แชร์

บทที่ 0002

ผู้เขียน: อันอี่หราน
[ท่านแม่โปรดวางใจเถิด เดิมข้าควรจะถือกำเนิดนานแล้ว แต่เพราะแม่นมทำคลอดนั้นพยายามจะดันตัวข้าเข้าไปข้างในอยู่ตลอด ข้าจึงยังไม่ได้เกิดเสียที]

[แต่ตอนนี้แม่นมคนนั้นถูกจับไปแล้ว ไม่มีคนชั่วมาขัดขวาง ข้าคงจะได้เกิดซักที!]

ในสมองของพระสนมเฉินได้ยินเสียงพูดอ้อแอ้อย่างมีความสุข ก็ถอนหายใจยาว พร้อมกล่าวกับจิ่นซินว่า “ไม่เป็นไร ลูกใกล้จะคลอดออกมาแล้ว เจ้ารีบไปเตรียมผ้าห่อตัว แล้วมาช่วยทำคลอดก็พอ”

ลู่ซิงหว่านส่งกระแสจิตไปด้านนอก พบว่าจิ่นซินได้เตรียมการพร้อมแล้ว จึงตะโกนในใจด้วยความยินดี [ท่านแม่ เตรียมตัวอีกประเดี๋ยว เราใกล้จะได้พบกันแล้ว]

......

ในเวลาเดียวกันนี้ ที่ท้องพระโรง ฮ่องเต้ต้าฉู่กำลังรับฟังรายงานจากขุนนางเกี่ยวกับเหตุการณ์ภัยแล้ง สีหน้าเคร่งเครียดยิ่งนัก

แคว้นต้าฉู่ไม่มีฝนตกมาเกือบปีแล้ว ทุกหนแห่งล้วนแต่แห้งผากไปหมด

ต่อให้เป็นดินแดนทางใต้ที่ได้ชื่อว่าล่ำซำ พืชผลทางการเกษตรก็เผชิญกับภาวะน่าเศร้าที่ไร้ผลเก็บเกี่ยว

ถ้ายังไม่มีฝนตกอีก คาดว่าปีหน้าแคว้นต้าฉู่ คงต้องเผชิญกับความอดอยากหิวโหยที่น่ากลัวยิ่ง

แต่สวรรค์จะประทานฝนหรือไม่ ก็ใช่ว่าฮ่องเต้อย่างเขาจะกำหนดได้นี่นา

ฮ่องเต้ต้าฉู่จึงได้แต่โบกมือให้เหล่าขุนนางออกไปก่อนอย่างจนปัญญา

ส่วนตัวเองนั่งซึมเซาอยู่นาน จากนั้นเดินไปยังวังหลัง

จิ่นอวี้รออยู่นานเมื่อเห็นฮ่องเต้มา จึงรีบคุกเข่าถวายรายงาน “ฝ่าบาทเพคะ เมื่อเช้าพระสนมเฉินเฟยไม่ทันระวังหกล้มเข้า และมีเลือด ตอนนี้ใกล้จะคลอดแล้วเพคะ!”

ได้ยินจิ่นอวี้พูดดังนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที “อะไรกัน? พวกเจ้าดูแลยังไงกัน ทำไมปล่อยให้พระสนมหกล้มได้?”

จิ่นอวี้ก้มหน้าไม่กล้าพูดจาใด ๆ ทั้งสิ้น

“ยังไม่รีบไปอีก!”

ฮ่องเต้ต้าฉู่เห็นสีหน้านาง มีหรือจะไม่รู้ว่าเบื้องหลังยังมีความนัยแอบแฝงอยู่ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะมาเอาเรื่อง

บัดนี้แคว้นต้าฉู่เกิดภัยแล้งทุกหนแห่ง ผู้คนต่างอยู่อย่างยากลำบาก ส่วนฟ่านอ๋องนั้นก็มีแต่คิดจะก่อกบฏ ดังนั้น ความสำคัญของฐานันดรติ้งกั๋วโหวนั้นมีมากเพียงใด ไม่ต้องบอกก็รู้ ๆ กัน

หากว่าเวลานี้ เฉินเฟยเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ติ้งกั๋วโหวจะยังมีแก่ใจห่วงใยบ้านเมืองที่ไหนอีก?

