แชร์

บทที่ 41

ผู้เขียน: มายุมายูมายา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 21:25:12

#####บทที่ 41

 

 

ย้อนกลับมาที่ฝั่งเมืองหลวง บรรยากาศโดยรอบจวนตระกูลไป๋เต็มไปด้วยความเศร้าสลดหดหู่ ไป๋หย่งคังและไป๋ลู่ซานยังไม่หยุดสั่งคนให้ออกตามหาร่างของซูเมิ่งที่บริเวณรอบป่าที่จัดงานล้อมป่าล่าสัตว์ แม้พวกเขาต่างรู้ดีแล้วว่าทั้งคนของฮ่องเต้ที่ให้มาช่วยตามหาซูเมิ่งและคนของพวกเขาเองต่างหาครบทุกซอกทุกมุมของป่าแล้วก็ยังไม่พบแม้ร่างไร้วิญญาณหรือเศษซากเสื้อผ้าไว้ดูต่างหน้า ดังนั้นหย่งคังจึงตัดสินใจยังไม่ทำพิธีเผาศพและยังไม่ประกาศออกไปว่าบุตรีหนึ่งเดียวของเขาเสียชีวิตแล้ว แต่กระนั้นพวกเขาทั้งคนในจวนและคนภายนอกจวนก็ต่างทำเหมือนว่าสตรีนามไป๋ซูเมิ่งได้หายไปจากอาณาจักรแห่งนี้ นามซูเมิ่งและเรือนอิงฮวาที่เคยเป็นห้องพักของนางก็กลับกลายเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับคนในตระกูลไป๋เสียแล้ว 

…ไม่มีคำประกาศอย่างเป็นทางการ ไม่มีพิธีศพ และไม่มีแม้กระทั่งร่างไร้วิญญาณของสตรีนามไป๋ซูเมิ่ง

และหลังจากเหตุการณ์อันเป็นคลื่นลูกใหญ่เปลี่ยนแปลงอำนาจหลายตระกูลมีทั้งเพิ่มขึ้นและบางตระกูลก็ลดลงจนแทบจะหายไปจากรายชื่อติดอันดับตระกูลผู้ทรงอำนาจแห่งเมืองหลวง

ซึ่งหนึ่งในตระกูลที่เกือบหลุดโผก็คือตระกูลไป๋นั่นเอง!

นอกจากการที่สตรีผู้เป็นที่รักยิ่งของครอบครัวไป๋จะหายสาบสูญแล้ว จากบทลงโทษที่ไป๋หย่งคังกระทำผิดเนื่องจากทุจริตยักยอกเงินที่ใช้สำหรับซื้อเสบียงเปลี่ยนเป็นเสบียงอาหารไร้คุณภาพทำให้เกือบเกิดโรคระบาดก็ทำให้อำนาจแม่ทัพใหญ่ของเขาถูกริบไป แต่จนถึงเวลานี้ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ก็ยังไร้ผู้มาแทนที่ มิใช่ไม่มีใครต้องการตำแหน่งนี้แต่เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดอย่างโอรสสวรรค์ต่างหากที่ยังคงมั่นคงปล่อยให้ตำแหน่งนี้เว้นว่างไว้ รอจนกว่าบุตรชายคนโตนามไป๋เหิงซานกลับมาพร้อมข้อพิสูจน์ หากไป๋หย่งคังทุจริตจริงคงหนีไม่พ้นโทษประหารทั้งตระกูลอย่างแน่นอน

นอกจากผลกระทบโดยตรงกับตระกูลไป๋แล้ว การที่ซูเมิ่งกลายเป็นบุคคลผู้หายสาบสูญย่อมส่งผลต่อบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นว่าที่สามีอย่างเว่ยเทียนเหิงด้วย ตำแหน่งว่าที่ชายาเอกของเขาย่อมว่างลง ทว่าสิ่งนี้เคยเป็นหนึ่งสิ่งที่เขาปรารถนามาโดยตลอดแต่เหตุใดหลังจากเกิดขึ้นจริงเขากลับมิรู้สึกดีใจเสียสักนิด

