แชร์

บทที่ 0003

ผู้เขียน: อันอี่หราน
หืม?

ขณะที่พบว่าเสียงดังกล่าวนี้ดังขึ้นในสมองของตน ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ตกตะลึงพร้อมเลิกคิ้วเล็กน้อย

[ว้าว! ไอ้ท่ายักคิ้วนี่ ช่างดูเท่ห์ยิ่งนัก อะไรคือความเท่ห์เหลือใจ ก็คือประมาณนี้แหละ! สมแล้วที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงเสน่ห์ในนิทานเรื่องนี้!]

[เพียงแต่ไม่รู้ว่า ฮ่องเต้แบบนี้ จะหลงลูกสาวตัวเองจนเป็นทาสลูกสาวหรือเปล่า?]

นิทาน?

ทาสลูกสาว?

ฮ่องเต้ต้าฉู่มีสีหน้านิ่งเฉย ก้มหน้าลงไปดูทารกในอ้อมแขน

ดังนั้น เสียงที่อยู่ในสมองนี้ ก็คือเสียงของลูกสาวเขาหรือ?

ฮ่องเต้ต้าฉู่เหลียวมองพระสนมเฉินเฟย เห็นนางมีสีหน้าปกติ ไม่มีอาการอื่นใด ก็แสดงว่าเสียงพูดในใจขององค์หญิงน้อยมีเพียงเขาคนเดียวที่ได้ยิน

ว่าแล้วเชียว การที่ตนสามารถเจอสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นพวกนี้ได้ คงเพราะตนเป็นโอรสแห่งสวรรค์แน่นอน

จากนั้นจึงได้เบิ่งตาพิจารณามองดูทารกน้อยที่ยกสองมือขึ้น ยังพยายามที่จะสัมผัสใบหน้าของตนอย่างไม่ยอมแพ้

ฮ่องเต้ต้าฉู่เหยียดริมฝีปากยิ้มเล็กน้อย พลางยกตัวนางขึ้นสูง และปล่อยให้นางสัมผัสใบหน้าตนตามอำเภอใจ

ไม่ผิดจากที่คิด ใบหน้ากลมแป้นเล็ก ๆ เหยียดปาก พร้อมผุดรอยยิ้มที่ไร้ฟันออกมา

[อุ๊ยตาย! ลูบได้แล้ว! ลูบได้แล้วจริง ๆ ด้วย! ในแคว้นต้าฉู่นี้ คนที่สามารถลูบหน้าเสด็จพ่อของเราแบบนี้ได้ ก็คงมีแต่เราคนเดียวล่ะมั้ง!]

[ยิ่งหน้าตาของเสด็จพ่อด้วยแล้ว ช่างสมกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่นักประพันธ์บรรยายซะยืดยาวจริง ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา บุคลิก ไหนจะรูปร่างอันผึ่งผาย ล้วนแต่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติทั้งนั้น!]

[มิน่าวังหลังถึงมีผู้หญิงหลายคนชิงดีชิงเด่นเพื่อจะเอาใจเขา จนแม้แต่เรา ยังเกือบตกเป็นเหยื่อการแก่งแย่งของพวกนางเลย!]

[ว่าแต่ว่า คนที่ติดสินบนแม่นมทำคลอดเพื่อจะให้เราตายในท้อง ก็คือสนมโหรวกุ้ยเหรินที่เพิ่งได้ถวายตัวให้เสด็จพ่อไม่นานมานี้นี่นา]

[ใครเลยจะไปนึกว่าสนมโหรวกุ้ยเหรินอายุเพียงสิบกว่าปี จะมีน้ำมือเหี้ยมโหดถึงปานนี้ ขนาดเด็กทารกที่ไร้เดียงสา ยังเข่นฆ่าได้ลงคอ!]

