공유

ตอนที่ 9

last update 최신 업데이트: 2025-02-13 23:49:18

กลางดึกก้อนแป้งน้อยเว่ยซือหงนอนพลิกตัวไปมา ท่าทางกระสับกระส่ายไม่สบาย จนหลิงจูสาวใช้คนสนิทที่หลิวลี่หงมอบให้มาดูแลก้อนแป้งน้อย เร่งรีบออกไปแจ้งข่าวนายหญิงกับนายท่านของตนเอง

“มีอะไรหลิงจู เหตุใดจึงมาดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้”

“แย่แล้วเจ้าค่ะฮูหยิน คุณหนูเป็นอะไรไม่รู้เจ้าค่ะ นอนดิ้นไปมา ทั้งยังตัวร้อนมากด้วย ปลุกเท่าไหร่ก็ปลุกไม่ตื่นเจ้าค่ะ” หลิงจูกล่าวบอกท่าทางร้อนรน เป็นห่วงเจ้านายตัวน้อยยิ่งนัก

หลิวลี่หงฟังแล้วชะงักก่อนหันไปมองหน้าสามีแล้วเร่งรีบไปเรือนนอนของบุตรสาวทันที

ยังไม่ทันจะได้เข้าไปในห้องบุตรสาว เว่ยซือซานและหลิวลี่หงพลันสัมผัสได้ถึงพลังปราณที่เอ่อล้นออกมาจากภายใน สามีภรรยามองหน้ากันด้วยไม่อยากเชื่อ

“จะเป็นไปได้อย่างไรเจ้าคะท่านพี่ หงเอ๋อร์เพิ่งจะเจ็ดหนาวเท่านั้นเองนะเจ้าคะ พลังปราณของลูกจะตื่นขึ้นได้เช่นไร” หลิวลี่หงพูดด้วยใบหน้ากลัดกลุ้มยิ่ง ด้วยปกติพลังจะตื่นก็ต่อเมื่ออายุ 9 หนาว  

“พี่ก็ไม่รู้เช่นกัน เรารีบเข้าไปดูลูกกันก่อนเถอะ” เว่ยซือซานเป็นห่วงบุตรสาวที่พลังปราณตื่นก่อนกำหนด ขณะเดียวกันบอกพ่อบ้านอวิ๋นให้ไปตามบิดาของตนมาโดยเร็ว

สามีภรรยาเร่งเข้าไปในห้องนอนบุตรสาวตัวน้อยอย่างรวดเร็วก่อนผงะกับพลังปราณที่เข้าปะทะพวกเขา จะไม่ให้ตื่นตกใจได้อย่างไร นี่มันเป็นพลังปราณที่รุนแรงมาก แรงปะทะที่ส่งมาขวางกั้นพวกเขาเอาไว้นั้นไม่ธรรมดาเลย เขาที่มีพลังปราณระดับจอมยุทธ์ยังอึดอัดใจ ภรรยาของเขาที่มีพลังปราณระดับแม่ทัพเล่าจะอึดอัดขนาดไหน

“ลี่เอ๋อร์ เจ้าไหวหรือไม่”

“วะ ไหวเจ้าค่ะท่านพี่” หลิวลี่หงตอบตะกุกตะกัก แม้หายใจแทบไม่ออกแต่นางไม่ใส่ใจ นางห่วงบุตรสาวคนเดียวมากกว่า เว่ยซือซานยังไม่ได้กล่าวสิ่งใด เสียงเอะอะของบิดามารดารวมถึงบุตรชายสองคนพลันแทรกเข้ามา

“อาซาน ลี่เอ๋อร์ เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่”

“ท่านพ่อ/ท่านแม่”  

“เกิดสิ่งใดขึ้น พ่อบ้านอวิ๋นบอกพ่อว่าพลังของหงเอ๋อร์ตื่นก่อนกำหนด”

ยังไม่ทันได้รับคำตอบจากบุตรชาย เว่ยซือหลิวรีบก้าวไปยืนด้านหน้าของทุกคนพร้อมกลางม่านพลังปราณระดับปราชญ์ครอบคลุมทุกคนไว้ทันท่วงที

