Share

บทที่ 5

last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-30 21:54:54

#####บทที่ 5

            ภายในรถม้ามีหยางเหวินนั่งบนตั่งในสุด คั่นกลางด้วยโต๊ะวางของตรงกลาง ส่วนนางนั่งตรงข้ามกับเขา อยู่ค่อนออกไปทางหน้าประตูรถ หลังจากเดินออกมาจากหอสรรพสิ่งแล้ว ในหัวนางตอนนี้ยังคิดแต่เรื่องที่หยางเหวินคุยกับช่างอินหรือเจ้าของหน้ากากดำนั่นอยู่ไม่ขาด

            …นางอยากรู้ว่าเหตุใดหยางเหวินถึงไม่ทำสัญญาการค้ากับหอสรรพสิ่งทั้งที่น่าจะเป็นเรื่องดีที่มีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อโดยไม่ต้องเสียกำลังคนเพื่อทำการเสนอขาย และอยากรู้อีกว่าทำไมดูเหมือนหยางเหวินจะไม่ถูกกับเจ้าของหอสรรพสิ่งเลย

            ความสงสัยทั้งหมดนี้ของนางทำให้หญิงสาวเอาแต่จ้องหน้าหยางเหวินจนเจ้าตัวรู้สึกได้ว่าบ่าวรับใช้หญิงตรงหน้าคนนี้ดูเหมือนจะกังวลมากกว่าเขาผู้เป็นเจ้าของเสียอีก เพราะจากคิ้วที่ขมวดยุ่ง ไหนจะท่าทางเหม่อมองมานั่นอีก

            “เจ้ากำลังคิดเรื่องที่ข้าคุยเมื่อครู่อยู่รึ?”

            เสียงของชายหนุ่มทำเอาซูเมิ่งสะดุ้งหลุดจากอาการเหม่อลอย

            “อ่อ ใช่เจ้าค่ะ เอ่อ บ่าวขอบังอาจนะเจ้าคะ ที่บ่าวได้ยินวันนี้จะไม่บอกใครทั้งสิ้น” 

            นางรีบลนลานตอบเพราะกลัวเจ้านายจะตำหนิ เเต่พอเห็นหน้าหยางเหวินที่บ่งบอกว่าเข้าไม่ได้กะเอาความนาง ก็เป่าปากโล่งอก

            “แต่ข้าน้อยแอบสงสัยนิดนึงว่าทำไมคุณชายไม่ตกลงทำสัญญาซื้อขายกับหอสรรพสิ่งเจ้าคะ หรือว่าคุณชายมีคู่ค้าอยู่แล้ว?”

            “คู่ค้า?” 

            “หมายถึงคนที่คุณชายจะขายโอสถเสริมกำลังภายในน่ะเจ้าค่ะ”

            …ไม่รู้ว่ายุคนี้เขาใช้คำว่าอะไรนางจึงเผลอใช้คำยุคของนางชาติที่แล้ว

            “ยังไม่มีหรอกแต่หากต้องการก็หาได้ไม่ยาก แต่หากข้าเลี่ยงได้ก็ไม่ต้องการทำการค้ากับหอสรรพสิ่ง คนอย่างเจ้าของหอสรรพสิ่งไม่ค่อยมีใครอยากทำการค้าด้วยนักหรอก”

            พอหยางเหวินเห็นซูเมิ่งยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมก็รู้ว่านางยังไม่เข้าใจคำพูดเขา

            “เขาจะไม่ทำการค้าหากสิ่งนั้นเขาไม่ได้กำไร และข้าก็คิดว่าข้าไม่จำเป็นต้องทำการค้ากับคนที่ไม่จริงใจ ใครคือตัวตนภายใต้หน้ากากไม่มีใครรู้” พอเขาพูดมาถึงตรงนี้น้ำเสียงก็ดุดันขึ้น