ขณะที่ฮ่องเต้ต้าฉู่กำลังเร่งรีบไปตำหนักชิงอวิ๋นอันเป็นที่ประทับของพระสนมเฉินเฟยอยู่นั้น

เบื้องหน้ากลับเห็นภาพ ๆ หนึ่ง จนต้องเบิกตาโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อในสายตาตนเอง

ภาพเบื้องหน้านั้น เหนือตำหนักชิงอวิ๋นขึ้นไป จู่ ๆ ก็มีรัศมีเรืองรองจากฟากฟ้าสาดส่องลงมายังตัวตำหนัก

และท่ามกลางรัศมีนั้น ยังมีดอกบัวพุทธบูชาดอกหนึ่งเปล่งประกายระยิบระยับงามตาค่อย ๆ ลอยลงมาจงถึงด้านในของตำหนักชิงอวิ๋น จากนั้นหายไปพริบตา

ทว่าภาพที่น่าอัศจรรย์ยิ่งเช่นนี้นั้น แต่เหล่าข้าราชบริพารกลับดูเหมือนไม่ได้เห็นสิ่งใดเลย

ฮ่องเต้ต้าฉู่พยายามอดกลั้นความตื้นตันในใจ พลางหันไปมองมหาขันทีเมิ่งฉวนเต๋อซึ่งมีสีหน้าเรียบเฉยที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าเห็นอะไรหรือไม่”

“กระหม่อมโง่เขลา ไม่ทราบว่าฝ่าบาททรงหมายถึงสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เมิ่งฉวนเต๋อตกตะลึง ใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ฝ่าบาททรงเห็นอะไรเข้างั้นหรือ?

มีอะไรที่เขาควรเห็น แต่มองข้ามไปหรือไงกัน?

“ไปกันเถอะ!”

ฮ่องเต้ต้าฉู่สีหน้าไม่สบอารมณ์ แต่ในใจกลับตื้นตันยิ่งนัก

นั่นก็แสดงว่า รัศมีเรืองรองและดอกบัวพุทธบูชานั้น มีเพียงตนผู้เดียวเท่านั้นที่เห็น?

แต่ก็อย่างว่า ตนเป็นถึงโอรสแห่งสวรรค์ สิ่งปาฏิหาริย์แบบนั้นย่อมไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่าของมนุษย์ธรรมดา

วันนี้เฉินเฟยมีกำหนดคลอด และรัศมีเรืองรองก็ปรากฏขึ้น

มิเป็นการบ่งบอกว่า ทารกที่อยู่ในครรภ์ของนาง เป็นดอกบัวพุทธบูชามาจุติหรอกหรือ?

เมื่อนึกถึงตรงนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ยิ่งเร่งฝีเท้าตรงไปยังตำหนักชิงอวิ๋นอย่างรวดเร็ว

“คลอดแล้ว! พระสนมคลอดแล้ว! เป็นองค์หญิงน้อยเพคะ!”

เพิ่งย่างเข้าตำหนักชิงอวิ๋น ก็ได้ยินเสียงทารกแรกเกิดร้องขึ้นอย่างกังวาน

และถัดจากเสียงร้องของทารก ก็เป็นเสียงฟ้าร้องคำราม จากนั้นฝนเทกระหน่ำลงมา

“นี่มัน...”

“สวรรค์คุ้มครองประเทศต้าฉู่เราแล้ว!”

“นี่คือ...สิริมงคลที่องค์หญิงน้อยนำพามาให้หรือ?!”

“องค์หญิงเก้าพาฝนมาให้พวกเรา องค์หญิงเก้าคือผู้นำโชคของแคว้นต้าฉู่เราโดยแท้!”

เหล่าข้าราชบริพารที่อยู่ด้านข้างต่างดีอกดีใจที่เห็นฝนตกลงมา

แคว้นต้าฉู่ร้างฝนมาแรมปี ฝนนี้ เท่ากับช่วยชีวิตชาวบ้านมากมายนัก!

ไม่มีใครสงสัยว่าฝนนี้ไม่ได้เกิดเพราะการถือกำเนิดขององค์หญิงเก้า เพราะว่ามันช่างบังเอิญยิ่งนัก

ทันทีที่เสียงอุแว้ขององค์หญิงน้อยดังขึ้น ฝนก็เทตามเสียงคำรามของฟ้าด้วย

ฮ่องเต้ต้าฉู่ดีใจเป็นอย่างมาก รีบมุ่งตรงไปยังห้องนอนของพระสนมเฉินเฟย

และในเวลานี้ ลู่ซิงหว่านที่เกิดมาได้สำเร็จนั้นก็เพิ่งถูกจิ่นซินเช็ดตัวทำความสะอาดเสร็จ เอาผ้ามาห่อหุ้มไว้ และส่งไปยังข้างกายพระสนมเฉินเฟย

ทันทีที่เห็นใบหน้างดงามอ่อนโยนนั่น ลู่ซิงหว่านก็ตาสว่างขึ้น

[ว้าว! ช่างสมเป็นพระสนมเฉินเฟยผู้เลอโฉม ผู้เป็นที่โปรดปรานยิ่งในวังหลังจริง ๆ หน้าตางดงามไม่มีที่ติ มีแม่ที่สวยขนาดนี้ อีกหน่อยโตขึ้นเราก็ต้องเป็นหญิงงามเหมือนกัน!]