สมาชิกตระกูลเว่ยทุกคนรวมถึงพ่อบ้านอวิ๋น หลิงจูและหลิงอิงสาวรับใช้ข้างกายเว่ยซือหงพลันแตกตื่นกับพลังที่ปะทุออกมาจากก้อนแป้งน้อย พร้อมทั้งตระหนกตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า ต่างคนต่างอ้าปากค้าง แววตาฉายความไม่เชื่อ พูดออกมาพร้อมกัน

“เป็นไปไม่ได้!” หากไม่มีใครสามารถละสายตาไปจากเหตุการณ์ตรงหน้าได้สักคนเดียว เป้าสายตาเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเว่ยซือหงที่นอนหลับสนิทบนเตียงกว้าง

ร่างกายเว่ยซือหงปะทุพลังปราณออกมาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งนาน แรงกดดันยิ่งเพิ่มมากขึ้น เส้นแสงเล็ก ๆ ผุดออกมาจากร่างเจ้าก้อนแป้งทีละเส้น ๆ แต่ละเส้นมีสีแตกต่างกันไป นี่คือการตื่นของพลังธาตุ ประกอบไปด้วยสีฟ้า สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน และสีขาว นับได้จากเส้นแสงเหล่านั้นมีถึง 5 สี!

สวรรค์! เจ้าตัวน้อยมีธาตุถึง 5 ธาตุด้วยกัน!

ตอนนี้คนทั้งเก้าที่ยืนเป็นสักขีพยานของการตื่นพลังปราณและพลังธาตุของเว่ยซือหงตกใจจนไม่รู้จะตกใจอย่างไรแล้ว สายตาหลายคู่จับจ้องไปยังพลังธาตุทั้งห้าที่ม้วนเป็นเกลียวประสานกันอย่างไม่ละสายตา แม้จะสงสัยว่าพลังสีทองที่โอบล้อมเว่ยซือหงและเกลียวธาตุทั้งห้าคือสิ่งใดก็ตามที เนิ่นนานกว่าพลังที่ตื่นขึ้นของเจ้าตัวน้อยจะยอมสงบ ร่างกายเล็ก ๆ นั่น ค่อย ๆ ดูดซับพลังทั้งหมดที่ปะทุออกมากลับคืนเข้าสู่ร่างกายทีละนิด ๆ กระทั่งไม่หลงเหลือกลิ่นอายใด ๆ 

“สวรรค์ บุตรสาวข้ามีธาตุถึงห้าธาตุด้วยกัน!” เว่ยซือซาน 

“สองธาตุปกติสามธาตุพิเศษ” หลิวลี่หง

“ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุพฤกษา ธาตุน้ำแข็ง และธาตุแสง!” เว่ยซือหลิวกล่าวบ้าง

“ไหนจะพลังปราณสีทอง โอย... อาหลางอาเหลียงประคองย่าทีย่าจะเป็นลม” หลินซือเหยากล่าวพร้อมกับร่างกายที่ซวนเซ

“ท่านย่า/ท่านย่า” สองพี่น้องเว่ยซือหลางเว่ยซือเหลียงรีบเข้าประคองร่างท่านย่าของตนอย่างว่องไว พร้อมรับยาหอมจากพ่อบ้านอวิ๋นมาจ่อจมูกผู้เป็นย่าอย่างรวดเร็ว ส่วนสาวรับใช้ข้างกายทั้งสองคนของน้องสาวนั้นเป็นลมไปตั้งแต่เห็นพลังธาตุที่แตกต่างกันทั้งห้าธาตุแล้ว

“นายท่าน ตั้งสติก่อนเถอะขอรับ ข้าน้อยว่าอีกไม่นานฮ่องเต้จะต้องเสด็จมาที่จวนเว่ยของพวกเราแน่” พ่อบ้านอวิ๋นแม้จะยังตื่นตกใจกับเหตุการณ์พลังตื่นของคุณหนูตัวน้อย แต่เขาตั้งสติได้เร็วกว่าผู้ใด แม้ว่าก่อนหน้านี้นายท่านใหญ่จะเร่งค่ายกลป้องกันภัยของจวนไว้แล้ว แต่ก็ไม่ควรประมาท ทางที่ดีหาทางรับมือไว้ดีกว่า

