แชร์

บทที่ 23

ผู้เขียน: มายุมายูมายา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 21:05:09

#####บทที่ 23

            “คุณหนูเจ้าคะ มือปราบฉิงอีมาขอพบเจ้าค่ะ”

            เย่าถิงเดินเข้ามาแจ้งซูเมิ่งที่ตอนนี้กำลังมุ่นกับกองหนังสือตรงหน้า ส่วนใหญ่เป็นหนังสือจำพวกสมุนไพรแล้วก็วิชาแพทย์ ซึ่งนางก็แอบเเปลกใจที่คุณหนูหันมาสนใจเรื่องนี้ต่างจากเเต่ก่อนที่จะปักผ้าเป็นกิจวัตรเสียมากกว่า

            “อ่อ มือปราบฉิงอีรึ?” 

            “เจ้าค่ะ" 

            ไม่เพียงซูเมิ่งที่เเปลกใจเพราะคราที่เย่าถิงได้รับเรื่องจากบ่าวมาแจ้งก็สงสัยเช่นกัน …คุณหนูนางไปสนิทกับมือปราบฉิงอีเมื่อใดไยนางมิคุ้น

            ซูเมิ่งพยักหน้าตอบรับจากนั้นนางก็เปลี่ยนเป็นชุดสุภาพขึ้นก่อนเดินตามเย่าถิงไปยังเก๋งกลางน้ำซึ่งมีฉิงอีรออยู่ก่อนแล้ว พอมือปราบหนุ่มเห็นซูเมิ่งมาถึงก็ลุกขึ้นผายมือเชิญนั่งอย่างสุภาพ หันซ้ายหันขวามองรอบข้างก่อนโบกมือไล่ลูกน้องของตนออกไปจากบริเวณนี้ ซึ่งพอซูเมิ่งเห็นดังนั้นนางก็พยักหน้าให้เย่าถิงและบ่าวคนอื่นออกไปบ้างอย่างรู้ทัน 

            …มาครานี้มือปราบฉิงอีคงมาพูดเกี่ยวกับเรื่องที่หอนางโลมเป็นแน่

            “มีธุระอันใดหรือ มาหาค่าแต่เช้าเชียว” ซูเมิ่งพูดพร้อมอมยิ้ม

            “รบกวนคุณหนูไป๋แล้ว” 

            มือปราบฉิงอีนั่งหลังตรงแววตาแน่วแน่

            “เรียกข้าซูเมิ่งก็ได้ ท่านอายุมากกว่าเรียกแบบนี้ข้าไม่คุ้นหูเท่าไหร่ อีกอย่างท่านก็สหายพี่รองถือว่าข้าเป็นน้องอีกคนก็แล้วกัน” 

            นางเอ่ยเสียงเรียบมุมปากหยักยก ถึงอย่างไรฉิงอีก็กุมความลับนางหนึ่งอย่าง จะเป็นการดีต่อตนเองหากตีสนิทชายตรงหน้าไว้ ภายภาคหน้าเผื่อใช้ประโยชน์ได้

            “ได้เลยน้องซูเมิ่ง ที่ข้ามาครานี้เจ้าคงรู้ว่าเรื่องอันใดใช่หรือไม่?” 

            พอซูเมิ่งพยักหน้าเขาก็รีบเอ่ยต่อทันที “หากไม่ได้เบาะเเสของเจ้าข้าคงไม่สามารถจับคนร้ายได้เร็วเพียงนั้น นี่คือของตอบเเทน”

            ด้วยความที่ฉิงอีไม่ชอบติดค้างน้ำใจใคร อีกอย่างเขาก็รู้สึกผิดกลายๆเนื่องจากหลังจากจับสายลับได้ความดีความชอบก็ตกเป็นของเขาทุกอย่าง หากเขาไม่มอบบางอย่างตอบแทนคงรู้สึกไม่เป็นสุข

            ถุงผ้าสีน้ำเงินเข้มถูกวางบนโต้ะตรงหน้าทั้งสอง ฟังจากเสียงที่กระทบโต๊ะไม้คาดว่าในถุงน่าจะเป็นเงินหลายก้อน ซูเมิ่งมองจากนั้นมือเรียวก็ผลักของกลับไป

            “ข้าสิต้องเป็นฝ่ายขอบคุณท่านที่ทำตามสัญญาไม่บอกคนอื่นเรื่องวันนั้น ส่วนเงินนี่ท่านนำกลับไปเถอะข้าหาได้คาดแคลนเงินทองไม่”

