แชร์

บทที่ 42 (ต่อ)

ผู้เขียน: มายุมายูมายา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 21:25:51

บทที่ 42 (ต่อ)

 

“หากไม่หายหนาวข้าคงต้องช่วยเจ้าอย่างนี้แล้วล่ะ เป็นเพราะเจ้าที่ขอข้าเองนะ”

สิ้นคำเข็มขัดหยกถูกปลดออกจากตัวซูเมิ่งอีกครั้ง พร้อมชุดคลุมชื้นตัวนอกถูกดึงออกกองไว้ที่พื้นรถม้า 

“เจ้าปล่อยให้เจ้าหมอนั่นเห็นสิ่งที่ข้าควรจะเห็นได้เพียงอย่างเดียวได้อย่างไรกัน”

ซือหมิงใบหน้าเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะภาพตรงหน้า ที่แม้มีเสื้อตัวในอยู่แต่ด้วยความเปียกชื้นทำให้เสื้อแนบร่างลู่ตามส่วนเว้าส่วนโค้ง แต่สิ่งที่น่ามองคงไม่สู้ผิวคอขาวดั่งหิมะและเรียบลื่นดุจหยกมิได้ บุรุษที่คิดว่าจะเพียงช่วยเอาเสื้อผ้าที่เปียกปอนออกให้คนในอ้อมกอดคลายหนาวพลันกลืนน้ำลายลงคออย่างกล้ำกลืนฝืนใจ พอเห็นว่าเสื้อด้านในก็เปียกไม่แพ้กันจึงกึ่งหลับตาเร่งมือถอดชุดทั้งหมดออกและรีบนำเสื้อคลุมของเขาเองขึ้นมาคลุมร่างบางไว้ ด้วยความที่ขนาดเสื้อคลุมของเขาใหญ่กว่ารูปร่างซูเมิ่งมากจึงสามารถพันได้รอบตัว ปิดมิดชิดตั้งแต่ลำคอยาวระหงจนถึงปลายเท้าเรียวบาง

เมื่อเสร็จภารกิจตรงหน้าบุรุษร่างใหญ่ก็ปล่อยพรูลมหายใจอย่างโล่งอก เลือดในกายค่อยกลับมาไหลเวียนปรกติ จากนั้นก็เอ่ยปากเร่งให้คนขับรถม้าเร่งให้ไปถึงคฤหาสน์เร็วหน่อย ส่วนถงฝูก็ให้คนไปถามท่านหมอคนเดิมไปรอที่คฤหาสน์ก่อนแล้ว

พอถึงคฤหาสน์ซูเมิ่งก็ถูกพาไปยังห้องนอนของตัวเองโดยมีซือหมิงยืนภายในห้องและท่านหมอคนเดิมกำลังตรวจอาการอยู่

“เทียบยาที่กระหม่อมจัดให้ครั้งที่แล้วคงไม่เพียงพอขอรับ อาจต้องเปลี่ยนให้ออกฤทธิ์ที่แรงขึ้น”

ซือหมิงพยักหน้าพอท่านหมอออกไปเขาก็เดินไปนั่งที่โต๊ะข้างหน้าต่างที่อยู่ห่างจากเตียงนอนของซูเมิ่งซึ่งเป็นบานเดียวที่เปิดอยู่

เขานึกถึงเรื่องที่ถงฝูรายงานเขาเมื่อเช้าซึ่งคือเรื่องที่เขาต้องจัดการตลอดเช้า เป็นข่าวเรื่องที่เขาให้คนออกไปติดตามหาท่านหมอพิษผู้เลื่องชื่อเพื่อให้มาทำการรักษาซูเมิ่ง แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะตามพบ แล้วยิ่งอยู่ดีดีอาการพิษของซูเมิ่งก็มากำเริบอีก 

 

เวลาผ่านไปจนผ่านพ้นไปจนเข้าวันที่สามร่างบางบนเตียงอย่างดีถึงรู้สึกตัว นางรู้ตัวดีว่าตนไร้เรี่ยวแรงแต่ทำไมนางถึงได้รู้สึกเหมือนมีอะไรมากดทับที่เอวของตัวเองได้ แล้วไหนจะขาที่ขยับไม่ได้อีกเล่า

...หรือว่านางจะเป็นอัมพาตไปเสียแล้ว!