ทุกค่ำคืนหลังจากเสร็จกิจจากงานว่าราชการ เทียนเหิงมักจะนั่งดื่มสุราจนเมามายจนเผลอหลับไปเองเสียทุกครา และวันนี้ก็เช่นเดียวกัน เขานั่งดื่มสุราเคล้าแสงจันทร์ นั่งมองหิมะตกลงสู่พื้นดินอย่างมิรู้จักเบื่อ

“ท่านพี่ไยมานั่งตากลมหนาวเช่นนี้ล่ะเพคะ”

หานเผยหนิงเดินเข้ามายังห้องของเทียนเหิงด้วยใบหน้ายิ้มหวาน นางหันไปพยักหน้าให้นางกำนัลที่ตามมาส่งนางให้ออกไปนอกห้องจนกระทั่งภายในห้องส่วนตัวของเขาเหลือเพียงเผยหนิงและบุรุษขี้เมาตรงหน้าเพียงเท่านั้น

“ข้าอยากอยู่คนเดียว ใครอยู่ข้างนอก!…”

ก่อนที่เทียนเหิงเอ่ยจบ เผยหนิงก็รีบเร่งเข้ามาหาชายหนุ่มก่อนยื่นมือกุมมือหนาของเทียนเหิงเสียก่อน 

“ให้เป็นน้องได้ไหมเพคะที่อยู่ในใจของท่านพี่”

พูดจบเรียวปากบางก็สัมผัสที่หลังมือของเทียนเหิงแผ่วเบาก่อนเงยหน้าขึ้นส่งสายตาหวานหยดย้อย สองสายตาสบกันเนิ่นนานก่อนที่ร่างหนาเจ้าของนัยน์ตาแดงก่ำจากฤทธิ์สุราจะเบี่ยงตัวเองขึ้นคร่อมร่างบางอันหอมกรุ่นของเผยหนิงไว้ใต้ร่างตนเอง ใบหน้าหม่นหมองก่อนหน้าเปลี่ยนฉับพลันกลับกลายเป็นฉาบไล้ด้วยไฟเสน่หา ใบหน้าคมก้มลงซุกซอกคอหอมรัญจวนทำเอาสตรีใต้ร่างเผยอปากครางเสียงใส ขณะที่บุรุษในดวงใจของตนกำลังยอกเย้าสนุกสนานกับร่างกายนุ่มเนียนตน ใบหน้าเจ้าของร่างก็หยักยิ้มสมใจ

หยางเหวินพาซูเมิ่งมายังโรงเตี๊ยมที่เขาพักอยู่ โดยพามุ่งไปยังห้องของคนติดตามของหยางเหวินที่มีอาการท้องร่วงดังที่เขาบอก ซูเมิ่งไปถึงนางก็ไล่ถามทั้งสองเลยว่าเมื่อวานนี้ระหว่างที่นางและหยางเหวินอยู่ในโรงรักษาพวกเขาทำอะไรบ้าง ให้บอกอย่างละเอียด

โดยคนติดตามของหยางเหวินทั้งสองคนก็ทำคล้ายกับลูกน้องของซือหมิงที่ได้รับหน้าที่ให้ติดตามซูเมิ่งไปเมื่อวาน คือพวกเขาทั้งสองปักหลักอยู่ที่หน้าโรงรักษาไม่ได้ไปไหน มีเพียงดื่มน้ำที่คนของนายอำเภอถางยกมาให้เท่านั้น นอกจากนั้นก็ไม่ได้คุยกับใครเลยจนกระทั่งหยางเหวินออกมาและพาทั้งสองไปยังโรงเตี๊ยมเพื่อทานอาหารเย็น ซึ่งอาหารเย็นของพวกเขาก็สั่งและกินที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้นเช่นกับนางและหยางเหวิน เพราะฉะนั้นเรื่องอาหารไม่น่าใช่สาเหตุของการทำให้ทั้งสองคนมีอาการป่วยอย่างคนในหมู่บ้านเทียนหลิว พอเห็นว่าการสอบถามพวกเขาต่อไปก็คงไม่ได้อะไรเพิ่มซูเมิ่งจึงเดินออกมา 

แผ่นหลังเหยียดตรงและท่าทางการเดินดูไร้น้ำหนักของซูเมิ่งทำให้หยางเหวินอดเอ่ยทักไม่ได้

“ท่านช่างหลินกำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”