            อันที่จริงครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เขาได้พบปะคุณชายช่างอินเจ้าของหอสรรพสิ่ง ทุกคราที่ทางหอโอสถตระกูลเย่ทำการค้ากับทางหอสรรพสิ่งส่วนใหญ่จะคุยผ่านทางเถ้าแก่ประจำสาขาเมืองซีเปียน ทว่าครั้งนี้เจ้าตัวมาคุยเองดูท่าเขาจะให้ความสำคัญกับโอสถเสริมกำลังภายในมาก

            …หากเขาคาดการไม่ผิด ช่างอินต้องไม่หยุดเพียงเท่านี้เป็นแน่ ที่ยอมปล่อยเขาออกมาคงเป็นกลยุทธิ์ถอยเพื่อรุกหรือกลยุทธิ์อะไรสักอย่าง

            “ข้าน้อยเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ว่าแต่ตอนนี้เรากำลังจะไปที่ไหนหรือเจ้าคะ?"

            ซูเมิ่งเลิกม่านขึ้นดูข้างทางที่รถม้าผ่านเห็นว่าไม่ใช่ทางกลับจวนจึงเอ่ยถาม ข้างทางเปลี่ยนจากบรรยากาศครึกครื้นของตลาดเป็นทุ่งนา ผู้คนแถวนี้เดินกันน้อยมาก เท่าที่ซูเมิ่งเปิดม่านดูเห็นคนเดินรวมแล้วเพียงสองคนเห็นจะได้

            “ข้าต้องไปจัดการงานที่หอโอสถก่อน”

            หยางเหวินเลิกม่านดูบ้างเห็นว่าเส้นทางอีกยาวไกล รถม้าเพิ่งออกจากประตูเมืองมาไม่นาน

            หอโอสถที่เขากล่าวถึงอยู่ไกลจากตัวเมืองซีเปียนไปทางทิศตะวันออกใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบสองเค่อ นอกจากตระกูลเย่จะมีโรงหมอที่ตั้งในตัวเมืองซีเปียนและสาขาใหญ่อยู่ที่เมืองหลวงแล้ว ยังมีหอทำยา ไร่สมุนไพร ซึ่งก็คือสถานที่เขากำลังมุ่งไป นานทีเขาจะมาจัดการความเรียบร้อยเพราะหอโอสถนั้นต้องออกมานอกเมือง ระหว่างทางค่อนข้างเปลี่ยวจะมาทีเขาต้องนำองครักษ์มาจำนวนมากกว่าปกติ ส่วนใหญ่เขาจะดูเเลผ่านบัญชีที่ส่งไปที่จวนมากกว่า แต่วันนี้มีเรื่องที่รอไม่ได้จึงรีบออกมาหลังจากจบงานประมูล

            ฮี้ ฮี้

            รถม้าหยุดเคลื่อนที่

            “คุณชายใหญ่เย่ ข้างหน้ามีต้นไม้ใหญ่ล้มขวางทางขอรับ”

            เสียงชิงซาที่นั่งข้างคนขับม้าหน้ารถดังขึ้น หยางเหวินจึงเอื้อมมือเลิกม่านขึ้นมองรอบข้างซึ่งไร้ผู้คน สีหน้าแฝงความกังวล

            “อีกไกลหรือไม่จากที่นี่ถึงหอโอสถ”

            “ต้องเดินทางอีกหนึ่งเค่อได้ขอรับ” 

            ซึ่งก็คือพึ่งเดินทางได้ห้าในสิบส่วนเอง วันก่อนหน้าไม่มีพายุไม่น่ามีต้นไม้ล้มขวางทางเช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจมีโจรร้ายบุกซุ่มอยู่แถวนี้

            …หากเป็นแค่โจรปล้นทรัพย์ทั่วไปยังดีหน่อย แต่ถ้าเป็นกองกำลังของคนไม่หวังดีพวกเขาแย่แน่ เพราะหยางเหวินรู้ว่าการประมูลครั้งนี้อาจสร้างปัญหาให้ตนแต่ไม่คิดว่าพวกนั้นจะลงมือเร็วเพียงนี้

            “งั้นให้ข้าไปดูไหมขอรับ?”