“งืม ๆ เจ้าตื่นแล้วหรือ?”

เสียงแหบพร่าดังขึ้นที่ข้างหูของซูเมิ่งทำเอาร่างบางตะหนกผวารีบเบี่ยงศีรษะตัวเองหันมองต้นเสียงทันที

ซือหมิง!!!

บุรุษผู้นี้มานอนข้างตัวเองได้อย่างไร แล้วไอ้ที่ทำให้นางคิดว่าตัวเองเป็นอัมพาตนั้นคือแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อของบุรุษผู้นี้เอื้อมมาโอบนางไว้อยู่ต่างหาก! พอมองต่ำลงไปเข่าของเขาก็เกยนางอยู่เล็กน้อยอีกด้วย

“เหตุใดท่านถึงมานอนตรงนี้ได้!”

ด้วยความเพิ่งฟื้นขึ้นมาทำให้ซูเมิ่งไม่สามารถขยับผลักคนด้านข้างได้

“ข้าก็นอนที่นี่ทุกคืน ไม่เห็นแปลกอันใด”

ทุกคืน!!!

โอ เทพเซียนช่วยลูกด้วย ตลอดที่นางยังไม่ฟื้นนางคงไม่ได้เสียตัวให้บุรุษผู้เดาอารมณ์ได้ยากยิ่งไปแล้วหรอกนะ

“สีหน้านี้ของเจ้าหมายความว่าอย่างไร?” 

ซือหมิงเอ่ยขึ้นทั้งที่ดวงตาทั้งสองยังคงจ้องมองผิวใสเนียนละเอียดของคนในอ้อมอกอย่างมิรู้เบื่อ “เจ้ามิได้กำลังด่าอะไรข้าหรอกนะ”

“เปล่า ข้าแค่ แค่ หิวน้ำน่ะเจ้าค่ะ ท่านจะออกไปจากตัวข้าได้หรือยัง”

ประโยคดังกล่าวทำให้ผู้มีตำแหน่งชินหวังหยักยิ้มอย่างชอบใจและยอมผละออกจากร่างหอมกรุ่นเนียนนุ่ม เดินไปรินน้ำมาให้ พอเห็นคนป่วยดื่มน้ำอย่างเงียบเชียบ พอดื่มเสร็จก็ไม่พูดอะไรต่อเขาจึงตัดสินใจเอ่ยขึ้น

“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องจะเสื่อมเสียชื่อเสียงคุณหนูตระกูลไป๋หรอกนะ ข้าทำอะไรย่อมต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว”

ซูเมิ่งเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้าของคำพูดทันที

“ท่านหมายถึง...ท่านจะรับผิดชอบข้า?”

ซือหมิงพยักหน้าหยักยิ้มมุมปาก

“ข้ารู้ว่าสตรียังมิออกเรือนอย่างเจ้าจะกลัวเรื่องที่ชีวิตนี้ไม่มีใครมาขอแต่งเข้าตระกูลมากเป็นที่สุด อย่างนั้นข้าจะเสียสละรับผิดชอบเจ้าโดยการขอเจ้าแต่งงานให้เอง”

ตลอดเวลาก่อนที่ซูเมิ่งจะฟื้นขึ้นเขาได้ลองกลับมาคิดทบทวนกับตัวเองและได้ข้อสรุปว่ากลยุทธิ์การพิชิตใจสตรีอย่างที่ในหนังสือเรื่องราวดอกท้อนั่นไม่สามารถใช้ได้จริงสักนิด เพราะหลังจากที่เขาปฏิบัติตามแล้วกลับยิ่งทำให้นางตีตัวออกห่างเขามากขึ้นเสียอีก ดังนั้นซือหมิงจึงตัดสินใจจะทำตามที่เขาคิดเอง เขาอยากทำอะไรเขาก็จะทำ ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกปลอดโปร่งมาก ยามเขาอยากกอดเขาก็มานอนกอดนางได้ตามที่คิด และตอนนี้เขาอยากขอนางแต่งงานเขาก็ขอ

ทว่าซือหมิงอาจไม่คาดคิดว่าคำพูดนั่นจะทำเอาสตรีตรงหน้าถึงกับควันออกหูกัดฟันกรอด

...เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ใครจะอยากให้เขามาเสียสละตนเองเพื่อแต่งงานกับนางเล่า!