“โอ ใช่ ๆ พวกราชวงศ์จะต้องรับรู้ถึงกลิ่นอายพลังปราณของเจ้าตัวน้อยแน่” นายท่านใหญ่เว่ยซือหลิวกล่าวพร้อมพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ

“ท่านพ่อ เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรดีขอรับ” เว่ยซือซานกล่าวอย่างกังวล จะปิดบังก็ไม่ได้ พลังปราณของบุตรสาวเขามากเกินไป อย่างไรฮ่องเต้และผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ที่มีพลังระดับปราชญ์ย่อมรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายพลังปราณที่ปะทุออกมาแน่

“ข้าว่าบอกพวกเขาไปตามตรงว่าพลังของอาหงตื่นก่อนกำหนดแต่ปิดเรื่องพลังธาตุไว้ดีกว่าหรือไม่เจ้าคะ ข้าไม่วางใจผู้ใดเจ้าค่ะ กลัวว่าจะมีคนโลภใช้อาหงเป็นเครื่องมือสู่อำนาจ แม้ว่าตอนนี้อำนาจในแคว้นของเราจะปรองดองกันดี ไม่มีศึกภายใน แต่ถ้ามีคนรู้เรื่องของอาหงมากเกินไป อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้”

“ลี่เอ๋อร์พูดถูก ข้าเห็นด้วยว่าเราควรปิดเรื่องพลังธาตุของหลานสาวไว้ จิตใจคนยากแท้หยั่งถึง ความอิจฉาริษยาทำร้ายคนได้” ฮูหยินผู้เฒ่าหลินซือเหยากล่าวสมทบกับความคิดของลูกสะใภ้

“จริงดังท่านแม่และท่านย่าพูดนะขอรับ แม้อำนาจภายในแคว้นโจวของเราจะดูปรองดองกัน อำนาจจากตระกูลใหญ่ต่าง ๆ เท่าเทียมกัน แต่ถ้าเมื่อไรที่ตระกูลใดตระกูลหนึ่งเรืองอำนาจกว่าตระกูลอื่น ๆ ขึ้นมา ข้าว่าไม่ดีแน่” เว่ยซือเหลียงพูดหลังจากวิเคราะห์เรื่องราวภายในต่าง ๆ ในแคว้นแล้ว

“ข้าเห็นด้วยขอรับ ทั้งนี้เพื่อปกป้องน้องสาว และตระกูลเว่ยของเราแล้ว ยังถือเป็นการปกป้องแคว้นโจวของเราไปในตัวด้วย ทุกคนอย่าลืมสิขอรับ ความอิจฉาริษยาก่อให้เกิดสงครามได้ ตอนนี้แม้จะไม่มีสงครามระหว่างแคว้น เพราะพวกเราทำสัญญาสงบศึก แต่ถ้ามีข่าวเรื่องของหงเอ๋อร์มีพลังธาตุถึงห้าธาตุหลุดออกไป ซ้ำยังมีธาตุพิเศษถึงสามธาตุ ข้าว่าแย่แน่ขอรับ บางทีหากถึงตอนนั้น สัญญาสงบศึกอาจไม่มีผลแล้วก็ได้” เว่ยซือหลางที่วิเคราะห์เหตุการณ์ได้ลึกซึ้งกว่าน้องชายกล่าวบ้าง

แน่นอนถ้าสมาชิกในจวนคนอื่นคิดได้ สองพ่อลูกอย่างเว่ยซือหลิวและเว่ยซือซานจะคิดไม่ได้ได้อย่างไร ทั้งสิ่งที่พวกเขาคิดยังน่ากลัวมากกว่าคนอื่น ๆ หลายเท่า

อำนาจภายในแคว้นโจวดูเหมือนสงบก็จริง ทว่าความจริงมันมีคลื่นใต้น้ำซ่อนอยู่ ถึงไม่ได้กล่าวออกไป แต่เหล่าคนตระกูลใหญ่ย่อมรู้กันดีว่าพวกเขาขัดขากันในมุมมืดอยู่เป็นนิจ