พระสนมเฉินเฟยมองดูทารกในอ้อมแขน ซึ่งมีนัยน์ตากลมโตดำขลับกำลังจ้องมองตนอยู่เช่นกัน พร้อมกับได้ยินเสียงบ่นพึมพำที่อยู่ในสมองด้วย

นางรู้แต่ว่าในยามนี้หัวใจเปี่ยมล้นด้วยความสุข

แม้จะไม่รู้เพราะเหตุใด นางจึงได้ยินเสียงพูดของบุตรสาว

แต่ก็โชคดีที่เป็นเพราะเหตุนี้ นางจึงไม่ได้ถูกแม่นมหลี่ปองร้าย

เมื่อนึกถึงความเหี้ยมโหดที่แม่นมหลี่คิดทำร้ายบุตรสาวของตนแล้ว พระสนมเฉินเฟยก็อดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้

นางมองดูใบหน้าน่ารักของลู่ซิงหว่าน แล้วแนบศีรษะไปหอมแก้มน้อยด้วยความรักอันสุดซึ้ง

“ลูกรัก ไม่ต้องห่วงนะ แม่จะปกป้องเจ้าอย่างเต็มที่ ไม่ให้ใครมาทำร้ายเจ้าเด็ดขาด”

“ฝ่าบาทเสด็จมา!”

ที่ด้านนอก เสียงของเมิ่งฉวนเต๋อดังขึ้นมา

เมื่อได้ยินดังนี้ ทุกคนในตำหนักชิงอวิ๋นก็พากันคุกเข่าลง

“ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ!”

ฮ่องเต้ต้าฉู่โบกมือสื่อความหมายให้ทุกคนลุกขึ้นตามสบาย ส่วนตัวเองก็เดินจ้ำอ้าวมาถึงข้างกายเฉินเฟยที่เตรียมจะลุกขึ้น

“เฉินเฟย ลำบากเจ้าแล้วล่ะ ข้ามาช้าไปหน่อย”

“ฝ่าบาท ทรงตรากตรำกับราชกิจ หม่อมฉันมีทายาทให้พระองค์ ก็ถือเป็นหน้าที่ของหม่อมฉันอยู่แล้วเพคะ”

พระสนมเฉินเฟยหลุบตามองดูลู่ซิงหว่านในอ้อมแขน พลางกล่าวด้วยความรู้สึกผิด “ฝ่าบาท หม่อมฉันได้พระธิดาองค์น้อยเพคะ...”

ฮ่องเต้ต้าฉู่ปีนี้มีอายุสามสิบกว่าปีแล้ว มีทายาทมากมาย

แต่ส่วนใหญ่เป็นองค์หญิงหมด มีองค์ชายเพียงห้าคนเท่านั้น

ซึ่งบัดนี้ลู่ซิงหว่านก็คือองค์หญิงคนที่เก้า

“เป็นองค์หญิงหรือ? องค์หญิงก็ดีนะ! ข้าชอบนัก!”

ขณะที่พระสนมเฉินเฟยคิดว่า ฮ่องเต้ต้าฉู่อาจไม่พอใจที่ตนได้พระธิดา กลับเห็นเขาอุ้มทารกน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของตน พร้อมมองด้วยสายตาเอ็นดูรักใคร่

“องค์หญิงน้อยของข้า องค์หญิงเก้าของข้า หน้าตาน่ารักน่าชังเสียจริง!”

