ระยะหลังๆ มานี่ ณัฐณิชาเห็นณรงค์ไม่ค่อยสนใจตน เลยแอบแวะมาดูณรงค์ที่บ้านเสียหน่อย เพราะวันนี้เลิกงานเร็ว เธอไม่พบเขาที่บ้าน จึงรอทำอาหารอยู่ในครัว เสียงประตูบ้านเปิดออก พบร่างของสามีกลับจากทำงานในช่วงเวลาเช้าจนถึงเที่ยง
สีหน้าชายหนุ่มรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน พลางได้กลิ่นอาหารจากในครัว จึงเดินไปตามกลิ่น พบว่าณัฐณิชากำลังอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทำอาหารหลายอย่าง
“กลิ่นหอมจัง” เขายิ้มแย้ม พลางเดินเข้าไปหาภรรยาใกล้ๆ สวมกอดเอวบางจากเบื้องหลัง
“อย่าสิ อยู่หน้าเตามันร้อนนะ” ณัฐณิชาบ่น แต่สามีกลับซุกจมูกอยู่ซอกคองาม พลางเลื่อนมือขึ้นมากุมหน้าอกเธอ ก้อนเนื้อกลมแน่นถูกสองมือหนาครอบครอง ปลุกเร้าอารมณ์ความเป็นชายให้ตื่นตัวเต็มที่
“ออกห่างจากเตา มานอนที่โต๊ะสิ” หมอหนุ่มดึงตัวภรรยาในขณะที่มือบางรีบปิดปุ่มเตา เพราะรู้ว่าสามีอยากจะทำการบ้านแล้ว
หญิงสาวแนบเรือนกายบนโต๊ะเปล่า หญิงสาวสูดอากาศหายใจอย่างตื่นเต้น เพราะมันเป็นครั้งแรกสำหรับกิจกรรมในครัวกับเขา โหนกนูนชายหนุ่มดันร่องก้นหญิงสาวชนแน่น ถูไถไปมาในขณะที่กายหนุ่มโน้มตัวเข้าหาหญิงสาว จูบปลุมเร้าภรรยา เพื่อความต้องการของเขาสำเร็จเมื่อร่วมทำ
สองมือหนาพยายามปลดเสื้อผ้าช่วงล่างเธอออกจากกาย พลางแก้ผ้าตนท่อนล่างให้เปล่าเปลือย ในขณะที่หญิงสาวกำลังรอรับการมาของเขา หัวใจเธอเต้นรัวตื่นเต้นมาก วันนี้เขาร้อนแรงปลุกอารมณ์เธอจนสติแทบแตก
สองขาเล็กบางกำลังแยกถ่างออก โดยมีมือแข็งแกร่งใช้ปลายนิ้วลุกล้ำ แหย่หยั่งเชิงภายใน ตั้งแต่แต่งงานและได้เปิดซิงณัฐณิชา ตั้งแต่นั้นมา ยังไม่มีข่าวดีเลยว่าเธอจะตั้งท้อง ครานี้เขาจะลองพยายามทำใหม่ เขาอยากมีลูกสักคน...