            “เรื่องนั้นเทียบกันมิได้ งั้นเจ้าอยากได้สิ่งใดรึ? หากไม่ใช่เงินทอง”

            …นั่นล่ะ คำที่รอคอย ซูเมิ่งยิ้มเบา ๆแม้ในใจแสนปริ่มเปรม

            “ข้ายังมิมีอะไรอยากได้ ไว้มีแล้วข้าจะบอกท่านแล้วกันเจ้าค่ะ”

            ฉิงอีพยักหน้ารับคำ ความรู้สึกผิดก่อนหน้าจางหายไป รู้สึกราวปลดของหนักลงจากบ่าได้ พอเขาทำสิ่งที่ตนตั้งใจมาในวันนี้เสร็จก็ลุกขึ้นขอตัวลาทันที ส่วนซูเมิ่งก็ยกชาดื่มหมดถ้วยจากนั้นก็ลุกขึ้นเดินออกจากเก๋ง ตั้งใจเลี้ยวกลับไปที่เรือนตนเพราะก่อนหน้าตนอ่านหนังสือค้างไว้

            “พอหายจากป่วยได้หน้าประตูไม่ว่างเว้นจริงเทียว” 

            หยางเจียงเหมยหลานหยางเฟยเจินผู้เป็นมารดาของซูเมิ่งเอ่ยน้ำเสียงถากถาง พอมือปราบฉิงอีไปนางก็เดินมารอตรงนี้ทันที

            ซูเมิ่งชะงักฝีเท้าหันมองตามต้นเสียงนิ่ง …นางว่านางก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับหลานสุดรักของหยางเฟยเจินนะ ไยมาหาเรื่องกันได้ ซึ่งในความทรงจำของร่างนี้ก็ไม่เช่นกัน ออกจะยอมด้วยซ้ำ

            “แม่หญิงมีคู่หมายแต่กลับนั่งคุยกับชายอื่น หากใครรู้เข้าตระกูลไป๋คงมิเหลือชื่อเป็นแน่” 

            เจียงเหมยยังคงจีบปากจีบคอเอ่ยต่อ “อ้อ ข้าลืมไปก็เเค่ว่าที่คู่หมาย สัญญาปากเปล่านี่นา” 

            พูดจบก็หันไปหัวเราะกับบ่าวข้างกาย พอนางจะหันไปคิดว่าจะมองสีหน้าอับอายของซูเมิ่งก็ต้องผิดหวัง ซูเมิ่งยืนนิ่งมองมาที่นางด้วยสายตาว่างเปล่าราวกับเรื่องที่เอ่ยไปก่อนหน้าไม่ใช่คำพูดเกี่ยวกับตน 

            พอเห็นเจียงเหมยพูดจบรอสักพักไม่พูดอะไรต่อซูเมิ่งก็ทำท่าจะเดินจากไป ทำเอาเจียงเหมยต้องรีบเร่งเดินมาขวางหน้าไว้ 

            “เดี๋ยวสิ เจ้าจะไปไหน!”

            ซูเมิ่งไล่มองหญิงตรงหน้าจากบนลงล่างก่อนเปิดปากพูด

            “เเต่งตัวเสียดูดีแต่ไร้ซึ่งมารยาท” 

            ซูเมิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “หนึ่งข้าเกิดก่อนเจ้า เจอหน้าข้าแล้วไม่เคารพไม่ว่าแต่สรรพนามที่ใช้ควรแล้วรึ สองข้าเป็นคูณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ส่วนเจ้าเป็นเพียงผู้อาศัยหาได้ควรทำกริยาเช่นนี้ต่อข้าไม่”

            ซูเมิ่งพูดจบก็มองหน้าเหวอของเจียงเหมยนิ่ง จากนั้นก็ออกเดินอีกคราแต่ก็ต้องหยุดเท้าลงอีกครั้งเพราะเสียงเดิม

            “เจ้า เจ้า…” บ่าวรับใช้ที่ยืนข้างๆกระตุกเเขนเสื้อเจ้านายถี่จนเจ้าของเสื้อหุบปากลง เป็นบ่าวข้างกายที่พูดเเทน

            “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คะ คือฮูหยินใหญ่ให้บ่าวมาเรียกไปพบที่เรือนเจ้าค่ะ” 

            พอพูดจบก็รีบเดินพยุงเจ้านายตนที่ยืนกำมือเเน่นตัวสั่นให้รีบเดินออกมาก่อนที่จะเกิดเรื่องไปมากกว่านี้ เพราะเท่าที่ดูคุณหนูของตนเเพ้ราบคาบเพียงฝ่ายตรงข้างเอ่ยออกมาคราเดียว ขืนอยู่ต่อพวกนางอาจไม่ได้อยู่ที่จวนก็เป็นได้ ดังนั้นการหนีกลับไปตั้งหลักจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด

