แชร์

บทที่ 31

ผู้เขียน: มายุมายูมายา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 21:12:01

#####บทที่ 31

 

 

วันรุ่งขึ้นซูเมิ่งตื่นสายกว่าทุกทีมากโข เพราะด้วยความที่เมื่อวานซูเมิ่งนอนกลางวันไปแล้วและมีเรื่องให้คิดในหัวมากมายข่มตาอย่างไรก็ไม่หลับเสียที กว่านางจะนอนหลับก็ปาไปยามโฉ่วแล้ว พอรู้ว่าซูเมิ่งตื่นนางกำนัลซือเจียก็รีบเข้ามาแจ้งกำหนดการวันนี้ให้เเก่ซูเมิ่งทันที โดยวันนี้ถือเป็นวันทำพิธีเปิดงานวันเเรกของงานล่าสัตว์ล้อมป่า คุณหนูบ้านต่าง ๆที่มากับขบวนต้องทำหน้าที่กระจายกันไปเป็นเพื่อนเล่นกับเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่เป็นสตรี หากเกินก็จะถูกแยกไปรวมอีกที่ซึ่งค่อนข้างไม่ได้เข้าร่วมงานสักเท่าไหร่ ดีที่ในฐานะที่นางเป็นคุณหนูรองตระกูลไป๋จึงได้รับเลือกให้เป็นเพื่อนเล่นองค์หญิงนางหนึ่งนามว่าเฟิงอี้ เป็นพระราชธิดาองค์ที่สองของฮ่องเต้ ซึ่งอายุสิบสี่ปีน้อยกว่านาง

ด้วยความที่ซูเมิ่งตื่นสายนางจึงไม่แต่งหน้าแต่งตัวอะไรมาก แค่ทำให้ตนเองดูไม่หมองแล้วก็แต่งชุดที่เหมาะสำหรับขี่ม้าเท่านั้น ซึ่งนางรู้สึกชอบชุดแบบนี้เป็นที่สุดเพราะมันคือชุดกางเกงและไม่มีความรุ่มร่ามทำให้เคลื่อนไหวสะดวก โดยชุดที่ซูเมิ่งสั่งตัดนั้นนางก็ออกแบบเพิ่มเติมปรับชุดขี่ม้าของสตรีให้คล้ายบุรุษมากขึ้นตัดความหรูหราออกเน้นความทะมัดเเทมง แล้วก็เลือกเป็นสีเปลือกไม้ตัดกับชุดข้างในสีครีม และยิ่งซูเมิ่งสั่งให้ไป๋จื่อทำผมทรงรวบหางม้าขึ้นแล้วพันด้วยผ้าตรงบริเวณที่เป็นรอยมัดทำให้หากมองเผิน ๆซูเมิ่งจึงคล้ายบุรุษหน้าหวานคนหนึ่งอย่างไงอย่างนั้น แต่หากสังเกตทรวดทรงองค์เอวถึงจะรู้ว่าเป็นสตรี

ซูเมิ่งเดินตามนางกำนัลซือเจียมาพร้อมกับซ่วนเชิงแล้วก็เจียงเหมยส่วนบ่าวส่วนตัวไม่สามารถเข้าร่วมงานได้ เดินไปสักพักพอถึงลานพิธีก็มีนางกำนัลอีกนางพาซ่วนเชิงเดินแยกออกไปเพื่อไปหาองค์หญิงองค์อื่น ส่วนซูเมิ่งกับเจียงเหมยก็ถูกพาไปหาองค์หญิงเฟิงอี้ อาจด้วยเพราะนางทั้งสองมีอายุใกล้เคียงกับพระองค์นี้จึงถูกจัดมารับใช้เป็นเพื่อนเล่นในกลุ่มเดียวกัน

“องค์หญิงเพคะ คุณหนูรองไป๋ซูเมิ่งกับแม่นางหยางเจียงเหมยมาแล้วเพคะ” 

พวกนางทั้งสองหยุดอยู่ตรงหน้ากระโจมหลังเล็กหลังหนึ่ง สตรีเบื้องหน้านางแต่งตัวสวยสง่าไม่ว่าจะเครื่องประดับบนพระเกศาหรือเครื่องแต่งกายล้วนจัดเเต่งมาอย่างดี ยังดีที่นางใส่เป็นกางเกงขี่ม้าที่คลุมทับกึ่งกระโปรงอย่างสตรีทั่วไปจึงพอเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันบ้าง พอองค์หญิงเฟิงอี้เห็นผู้มาใหม่ก็ฉีกยิ้มสง่างามส่งมาทันที