พระสนมเฉินเฟยที่แอบฟังเสียงพูดในใจของลู่ซิงหว่าน เดิมทียังอกสั่นขวัญที่ได้ยินนางกล่าวชมหน้าตาของฮ่องเต้ต้าฉู่อย่างเปิดเผย

ในขณะที่รู้สึกโล่งอก ที่มีนางเพียงผู้เดียวที่ได้ยินเสียงนี้ มิฉะนั้นความผิดฐานพูดเท็จต่อเบื้องสูงคงหนีไม่พ้นอย่างแน่นอน

แต่ทันใดนั้น เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของนาง สีหน้าของพระสนมก็เปลี่ยนไป ที่แท้คนที่ติดสินบนแม่นมหลี่ก็คือสนมโหรวกุ้ยเหรินนั่นเอง

แถมสนมโหรวกุ้ยเหรินผู้นี้ได้เข้าวังมาก็ด้วยเส้นสายตระกูลซ่งของนาง

ปกติพบเจอกันทุกครั้ง ยังเรียกพี่เรียกน้องอย่างสนิทสนม ที่ไหนได้ คนที่คิดปองร้ายนางกับลูก ก็คือนังแพศยาคนนี้นี่เอง

พระสนมเฉินเฟยรู้สึกโกรธยิ่งนัก แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากบอกเรื่องแม่นมหลี่ให้ฮ่องเต้ได้รับรู้

ก็ได้ยินฮ่องเต้ต้าฉู่พูดขึ้นมาก่อนว่า “เฉินเฟย เมื่อครู่ตอนเข้าตำหนักมา เห็นข้างนอกจับแม่นมไว้คนหนึ่ง มีเรื่องอะไรกันเหรอ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไม่รอให้พระสนมเฉินเฟยได้เอ่ยปาก จิ่นซินก็รีบคุกเข่าลงพื้นเสียงดัง ร่ำไห้พูดตอบฮ่องเต้

“ขอฝ่าบาททรงให้ความเป็นธรรมแก่พระสนมด้วยเพคะ หากไม่เพราะพระสนมดวงแข็ง ป่านนี้คงถูกแม่นมหลี่ปองร้ายจนเสียชีวิต พร้อมกับองค์หญิงเก้าไปแล้วเพคะ”

[ใช่ ๆ ถ้าไม่เพราะในครรภ์ของท่านแม่มีเซียนอย่างข้ามาเกิด ป่านนี้คงถูกแม่นมอะไรนั่นเล่นงานจนตายไปแล้ว]

[ถึงตอนนั้น ท่านแม่ก็มีแต่จะตรอมใจจนไปโดดบ่อน้ำตาย มีจุดจบอย่างน่าอนาถ!]

ฮ่องเต้ต้าฉู่จับใจความคำพูดของลู่ซิงหว่านได้เพียงว่า “เซียนอย่างข้า” ได้ก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำ

เห็นไหมล่ะ องค์หญิงเก้าของเขา ก็คือเซียนบนสวรรค์มาจุติจริง ๆ ด้วย

พระสนมเฉินเฟยก็เช่นกัน แทบไม่อาจหักห้ามความตื่นเต้นดีใจได้ ลูกสาวของนางคือเซียนมาจุติ ช่างวิเศษเหลือเกิน!

เคราะห์ยังดี!

ที่ลูกรักเป็นเซียนมาจุติ มิฉะนั้นนางคงเป็นอย่างที่ลูกพูด

ลูกสาวถูกแม่นมหลี่ปองร้ายจนตาย นางก็ตรอมใจจนคิดสั้น

ทั้งคู่ล้วนเป็นผู้มีเหลี่ยมคูในใจ จึงต่างระงับความรู้สึกของตนไว้ เพื่อจะฟังว่าลู่ซิงหว่านจะพูดอะไรออกมาอีก