            บ่าวผู้ชายที่มาด้วยเอ่ย เขานั่งมากับรถม้าอีกข้างของคนขับ

            “ไม่ต้อง! ชิงซาเจ้านำม้าวิ่งย้อนกลับไปขอความช่วยเหลือก่อน ส่วนเจ้าหมุนหัวม้ากลับเสีย!”

            หยางเหวินรีบสั่งน้ำเสียงแฝงความดุดัน ทันใดนั้นลูกธนูไม่ทราบที่มาพุ่งตรงลอดผ่านหน้าต่างรถม้าตรงเข้าปักตำแหน่งหัวใจชายหนุ่มชุดขาวนวลทันที

            “คุณชายระวัง!!!”

            เท้าบางที่สวมรองเท้าสีขาวซีดถูกยกขึ้นถีบกระเเทกอกจนร่างสูงในชุดขาวนวลหลุดพ้นวิถีลูกธนูอย่างเฉียดฉิวไปปักผนังรถม้าเเทน แต่ไม่วายถากไหล่ซ้ายจนเลือดกระฉูด

            “ชิงซา!!! รีบไป”

            สิ้นเสียง ชิงซาก็ดึงดาบออกจากฝักฟันไปเชือกที่คล้องตัวม้าจนขาดสะบั้น ความลังเลตอนเเรกที่กลัวเจ้านายจะเป็นอันตรายมลายหายไป ตอนนี้หากเขายังอยู่พวกเขาทั้งหมดคงไม่มีใครรอด เขาจึงตัดสินใจทำตามที่เจ้านายบอก ใช้แส้ตี เจ้าม้าขนเงาวิ่งพุ่งกลับไปทิศเดิมทันที

            “คุณชายไม่เป็นอะไรหรือไม่?”

            ตอนนี้นางไม่สนธรรมเนียมยุคโบราณที่ชายหญิงไม่ควรใกล้กันแล้ว ซูเมิ่งพุ่งตัวไปยังหยางเหวิน สีหน้าของเขาดูซีดกว่าปรกติ นางก้มหน้ามองไหล่ขวาของเขา เเขนเสื้อขาดมีรอยเลือดซึมเล็กน้อย

            …แต่ที่แย่คือ! เลือดเป็นสีดำ!!!

            “ลูกธนูมีพิษ! คุณชายมียาเเก้พกมาบ้างหรือไม่”

            นางพูดพลางใช้มือฉีกแขนเสื้อขวาจนขาดวิ่น ใช้แขนเสื้อรองเเผลก่อนวางมือกดบาดเเผลข้ามเลือด

            “มะ มี...”

            หยางเหวินเริ่มหายใจหอบหนักมือล้วงเข้าไปหยิบยาออกมาชุดหนึ่งจากอกเสื้อก่อนนำเม็ดยาถอนพิษเข้าปาก

            ตอนนี้ข้างนอกเริ่มต่อสู้โรมรันกันแล้ว ด้วยความที่ฝ่ายหยางเหวินนำบ่าวมาแค่สามคนมีหรือจะสู้โจรปิดหน้าในชุดดำนับสิบคนได้ เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งเค่อบ่าวทั้งสามถูกเหล่าโจรชุดดำฆ่าเรียบร้อยแล้ว

            “ลงมาเสียดี หากไม่อยากตาย!!!”

            เสียงแหบทุ้มตะคอกพร้อมใช้สันดาบในมือกระทุ้งรถม้าทำเอาซูเมิ่งกระดุ้งตัวโยน

            “หากเจ้าหนีได้ก็หนีไปเถอะ ไปต้องรอข้า"

            หยางเหวินเอ่ยเสียงอ่อนเเรง “พิษนี้ได้รับการถอนแล้วแต่มันมีส่วนผสมของยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงด้วย ข้าจับดาบไม่ไหว”

            “ได้ยินหรือไม่!! ลงมา!!!”

