แชร์

บทที่ 5 (ต่อ)

ผู้เขียน: มายุมายูมายา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-30 21:55:16

 #####บทที่ 5 (ต่อ)

            สิ้นเสียง หยางเหวินก็หลุดออกจากอาการตื่นตะลึงจากภาพตรงหน้า เขารวบรวมแรงกำลังที่เหลืออยู่ก้าวไปขึ้นคร่อมม้าลากรถอีกตัวที่เหลืออยู่ สายตามองไปยังหญิงสาวใบหน้าเเดงขึ้นผื่นที่ตอนนี้เลอะเลือดเปรอะเปื้อนแต่ไม่ทำให้รู้สึกน่าเกลียดแต่อย่างใด แต่เขากลับมองว่านางเหมือนนักฆ่าสาวเปี่ยมเสน่ห์เสียมากกว่า

            พอซูเมิ่งเห็นหยางเหวินขึ้นม้าเรียบร้อยแล้วนางหันกลับมา สายตาคมกริบจ้องมองเหล่าคู่ต่อสู้ตรงหน้า ริมฝีปากบางหยักยิ้มมุมปาก

            พลัน! บรรยากาศโดยรอบเย็นเยือก เหล่าโจรโพกหน้าที่รวมกำลังพร้อมโจมตีหญิงสาวคนเดียวรู้สึกขนลุกซู่

            …ตอนเเรกพวกเขาว่าล้อมนางไว้ตรงกลางเตรียมเผด็จศึกอยู่แล้วเชียว ไยตอนนี้นางหลุดจากวงล้อมทำให้พวกเขากองกระจุกหันหน้าเข้าหานางได้? ละยังรอยยิ้มราวกับปิศาจที่ดูจะไม่เข้ากับสถานการณ์ใกล้ไปประตูนรกนั่นอีกล่ะ

            พรึบ!

            ซูเมิ่งปลดเสื้อตัวนอกตัวเองออกจนเหลือเเค่เสื้อสีขาวบางตัวในทำเอาเหล่าคู่ต่อสู้รวมทั้งชายบนหลังม้ากระตุกหยุดชะงักชั่วครู่ ก่อนที่นางจะสะบัดเสื้อตัวนอกตัวยาวนั้นไปทางเหล่ากลุ่มโจรอย่างเเรง ทำเอาเสื้อเเผ่กระจายดังสายน้ำสาดกระเซ็น และกว่าพวกเขาจะรู้ตัวหลายคนในกลุ่มโจรก็ลงไปนอนกองบนพื้นเสียแล้ว เหลือเพียงไม่กี่คนที่ผงยาสลบในเสื้อคลุมแผ่ไปไม่ถึง ทว่าตอนนี้ซูเมิ่งก็นั่งอยู่บนหลังม้าซ้อนหลังหยางเหวินเรียบร้อยแล้ว นางตวัดแส้ตีม้าให้พุ่งไปทางทิศที่ชิงซาจากไปทันที

            กลุ่มโจรเหลือสองคนที่มีสติครบถ้วน อีกคนนึงสติเลือนลางพยายามคุมสติไม่ให้ตนหลับไหลอย่างสหายโจร คนที่น่าเป็นหัวหน้ากลุ่มโจรโพกหน้าตะโกนบอกคนที่เหลือให้วิ่งไปขึ้นม้าที่พวกตนทิ้งหลบไว้ไกลออกไป ทำให้ม้าของนางวิ่งทิ้งห่างมาระยะหนึ่ง

            “คุณชายมียาสลบเหลืออีกหรือไม่!?”

            ซูเมิ่งเอ่ยทั้ง ๆที่มือนางกอดเอวหยางเหวินอยู่ จนเจ้าของเอวใบหน้าขึ้นสีเเดงระเรื่อ ความนุ่มนิ่มที่แตะสัมผัสด้านหลังเขาอีกล่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใกล้ชิดหญิงสาวขนาดนี้แถมเขายังรู้สึกชอบเสียด้วยซ้ำ

            “คุณชาย! ได้ยินข้าหรือไม่”

            ซูเมิ่งพูดให้ดังขึ้นเพราะเห็นชายที่นางนั่งโอบยังคงนิ่งไม่ตอบนาง 

            “อ้อ เอ่อ ไม่มีแล้ว”

            หยางเหวินพูดทั้ง ๆที่หน้ายังไม่หายเเดง

            “เอาอย่างไรดี ข้าว่าพวกมันต้องตามมาทันก่อนเราไปถึงตัวเมืองแน่” ซูเมิ่งเอ่ยเสียงร้อนรน