เห็นเพียงนางอ้าปากอย่างเกียจคร้าน จากนั้นก็หาวออกมา พร้อมกับนอนหลับสนิทไป

ฮ่องเต้ต้าฉู่โมโหมากกับเหตุการณ์ที่องค์หญิงน้อยถูกปองร้าย แต่เพื่อเห็นแก่ทารกที่หลับปุ๋ยในอ้อมแขน จึงได้แต่ระงับอารมณ์ไว้ก่อน

แม้ว่าไม่อยากปล่อยมือ แต่ก็ต้องมอบให้จิ่นซินอย่างระมัดระวัง และหันไปพูดกับพระสนมเฉินเฟยว่า “เฉินเฟย ไม่ต้องห่วงนะ เรื่องนี้ ข้าจะให้คำตอบที่เจ้าพอใจแน่นอน”

พระสนมเฉินเฟยต้องคลอดก่อนกำหนดเนื่องจากหกล้ม หากไม่เพราะได้รับพลังจิตจากลู่ซิงหว่านช่วยพยุงไว้ ป่านนี้คงทรุดไปนานแล้ว

เมื่อได้ยินฮ่องเต้พูดเช่นนี้ จึงได้วางใจปล่อยเรื่องนี้ให้เขาไปจัดการ

“พาคนเข้ามาเดี๋ยวนี้”

อิ่งเหมยรับคำสั่งพร้อมนำตัวแม่นมหลี่เข้ามา

แม่นมหลี่รู้ว่าเรื่องถูกเปิดโปง ก็ได้หวาดกลัวจนตัวสั่นนานแล้ว ยิ่งมาเห็นฮ่องเต้ต้าฉู่มาไต่สวนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ก็ยิ่งอ่อนแรงจนกองไปกับพื้นทันที

เพียงคำพูดสั้น ๆ ก็สารภาพความจริงออกมาจนหมดสิ้น

“ฝ่าบาททรงไว้ชีวิตด้วยเพคะ พระสนมเฉินเฟยโปรดให้อภัยข้าน้อยด้วยเถิดเพคะ เพราะโหรวกุ้ยเหรินเพคะ นางสั่งให้ข้าน้อยทำเช่นนี้”

“สนมโหรวกุ้ยเหรินให้ข้าน้อยโรยหินกลมในที่ที่พระสนมเฉินเฟยมักไปเดินเล่นบ่อย ๆ เพื่อให้พระสนมลื่นล้มเพคะ”

“รอจนพระสนมมีอาการคลอดก่อนกำหนด ค่อยทำให้เด็กเสียชีวิตในครรภ์ จากนั้นก็อ้างว่าเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีร่องรอยให้สืบสวนเพคะ”

“ครอบครัวของข้าน้อยอยู่ในมือโหรวกุ้ยเหรินทั้งสิ้น ข้าน้อยจึงไม่กล้าขัดคำสั่งของนางเพคะ!”

หลังจากฟังคำให้การของแม่นมหลี่ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็สีหน้าบึ้งตึง

“ใครก็ได้ ไปพาตัวโหรวกุ้ยเหรินมา!”

“พ่ะย่ะค่ะ”

เมิ่งฉวนเต๋อรีบรับบัญชา พาคนไปจับโหรวกุ้ยเหรินด้วยตัวเอง

เห็นได้ชัดว่าสนมโหรวกุ้ยเหรินคาดคิดไม่ถึงว่า แผนการที่แนบเนียนยิ่งแบบนี้ เหตุใดจึงได้ล้มเหลวไปได้

พอถูกนำตัวมายังตำหนักชิงอวิ๋น ก็ร้องห่มร้องไห้ ดิ้นรนขัดขืนเป็นการใหญ่

ทำเอาลู่ซิงหว่านที่เพิ่งนอนหลับไป ถูกกวนจนตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

พอลืมตาขึ้น ก็คิดเอ่ยปากด่าว่าสักหน่อย

แต่พอออกเสียง ก็กลายเป็นเสียงร้องไห้ของทารกน้อยซะงั้น

ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของนาง พระสนมเฉินเฟยกับฮ่องเต้ก็ลนลานเป็นอย่างมาก รีบมาอุ้มพร้อมกับขับกล่อม

จิ่นซินเห็นทั้งสองคนมีอาการลนลานคล้ายทำอะไรไม่ถูก จึงได้กล่าวอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาทเพคะ พระสนม องค์หญิงเก้าจะหิวนมหรือเปล่าเพคะ?”