“เป็นพระกรุณายิ่ง แต่ข้าไม่ต้องการ...”

ผัวะ!!

ประตูบานเดียวในห้องเปิดออกพร้อมร่างของถงฝูก้าวเข้ามา พอลูกน้องหนุ่มเงยหน้าขึ้นก็ต้องรีบหุบปากก้มหน้าหลบสายตาดุดันของผู้เป็นนาย

“มีเรื่องใด!”

“เอ่อ ท่านหมอเย่มาขอรับ ตอนนี้รออยู่หน้าประตู ให้ไล่กลับหรือว่า...”

ยังไม่ทันจบประโยคเสียงดุดันกว่าเก่าก็ดังขึ้นแทรก 

“ไล่ไป!!!”

ซือหมิงเอ่ยจบถงฝูก็รีบออกไป

“เดี๋ยวก่อน! ทำไมท่านต้องไล่เขากลับไปด้วย”

ซูเมิ่งหันไปพูดกับซือหมิงด้วยใบหน้าติดจะโมโห ไม่รู้ว่าเพราะพิษไข้หรือเป็นเพราะอารมณ์จากเรื่องก่อนหน้าที่ทำให้นางแสดงสีหน้านี้ออกไป

“ก็ข้าอยากไล่ ที่นี่คฤหาสน์ข้า ข้าอยากทำอะไรย่อมได้”

...ก็จริงของเขา ซูเมิ่งจึงสงบปากลงแต่ใบหน้ายังฉายชัดถึงความไม่พอใจซึ่งซือหมิงก็รู้สึกได้ เขายิ่งรู้สึกไม่พอใจยิ่งขึ้นไปทำให้บรรยากาศโดยรอบสร้างความอึดอัดให้แก่ถงฝูยิ่ง

“ไม่ต้องไล่ พาเขาไปที่ห้องด้านข้าง”

ซือหมิงพูดจบก็เดินไปนั่งเก้าอี้ข้างหน้าต่างและทอดสายตามองออกไป เขารู้ว่าการที่นางเงียบอย่างนั้นในหัวนางต้องพยายามหนีหรือขัดคำสั่งเขาอีกเป็นแน่ ดังนั้นซือหมิงจึงตัดสินใจตามใจนางเพื่อให้นางอยู่ในสายตาเขาดีเสียกว่า

เวลาผ่านไปไม่นานถงฝูก็พาหยางเหวินไปยังห้องข้างห้องของซูเมิ่ง ส่วนซูเมิ่งก็เปลี่ยนชุดและสวมหน้ากากสีขาวที่เพิ่งได้คืนมาและให้บ่าวสตรีผู้หนึ่งพยุงไปพบที่ห้องนั้น เพราะซูเมิ่งคิดว่าหยางเหวินน่าจะมาหานางด้วยเรื่องการทดสอบน้ำเป็นแน่

ทันใดที่ซูเมิ่งเห็นใบหน้าของหมอหนุ่ม บนใบหน้าก็ฉายแววสงสัยใคร่รู้

“ใบหน้าท่านไปโดนอะไรมาหรือ?”

หยางเหวินยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าตนเองก่อนส่งยิ้มอบอุ่นเช่นเคยมาให้

“สองวันก่อนข้าถูกรุมทำร้ายน่ะ คงเป็นโชคไม่ดีของข้า เจ้าอย่ากังวลไปเลย ห่วงอาการเจ้าเถอะเป็นอย่างไรบ้าง?”