ความเป็นชายตื่นตัวแข็งตึง ยืดยาวและใหญ่หนา อุ่นร้อนแทรกเข้าไประหว่างต้นขาจนณัฐณิชารู้สึกได้ เธอเกือบร้องอุทาน แต่ต้องอ้าปากขมวดคิ้วหนัก เมื่อถูกมันรุกล้ำส่วนที่เล็กๆ ต้องแยกขยายเมื่อก้อนเนื้อนั้นกำลังรุกเข้ามาลึกมาก
“ผมจะดันให้สุดนะ” ณรงค์เปรยเสียงแผ่ว พลางกระแทกลึก กระตุกใส่เมื่อชนสุดทาง ณัฐณิชาเผลอครวญอุทาน เมื่อกำลังยืนกางขา พาดกายเรือนกายบนไว้บนโต๊ะทานอาหาร
ชายหนุ่มขยับสะโพกพลิ้วกระแทกใส่ไหวๆ จนเรียวขาหญิงสาวยืนสั่น เสียวซ่านเมื่อโหนกนูนความเป็นชายถูไปมากับสะโพกหญิงสาว สองมือเธอต้องยึดเกาะกับขอบโต๊ะอาหาร เพราะเขากระแทกแรงและหนักมาก
ยิ่งทำให้เสียวเคลิบเคลิ้มจนสุขสันต์ ณัฐณิชาเพ้อถึงความสุขนี้มานานหลายคืน และบ่ายนี้เธอได้สมหวังเมื่อเขาทำการบ้านกับเธอเสียที... หลังจากได้เวลาเลิกงานเร็ว
ชายหนุ่มพลิกหญิงสาวหันกายกลับมา แต่กายบนเธอยังพาดอยู่กับโต๊ะอาหาร ยกต้นขาเธอข้างหนึ่งพาดไหล่แกร่ง ใช้สองมือหนายึดร่างเธอไว้ พลางดันท่อนเนื้อเข้าไปอีก หญิงสาวเหม่อมองสามีเบื้องบน กำลังขยับสะโพกล่าง เพื่อดันท่อนเนื้อกระแทกกับทางตันภายใน
แววตาหญิงสาวแทบจะร้องไห้เพราะความสุขที่ได้รับ เมื่ออีกมือหนึ่งเขาจับขาเธอพาดไหล่ทั้งสองข้าง ปล่อยให้กายช่วงบนเธอนอนราบบนโต๊ะอาหาร เขายังรุกล้ำเข้าไปในกายเธออย่างต่อเนื่อง
มวลหนาแน่นอัดอยู่ภายในกายเธอ เพราะช่องสวาทหลั่งไหลธารน้ำมากมาย ณัฐณิชามีความสุขเหลือเกิน มันช่างเป็นเซ็กซ์ที่แสนวิเศษ แทบไม่อยากให้สิ้นสุด ชายหนุ่มแทบจะคลั่งเมื่อความสุขท่วมท้นกำลังมา
เขาปล่อยสายน้ำขุ่นร้อน พุ่งเข้าไปภายในกายณัฐณิชา หญิงสาวแทบครวญครางหมดแรง เมื่อรู้สึกถึงความอุ่นอัดอยู่ภายใน เธอมีความสุขมากเมื่อเขามอบให้แบบนี้ และอยากให้มีบ่อยๆ อย่างนี้ทุกวัน
******
ณรงค์แอบลักลอบได้เสียกับณัฏฐิกา ลับหลังภรรยา และเมื่อเขามีโอกาสหลับนอนกับภรรยา เขาไม่พลาดที่จะสร้างลูกกับภรรยา ด้วยการปลดปล่อยน้ำขุ่นไหลผ่านเข้าไปภายในเธอ
ชายหนุ่มพยายามทำการบ้านบ่อยครั้ง เพื่อให้มีลูกสืบทายาท และเขาได้สมหวัง เมื่อเขาได้ลูกแฝดชายสองคนตามต้องการ หลังจากอัลตร้าซาวด์ นับว่าเป็นเวลาที่ทรมานใจ เพราะเขาไม่สามารถหลับนอนแรงๆ กับภรรยาได้เลย
ณัฐฏิกาจึงได้โอกาสยามนี้ระหว่างที่ลูกสาวตั้งท้อง เธอแกล้งป่วยบ่อยผิดปกติ ทำให้ณรงค์ต้องใช้เวลาหลังเลิกงาน อยู่กับแม่ของภรรยาบ่อยครั้ง... โดยที่ณัฐณิชาไม่ได้ระแคะระคายใดๆ
“กอดแม่นานๆ นะ” ณรงค์สวมกอดเรือนกายสวยงามของณัฏฐิกาจากเบื้องหลัง สองมือหนาจับสะโพกกลมกลึงดึงเข้าหากายอย่างเคย แนบแน่นเคลิบเคลิ้ม สุขสมเมื่อดันปลายองคชาติสอดใส่เข้าไปภายในลึกๆ
หญิงกลางคนเสียวซ่าน ครวญคราง สุขสมเมื่อได้รับรสสัมพันธ์สวาทจากลูกเขย ทั้งแข็ง ทั้งอึด ใหญ่คับช่อง ทำให้เธอรู้สึกดีมาก แรงกระแทกจากหมอหนุ่ม สร้างอารมณ์เธอได้ดีมาก เธอหลับตารับรสกามจากลูกเขยอย่างเคลิบเคลิ้ม