“ใช่ๆ ๆ ลูกคงหิวแล้ว รีบให้แม่นมมาเร็ว ๆ เข้า” ฮ่องเต้รีบกวักมือ

เพียงไม่นาน แม่นมที่ได้เตรียมไว้ก็มาเข้าเฝ้า พร้อมรับตัวลู่ซิงหว่านไปป้อนนม

ลู่ซิงหว่านเห็นหน้าตา ก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ [หา? ไม่นะ ไม่ ข้าไม่ต้องการแม่นมคนนี้ป้อนนมนะ]

ทั้งฮ่องเต้ต้าฉู่และพระสนมต่างก็ตกใจ หรือว่าแม่นมคนนี้ก็มีปัญหาด้วยเหมือนกัน?

[แม่นมคนนี้มีกลิ่นตัวแรง ข้าต้องการท่านแม่ที่ตัวหอม...]

ได้ยินดังนี้ ทั้งคู่ก็ค่อยถอนหายใจ พลางยิ้มด้วยความเหนื่อยใจ

พระสนมเฉินเฟยยื่นมือออกไปพร้อมกล่าวต่อ “ฝ่าบาทเพคะ ลูกร้องไห้งอแง คงไม่อยากให้แม่นมป้อน ถ้ายังไงให้หม่อมฉันป้อนเองจะดีกว่านะเพคะ!”

สีหน้าฮ่องเต้ค่อยหายตึงเครียด แอบคิดในใจว่าเฉินเฟยช่างรู้ใจนัก ไม่ต้องให้เขาเอ่ยปากด้วยความลำบากใจ

“ถ้าเช่นนั้น คงต้องลำบากเจ้าหน่อยแล้วล่ะ!”

“หม่อมฉันป้อนนมให้แก่ลูกของหม่อมฉันกับฝ่าบาท มีแต่ความอิ่มเอิบใจ ไม่ลำบากหรอกเพคะ”

พระสนมเฉินเฟยยิ้มอ่อนโยน พลางรับตัวลู่ซิงหว่านมา อุ้มนางไว้ในอ้อมอกอย่างระมัดระวัง และเริ่มป้อนนมให้

[อุ๊ย! น่าอายจัง! แต่ว่า อึ้ม...ช่างหอมหวานเหลือเกิน]

ลู่ซิงหว่านแม้จะขัดขืนอยู่ในใจ แต่ด้วยสัญชาติญาณของทารก เมื่อได้กลิ่นหอมของน้ำนม ก็รีบดูดเอา ๆ โดยไม่รีรอ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
คุณป้า ฆ่าไม่ตาย
ดีดีมาก อ่านดีน่าติดตาม
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0640

