหาทางเข้าหาซูเมิ่งเท่าคนอื่น สตรีชุดฟ้าคนนี้จะคอยช่วยคีบอาหารใส่จานนางบ้างนาน ๆที และก็มองดูนางโลมคนอื่นเเสดงความสามารถเท่านั้น พอซูเมิ่งถามออกมาก็ไม่ค่อยตอบอย่างนางโลมคนอื่นที่เเทบจะตะโกนเเข่งกันตอบ ซูเมิ่งสังเกตเห็นท่าทีนี้แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าสตรีนางนี้น่าจะมีนิสัยขี้อายกระมัง

            …แต่เรื่องเหล่านี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ซูเมิ่งสนใจเสียหน่อย ดังนั้นซูเมิ่งจึงเอ่ยต่อ

            “การละเล่นเหล่านั้นข้าเบื่อเเล้ว ข้ามีอะไรที่สนุกกว่านั้นเยอะ” 

            “อยากเล่นจังเลยเจ้าค่ะ”

            “คุณชายเล่นอะไรพวกข้าก็เล่นด้วยเจ้าค่ะ"

            เหล่านางโลมต่างทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มความสามารถ สีหน้าตื่นเต้น และท่าทีทำเป็นสนอกสนใจทำให้รอยยิ้มบนหน้าซูเมิ่งหยักมากขึ้น

            “ข้ามีของตอบแทนสุดล้ำค่าให้เเก่คนที่บอกเรื่องที่ข้าฟังแล้วรู้สึกว่าเรื่องนั้นเป็นความลับที่ข้าไม่เคยรู้จากที่ไหนมาก่อน โดยของสิ่งนี้ข้ามีชิ้นเดียวเท่านั้น” 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status