ช่างเป็นโชคดีของเธอโดยแท้ เมื่อมีหมอหนุ่ม คอยรักษา บำบัดความเหงาให้เธอ และมันจะยังคงเป็นความลับกับลูกสาวต่อไป
หมอหนุ่มยังคงทำหน้าที่เป็นสามีที่ดีให้แก่ณัฐณิชา และรักษาโรคเปลี่ยวเหงาให้แก่ ณัฏฐิกาอย่างสม่ำเสมอ บางวันไปบ้านแม่เพื่อรักษาโรคเหงา บางวันกลับบ้านทำการบ้านกับภรรยาที่แสนเซ็กซ์ซี่... ณรงค์ไม่เคยเบื่อหรือเหนื่อยเลย
[จบตอนสั้น ลูกเขยไฟแรง]
******
หลังจากนางสร้อยเงินเดินทางกลับมาถึงบ้าน พบเห็นว่าลูกสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเย็บปักถักร้อยอยู่ภายในห้องขอตัวเอง โดยไม่ออกมาด้านนอกตามที่ตนสั่ง นางสร้อยเงินแวะไปเยี่ยมนายปวรุตม์เสียหน่อยว่ากำลังทำงานอยู่หรือเปล่าพบเห็นว่าชายหนุ่มดังกล่าว กำลังนั่งปอกเปลือกมะพร้าว และกำลังผ่าฟืนตามสั่ง เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้นางสร้อยเงิน ทำอาหารมื้อเย็นและเช้าวันถัดไป“ทำงานอยู่รึ ระวังมีดบาดนะ”“ครับ ผมทำงานใกล้จะเสร็จแล้วครับ” ปวรุตม์ยิ้มแย้มก่อนจะตั้งใจทำงานต่อไป แววตาของนางสร้อยเงินมองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ ระหว่างที่ไม่อยู่นางน่าจะพากลิ่นจันทร์ไปด้วย แต่อยากให้ลูกสาวประหลาดใจ เมื่ออีกไม่กี่วันบิดาของเธอจะกลับมาวันเวลาผ่านไปราวอาทิตย์หนึ่ง ปรากฏร่างของชายหนุ่มสูงวัย เดินทางมาถึงบ้านของนางสร้องเงิน ปวรุตม์กำลังขุดดินปลูกต้นไม้อยู่ข้างบ่อน้ำ เขาถอดเสื้อสวมผ้าถุงสีทึบเพียงชิ้นเดียว ปวรุตม์พบเห็นร่างของชายดูดีมีภูมิฐาน เขารู้สึกกลัวขึ้นมาในทันใด หน้าตาก็คล้ายๆ กับกลิ่นจันทร์“ไอ้หนุ่ม... เอ็งเป็นใครมาจากไหน มาอยู่บ้านข้าวะ?” แววตาที่ดุดันมองมายังชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ“สวัสดีครับ ผมชื่อ ปวรุตม์ คุณส
หลังจากนั้นเป็นต้นมา... ปวรุตม์จึงเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำตัวกลมกลืนกับคนที่บ้านของกลิ่นจันทร์ ช่วยเหลืองานบ้าน และงานสวน ทำให้สร้อยเงินรู้สึกพอใจว่า ชายแปลกหน้าจากกรุงเทพฯ ซึ่งหาบ้านยายแสงดาวไม่เจอ กลายเป็นคนงานคนสวนไปโดยปริยายชายหนุ่มอาศัยอยู่ในเรือนรับรองเล็กๆ อีกแห่งของเขตบ้าน เพราะนางสร้อยเงินไม่ยอมให้อยู่ในบ้านเดียวกับลูกสาว หวังว่าจะไหว้วานผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเขียนจดหมายไปบอกสามีในเมืองว่า ช่วยแวะกลับมาบ้าน เรื่องไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ มาอาศัยอยู่ในบ้าน“แม่เดินทางปลอดภัย โชคดีนะจ๊ะ” หลังจากที่แอบลักลอบได้เสียกับปวรุตม์ เธอระมัดระวังตัวมิให้มารดารู้ว่า ลูกเสียสาวไปแล้วกับชายแปลกหน้า แต่เขาทำให้กลิ่นจันทร์มีความสุขยามเมื่อได้สวมกอด และบางสิ่งที่ทำให้เธอหลงใหล“แม่จะรีบไปรีบกลับนะ อยู่ดูแลบ้านดีๆ ล่ะ” นางสร้อยเงิน ใช้แรงงานทาสขับเกวียนไปส่งนางที่บ้านผู้ใหญ่ หวังจะขอให้ผู้มีความรู้เขียนจดหมายส่งไปให้สามีทราบเรื่องที่บ้านทีหลังจากนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน กลิ่นจันทร์จึงเดินไปที่เรือนรับรองของปวรุตม์ เพื่อขอมีอะไรด้วยกันเพราะความคิดถึงมากมาย...ชายหนุ่มกำลังรอเวลานี้ที่จะได้อยู่กับกลิ่นจันท