    พูดถึงตรงนี้องครักษ์เงามังกรก็ถอนหายใจ “เพียงแต่อีกฝ่ายล้วนเป็นนักรบที่ตายแล้ว ไม่ได้เหลือผู้รอดชีวิตไว้”[แม่เจ้าโว้ย ทหารพลีชีพหนึ่งร้อยคน นี่มันฐานะอะไรเนี่ย][ดูเหมือนว่าชีวิตของเสด็จพ่อมีค่ามากจริงๆ สามารถทําให้อีกฝ่ายส่งทหารพลีชีพได้หนึ่งร้อยคน]เรื่องนี้เป็นไปตามที่คาดไว้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ย่อมไม่ตําหนิองครักษ์เงามังกร จึงออกคําสั่งให้คนขับรถม้าเดินทางต่อไป ต้องไปถึงสถานที่ปลอดภัยถึงจะดําเนินการต่อได้ภายในรถม้าก็เงียบกริบเช่นกันในที่สุดสนมเยว่กุ้ยเหรินก็ลองเอ่ยปาก “ฝ่า...นายท่าน ฮูหยิน คือว่า...”ซ่งชิงเหยียนเหมือนเพิ่งนึกถึงสนมเยว่กุ้ยเหรินที่ขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ดึงนางขึ้นมา “วางใจเถอะ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”ในใจก็อดทอดถอนใจไม่ได้ มิน่าเล่าสนมเยว่กุ้ยเหรินถึงอยู่ในวังมาเจ็ดแปดปีก็ไม่มีทายาทสักคน เกรงว่าโอกาสที่ฝ่าบาทจะโปรดปรานนางก็มีน้อยมากในรถม้าคันเดียวมีกันแค่สี่คน ตัวเองยังสามารถลืมนางได้อย่างสนิทใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้ที่มีสนมมากมายส่วนฮ่องเต้ต้าฉู่ก็จัดเสื้อผ้าให้ตนเอง แล้วอุ้มลู่ซิงหว่านเข้ามาในอ้อมกอดของตน หยอกล้อนางว่า “หวานหว่าน ตกใจหรือเปล่า?”ลู่ซิงหว่านเอื

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0639

    เพราะว่าตอนนี้อยู่ข้างนอก ทุกคนต่างก็เปลี่ยนคําเรียกขานกัน จึงสามารถปกป้องฝ่าบาทได้อย่างทั่วถึง“ปกป้องนายท่าน!” เว่ยเฉิงดึงกระบี่ออกจากฝักกระบี่ของตัวเอง แล้วพูดกับฮ่องเต้ต้าฉู่ที่อยู่บนรถม้า “นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง คนขอวเราข้าล้วนเลือกคนที่มีวรยุทธ์สูงทั้งนั้น ต้องสามารถปกป้องนายท่านและฮูหยินให้ปลอดภัยได้อย่างแน่นอนขอรับ”“ได้” เสียงทุ้มต่ำของฮ่องเต้ต้าฉู่ดังขึ้น ทําให้เว่ยเฉิงรู้สึกสบายใจขึ้นหลายส่วนซ่งชิงเหยียนก็กุมมือของสนมเยว่กุ้ยเหรินในเวลานี้ และพยักหน้าให้นางเพื่อแสดงให้เห็นว่านางสบายใจได้ลู่ซิงหว่านกลับไม่กลัวอย่างที่สนมเยว่กุ้ยเหรินคิดแม้กระทั่งนางยังตบแขนสนมเยว่กุ้ยเหรินเบาๆ ปากก็พึมพําว่า “ไม่กลัว”สนมเยว่กุ้ยเหรินรู้สึกอับอายขายหน้าจริงๆ [ว้าว ทําไมมันน่าตื่นเต้นจัง][เสด็จพ่อและท่านแม่ต้องสู้ๆ นะ! เสด็จพ่อไม่ใช่ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าฉู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในนิทานหรอกหรือ! โชว์ฝีมือให้หวานหว่านดูหน่อย ให้หวานหว่านดูบ้าง!]ซ่งชิงเหยียนกุมหน้าผากอย่างพูดไม่ออกโชคดีที่เป็นเสียงในใจ ฝ่าบาทจึงไม่ได้ยิน หวานหว่านเอ๋ย เจ้ามีกี่หัวให้ถูกตัดกันล่ะเนี่ย!แม้แต่ฮ่องเต้ต้