ซูเมิ่งเงยหน้ามองไปยังบุรุษผู้เดินขึ้นมาข้างเคียง นางหยุดนิ่งสักครู่ก่อนเอ่ยบอก

“ข้ากำลังคิดว่าการที่ทั้งสองคนมีอาการท้องร่วงคล้ายชาวบ้านของหมู่บ้านเทียนหลิวนั้นอาจมีที่มามาจากน้ำที่พวกเขาดื่มน่ะ”

หยางเหวินเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ซึ่งซูเมิ่งก็ไม่ได้ปล่อยให้เขาสงสัยอยู่นานนางเอ่ยไขข้อข้องใจทันที

“สาเหตุที่คนติดตามของท่านมีอาการท้องร่วงทั้งสองคนแต่คนที่ติดตามข้าไม่เป็นอะไรพวกเขามีอย่างนึงที่ทำต่างกันคือ คนของพวกท่านรับน้ำดื่มที่นั่นแต่คนของข้าไม่รับ”

ซูเมิ่งนึกถึงภาพตอนที่คนของซือหมิงทั้งสองที่ติดตามนางเมื่อวานต้องยืนทำหน้านิ่งจนคนทั่วไปไม่กล้าเข้าใกล้ และด้วยความที่เป็นคนของซือหมิงยิ่งเข้มงวดใหญ่ เท่าที่นางสัมผัสมาพวกเขาจะมุ่งมันทำหน้าที่ของตนอย่างเดียวไม่สนใจสิ่งใดเลย แม้กระทั่งน้ำดื่มที่มีคนนำมาให้ก็ตาม และยิ่งซูเมิ่งนึกถึงคำเอ่ยเตือนก่อนที่นางจะทะเลาะกับซือหมิงที่ว่า เขาให้นางอย่าไว้วางใจนายอำเภอถางทำให้ซูเมิ่งค่อนข้างสงสัยในน้ำดื่มที่คนของนายอำเภอถางนำมาให้มากขึ้น 

“น้ำดื่มงั้นหรือ?”

น้ำเสียงไม่เชิงคล้อยตามของหยางเหวินดังแผ่วเบา ซูเมิ่งก็เข้าใจหากเขาไม่คิดอย่างนาง

“ข้าไม่ได้มั่นใจเต็มสิบส่วนเสียทีเดียวหรอก เป็นการดียิ่งหากสามารถเรียกคนที่นำน้ำมาให้คนติดตามท่านทั้งสองดื่มมาให้ข้าสอบถามดูได้”

หยางเหวินพยักหน้าและให้คนของเขาไปติดต่อนายอำเภอเพื่อขอยืมตัวคนที่นำน้ำมาให้มาที่นี่ ส่วนซูเมิ่งนั้นก็นั่งรออยู่ที่โรงเตี๊ยม 

ตามจริงหากเรื่องนี้ซูเมิ่งขอให้บุคคลมากอำนาจอย่างเจ้าของหอสรรพสิ่งอย่างช่างอินติดตามเรื่องให้อาจรวดเร็วกว่านี้ แต่ด้วยเพราะนางมิอยากยุ่งเกี่ยวกับบุรุษผู้มีอารมณ์แปรปวนง่ายเสียยิ่งกว่าสาววัยทองอย่างเขามาช่วยนาง นางจึงเลือกที่จะลงแรงด้วยตัวเองแม้จะต้องใช้เวลานานหน่อยก็ตาม

ใช้เวลาราวหนึ่งชั่วยามกว่าคนของนายอำเภอถางที่นำน้ำดื่มมาให้จะเดินทางมาถึง พอซูเมิ่งสอบถามเสร็จก็ให้เขากลับไปโดยนางใช้เวลาเพียงไม่ถึงเค่อที่คุยกัน เพราะบุรุษผู้นี้นั้นไร้ท่าทีผิดปรกติและสิ่งที่เขาบอกมานั้นก็ดูปรกติทุกอย่าง เขาบอกว่าเป็นนายอำเภอถางที่มาเตือนเขาให้เอาน้ำไปให้พวกท่านดื่มจริง และเขาก็ไปตักน้ำในลำธารสำหรับน้ำดื่มมาให้ ซึ่งลำธารนี้เป็นหนึ่งในแหล่งน้ำไว้ใช้ดื่มกินของหมู่บ้านเทียนหลิว