            อดีตตอนนางทำงานเป็นสายลับเป็นคนรอบครอบมาก ทุกวันไม่ว่าจะมีภารกิจหรือไม่ นางต้องพกยาพิษหรือไม่ก็อาวุธลับพร้อมใช้ยามฉุกเฉิน แต่พอมาอยู่ในร่างนี้และด้วยฐานะบ่าวของนางตอนนี้ทำให้ยากที่จะหาทรัพยากรทั้งอาวุธและพิษ พอมาเจอเหตุที่ต้องใช้สภาพเลยกลายเป็นอย่างที่เห็น

            คราหน้านางคงต้องหาโอกาสศึกษาเรื่องพิษของยุคนี้ไว้บ้าง ดูท่าแล้วคงไม่ต่างกันมาก น่าจะพอเอาความรู้เรื่องพิษในชาติที่แล้วมาใช้ได้บ้าง

            …แต่ตอนนี้นางไม่มีอะไรเลย ทำอย่างไรดี!? แล้วตอนนี้โจรโพกผ้าสองคนข้างหลังไล่ตามมาใกล้ถึงม้าของพวกนางแล้วด้วย เนื่องจากม้านางต้องแบกน้ำหนักของสองคนทำให้วิ่งได้ช้ากว่ามาก

            ใช่สิ! นางมีเกสรดอกจวี๋ฮวา[5]บดที่นางพกติดตัวไว้เติมอาการพ้ยามที่ผื่นเเดงเริ่มเลือนนี่นา ซึ่งดอกไม้นี้ส่วนใหญ่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมหากได้รับเข้าไปจะเกิดอาการพ้ หากม้าได้รับไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

            งั้นต้องลองสักหน่อย เผื่อโชคช่วย

            คิดได้ดังนั้นซูเมิ่งก็ปล่อยมือที่โอบหยางเหวินออกเพิ่มแรงหนีบตัวม้ายึดเเน่น นางเอี้ยวตัวใช้กริชตัดเเขนเสื้อตัวบางออกข้างหนึ่ง ล้วงหยิบห่อดอกจวี๋ฮวาบดทั้งหมดออกมา อาศัยร่างใหญ่ของหยางเหวินบังลมจัดเตรียมระเบิดดอกไม้จำลอง

            “ผ่อนม้าให้วิ่งช้าหน่อยเจ้าค่ะ” 

            ซูเมิ่งชะโงกหน้าให้ใกล้ข้างหูชายเบื้องหน้ามากที่สุดเพราะกลัวเเรงลมทำให้เสียงนางไม่เข้าหูเขา จนบางทีริมปากบางแตะสัมผัสลำคอเขาบ้าง แต่นางหาได้รู้ไม่ว่าการสัมผัสเหล่านี้ทำเอาชายหนุ่มข้างหน้าขนลุกลำตัวเกร็งเเข็งใบหน้ายิ่งขึ้นสีมากขึ้น

            “ทะ ทำไมรึ”

            “ข้าจะจัดการพวกมันเจ้าค่ะ เร็ว! ทำตามที่ข้าบอกเถอะ”

            อาการบาดเจ็บของตนยังไม่ทำให้สติพร่าเบลอได้เท่าสัมผัสจากนาง แต่มือเขาก็ลดแรงดึงบังเหียนลง ไป๋ซูเมิ่งรอจนโจรทั้งสองควบม้ามาใกล้นางจึงขว้างผ้าสองก้อนใส่จมูกม้าทั้งสองตัวก่อนฟาดมือตีม้าของตนให้เร่งฝีเท้าไปทันที

            นางเหลียวตามองเห็นม้าของโจรทั้งสองวิ่งวุ่นไม่ตามมาแล้วจึงหันกลับมาเกาะเอวชายหนุ่มร่างหนาต่อ

            “ฮะฮ่า พวกมันน่าจะตามไม่ทันแล้ว คุณชายวางใจได้”

            สองคนกับหนึ่งม้าเร่งเดินทางตามเส้นทางเพื่อกลับเข้าเมือง จวบจนเบื้องหน้าปลายสายตาพวกเขาก็มองเห็นขบวนคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ 

            “คุณชาย! ปลอดภัยใช่ไหมขอรับ”

            ชิงซาควบม้านำคนมาทางม้าของทั้งสองคน เหงื่อไหลเต็มกาย ใบหน้าแดงกล่ำ และคิ้วขมวดมุ่นทำเอาเขาดูน่าสงสารยิ่งนัก