“ข้าได้ยินชื่อเสียงคุณหนูรองไป๋นานแล้ว ได้เห็นตัวจริงสักที” 

เฟิงอี้เดินเข้ามากุมมือซูเมิ่งก่อนพาไปนั่งยังที่นั่งข้าง ๆตัวเอง ทิ้งให้เจียงเหมยเดินตามมาและก็นั่งถัดจากซูเมิ่งอีกที

เฟิงอี้ไล่สายตามองซูเมิ่งตั้งแต่หน้าจรดเท้าใบหน้าเผยแววฉงนชั่วครู่ เฟิงอี้เป็นพระราชธิดาของฮ่องเต้กับฮองเฮาจึงได้รับการเอาใจใส่จากรอบข้างมากกว่าธิดาองค์อื่น ๆ แม้นางจะเป็นคนรองก็ตาม โดยเฟิงอี้ถูกไทเฮานำไปเลี้ยงตั้งแต่เเบเบาะพอโตมาก็อาศัยอยู่ในตำหนักใกล้ไทเฮา นานครั้งถึงได้รับอนุญาติให้ไปหาฮองเฮาจึงทำให้นางไม่ได้สนิทใจกับผู้เป็นมารดาเท่าที่ควร แต่มาช่วงนี้ใกล้กำหนดกาลที่ไทเฮาจะเสด็จกลับมาจากถือศีลสวดมนต์ที่วัดจึงปล่อยให้เฟิงอี้กลับมาก่อน ดังนั้นช่วงก่อนมางานล่าสัตว์เฟิงอี้จึงได้มีโอกาสอยู่กับผู้เป็นมารดาและได้ยินข่าวเกี่ยวกับซูเมิ่งมาบ้าง ทั้งเรื่องที่นางหายจากอาการป่วยและเหตุการณ์ในวันพระราชสมภพของฮองเฮา

“เจ้าไม่ต้องกลัวนะข้าน่ะอยู่ข้างเจ้า อยากได้เจ้าเป็นพี่สะใภ้มากกว่าคุณหนูเผยหนิงจอมหยิ่งนั่นเสียอีก” 

เฟิงอี้เอ่ยเสียงเบากระซิบกระซาบให้เพียงซูเมิ่งได้ยิน ที่นางพูดอย่างนี้เพราะเห็นท่าทางซูเมิ่งดูวางตัวห่างเหินเลยคิดว่านางอาจกังวลใจเรื่องนี้ แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือท่าทีปรกติยามเจอคนที่เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรกต่างหาก

“องค์หญิงเฟิงอี้คิดมากไปแล้วเพคะ” 

นางส่งยิ้มอ่อนไปให้พลางค่อย ๆเอามืออกจากมือของเฟิงอี้อย่างเเนบเนียน

“เรียกข้าอี้เอ๋อ หรือเฟิงอี้ก็ได้นะ เรียกอย่างนั้นออกจะดูห่างเหินเกินไป” 

พูดจบนางก็เอนตัวลงพิงหมอนให้นางกำนัลข้างกายนวดให้ โดยปล่อยผ่านท่าทางการเขยิบออกห่างจากตนของซูเมิ่ง เพียงนางเห็นซูเมิ่งครั้งแรกก็รู้สึกถูกชะตาแม้ว่าชุดที่หญิงสาวใส่ก็ออกแปลกประหลาดไปเสียหน่อยก็เถอะ

ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินก็มีเสียงของสตรีอีกนางที่ก่อนหน้าที่ถูกทิ้งไว้นอกวงสนทนาเอ่ยขึ้น 

“หม่อมฉันพอมีฝีมือเรื่องการนวดคลายเส้นมาบ้างมิทราบว่าเฟิงอี้อยากลองไหมเพคะ”

เปลือกตาที่ใกล้ปิดยกเปิดขึ้นทันที เฟิงอี้จ้องมองเจ้าของคำพูดเมื่อคู่ด้วยแววตาแข็งกร้าว 

“เมื่อครู่เจ้าพูดว่าเยี่ยงไรนะ”

เจียงเหมยสะดุ้งตกใจกับเเววตาที่ส่งมา พอตั้งตัวได้ก็หยักยิ้มพอใจที่ตนทำให้สตรีสูงศักดิ์ตรงหน้าสนใจได้ก่อนเอ่ยตอบ “หม่อมฉันมีฝีมือการนวดคลายเส้นเพคะ ท่านป้าก็บอก หากเฟิงอี้ต้องการหม่อมฉันสา…”