ส่วนสัญญาสงบศึก เป็นสัญญาที่แคว้นโจวร่วมลงนามกับแคว้นอื่น ๆ ภายในทวีปนภาครามว่าจะไม่ก่อสงครามกัน เนื่องจากปัญหาจากเหล่ามารและปัจจัยจากอาหารการกินมีผลนานนับร้อยปี ทว่าถ้าเรื่องเว่ยซือหงแพร่ออกไป ใครเล่าจะรู้ว่าแคว้นต่าง ๆ ยังจะยอมนิ่งเฉยอยู่อีกหรือไม่ ต่อให้สัญญาสงบศึกนั้นจะทำเป็นอักขระสัญญาเลือดก็ตามที บางทีความอิจฉาริษยากลัวแคว้นอื่นเรืองอำนาจกว่าแคว้นตนอาจน่ากลัวกว่าความตายก็ได้ ทว่านั่นนับเป็นปัญหาเล็กน้อยหากเทียบกับบุคคลในเงามืดอย่างพวกมาร!

นับตั้งแต่เหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นในคืนเทศกาลหยวนเซียว คืนเดียวกับที่เว่ยซือหงเกิด พวกมารพากันเงียบหายไปผิดปกติ จากเดิมที่ควรออกรังควานสร้างปัญหาให้กับชาวบ้าน กลับพากันเก็บหางราวกับว่าดินแดนนี้ไม่เคยมีพวกมัน ดูเหมือนว่าน่ายินดีแต่ความจริงนั้นไม่ใช่เลย!

ห้าปีก่อนสองพ่อลูกตระกูลเว่ยได้ร่วมประชุมกับตัวแทนที่มาจากดินแดนเบื้องบนพร้อมกับราชวงศ์ เหล่าผู้นำตระกูล และผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ร่วมหารือกันในเรื่องนี้ความว่า พวกมันไม่ได้หายไปไหน พวกมันยังอยู่ที่เดิมแค่เก็บหัวเก็บหางตนเองได้ดีเท่านั้น

ทั้งนี้ตัวแทนจากดินแดนเบื้องบนยังกล่าวว่าให้จับตาดูไว้ให้ดี อย่าได้หละหลวมด้านการป้องกันเป็นอันขาด ด้วยเหตุนั้นทำให้สองพ่อลูกตระกูลเว่ยระแวงมาจนถึงวันนี้!

ตอนแรกพวกเขาไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกี่ยวกับบุตรหลานของตนเอง ทว่าหลังเป็นประจักษ์พยานการตื่นขึ้นของพลังปราณพลังธาตุจะว่าไม่เกี่ยวก็ไม่ได้แล้ว มองอย่างไรก้อนแป้งน้อยของพวกเขาต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่!

สองพ่อลูกหันมาสบตาและพยักหน้าให้กัน

“พ่อบ้านอวิ๋น เจ้าไปรับหน้าคนที่มาเยือนก่อน เอาใบชาพลังปราณออกมาชงรับแขกด้วยเล่า เช่นไรฮ่องเต้ต้องมาด้วยตนเองแน่”

“ขอรับนายท่านใหญ่” พ่อบ้านอวิ๋นรับคำเว่ยซือหลิวและหายออกไปจากห้องนอนคุณหนูตัวน้อยทันที

“เจ้าใหญ่ ลูกไปรับแขกกับพ่อและท่านปู่ด้านนอก เจ้ารอง อยู่เป็นเพื่อนท่านแม่และท่านย่า คอยดูแลหงเอ๋อร์และสาวใช้สองคนนี้ที่นี่”

“ขอรับท่านพ่อ/ขอรับท่านพ่อ” สองพี่น้องรับคำพร้อมกัน

หลังพูดทำความเข้าใจกันอีกเล็กน้อย เว่ยซือหลิวเดินนำบุตรชายและหลานชายออกจากห้องหลานสาวทันที ส่วนหลินซือเหยา หลิวลี่หงและเว่ยซือเหลียงคอยเฝ้าดูอาการเจ้าตัวน้อยไม่ให้มีสิ่งใดคลาดสายตาแทน  