เรือนกายหญิงสาวยืนพิงหลังต้นไม้ใหญ่ บดบังเรือนร่าของเธอและปวรุตม์ให้พ้นสายตาใครอื่น สองแขนหญิงสาวซึ่งกันเอาไว้ระหว่างอกเขาและกายบางได้ลดลง แขนบางทั้งสองโอบกอดตอบรับชายหนุ่มเบื้องหน้าทำให้ปวรุตม์ดีใจเหลือเกินเมื่อเธอยินยอมเขาแล้ว มือของชายหนุ่มทั้งสองจึงทำงานปลดตะขอกางเกง ทำให้แววตาหญิงสาวตกใจว่า นี่เขาจะแก้ผ้าทำไมกันนะ...“ปวรุตม์ คุณจะทำอะไรรึ?” เธอไม่เข้าใจว่า เขากำลังทำอะไรแปลกๆ ออกมา หลังจากบอกรักเธอ ต้องแก้ผ้าด้วยรึ?“ผมอยากได้คุณ ปลดผ้าถุงสิ” เขาบอกให้เธอทำบ้าง หญิงสาวยังรู้สึกสับสนว่า ทำไม แต่ถ้าลองดูก็อาจจะคลายความสงสัยได้บ้างเพียงช่วงล่างเปล่าเปลือยปวรุตม์ไม่เห็นมีที่ร่วมรักใดได้ คิดเสียว่าคงต้องเลือกท่ายืนนอกสถานที่ในป่าลับเช่นนี้เขาโอบอุ้มเธอเอาไว้ใต้สองแขน ทำให้กายบางหญิงสาวลอยสูง ปลายเท้าไม่แตะพื้นและช่วงต้นขาของเธอต้องกางออก เพราะเขาดึงร่างบางเข้าหาชายหนุ่ม เรือนหน้าหญิงสาวตกใจและหน้าแดงก่ำ เธอรู้สึกอายจริงๆ“อย่าตกใจนะ กลิ่นจันทร์... ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีเอง” ชายหนุ่มพยายามกระซิบข้างหู มิให้เธอตกใจดิ้นหลุดจากแขนเขา เธอกลัวจนตัวสั่น ระหว่างถูกดึงเข้าหาร่างชายหนุ่ม ต้นข
หลังจากเขาแนะนำตัวเองกับแม่ของกลิ่นจันทร์ เธอชื่อสร้อยเงิน กำลังทำอาหารกับทาสสองคน สีหน้าของเธอไม่ค่อยไว้ใจที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาคุยกับลูกสาว“แม่ อย่าไปว่าเขาสิ เขาคงหลงทางมาถึงบ้าน ถามหายายแสงดาว แม่พอจะรู้จักคุณยายแสงดาวไหม” กลิ่นจันทร์ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คิดว่าหากช่วยเหลือเขาไปแล้ว เธอกับแม่จะได้บุญ และเขาคงจะไปทำธุระเรื่องครอบครัวได้เสียที“โอ๊ย...อยู่มาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินยายชื่อแสงดาวอะไรนั้นเลยนะ พ่อหนุ่มมาจากกรุงเทพฯ ลองไปถามญาติตัวเองใหม่เถอะ... กลับไปได้แล้ว ลูกสาวฉันจะเสียชื่อหมด” นางสร้อยเงินตอบปัด จึงอยากให้ทาสพาเขาออกจากเรือน“ไม่เป็นไรจ้าแม่... ให้ทาสช่วยแม่ทำอาหารเถอะ ฉันจะไปส่งเขาเองจ๊ะ” กลิ่นจันทร์รับอาสาเอง เพราะคิดว่าตนคงเป็นเหตุนำพาเรื่องวุ่นวายเข้าบ้าน คิดเสียว่าแนะนำให้เขาไปคุยกับผู้ใหญ่บ้าน เผื่อจะได้รับความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้“ขอโทษนะครับ คุณแม่สร้อยเงิน ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ปวรุตม์รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบญาติหรือแม่ ทุกคนหายไปไหนหมด อีกทั้งทุกๆ คนที่นี่ใส่ชุดสมัยร.๕ทั้งนั้น เขามาหลงอยู่บ้านใครกันเนี่ย... ชายหนุ่มแอบคิด******กลิ่นจันทร์พาเขาเดินออกจากบร