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0638

    ฮ่องเต้ต้าฉู่และคณะเดินทางลงใต้ต่อ แล้วเลือกที่พักต่อไปก่อนออกเดินทาง อัครมหาเสนาบดีและคนอื่นๆ ได้กําหนดสถานที่ตั้งหลักสําหรับฝ่าบาทตามทางแล้ว ล้วนเป็นอำเภอที่เจริญรุ่งเรืองแต่ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้รูปแบบการเดินทางแล้ว ตอนนี้เป็นการเยี่ยมเยือนส่วนตัวแล้วประการที่สองคือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในอําเภอไถจินซึ่งจําเป็นต้องป้องกันดังนั้นฮ่องเต้ต้าฉู่จึงปรึกษากับเว่ยเฉิงและซ่งชิงเหยียน เปลี่ยนเส้นทางและเลือกเมืองอื่นๆ เพื่อพักระหว่างทาง เพื่อสํารวจประเพณีท้องถิ่นดูว่าสถานที่อื่นๆ ก็มีพฤติกรรมที่หลอกลวงและปกปิดเช่นเดียวกับอําเภอไถจินหรือไม่ดังที่หวานหว่านกล่าวไว้ อําเภอไถจินที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนี้ยังเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ แล้วอําเภออื่นๆ ล่ะซ่งชิงเหยียนยังไม่ทันได้พูดอะไร ลู่ซิงหว่านก็พูดก่อน[ได้สิ ๆ ! ออกมาเที่ยวเล่นก็ต้องเที่ยวเล่นไปทั่วอยู่แล้ว ถ้าทุกที่ถูกคนจับตามองอยู่ จะมีความหมายอะไรอีกล่ะ][ทําไมไม่ให้ผู้บัญชาการเว่ยเลือกสถานที่เล็กๆ หน่อย พวกเราไปเดินเล่นกัน ยังไงก็ต้องรับรองความปลอดภัยของเสด็จพ่อนะ!][ออกมาห้าวันแล้ว แต่ก็ยังปลอดภัยอยู่ เดิมคิดว่าจะถูกลอบสังหารในวันแรกท

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0637

    “ตอนนี้เกรงว่าพระมเหสีคงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสส่งองค์หญิงหกออกจากตําหนักจิ่นซิ่ว” สนมหลานพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งพระสนมหลานเฟยพูดได้ไม่ผิด เดิมทีเสิ่นหนิงก็ไม่ยอมรับองค์หญิงหกอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ฮ่องเต้เป็นคนออกปากเอง นางจึงปฏิเสธไม่ได้ไม่สู้ครั้งนี้วางแผนซ้อนแผน ส่งองค์หญิงหกออกไปก็แล้วกันพระสนมหลานเฟยพาจิ่นซินไปที่ตําหนักหรงเล่อแม้แต่ไทเฮาที่อาศัยอยู่ในวังหลังมานานขนาดนี้ เมื่อเห็นบาดแผลบนใบหน้าของจิ่นซิน ก็อดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน“จิ่นซิน” ไทเฮาจับมือจิ่นซินปลอบ “พระสนมของเจ้าไม่อยู่ มีเรื่องอะไรเจ้าก็บอกแม่นมซูได้เลย ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง”จิ่นซินกลับมีสมองอย่างหาได้ยาก เพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ “บ่าวไม่เป็นอะไรเพคะ ไทเฮาเพคะ จิ่นซินเป็นเพียงบ่าวคนหนึ่งเท่านั้น หากผู้เป็นนายอารมณ์ไม่ดี จะตีจะด่าสักหน่อยก็สมควรแล้วเพคะ”แม้ว่าไทเฮารู้ว่าคําพูดของจิ่นซินเป็นคําพูดที่สุภาพ แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของนาง บวกกับบาดแผลบนใบหน้าของนาง ก็เห็นถึงความอดทนและความคับข้องใจอย่างชัดเจนจึงหันไปมองพระสนมหลานเฟย “ในเมื่อชิงเหยียนไม่อยู่ ช่วงนี้ให้จิ่นซินอยู่ในวังของเจ้าเถอะ