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 1   ตอนที่ 91 จบ

    ส่วนกลุ่มคนที่มาจากขุมอำนาจหรือจวนขุนนางต่าง ๆ มีความต้องการผลผลิตปราณจำนวนมาก ต่างตรงไปที่ชั้นสองของร้าน แล้วแจ้งชนิดและจำนวนผักที่ต้องการเสร็จ คนของตระกูลเว่ยที่มีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนนี้ จะนำผลผลิตออกมาจากแหวนมิติตามจำนวนที่ลูกค้าต้องการ หลังตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อย ทำการจ่ายเงินเป็นอันจบการซื้อขายงานในส่วนนี้ถูกดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ขุมอำนาจต่าง ๆ ต่างชื่นชอบการจัดการด้วยวิธีนี้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องยื้อแย่งกับคนทั่วไป เพราะผลผลิตปราณถูกคนตระกูลเว่ยเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว โดยผักผลไม้ปราณในร้านค้าตระกูลเว่ยมีราคาดังนี้ผักกาดขาว ผักบุ้ง กวางตุ้ง คะน้า ถั่วฝักยาว พริกชั่งละ 1 ตำลึงทองหัวไชเท้า แครอท แตงกวา ฟักทอง ฟักเขียว ชั่งละ 5 ตำลึงทอง มะเขือเทศ บัวหิมะ ชั่งละ 10 ตำลึงทองกล้วยชนิดต่าง ๆ ขายที่หวีละ 1 ตำลึงทอง แต่ละหวีมีถึงสิบลูกแตงโมขายผลละ 3 ตำลึงทอง ส้ม ผิงกั่ว(แอปเปิล) สับปะรด ชั่งละ 10 ตำลึงทององุ่น เฉ่าเหมย(สตรอว์เบอร์รี) และผลไม้ตระกูลเหมยทั้งหมดชั่งละ 20 ตำลึงทองลูกท้อ ทับทิม ลูกพลับจัดเป็นผลไม้มงคลขายชั่งละ 30 ตำลึงทองส่วนข้าว มันฝรั่งและมันเทศนั้นมีความต้องกา

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 1   ตอนที่ 90

    ร้านค้าตระกูลเว่ย “สวรรค์ พวกเขาปลูกผักปราณได้จริง ๆ”“เจ้าดูแสงสีเขียวระยิบระยับนั่นสิ นี่มันผักปราณระดับสูง”“ตระกูลเว่ยจะเก่งกาจเกินไปแล้ว”หน้าร้านตระกูลเว่ยมีแต่เสียงพูดคุยหลายช่วงอายุทั้งชายหญิง ดังสลับกันไปมา เรื่องที่ตระกูลเว่ยจะเปิดขายผักปราณสร้างความแตกตื่นไปทั้งยุทธภพ จะเห็นได้ว่าแคว้นโจวมีคนเข้าออกค่อนข้างมาก ทั้งผู้ฝึกยุทธ์อิสระ คนจากสำนักศึกษาต่าง ๆ เหล่าบัณฑิต และคนจากดินแดนเบื้องบน ที่ยืนปลดปล่อยพลังความแข็งแกร่งออกมาจาง ๆ เพียงเท่านั้นก็สร้างความอึดอัดให้คนของดินแดนเบื้องล่างได้แล้ว“ไม่คิดว่าข่าวที่คนของเราส่งไปจะเป็นเรื่องจริง”“ถ้าไม่เห็นผักปราณจำนวนมากที่อยู่ในร้านรอขายข้าก็ไม่อยากเชื่อเช่นกันขอรับคุณชาย”“ถึงลมปราณดินแดนเบื้องล่างจะขาดแคลนทว่าก็ไม่อาจดูเบาพวกเขาได้เช่นกันขอรับคุณชาย”“ไม่ถูกต้อง คนที่เราไม่อาจดูเบาคือตระกูลเว่ยเจ้าของผักปราณระดับสูงมากมายนี้ต่างหาก...”คุณชายของกลุ่มวิเคราะห์ออกมา พลางมองผักปราณระดับสูงที่ถูกจัดเตรียมไว้บนชั้นวางของ และอยู่ในตะกร้าแบ่งแยกเป็นชนิดต่าง ๆ ชัดเจน ง่ายต่อการเลือกหา ทั้งยังสะดวกต่อการซื้อขายราคาบนป้ายไม้ที่เด่นหราอยู