 

            เรือนที่ฮูหยินใหญ่ผู้เป็นแม่นางพักอยู่ถือว่าสวยสดงดงามสมฐานะ รอบข้างมีดอกไม้ประดับกลากหลายพันธุ์ มีทั้งที่กำลังเบ่งบานและมองเห็นแต่สีเขียว อาจเป็นเพราะท่านแม่ของซูเมิ่งคนเก่าปลูกดอกไม้แบบหลายฤดูกาลจึงมีบางชนิดผลิบานบางชนิดไร้ดอก ไม่เหมือนอย่างเรือนนางที่มีดอกไม้ชนิดเดียวหากเป็นฤดูมันก็ผลิดอกสวย หากไม่ใช่ก็ไร้ซึ่งความงดงามไปเลย

            “คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ มิทราบท่านแม่มีเรื่อนอันใดให้ลูกรับใช้เจ้าคะ”

            ซูเมิ่งแย้มยิ้มอ่อนหวานให้หญิงวัยประมาณเกือบสี่สิบเบื้องหน้า นางเเต่งตัวด้วยชุดเนื้อผ้าบางเหมาะเเก่ฤดูหนาว ข้างกายมีบ่าวพัดให้หนึ่งคนและอีกหนึ่งคอยถือชามบรรจุเม็ดบ๊วย

            “นั่งก่อนสิ” 

            เฟยเจินยังคงหลับตาพริ้มทั้งที่พูดอ้าปากให้บ่าวผู้รู้งานป้อนบ๊วยให้

            ซูเมิ่งยังนั่งไม่ทันก้นติดตั่งเสียงออดอ้อนอ่อนหวานต่างจากน้ำเสียงถากถางนางเมื่อครู่ก็ดังขึ้น

            “ท่านป้าเจ้าคะ ร้อนหรือไม่เจ้าคะ ข้ากลัวท่านป้านอนกลางวันไม่ลงให้บ่าวไปจับจิ้งหรีดแล้วเจ้าค่ะ เป็นอย่างไรบ้างเสียงเงียบไปเยอะไหมเจ้าคะ” 

            เจียงเหมยตั้งใจเดินเข้ามาทั้งที่รู้ว่าใครอยู่ในห้อง นางพูดจบก็เข้าไปเกาะขา ฝ่ายเฟยเจินเมื่อได้ยินเสียงหลานรักก็หยักยิ้มก่อนลืมตาขึ้น

            “ดีมาก ๆข้ากำลังจะให้คนไปกำจัดเสียงจิ้งหรีดพอดี เจ้านี่ชั่งรู้ใจข้าเสียจริง”

            พอเฟยเจินพูดดังขึ้น คนที่เกาะขานั่งอยู่บนพื้นก็หันหน้ามาทางซูเมิ่งพลางหยักยิ้มมุมปากส่งไปให้ แต่ซูเมิ่งหาได้สนใจไม่ นางสนแค่ว่าเมื่อไรคนที่เรียกนางมาจะบอกธุระมาเสียที เสียเวลาอ่านหนังสือหมด

            “ท่านแม่เรียกลูกมามีอะไรหรือเจ้าคะ?” 

            เฟยเจินหุบยิ้มก่อนมองมาที่ซูเมิ่งอย่างไม่เต็มใจ “เมื่อครู่ท่านพ่อเจ้าให้คนมาบอกว่าให้เจ้าเตรียมตัวเข้าวัง ตอนนี้มีคนมารอรับแล้ว เตรียมตัวเสร็จเจ้าก็ไปได้เลย”

            สิ้นคำ เรียวคิ้วเรียวสวยของซูเมิ่งก็ขมวดมุ่น …เข้าวังรึ?

            “อ่อ เจ้าค่ะ ท่านแม่มีอะไรอีกไหมเจ้าคะ มิเช่นนั้นลูกจะรีบไปเตรียมตัว”

            เฟยเจินส่ายหน้า พอซูเมิ่งลูกขึ้นนางก็เปิดปากอย่างไม่ค่อยเต็มใจ 

            “อย่าทำเรื่องขายหน้าล่ะ” 

            พูดจบก็กลับไปนอนท่าเดิมก่อนหลับตาลงอีกคราปล่อยให้บ่าวรับใช้ดังเดิม 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status