พอจบประโยคเสียงหึในลำคอของซือหมิงที่เพิ่งเดินตามมาทีหลังก็ดังขึ้น เขาเดินมานั่งยังเก้าอี้ที่ใกล้หยางเหวินที่สุด ทำให้ซูเมิ่งต้องเดินไปนั่งที่เก้าอี้ห่างออกไปคนละชุดกับโต๊ะหยางเหวิน

“อาการข้าดีมากขึ้นแล้ว”

หยางเหวินพยักหน้ารับ เขาก็พอสังเกตเห็นได้จากที่ใบหน้านางพอมีเลือดฝาดขึ้นมา แต่ก็รู้ว่าแค่ดีขึ้นบ้างไม่ได้หายดีแต่อย่างใด และเขาก็คิดว่านางคงเพิ่งฟื้นวันนี้กระมังเพราะหากนางไม่ฟื้นเขาคงไม่ได้เข้ามาอย่างนี้ วันก่อนหน้าเขาก็มาที่นี่แต่ก็ทำได้เพียงยืนข้างหน้าประตูคฤหาสน์ไม่ได้ถูกเชิญเข้ามาอย่างเช่นวันนี้

“ว่าแต่ท่านหมอได้เอาน้ำที่เก็บไปทดสอบพิษแล้วหรือยังหรือ?”

พอซูเมิ่งเอ่ยถึงเรื่องนี้ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นทันที ยามนี้เรื่องใดไม่สำคัญเท่าการช่วยตระกูลของนางแล้วล่ะ

“เรียบร้อยแล้ว ที่จริงข้าก็มาหาท่านเพราะเรื่องนี้แหละ”

หยางเหวินพูดพลางเหลือบสายตามองบุรุษตรงหน้าเขาชั่ววาบหนึ่งแล้วหันไปสบตาซูเมิ่งเช่นเดิม ในใจเขาก็แอบสงสัยว่าไยนางถึงได้ดูสนใจเรื่องเกี่ยวกับหมู่บ้านเทียนหลิวยิ่งนัก แต่เขาก็ไม่คิดเอ่ยถามเพราะรู้ว่านางคงไม่อยากบอกเขา เพราะขนาดเรื่องตัวตนนางยังเลือกใส่หน้ากากปิดบังตัวตนเลย

“ในแหล่งน้ำบริเวณหนึ่งมีพิษปะปนอยู่จริง และเป็นพิษที่ไร้สีไร้กลิ่น หากดื่มเข้าไปจะเกิดอาการท้องร่วงอย่างที่ชาวบ้านเผชิญอยู่เสียด้วย”

ซูเมิ่งพยักหน้า ...นางก็ว่าแล้ว ว่าสาเหตุที่ชาวบ้านไม่หายสักทีและการที่ผู้ที่มาเยี่ยมเยียนบางคนมีอาการท้องร่วงไม่น่าใช่เพราะโรคสามารถแพร่ได้ผ่านอากาศหรอก แต่ว่าเป็นเพราะน้ำต่างหาก

อย่างนั้นก็ทำให้เดาได้ว่าคนที่มีอาการท้องร่วงในหมู่บ้านเป็นเพราะดื่มน้ำจากแหล่งน้ำแห่งนั้น ส่วนชาวบ้านที่ไม่ติดโรคคงเพราะดื่มที่แหล่งอื่น ในส่วนของชาวบ้านที่กลับมาเป็นวนซ้ำอีกรอบไม่ใช่เพราะเทียบยาที่ใช้รักษารักษาไม่ได้ แต่เป็นเพราะพวกเขาได้รับพิษซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่างหาก