“บังอาจ! เจ้ากล้าเรียกข้าโดยตรงอย่างนั้นรึ” 

เฟิงอี้ผุดลุกขึ้น ใบหน้าแฝงแววกรุ่นโกรธ นางกำนัลรอบข้างต่างพากันก้มหน้าหมอบกับพื้นอย่างรู้งาน พวกนางรับใช้ข้างกายองค์หญิงมานานย่อมรู้ว่ายามนางโกรธนั้นอันตรายเพียงใด ส่วนเจียงเหมยนั้นนางตัวสั่นใบหน้าซีดเผือดรีบคุกเข่าลงหน้าแนบพื้นตาม

“เฟิงอี้อย่าถือสานางเลย หากเกิดเรื่องขึ้นก่อนใกล้พิธีเปิดฝ่าบาทคงไม่พอพระทัยเป็นแน่เพคะ” 

ซูเมิ่งที่ยังนั่งที่เดิมเอื้อมมือจับเฟิงอี้ พอเจ้าตัวถูกเรียกก็ทำให้ได้สติ นางผ่อนลมหายใจเข้าออกจนใบหน้าคลายความตึงเครียดลงกลับมาสง่างามตามเดิม

“ข้าจะไม่เอาเรื่องเจ้าแล้วกันเพราะเห็นแก่คุณหนูรองไป๋หรอกนะ” 

เจียงเหมยรีบขอบพระทัยและขึ้นมานั่งตามเดิมอย่างสงบเสงี่ยม นางลอบมองคนที่ช่วยตนเองด้วยแววตาอิจฉาแต่ก็ต้องข่มไว้ ใช้ความยากลำบากของตนที่กว่าจะได้มาเป็นหลานคนโปรดของหยางฮูหยินตบหน้าเรียกสติคืน นางขึ้นมาถึงจุดนี้ได้เพื่อที่ในอนาคตตนจะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้นตนต้องไม่วู่วาม

ซูเมิ่งหยักหน้าเชิงขอบพระทัย “เฟิงอี้เรียกข้าซูเมิ่งก็ได้เพคะ”

พอเฟิงอี้ได้ยินดังนั้นก็ฉีกยิ้มกว้าง “ได้สิ ซูเมิ่ง งั้นก็ถือว่าเจ้ากับข้าสนิทกันแล้วนะ”

 

กระโจมแบบเปิดถูกตั้งรายล้อมเป็นรูปตัวครึ่งวงกลมเปิดด้านหนึ่งล้อมลานพิธีตรงกลางไว้ พอถึงเวลา ฮ่องเต้จึงเริ่มทำพิธีเปิด เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยามพิธีแบบทางการก็จบลง จากนั้นก็ให้เหล่าคุณชายแสดงฝีมือขี่ม้าและยิงธนูบนหลังม้าไปยังเป้าที่อยู่ไกลราวหนึ่งในห้าลี้พอเป็นน้ำจิ้มและปิดด้วยเจ้าของงาน ฮ่องเต้เดินถือคันธนูสลักมังกรสีทองยิงปักลงกลางเป้าอย่างแม่นยำ เสียงสรรเสริญดังรอบทิศจนกระทั่งฝ่าพระกรของซือเยียนยกขึ้นเสียงจึงเงียบหายไป

“ทุกปีมีเพียงข้าที่ยิงธนูเปิดเพียงคนเดียวช่างโดดเดี่ยวนัก งานล่าสัตว์ครานี้ชินหวังมาด้วย เจ้ามิแสดงฝีมือหน่อยหรือ?”

สิ้นคำทุกสายตาก็พุ่งไปที่บุรุษชุดดำน่าเกรงขาม เขากำลังยกชาขึ้นดื่มจึงส่งชาอุ่นเข้าปากและหลับตาซึมซับรสชาติสักครู่ ก่อนเอ่ยตอบทั้งที่ยังไม่ลืมตา

“ไม่ล่ะ ฝ่าบาททรงทำเหมือนทุกปีนั่นแหละ” 

เหล่าข้าราชบริภารก็พากันถอนหายใจพรืดอกสั่นขวัญหายก่อนรีบมองไปที่ฝ่าบาท แต่กลับไม่เห็นใบหน้าที่ควรโกรธเกรี้ยวเมื่อถูกปฏิเสธดังที่คาดไว้ แต่กลับเห็นรอยยิ้มมุมปากเล็ก ๆแทน