หากเขาดูไม่ผิดละก็ ขณะที่รัศมีเรืองรองและดอกบัวพุทธบูชาบังเกิดขึ้น องค์หญิงเก้าผู้นี้ก็ได้เกิดตามมาด้วย หรือนางก็คือดอกบัวพุทธบูชานั้นมาจุติ

ในขณะที่เกิดความคิดนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็เห็นทารกน้อยในอ้อมแขนยกมือมาทางเขา คล้ายต้องการจะลูบใบหน้าของเขา

ทันใดนั้นก็เห็นที่แขนเล็ก มีรอยปานแดงคล้ายกับดอกบัวพุทธบูชาปรากฏอยู่

ทันทีที่เห็นปานนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็แทบสิ้นความสงสัยในบัดดล

ตื้นตันเสียจนอดไม่ได้ที่จะจุมพิตที่หน้าผากของลู่ซิงหว่าน

[คนนี้ก็คือฮ่องเต้แห่งต้าฉู่ เสด็จพ่อของเราหรือนี่? ว้าว! ช่างสมเป็นโอรสแห่งสวรรค์ มีบุคลิกน่าเกรงขามจริงๆ!]

[เสด็จพ่อหอมเราด้วย ตายแล้ว! รอยจุมพิตที่อ่อนโยนของฮ่องเต้ หัวใจจะวายแล้วเรา!]

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อย ดังขึ้นในสมองของฮ่องเต้ต้าฉู่
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0640

    พูดถึงตรงนี้องครักษ์เงามังกรก็ถอนหายใจ “เพียงแต่อีกฝ่ายล้วนเป็นนักรบที่ตายแล้ว ไม่ได้เหลือผู้รอดชีวิตไว้”[แม่เจ้าโว้ย ทหารพลีชีพหนึ่งร้อยคน นี่มันฐานะอะไรเนี่ย][ดูเหมือนว่าชีวิตของเสด็จพ่อมีค่ามากจริงๆ สามารถทําให้อีกฝ่ายส่งทหารพลีชีพได้หนึ่งร้อยคน]เรื่องนี้เป็นไปตามที่คาดไว้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ย่อมไม่ตําหนิองครักษ์เงามังกร จึงออกคําสั่งให้คนขับรถม้าเดินทางต่อไป ต้องไปถึงสถานที่ปลอดภัยถึงจะดําเนินการต่อได้ภายในรถม้าก็เงียบกริบเช่นกันในที่สุดสนมเยว่กุ้ยเหรินก็ลองเอ่ยปาก “ฝ่า...นายท่าน ฮูหยิน คือว่า...”ซ่งชิงเหยียนเหมือนเพิ่งนึกถึงสนมเยว่กุ้ยเหรินที่ขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ดึงนางขึ้นมา “วางใจเถอะ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”ในใจก็อดทอดถอนใจไม่ได้ มิน่าเล่าสนมเยว่กุ้ยเหรินถึงอยู่ในวังมาเจ็ดแปดปีก็ไม่มีทายาทสักคน เกรงว่าโอกาสที่ฝ่าบาทจะโปรดปรานนางก็มีน้อยมากในรถม้าคันเดียวมีกันแค่สี่คน ตัวเองยังสามารถลืมนางได้อย่างสนิทใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้ที่มีสนมมากมายส่วนฮ่องเต้ต้าฉู่ก็จัดเสื้อผ้าให้ตนเอง แล้วอุ้มลู่ซิงหว่านเข้ามาในอ้อมกอดของตน หยอกล้อนางว่า “หวานหว่าน ตกใจหรือเปล่า?”ลู่ซิงหว่านเอื

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0639

    เพราะว่าตอนนี้อยู่ข้างนอก ทุกคนต่างก็เปลี่ยนคําเรียกขานกัน จึงสามารถปกป้องฝ่าบาทได้อย่างทั่วถึง“ปกป้องนายท่าน!” เว่ยเฉิงดึงกระบี่ออกจากฝักกระบี่ของตัวเอง แล้วพูดกับฮ่องเต้ต้าฉู่ที่อยู่บนรถม้า “นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง คนขอวเราข้าล้วนเลือกคนที่มีวรยุทธ์สูงทั้งนั้น ต้องสามารถปกป้องนายท่านและฮูหยินให้ปลอดภัยได้อย่างแน่นอนขอรับ”“ได้” เสียงทุ้มต่ำของฮ่องเต้ต้าฉู่ดังขึ้น ทําให้เว่ยเฉิงรู้สึกสบายใจขึ้นหลายส่วนซ่งชิงเหยียนก็กุมมือของสนมเยว่กุ้ยเหรินในเวลานี้ และพยักหน้าให้นางเพื่อแสดงให้เห็นว่านางสบายใจได้ลู่ซิงหว่านกลับไม่กลัวอย่างที่สนมเยว่กุ้ยเหรินคิดแม้กระทั่งนางยังตบแขนสนมเยว่กุ้ยเหรินเบาๆ ปากก็พึมพําว่า “ไม่กลัว”สนมเยว่กุ้ยเหรินรู้สึกอับอายขายหน้าจริงๆ [ว้าว ทําไมมันน่าตื่นเต้นจัง][เสด็จพ่อและท่านแม่ต้องสู้ๆ นะ! เสด็จพ่อไม่ใช่ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าฉู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในนิทานหรอกหรือ! โชว์ฝีมือให้หวานหว่านดูหน่อย ให้หวานหว่านดูบ้าง!]ซ่งชิงเหยียนกุมหน้าผากอย่างพูดไม่ออกโชคดีที่เป็นเสียงในใจ ฝ่าบาทจึงไม่ได้ยิน หวานหว่านเอ๋ย เจ้ามีกี่หัวให้ถูกตัดกันล่ะเนี่ย!แม้แต่ฮ่องเต้ต้