ซึ่งการที่นายอำเภอถามมาบอกก็หาใช้เรื่องแปลกอะไร อีกทั้งน้ำก็เป็นน้ำดื่มกินที่ชาวบ้านในหมู่บ้านเทียนหลิวใช้กินปรกติทำให้หยางเหวินและหมอคนอื่นที่ฟังด้วยละทิ้งประเด็นน้ำดื่มไป และเป็นหมอวัยกลางคนคนเดิมที่คิดว่าพาหะการกระจายของโรคอาจเป็นอากาศอย่างโรคอื่น ๆที่ถูกจัดเป็นโรคระบาดซึ่งเคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ซูเมิ่งกลับไม่คิดอย่างนั้น

สำหรับนางคิดว่าหากโรคนี้สามารถแพร่กระจายผ่านอากาศได้จริงพวกนางรวมทั้งหยางเหวินที่ปิดผ้าที่จมูกและปากอย่างเดียวผู้ติดตามทั้งสองต้องมีอาการท้องร่วงอย่างเดียวกันสิ อีกทั้งยังมีโอกาสเป็นมากกว่าเสียด้วย เพราะนาง หยางเหวิน และท่านหมอทั้งหลายเข้าไปในโรครักษาและสัมผัสผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด แต่ผู้ติดตามเหล่านั้นเพียงยืนอยู่ด้านนอกเท่านั้น ดังนั้นซูเมิ่งจึงคิดว่าประเด็นของน้ำดื่มมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า

เมื่อคิดอย่างนั้นช่วงบ่ายยามเว่ยหลังจากทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้วนางและหยางเหวินที่ขอตามมาด้วยจึงขึ้นรถม้าคันเดิมเพื่อไปยังหมู่บ้านเทียนหลิวทันที ซูเมิ่งสอบถามมาจากคนของอำเภอนี้เรียบร้อยแล้วจึงได้รู้ว่าลำธารที่เป็นแหล่งน้ำกินน้ำใช้ของหมู่บ้านเทียนหลิวมีทั้งหมดสามแห่งด้วยกัน โดยกั้นต้นน้ำไว้เป็นแหล่งน้ำกินและปลายน้ำสามารถใช้ซักผ้าหรือส่งน้ำไปยังสระหรือบ่อที่ขุดไว้เก็บน้ำใช้ส่วนตัวได้ แต่เนื่องจากหนึ่งในนั้นเป็นแหล่งน้ำขนาดเล็กดังนั้นช่วงฤดูหนาวโดยเฉพาะยามที่หิมะตกแล้วเช่นนี้จึงแข็งเป็นน้ำแข็งเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้จึงเหลือเพียงสองแห่งนี้ยังใช้ได้อยู่ ซูเมิ่งจึงคิดจะไปเก็บตัวอย่างน้ำของแต่ละแหล่งมาทำการทดสอบดูว่ามีสารพิษปนเปื้อนหรือไม่

…และซูเมิ่งก็คิดว่าตนต้องไปเองมิกล้าไว้ใจคนที่นี่ให้ไปเก็บตัวอย่างน้ำได้ เพราะนางไม่สามารถไว้ใจใครมั่วซั่วได้ แต่นางก็พอผ่อนปรนให้หยางเหวินมาช่วยเพราะนางไม่คิดว่าเขาจะอยู่ฝ่ายตรงข้าม

“ให้เรื่องการทดสอบพิษเป็นหน้าที่ของข้าเถิด มาที่แห่งนี้ข้าเตรียมเครื่องมือและสมุนไพรตั้งใจมาช่วยเต็มที่อยู่แล้ว”

หยางเหวินเอ่ยอาสาขณะที่เขาและช่างหลินกำลังเดินมุ่งหน้าไปแหล่งน้ำแห่งแรกเพื่อเก็บน้ำไปทำการทดสอบซึ่งซูเมิ่งก็พยักหน้าทันที เพราะตัวซูเมิ่งเองไร้ของที่จะใช้ทำการทดสอบอยู่แล้วพอได้คนอาสาทำที่พอไว้ใจได้นางเลยตอบรับทันทีไม่ต้องคิดนาน

 

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status