            ซูเมิ่งเหลือบตามองลอดผ่านม่านหน้าต่างออกไปจึงเห็นว่าพวกมันล้อมรถม้าไว้หมดแล้ว อีกหน่อยต้องเข้ามาลากทั้งสองลงไปแน่

            “คุณชายมีอาวุธ หรือยาอะไรบ้างในตัวตอนนี้”

            หยางเหวินจ้องสตรีตรงหน้า นางดูสงบนิ่งเมื่อเผชิญสถานการณ์ตรงหน้าราวกับแม่ทัพที่เจนจัดยามปะทะศัตรู ไม่เหมือนบ่าวรับใช้เลยสักนิด แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสงสัยเขาเอื้อมมือลงข้างเอวปลดกริชด้ามดำออกมาส่งให้ซูเมิ่ง

            นางรับไปแต่เเค่นี้ยังไม่พอ ตอนนี้หากนางพุ่งออกไปปะทะตรง ๆกับโจรราวสิบคนคงยากชนะ ทั้งยังไม่รู้อีกด้วยว่าพวกมันมีฝีมือแค่ไหน หรือมีวรยุทธ์หรือไม่

            …เเต่ที่แน่ ๆนางไม่มีทั้งวรยุทธ์และวิชาตัวเบา นางจึงต้องพยายามหาตัวช่วยอื่น

            “ละคุณชายมียาอะไรบ้าง ยาพิษมีไหม!?”

            “วันนี้ข้าไม่ได้นำมา!”

            เขานึกเสียใจภายหลัง ทั้งที่ปกติเขามักพกพวกพิษไว้ป้องกันตัวแท้ ๆ

            “ยาสลบใช้ได้ไหม!?”

            “ได้ เอามา!”

            สายตาคมกริบของซูเมิ่งทำเอาหยางเหวินถึงกับรู้สึกเย็นเยือก เขาล้วงยาสลบออกมาให้นางแต่คิ้วขมวดมุ่น

            “เจ้าเอาไปทำอันใด วางยาสลบ?”

            นางยกยิ้มราวนางมารร้าย “ใช่ เดี๋ยวข้าจะพยุงท่านลงไปนะ จากนั้นที่เหลือข้าจัดการเอง ตอนนี้ท่านพอบังคับม้าไหวไหม?”

            นางจ้องตาเขาถามอย่างรีบร้อน

            “พอไหว”

            ซูเมิ่งเลิกม่านประตูก้าวออกไปนอกรถ รอบนอกมีชายโพกผ้าปิดหน้าราวเจ็ดคนบาดเจ็บหนึ่งคนส่วนศพบ่าวรับใช้ทั้งสามถูกนำไปกองรวมกันไว้ข้างทาง ในเจ็ดคนนี้มีมือธนูหนึ่งนอกนั้นล้วนถือดาบ ตรงบริเวณหน้าประตูมีชายร่างกำยำสูงโปร่งสามคนชี้ดาบมาทางประตูรถ

            พอเห็นนางที่ก้าวลงรถม้าเป็นหญิงสาวร่างบอบบางท่าทางหล่อกแหล่ก แถมตอนก้าวเท้าลงสู่พื้นก็ล้มหน้าคะมำ ดาบที่ชี้มาก็ลดแรงกดดันลงหลายส่วน

            “ข้าเป็นบ่าว ข้าเป็นบ่าว อย่าทำอะไรข้าเลย”

            “ยืนขึ้นดีดี!!”

            ชายโพกผ้าดำคนเตี้ยสุดและใกล้นางสุดเดินเข้ามาใกล้นางมากขึ้น

            “ในรถม้ามีเจ้าคนเดียวรึไง ลงมาให้หมด!!!”