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0638

    ฮ่องเต้ต้าฉู่และคณะเดินทางลงใต้ต่อ แล้วเลือกที่พักต่อไปก่อนออกเดินทาง อัครมหาเสนาบดีและคนอื่นๆ ได้กําหนดสถานที่ตั้งหลักสําหรับฝ่าบาทตามทางแล้ว ล้วนเป็นอำเภอที่เจริญรุ่งเรืองแต่ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้รูปแบบการเดินทางแล้ว ตอนนี้เป็นการเยี่ยมเยือนส่วนตัวแล้วประการที่สองคือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในอําเภอไถจินซึ่งจําเป็นต้องป้องกันดังนั้นฮ่องเต้ต้าฉู่จึงปรึกษากับเว่ยเฉิงและซ่งชิงเหยียน เปลี่ยนเส้นทางและเลือกเมืองอื่นๆ เพื่อพักระหว่างทาง เพื่อสํารวจประเพณีท้องถิ่นดูว่าสถานที่อื่นๆ ก็มีพฤติกรรมที่หลอกลวงและปกปิดเช่นเดียวกับอําเภอไถจินหรือไม่ดังที่หวานหว่านกล่าวไว้ อําเภอไถจินที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนี้ยังเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ แล้วอําเภออื่นๆ ล่ะซ่งชิงเหยียนยังไม่ทันได้พูดอะไร ลู่ซิงหว่านก็พูดก่อน[ได้สิ ๆ ! ออกมาเที่ยวเล่นก็ต้องเที่ยวเล่นไปทั่วอยู่แล้ว ถ้าทุกที่ถูกคนจับตามองอยู่ จะมีความหมายอะไรอีกล่ะ][ทําไมไม่ให้ผู้บัญชาการเว่ยเลือกสถานที่เล็กๆ หน่อย พวกเราไปเดินเล่นกัน ยังไงก็ต้องรับรองความปลอดภัยของเสด็จพ่อนะ!][ออกมาห้าวันแล้ว แต่ก็ยังปลอดภัยอยู่ เดิมคิดว่าจะถูกลอบสังหารในวันแรกท

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0637

    “ตอนนี้เกรงว่าพระมเหสีคงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสส่งองค์หญิงหกออกจากตําหนักจิ่นซิ่ว” สนมหลานพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งพระสนมหลานเฟยพูดได้ไม่ผิด เดิมทีเสิ่นหนิงก็ไม่ยอมรับองค์หญิงหกอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ฮ่องเต้เป็นคนออกปากเอง นางจึงปฏิเสธไม่ได้ไม่สู้ครั้งนี้วางแผนซ้อนแผน ส่งองค์หญิงหกออกไปก็แล้วกันพระสนมหลานเฟยพาจิ่นซินไปที่ตําหนักหรงเล่อแม้แต่ไทเฮาที่อาศัยอยู่ในวังหลังมานานขนาดนี้ เมื่อเห็นบาดแผลบนใบหน้าของจิ่นซิน ก็อดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน“จิ่นซิน” ไทเฮาจับมือจิ่นซินปลอบ “พระสนมของเจ้าไม่อยู่ มีเรื่องอะไรเจ้าก็บอกแม่นมซูได้เลย ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง”จิ่นซินกลับมีสมองอย่างหาได้ยาก เพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ “บ่าวไม่เป็นอะไรเพคะ ไทเฮาเพคะ จิ่นซินเป็นเพียงบ่าวคนหนึ่งเท่านั้น หากผู้เป็นนายอารมณ์ไม่ดี จะตีจะด่าสักหน่อยก็สมควรแล้วเพคะ”แม้ว่าไทเฮารู้ว่าคําพูดของจิ่นซินเป็นคําพูดที่สุภาพ แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของนาง บวกกับบาดแผลบนใบหน้าของนาง ก็เห็นถึงความอดทนและความคับข้องใจอย่างชัดเจนจึงหันไปมองพระสนมหลานเฟย “ในเมื่อชิงเหยียนไม่อยู่ ช่วงนี้ให้จิ่นซินอยู่ในวังของเจ้าเถอะ