ซึ่งพิษนี้น่าจะไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติแต่ต้องมีคนตั้งใจใส่พิษลงไปในน้ำในช่วงที่มีการนำเสบียงมาส่งพอดี! ทำให้ดูเหมือนว่าเสบียงซึ่งน่าจะถูกเปลี่ยนให้มีคุณภาพต่ำลงเป็นสาเหตุของโรค และโทษก็ต้องตกมาที่คนที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลเสบียงส่วนนี้ซึ่งก็คือไป๋หย่งคังนั่นเอง เหตุการณ์เกิดได้ถูกช่วงในตอนที่บิดาของนางได้รับหน้าที่ดูแลเมืองในช่วงที่ฮ่องเต้ไปงานล้อมป่าล่าสัตว์เสียด้วย หากไม่เจาะจงทำลายตระกูลไป๋ก็ไม่รู้จะเดาว่าอย่างไรแล้ว

ภายในห้องกลับมาเงียบอีกครั้งเพราะซูเมิ่งนิ่งเงียบคิดกับตัวเอง ส่วนสองบุรุษก็ไม่ต้องการสนทนากัน จนกระทั่งคิ้วของซูเมิ่งที่ขมวดมุ่นเริ่มคลายลงและมือเรียวยกขึ้นกุมขมับ

“หากคุยธุระเสร็จแล้วเจ้าก็ควรกลับไปเสีย คนป่วยต้องการการพักผ่อนมากเจ้าเป็นหมอคงรู้ดี”

ซือหมิงเอ่ยขึ้น เขาทันเห็นว่าซูเมิ่งใบหน้าเริ่มซีดลงและดูอ่อนเพลีย

หยางเหวินมองสบตาบุรุษตรงหน้าครู่หนึ่งก่อนหันมาบอกลาซูเมิ่งและเดินออกไป ทิ้งให้ภายในห้องเหลือเพียงสตรีหนึ่งและบุรุษใบหน้าบูดบึ้ง

ซือหมิงลุกขึ้นเดินไปยกร่างบางขึ้นอย่างไม่คิดเอ่ยบอกล่วงหน้าจนซูเมิ่งที่เหม่อชั่วคราวถึงกลับตกใจวูบรีบคว้าหมับไปที่คอแข็งแรงของบุรุษที่อุ้มตนอยู่

“ข้าเดินเองได้ ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้นะ!”

...นี่เขาคงลืมว่าก่อนหน้าเขาทำให้นางโกรธอยู่

ทว่าคำเอ่ยนั่นก็ไม่ทำให้ซือหมิงทำตามแต่อย่างใด สองเท้าแกร่งเดินพาไปยังห้องพักผ่อนของซูเมิ่ง พอถึงเตียงก็วางนางลงอย่างนุ่มนวล และความอ่อนโยนนี้ทำเอาสตรีที่เคยโกรธใบหน้าขึ้นสีอย่างมิอาจห้ามได้ พร้อมหัวใจที่เต้นเร็วกว่าปรกติ

...อะไรกันของบุรุษผู้นี้กัน เมื่อครู่ยังเอ่ยบังคับนาง ไฉนครานี้ถึงอ่อนโยนกันเล่า!

ซือหมิงวางร่างบางลงบนเตียงเรียบร้อยก็ยืดตัวขึ้นเล็กน้อยพอให้ใบหน้าคมอยู่ต่อหน้าใบหน้าขาวนวลด้วยระยะเพียงชั่วฝ่ามือ

“เรื่องหลังจากนี้ก็ให้พี่ชายเจ้าจัดการต่อเถอะ เจ้ามิต้องกังวลอันใดแล้ว รักษาตัวของเจ้าให้ดี ถือว่าข้าขอก็แล้วกัน”

นัยน์ตาแฝงความห่วงใยส่งไปถึงซูเมิ่ง ทั้งสองสบตานิ่งส่งผ่านความรู้สึกให้แก่กัน และเป็นฝ่ายซูเมิ่งที่เลือกเบี่ยงหน้าละสายตาออก

“เอาอย่างท่านว่าก็ได้ ข้าอยากพักผ่อนแล้ว”

ซูเมิ่งยกผ้าห่มขึ้นคลุมหน้าปกผิดใบหน้าที่เห่อร้อนของตัวเอง 

...วันนี้นางเป็นอะไรกัน ไยหัวใจเต้นเร็วเยี่ยงนี้ หรือว่าอาการของพิษจะกำเริบอีกแล้ว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status