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 1   ตอนที่ 89

    อย่างไรก็ตามทัณฑ์สวรรค์มีเพียงสามสายเท่านั้น ทั้งยังทำอันใดกับหินแร่นิฬกาลไม่ได้ สมกับเป็นวัตถุดิบไร้ระดับ สมบัติประเมินค่าไม่ได้เช่นนี้ นางอยากครอบครองให้มากสักหน่อย ขนาดทัณฑ์สวรรค์ที่เป็นดังตำนานเล่าขาน ยังไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้มันได้เลย เป็นเช่นนี้จะไม่ให้นางโลภอยากได้เพิ่มได้อย่างไรเล่า!ตัวหินแร่นิฬกาลลอยนิ่งอยู่เช่นนั้นอย่างองอาจราวกับกำลังเยาะเย้ยสายฟ้าจากสวรรค์ ก่อนที่มันจะค่อย ๆ เลือนรางหายไปอันที่จริงหินแร่นิฬกาลยังอยู่ที่เดิม เพียงแต่มันหลบซ่อนตัวเองด้วยอักขระพรางตา จึงไม่มีใครมองเห็น นอกจากเว่ยซือหงเท่านั้น ซึ่งนับเป็นข้อดีอย่างมาก เพราะถ้ามีคนต้องการทำลายไร่ของนางขึ้นมา ก็จะทำได้ยาก เนื่องจากหาตาค่ายกลไม่เจอกระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้นลงไปแล้ว เว่ยซือหงยืนมองผลงานนี้ของตนด้วยความภาคภูมิใจท่ามกลางสายตาแตกตื่นของคนงานทั้งหมดรวมถึงครอบครัวตนเองด้วยแน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดในไร่ตระกูลเว่ยเช่นนี้ คนอื่น ๆ ต่างก็รับรู้แล้วเช่นกัน ม่านพลังสีทองที่ครอบคลุมทั่วไร่ตระกูลเว่ยมันชัดเจนเกินไป ราวกับเป็นพื้นที่ที่ตัดขาดจากโลกภายนอกนอกจากเหตุการณ์ในวันนี้จะสร้างความแตกตื่นให้ผู้ค

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 1   ตอนที่ 88

    การจะปลูกผักปราณนั้นใช่ว่าเพียงพูดออกมาแล้วจะทำได้เลยทันที ตระกูลเว่ยต้องเตรียมตัวหลายอย่าง จนเมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพ พวกเขาจึงพากันไปที่ไร่ตระกูลเว่ยประตูจวนที่ปิดมานานหลายวันของตระกูลเว่ยถึงได้เปิดออก รถม้าประจำตระกูลทั้งสองคัน เคลื่อนออกจากประตูจวนท่ามกลางสายตาของชาวเมือง และเหล่าขุนนางที่คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเขาเมื่อถึงไร่ตระกูลเว่ย คนงานทั้งหมดทั้งแรงงานที่เป็นชาวบ้าน บ่าวตระกูลเว่ย รวมถึงทหารที่คอยดูแลความปลอดภัย และความเรียบร้อยของไร่ถูกเรียกมารวมตัวกันที่จุดเดียวพวกเขาทั้งงุนงงและสับสนว่าเจ้านายเรียกรวมตัวด้วยเหตุใด บ้างกังวลกลัวจะถูกเลิกจ้าง ยิ่งบรรดาเจ้านายไม่ปริปาก ความคิดพลันล่องลอยไปไกลมากกว่าเดิม ก่อนทุกคนจะแตกตื่นไปมากกว่านี้ พ่อบ้านอวิ๋นจึงเข้ามาไขข้อข้องใจเสียก่อน“ไม่ต้องแตกตื่น เจ้านายของพวกเราไม่ได้คิดจะเลิกจ้างพวกเจ้า ที่เรียกมารวมตัวกันเพราะจะมีการปรับเปลี่ยนไร่ตระกูลเว่ย การให้พวกเจ้าอยู่รวมกันเป็นจุดเดียวจะทำให้ปลอดภัยและดูแลง่ายกว่าเดิม”คนงานที่เป็นชาวบ้านต่างพากันโล่งใจ หม้อข้าวของตนยังอยู่ ยังไม่ได้ถูกทุบแต่อย่างใด ทว่าความสงสัยใคร่รู้ก็กลับมาอีก