            “ข้าไม่เป็นอันใด มีแค่บาดเจ็บเล็กน้อย”

            หยางเหวินเอ่ยเสียงแหบ เขารีบให้ซูเมิ่งที่นั่งโอบเขาอยู่ลงจากม้าจากนั้นชายหนุ่มค่อยกระโดดลงตามมา เพราะกลัวคนอื่นมาเห็นท่าทางอันแสนล่อเเหลมนี้และทำให้หญิงสาวเสียหาย

            …ไย เขาต้องเป็นห่วงชื่อเสียงของเเค่บ่าวใช้ด้วยนะ มันเป็นคำถามที่เขาไม่อยากรู้คำตอบเลย

            “คุณชายถูกยาทำให้กล้ามเนื้อไร้กำลังน่ะ แล้วก็มีเเผลถูกลูกธนูเฉี่ยว” 

            ซูเมิ่งพูดเสริม นางรู้ว่าร่างกายหยางเหวินอาจเริ่มต้านทานยาพิษไม่ไหว แม้กินยาถอนแล้วแต่เขาเสียเลือดเยอะมากพอดู

            ตอนที่ซูเมิ่งพูดจบกลุ่มคนบนหลังม้าราวสี่คนก็มาถึงพอดี ซูเมิ่งก้มปัดดินที่ติดตามตัวออกท่าทางผ่อนคลายราวกับเมื่อครู่ไม่ได้มีเหตุการณ์ที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด

            ซิงซาหันไปมองซูเมิ่งตอนพูดก็พลันตกใจมือชี้ไปที่นาง

            “ไยเจ้ากลายเป็นสภาพนี้เล่า!”

            ไม่เพียงเท่านั้นพอทุกคนหันไปมองคนข้างหยางเหวินก็ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อเกือบทุกคน ยกเว้นชายสวมหน้ากากดำขอบทองที่ไม่เห็นผิวหน้า เพราะสภาพซูเมิ่งตอนนี้คือนอกจากเหลือเพียงเสื้อตัวในเนื้อบางเบาแล้ว แขนเสื้อข้างหนึ่งก็ถูกตัดออกตอนทำระเบิดดอกไม้จำลองจึงเปิดผิวขาวเนียนดุจหยก

            หยางเหวินที่ยืนข้าง ๆเพิ่งนึกขึ้นได้จึงเขยิบเอาร่างตนเองบังหญิงสาวไว้

            “ฮะเเฮ่ม นางช่วยข้าให้รอดจากพวกโจรมาได้น่ะ เลยมีสภาพนี้”

            พอหญิงสาวถูกบดบัง ทุกคนก็ต่างแสร้งเบือนหน้าไปทางอื่น บางก็ยกมือเกาคอแก้เก้อ

            “ชิงซาถอดเสื้อตัวนอกเจ้ามา”

            บ่าวคู่ใจรู้เหตุผลจึงกุรีกุจอรีบถอดเสื้อตนออกมาก่อนยื่นให้เจ้านาย จากนั้นหยางเหวินค่อยส่งให้คนตัวเล็กขด้านหลังตนซึ่งนางรับมาใส่อย่างว่าง่าย

            “ขอบคุณคุณชายช่างอิ่นมากที่สละเวลาตามบ่าวของข้ามาช่วย”

            หยางเหวินเงยหน้าขึ้นสบตาภายใต้หน้ากากดำนั้น

            “ไยต้องขอบคุณด้วย ข้ายังไม่ได้ช่วยอันใดคุณชายเลย แล้วอีกอย่างข้าขี่ม้าเจอบ่าวของท่านโดยบังเอิญ เมื่อเห็นเป็นบ่าวคุณชายเย่ ข้าจึงตกปากรับคำช่วยทันที เรามันคนกันเองไม่ต้องเกรงใจหรอก” 

            พูดจบเขาก็ลงจากม้าเดินมาหาหยางเหวิน สายตาแอบชำเลืองมองเบื้องหลังเล็กน้อยแววตาแฝงความสงสัยเพียงวาบเดียวก่อนกลับมาปรกติ

            “อย่างไรก็ต้องขอบคุณท่าน งั้นพวกข้าต้องขอตัวก่อน ข้าต้องรีบไปทำแผล”

            หยางเหวินพูดจบก็เดินนำบ่าวทั้งสองของตนไปขึ้นม้า แต่พอคิดว่าขากลับคงไม่สะดวกหากเขาต้องใช้ม้าตัวเดียวกับซูเมิ่งจึงหันกลับไปเอ่ยขอม้าสักตัวจากช่างอิ่นซึ่งเขาก็ให้มา

            “เจ้าขี่ม้าเป็นหรือไม่?” 