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0636

    เมื่อได้ยินจิ่นซินกล้าที่จะเถียงตนเอง องค์หญิงหกก็โกรธทันที“เจ้าคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!” องค์หญิงหกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจิ่นซินย่อมคุกเข่าลงอย่างเรียบร้อย แต่ร่างกายยังคงตั้งตรงตอนนี้นางจึงอยู่ในระดับเดียวกันกับองค์หญิงหกองค์หญิงหกรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าและตบหน้าจิ่นซินหนึ่งฉาด “เจ้าบ่าวรับใช้บังอาจนัก แม้แต่นายของเจ้ายังไม่กล้าพูดกับข้าเช่นนี้ เจ้ากล้าเถียงข้าหรือ?”พูดถึงตรงนี้ ราวกับไม่คลายความโกรธ หันไปมองอิงหงที่อยู่ข้างๆ อีกครั้ง “ตบปากนางให้ข้าที!”อิงหงกลับขดตัวไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าถึงอย่างไรจิ่นซินก็เป็นคนข้างกายของพระสนมหวงกุ้ยเฟย แม้ว่านายของนางจะเป็นองค์หญิงหก แต่ว่า...เมื่อเห็นอิงหงไม่ขยับตัว องค์หญิงหกก็ยื่นขาออกไปเตะที่ขาของนาง “เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือ?”อิงหงกัดฟัน ในที่สุดก็เดินมาตรงหน้าจิ่นซินแล้วเริ่มลงมือเมื่อเห็นใบหน้าของจิ่นซินแดงและบวมขึ้นในที่สุด องค์หญิงหกจึงเอ่ยปากให้อิงหงหยุดมือ แต่ยังคงไม่คลายความโกรธ “เจ้าคุกเข่าตรงนี้ให้ข้าสองชั่วยาม หากคุกเข่าไม่ถึงสองชั่วยาม ข้าจะตบเจ้าอีก!”พูดจบก็พาอิงหงเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามองในเวลานี้อวิ๋นหลานที่

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0635

    พูดจบก็ยิ้มให้เสิ่นผิงอีก “การสอบระดับกลางปีหน้า ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองหลวง”ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นจริงๆ แต่คนนี้ ในเมื่อหวานหว่านบอกว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ เมื่อพบแล้ว ก็ไม่อาจไม่ยุ่งได้พูดจบก็เดินก้าวยาวๆ ออกไปเสิ่นผิงเพิ่งได้สติหลังจากฮ่องเต้ต้าฉู่จากไปแล้ว “ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ทําเรื่องใหญ่อีกครั้ง ในใจย่อมมีความสุขมากคนทั้งกลุ่มจึงเก็บสัมภาระอีกครั้งและเดินทางต่อฮ่องเต้ต้าฉู่เดินเที่ยวชมวิวตลอดทาง มีความสุขมากแต่หลังจากที่เขาจากไป ในวังก็มีคนก่อความวุ่นวายขึ้นคนแรกที่ก่อความวุ่นวายขึ้นก็คือองค์หญิงหกที่ตอนนี้อาศัยอยู่ในวังจิ่นซิ่วจิ่นซินอยู่ในตําหนักชิงอวิ๋นเพียงลําพัง ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทํา ทั้งวันจึงไม่มีอะไรทําดังนั้นวันนี้ ตําหนักชิงอวิ๋นกลับมีคนที่จิ่นซินคาดไม่ถึงคนหนึ่งมา อวิ๋นหลานเมื่อเห็นอวิ๋นหลานมา จิ่นซินก็รีบเข้าไปต้อนรับ “พี่หญิงอวิ๋นหลานมาได้อย่างไรกัน?”จะว่าไปตําหนักจิ่นซิ่วกับตําหนักชิงอวิ๋นก็ไม่ได้มีความขัดแย้งต่อหน้าอะไรกันแต่จิ่นซินและจินอวี้ในตําหนักชิงอวิ๋นต่างก็รู้ว่าเมื่อฮองเฮายังเป็นพ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status