“หม่อมฉันขอพระราชทานอภัยทูลเสนอเพคะ หลานสาวของหม่อมฉันมีฝีมือเรื่องการขี่ม้าและยิงธนูพอไปวัดไปวาได้ หากพระองค์ไม่รีบมิให้นางได้แสดงฝีมือหน่อยเพคะ” 

หวังกุ้ยเฟยรีบถือโอกาสนี้เอ่ยขึ้นทันทีทั้งเป็นการเเก้สถานการณ์ไม่ให้ฝ่าบาทต้องเสียหน้า และได้ขายหลานสาวของตนไปในตัว หลานของหวังกุ้ยเฟยที่ว่าคือบุตรีคนโตของตระกูลแม่ทัพหวังที่อายุปาไปใกล้ยี่สิบแล้วแต่ยังไม่ออกเรือนหรือไม่มีแม้กระทั่งการหมั้นหมายใด ๆ ด้วยความที่คุณหนูอิ่งจวนเป็นสตรีที่นิสัยโผงผาง ชอบการฟันดาบ ยิงธนู ขี่ม้าเป็นชีวิตจิตใจ ทำให้รูปร่างนางออกจะใหญ่กว่าสตรีเมืองหลวงไปเสียหน่อย ผิวคล้ำแดดไปเสียหน่อย ไหนเลยจะมีชายใดอยากเอาไปเป็นภรรยา

ซือเยียนพอได้รับฟังดังนั้นก็พยักหน้าอนุญาต เดินกลับไปที่กระโจมของตน ส่งคันธนูคู่ใจให้ว่านกงกง ส่วนเหล่าองครักษ์ทั้งหลายก็เข้าไปเตรียมม้าและป้านธนูให้สำหรับคุณหนูอิ่งจวนใหม่ และด้วยความที่ตำแหน่งป้านธนูเดิมนั้นไว้สำหรับกำลังบุรุษพวกเขาจึงย้ายเข้ามาใกล้ขึ้นอีกกึ่งหนึ่ง

 

“เดี๋ยวก่อน! ไม่ต้องนำเข้ามาหรอกไว้ที่เดิมนั่นเเหละ” 

เสียงเล็กเเหลมตะโกนขึ้น อิ่งจวนเดินออกมาจากกระโจมที่นางอยู่ก่อนหน้า ใบหน้าฉายแววไม่หยี่หระ นางยอบกายคารวะเหล่าผู้สูงศักดิ์จากนั้นจึงหันไปสบตากับหวังกุ้ยเฟยผู้เป็นน้าสาวของนางก่อนหยักยิ้มมุมปาก พอหวังกุ้ยเฟยได้ยินคำพูดนั้นของผู้เป็นหลานก็ถึงกับหน้าเสีย ในใจนางได้เเต่ไว้อาลัยให้แต่ตระกูลหวัง นางและทุกคนในตระกูลต่างก็รู้ว่าอิ่งจวนต่อต้านการออกเรือนมากเพียงใด ซึ่งการที่หวังกุ้ยเฟยขอให้อิ่งจวนแสดงฝีมือเพราะนางอยากให้เหล่าคุณชายในที่นี้ได้ยลโฉมความงามของหลานนางที่ตนบังคับให้แต่งตัวและสอนเรื่องมารยาทต่าง ๆ ไม่ได้ตั้งใจให้เเสดงศักยภาพด้านการยิงธนูจริง ๆเสียหน่อย และดูเหมือนอิ่งจวนจะรับรู้และตั้งใจทำย้อนแย้งนาง 

…ก็ใครจะอยากแต่งกับสตรีที่สามารถยิงธนูในระยะเดียวกับชายชาตรีได้เล่า จากที่พระนางจะอยากลบล้างคำครหาเรื่องอิ่งจวนเหมือนชายชาตรีนั่นไม่ยิ่งทำให้คำเล่าลือเหล่านั้นเป็นจริงหรอกหรือ

ซูเมิ่งจ้องมองสตรีที่เดินออกมาจากกระโจมด้วยนัยน์ตาปิดความตื่นเต้นไว้ไม่มิด นางดูจากท่าทางการเดินกับชุดที่เจ้าตัวแต่งมาแล้วช่างดูขัดตานัก ชายเสื้อผ้าของอิ่งจวนรุ่ยร่ายกรุยกรายแต่ท่าเดินนั้นออกจะย่างเต็มฝีเท้าลงน้ำหนักเท้ามั่นคงยิ่งนัก ดูก็รู้ว่าเป็นคนที่เคยฝึกยุทธิ์มาก่อน

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status