            พูดจบเขาก็เลิกม่านขึ้นทันที ก็เห็นหยางเหวินใบหน้าซีดเซียวก็หยักยิ้มมุมปากอย่างสมหวังเมื่อธนูไม่พลาดเป้า ก่อนหันมาส่งสัญญาณให้ชายโพกหน้าคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่นอกวงล้อมนี้

            …ดูท่าชายโพกหัวคนนั้นจะเป็นหัวหน้า ซูเมิ่งเหลือบตามองตามชั่วพริบตาก็ทำแววตาเหมือนคนหวาดกลัวดังเดิม

            “พอดีนายท่านของข้าถูกยิงจ้ะ อาการบาดเจ็บสาหัส อย่าทำอะไรพวกข้าเลย ฮึก ๆ”

            ชายคนเดิมไล่ตาสำรวจพบลูกธนูปักคาตรงตำแหน่งใกล้รักแร้ มือของชายในรถจับลูกธนูแน่น เลือดเต็มมือ

            “เจ้าเข้าไปพยุงเจ้านายเจ้าลงมาจากรถ!”

            เขาหันมาตะคอกใส่นาง พร้อมหลีกทาง

            ซูเมิ่งพยักหน้าตัวสั่นงก ๆ ค่อย ๆ เดินเข้าไปพยุงหยางเหวินลงมา นางแอบกระซิบข้างหูชายหนุ่มอย่างแนบเนียน

            “หากบ่าวให้สัญญาณท่านรีบไปขึ้นม้าเลยนะ ข้าจะตามไป”

            พอนางได้รับสายตาเชิงรับคำของหยางเหวินก็พยุงเขาลงมาจนเท้าสองข้างแตะพื้น ซูเมิ่งหลุบตาลงต่ำก้มหน้าขยับหัวใช้ผมที่ตกลงมาบดบังสายตานางที่กวาดหาเป้าหมาย

            ฉึก!

            ลูกธนูปักกลางอกชายคนถือธนู เป็นดอกที่เดิมพลาดเป้าปักอยู่บนผนังรถม้า นางให้หยางเหวินดึงออกมาหนีบใต้รักแร้ตบตาให้โจรโพกผ้าเชื่อว่าเขาถูกยิงอาการสาหัส และข้อดีอีกอย่างคือพวกเขาสามารถเอาลูกธนูปลายเหล็กเเหลมนี้มาเป็นอาวุธได้อย่างเปิดเผย พอนางเข้าใกล้หยางเหวินก็ดึงลูกธนูออกมาสะบัดข้อมือเหวี่ยง โดยเล็งไปที่เจ้าของลูกธนูก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อตัดกำลังคนแม่นธนูหนึ่งเดียวในกลุ่ม เพิ่มโอกาสรอด

            ก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะไหวตัวซูเมิ่งยื่นมือรับกริชจากหยางเหวินกระโจนจ้วงแทงโจรเตี้ยที่อยู่ใกล้สุด เหล่าโจรที่ก่อนหน้าตื่นตระหนักไม่รู้ทิศหันมารุมโจมตีหญิงสาวร่างบอบบางทันที 

            เนื่องจากอาศัยร่างนี้มาได้สักพักรวมถึงการได้เป็นบ่าวคอยแบกน้ำทำงานหนักทำให้กำลังนางเพิ่มขึ้น ร่างบางเอี้ยวตัวหลบดาบที่จ้วงแทงเข้ามา สายตาคมกริบจ้องเจ้าของดาบก่อนมือขวาที่ถือกริชตวัดฟันชายโครงสร้างแผลฉกรรจ์ ขาซ้ายตวัดสูงตบลงหัวอีกคนที่พุ่งเข้ามาอย่างแรง นางก้าวถอยหลังให้หลุดจากวงที่โจรโพกหน้าเข้ารุมนาง

            ซูเมิ่งเค้นเสียงปนหอบตะโกนบอกหยางเหวิน

            “ไป!!!”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status