รุ่งเช้าท่ามกลางเสียงโวกเวกโวยวาย ผู้คนเดินไปมา สลับวิ่งจนพื้นไม้ภายในบ้านสั่นสะเทือน ปวรุตม์รู้สึกว่าถูกรบกวนจากการนอนแสนสบาย จึงลืมตาปรือตื่น หันมองว่าร่างของแม่ข้างๆ หายไป คงจะสมทบกับญาติ ซึ่งกำลังทำอะไรสักอย่าง“เร็วๆ เข้า!!! อุ้มคุณแม่ขึ้นรถ!!!” เสียงของผู้หลักผู้ใหญ่กำลังวุ่นวาย กับการนำร่างของคุณยายซึ่งเริ่มหายใจช้าลง หลับตาโดยไม่มีการตอบสนอง ครอบครัวญาติฝ่ายแม่ตกใจมากพวกเขาพาร่างของคุณยายขึ้นรถ ออกตัวจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงญาติทุกๆ ต่างคนกลับไปที่รถของตัวเอง ต่างขับรถแห่ไปทีละคันจนหมดบ้าน...เหลือไว้เพียงเขายังยืนงงอยู่ภายในบ้านคนเดียว“ไปกันหมดเลย” ปวรุตม์ไม่อาจจะพูดถามใคร ในช่วงเวลาอันฉุกละหุกได้เลย ว่าเขาควรทำตัวอย่างไร พ่อแม่เขาค่อนข้างวุ่นวายกับการพาร่างของคุณยายขึ้นรถ และรีบพาไปร.พ. ในขณะที่ญาติๆ คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายขับรถตามไป“กลิ่นจันทร์ไปกับเขาด้วยหรือเปล่านะ?” ปวรุตม์ยังคงนึกถึงสาวเมื่อคืนนี้ หากไม่อยู่ในพุ่มไม้มืด เขาอาจจะจำหน้าเธอได้ชัดกว่านี้ ตะวันในเช้านี้ทอแสงนวลแผ่วเบา แต่ท้องเขานี่สิ ร้องออกมาอย่างหิวโหย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเหลืออะไรใหเขากินได้บ้าง******ช
ในความเงียบภายในรถยนต์ ระหว่างเดินทางออกมาตจว. นอกเขตเมือง สู่ชนบทในท้องนา ภาพบรรยากาศของตึกราบ้านช่องหายไปจากสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนหนุ่มสมัยใหม่ อาศัยอยู่ในเมืองเขาจำใจต้องเดินทางมากับพ่อแม่ เพื่อไปบ้านของยายแสงดาวซึ่งอยู่ตจว. เขาเบื่อมากกับการไปอยู่บ้านนอก โบราณ คนแก่หัวเก่าๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขาเลยปวรุตม์ (ปะ-วะ-รุด) หยิบมือถือสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อแชทกับเพื่อน และนัดกันว่ากลับบ้านจากญาติแล้ว จะไปดื่มเหล้าเที่ยวผับ ควงสาวมาฟันให้สนุกแก้เบื่อเสียเลย เขายิ้มเงียบๆ โดยมิให้พ่อซึ่งกำลังขับรถหันมาดุได้อีกแม่ของเขานั่งอยู่หน้ารถ กำลังชี้ทางบอกไปทางคุณยาย คือคุณแม่ของเธอค่อนข้างมีอายุมากแล้ว พวกเขาทั้งครอบครัวถูกเรียกให้มาบ้านญาติตจว. เพื่อให้มารับทราบว่า คุณยายใกล้จะไปสบายดีแล้ว ญาติคนอื่นๆ เรียกพ่อแม่และปวรุตม์ ให้มาดูใจกันครั้งท้าย ก่อนคุณยายจะเสีย“ทำตัวดีๆ นะแกไอ้รุตม์ เดี๋ยวจะไม่ได้รับมรดกกันพอดี” คุณพ่อของเขา เป็นลูกเขยของญาติข้างแม่ ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสองปี ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวเรียบร้อย อย่างน้อยเขาอยากจะกลับเมือง มากกว่านอนค้างอยู่บ้านนอกตจว.แบบนี้