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 1   ตอนที่ 87

    “ทุกคนเจ้าคะ อาหงมีเรื่องจะคุยด้วยเจ้าค่ะ” “ว่าเช่นไรลูกรัก มีเรื่องอะไรจะคุยกับพวกเราหรือ” เว่ยซือซานถามบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“เราเลิกขายผักกันเถอะเจ้าค่ะ”“เลิกขายผัก? เลิกแล้วผักที่ปลูกอยู่พันหมู่จะทำอย่างไร” ถึงจะแปลกใจที่เว่ยซือหงเอ่ยเรื่องการยกเลิกกิจการที่กำลังรุ่งเรืองในตอนนี้ แต่พวกเขาไม่ได้แตกตื่น เรื่องราวที่ผ่านมาได้สอนพวกเขาแล้ว ว่าเจ้าตัวน้อยเป็นคนมีเหตุผลเพียงใด การเอ่ยว่าจะไม่ขายผักแล้ว ไม่ใช่คำพูดที่เอ่ยออกมาเพราะต้องการล้อเล่นแน่“ไม่ต้องทำอันใดเลยเจ้าค่ะ แค่เปลี่ยนจากผักธรรมดาพวกนั้นเป็นผักปราณให้หมด”“เจ้าหมายความว่าอยากปลูกผักผลไม้ปราณแทนการปลูกผักธรรมดาหรือ”“เจ้าค่ะท่านแม่”สมาชิกในตระกูลเว่ยนิ่งคิด ความต้องการของบุตรสาวใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยน้ำพลังปราณที่เจ้าตัวมี การเปลี่ยนจากผักธรรมดาเป็นผักปราณนั้นทำได้ง่ายราวพลิกฝ่ามือ ไม่ใช่ว่าทุกวันนี้พวกตนก็กินผักผลไม้ปราณและเห็ดปราณ ที่ปลูกอยู่หลังเรือนของเว่ยซือหงหรอกหรือหลินซือเหยาถอนหายใจมองหลานสาวพลางว่า “บอกเหตุผลให้ย่าและพวกเราทุกคนฟังได้หรือไม่ ว่าเหตุใดจึงอยากปลูกและขายผักปราณ”ซึ่งคำถามของฮูหยินผู้เฒ่

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 1   ตอนที่ 86

    ช่วงนี้เว่ยซือหงไม่ได้เคลื่อนไหวหรือทำอะไรเป็นพิเศษ นางทุ่มเวลาทั้งหมดให้ครอบครัว ทดแทนที่ตนหายไปตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือน คนในตระกูลก็พอใจมากที่เจ้าตัวน้อยใช้ชีวิตสมกับที่เป็นเด็กเสียทีทว่าเป็นคนตระกูลใหญ่ ทั้งยังเป็นสตรี สิ่งที่ควรเรียนยังต้องเรียน นางจึงถูกท่านย่าคุมเข้มเรื่องศาสตร์ทั้งสี่เป็นประจำ ถึงจะไม่ค่อยชอบแต่เว่ยซือหงก็เข้าใจและทำได้ดี ทั้งนี้ยังต้องออกไปร่วมงานเลี้ยงกับท่านย่าหรือท่านแม่ยังจวนอื่น ๆ ตามบัตรเชิญที่ถูกส่งมาเป็นครั้งคราว เจ้าตัวน้อยเลยไม่รู้สึกเบื่อนักการออกไปพบปะผู้คนและเจอเพื่อนบ้างนับเป็นเรื่องดี เช่นวันนี้ที่นางมาเดินเที่ยวตลาดกับหลินหว่าน เด็กสาวจากตระกูลหลินที่เพิ่งทำความรู้จักกันไปเมื่อครั้งงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตที่ผ่านมานั่นเอง“เจ้าว่าปิ่นอันนี้สวยหรือไม่” หลินหว่านเอ่ยถามสหายพร้อมยื่นปิ่นดอกหมู่ตาน(โบตั๋น) ให้ดูเว่ยซือหงดูแล้วทั้งตัวรูปปิ่นและขนาดที่ไม่ใหญ่มากเกินไป เหมาะกับเด็ก ๆ อย่างพวกหน้า ก็พยักหน้ารับตอบคำทันทีเช่นกัน “สวยมาก เหมาะกับเจ้า”“จริงหรือ”“จริง”“เช่นนั้นข้าเอาอันนี้เจ้าค่ะ” คุณหนูตระกูลหลินส่งปิ่นให้สาวใช้ที่ติดตามมานำไปคิดเงิน“

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status