            ซูเมิ่งส่ายหน้ารัว “แค่คุณชายบอกวิธีคร่าว ๆข้าคิดว่าน่าจะทำได้ พอดีข้าเป็นคนเรียนรู้เร็วน่ะ”

            หยางเหวินจึงให้ชิงชาสอนนาง ส่วนตนขึ้นม้าตัวเดิม มองเเผ่นหลังบอบบางของหญิงสาวแฝงแววตาครุ่นคิด ไม่ถึงครึ่งเค่อพวกเขาทั้งสามก็ควบม้ามุ่งหน้ากลับจวน

            ฝุ่นฟุ้งกระจายไม่ทำให้ร่างหนาภายใต้หน้ากากละสายตาจากสามร่างที่จากไป จู่ ๆเสียงทุ้มก็ดังขึ้น

            “พวกไหน?”

            “เป็นกลุ่มท่านเจ้าเมืองขอรับ คนของเราที่แอบติดตามคุณชายเหวินออกจากเมืองบอกว่า มากันแปดคน มือธนูหนึ่งขอรับ”

            “งั้นนอกจากสองคนที่ขี่ม้าตามมาแล้วที่เหลือหายไปไหน”

            “นอกนั้นถูกยาสลบขอรับ เป็นฝีมือของบ่าวสตรีผู้นั้นทั้งหมด ส่วนม้าสองตัวนั้นน่าจะถูกยาบางอย่างทำให้คลุ้มคลั่งขอรับ คนของเราที่ติดตามไปบอกว่าบ่าวคนนั้นมีฝีมือพอตัว ช่วยคุณชายเย่จนหนีรอดออกมาได้ ส่วนคนของท่านเจ้าเมืองตอนนี้หนีกลับไปพร้อมลบหลักฐานและสร้างเรื่องว่าเป็นโจรปล้นทรัพย์ทั่วไปเรียบร้อยเเล้ว นายท่านจะให้เอาอย่างไรต่อดีขอรับ"

            พูดจบก็ก้มหน้านิ่งรอฟังคำสั่ง ใจเต้นแรงเพราะรับรู้ถึงแรงกดดันของคนตรงหน้า

            …นายท่านของเราโกรธเสียแล้ว

            “อืม คงทำอะไรต่อไม่ได้แล้วผิดเเผนถึงเพียงนี้ ไปสืบประวัติบ่าวคนนั้นมา”

            พูดจบเขาก็ขึ้นม้าดังเดิมตวัดแส้ฟาดม้าให้ออกวิ่งทันที 

            หากไม่มีบ่าวผู้นั้นช่วยหยางเหวินให้รอดชีวิตจากเงื้อมมือของท่านเจ้าเมือง จะต้องเป็นคนของเขาที่ช่วยแทนซึ่งเป็นเเผนสร้างบุญคุณเพื่อผลดีต่อการค้า แต่กลับถูกบ่าวไร้ความเป็นมาคนหนึ่งตัดกลางเเผน สร้างความโกรธแค้นจุกอกเขาอย่างจัง

            หลังจากจบงานประมูลเขาก็รู้แล้วว่าท่านเจ้าเมืองต้องไม่พอใจที่ตนไม่ได้ยาเสริมกำลังภายในเป็นแน่จึงสั่งให้ลูกน้องติดตามความเคลื่อนไหวเขาไว้ เป็นใครก็ต้องรู้ว่าที่ตัวยาจริง ๆไม่ได้มีเพียงเท่านั้น แต่เป็นทางหอโอสถที่ไม่ได้นำออกมาขายต่างหาก

            และก็เป็นจริงดังคาด ด้วยนิสัยวางอำนาจ ไม่ยอมคนของท่านเจ้าเมือง เขาให้คนปลอมเป็นโจรมาดักปล้นหรืออาจมาจับหยางเหวินเพื่อนำเป็นข้อแลกเปลี่ยนแลกยา ดังนั้นช่างอิ่นจึงวางแผนซ้อนเเผนแสร้งเป็นผ่านมาแถวนี้เพื่อหวังช่วยหยางเหวินเเต่ก็ไม่เป็นดังคาดเสียแล้ว

            …ต่อไปเขาคงต้องหาวิธีอื่นเพื่อทำให้หยางเหวินยอมทำสัญญาการค้ากับเขาเสียแล้วล่ะ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status