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0636

    เมื่อได้ยินจิ่นซินกล้าที่จะเถียงตนเอง องค์หญิงหกก็โกรธทันที“เจ้าคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!” องค์หญิงหกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจิ่นซินย่อมคุกเข่าลงอย่างเรียบร้อย แต่ร่างกายยังคงตั้งตรงตอนนี้นางจึงอยู่ในระดับเดียวกันกับองค์หญิงหกองค์หญิงหกรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าและตบหน้าจิ่นซินหนึ่งฉาด “เจ้าบ่าวรับใช้บังอาจนัก แม้แต่นายของเจ้ายังไม่กล้าพูดกับข้าเช่นนี้ เจ้ากล้าเถียงข้าหรือ?”พูดถึงตรงนี้ ราวกับไม่คลายความโกรธ หันไปมองอิงหงที่อยู่ข้างๆ อีกครั้ง “ตบปากนางให้ข้าที!”อิงหงกลับขดตัวไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าถึงอย่างไรจิ่นซินก็เป็นคนข้างกายของพระสนมหวงกุ้ยเฟย แม้ว่านายของนางจะเป็นองค์หญิงหก แต่ว่า...เมื่อเห็นอิงหงไม่ขยับตัว องค์หญิงหกก็ยื่นขาออกไปเตะที่ขาของนาง “เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือ?”อิงหงกัดฟัน ในที่สุดก็เดินมาตรงหน้าจิ่นซินแล้วเริ่มลงมือเมื่อเห็นใบหน้าของจิ่นซินแดงและบวมขึ้นในที่สุด องค์หญิงหกจึงเอ่ยปากให้อิงหงหยุดมือ แต่ยังคงไม่คลายความโกรธ “เจ้าคุกเข่าตรงนี้ให้ข้าสองชั่วยาม หากคุกเข่าไม่ถึงสองชั่วยาม ข้าจะตบเจ้าอีก!”พูดจบก็พาอิงหงเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามองในเวลานี้อวิ๋นหลานที่

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0635

    พูดจบก็ยิ้มให้เสิ่นผิงอีก “การสอบระดับกลางปีหน้า ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองหลวง”ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นจริงๆ แต่คนนี้ ในเมื่อหวานหว่านบอกว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ เมื่อพบแล้ว ก็ไม่อาจไม่ยุ่งได้พูดจบก็เดินก้าวยาวๆ ออกไปเสิ่นผิงเพิ่งได้สติหลังจากฮ่องเต้ต้าฉู่จากไปแล้ว “ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ทําเรื่องใหญ่อีกครั้ง ในใจย่อมมีความสุขมากคนทั้งกลุ่มจึงเก็บสัมภาระอีกครั้งและเดินทางต่อฮ่องเต้ต้าฉู่เดินเที่ยวชมวิวตลอดทาง มีความสุขมากแต่หลังจากที่เขาจากไป ในวังก็มีคนก่อความวุ่นวายขึ้นคนแรกที่ก่อความวุ่นวายขึ้นก็คือองค์หญิงหกที่ตอนนี้อาศัยอยู่ในวังจิ่นซิ่วจิ่นซินอยู่ในตําหนักชิงอวิ๋นเพียงลําพัง ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทํา ทั้งวันจึงไม่มีอะไรทําดังนั้นวันนี้ ตําหนักชิงอวิ๋นกลับมีคนที่จิ่นซินคาดไม่ถึงคนหนึ่งมา อวิ๋นหลานเมื่อเห็นอวิ๋นหลานมา จิ่นซินก็รีบเข้าไปต้อนรับ “พี่หญิงอวิ๋นหลานมาได้อย่างไรกัน?”จะว่าไปตําหนักจิ่นซิ่วกับตําหนักชิงอวิ๋นก็ไม่ได้มีความขัดแย้งต่อหน้าอะไรกันแต่จิ่นซินและจินอวี้ในตําหนักชิงอวิ๋นต่างก็รู้ว่าเมื่อฮองเฮายังเป็นพ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status