Share

บทที่ 0004

Author: อันอี่หราน
ฮ่องเต้ต้าฉู่มองดูลู่ซิงหว่านที่ชูกำปั้นน้อยสองข้าง

ใบหน้ากลมปุ๊กพร้อมกับผิวเนียนใส แต่เพราะดูดนมเร็วเกินไปจึงมีอาการสะอึกเล็กน้อย ท่วงท่าน่ารักจนใครเห็นก็หัวใจแทบละลาย

ทั้ง ๆ ที่เขามีลูกตั้งสิบกว่าคนแล้ว แต่ยังรู้สึกราวกับเพิ่งเป็นพ่อคนครั้งแรก สายตาจ้องมองลู่ซิงหว่านอย่างหลงใหล ประหนึ่งนอกจากนางแล้ว สิ่งอื่นใดในโลกก็ล้วนไม่อยู่ในสายตาอีก

โหรวกุ้ยเหรินคุกเข่าลงที่พื้น จับตาทุกอิริยาบถของฮ่องเต้ต้าฉู่ แววตาเต็มไปด้วยความริษยาและโกรธแค้น

เมิ่งฉวนเต๋อซึ่งสั่งให้ปิดปากโหรวกุ้ยเหรินเสีย เพราะเกรงว่าจะรบกวนลู่ซิงหว่านอีก มองเห็นแววตาของนางเข้า รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก รีบเตือนฮ่องเต้อย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ โหรวกุ้ยเหรินผู้นี้...”

ฮ่องเต้ต้าฉู่หันหน้ามา แววตาอ่อนโยนพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ลากตัวผู้หญิงคนนี้ออกไปแล้วโบยให้ตายซะ ส่วนตระกูลเดิมของนางให้ปลดเป็นไพร่ เนรเทศไปอยู่หอหนิงกู่!”

“ฮือ ๆ ๆ...”

สนมโหรวกุ้ยเหรินเบิกตาโพลงคล้ายไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน และถูกลากตัวออกไปในสภาพที่ปิดปากสนิทแบบนั้น

[ว้าว! เสด็จพ่อทรงเท่ห์มากเลย!]

[แต่ว่า ในนิทานไม่ได้เขียนแบบนี้นี่นา โหรวกุ้ยเหรินไม่ได้ถูกโบยจนเสียชีวิต ตอนหลังยังได้เป็นถึงพระสนมโหรวกุ้ยเฟย ปัญหามันเกิดจากตรงไหนนะ ทำไมถึงแตกต่างขนาดนี้?]

ลู่ซิงหว่านกินนมจนอิ่มหนำแล้ว พลางหรี่ตาเล็กน้อย พร้อมกับใช้ความคิดอย่างหนัก

พระสนมเฉินเฟยมองดูท่าทางครุ่นคิดของเจ้าตัวน้อยด้วยความเอ็นดู พยายามไม่ฟังคำพูดวุ่นวายในใจของนางอีก

พลางหันหน้ามาพูดกับฮ่องเต้ “ฝ่าบาทเพคะ องค์หญิงเก้ายังไม่ได้ตั้งชื่อเลย ไม่ทราบฝ่าบาททรงคิดไว้หรือยังเพคะ?”

[ตั้งชื่อ?]

ได้ยินพระสนมกล่าวเช่นนี้ ลู่ซิงหว่านก็ได้ระงับความคิดที่ฟุ้งซ่าน พร้อมกับพูดในใจ

[บังเอิญว่าแซ่ประจำแคว้นต้าฉู่ก็คือลู่เหมือนกัน ถ้าชาตินี้เราได้ใช้ชื่อลู่ซิงหว่านต่อไปก็คงดีไม่น้อย]

ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินเสียงพูดของนาง พลางชะงักเล็กน้อยพร้อมกับรับสั่งต่อ “ชื่อของเหล่าองค์หญิงต่างมีอักษรซิงนำหน้า งั้นให้นางชื่อซิงหว่านก็แล้วกัน!”

ทันทีที่ได้ยิน พระสนมเฉินเฟยซึ่งกำลังคิดอยู่ว่าจะให้ลู่ซิงหว่านสมหวังได้อย่างไร ก็เกือบจะร้องอุทานออกมา

ทำไมจึงได้บังเอิญเช่นนี้ หรือว่า ฝ่าบาทก็ได้ยินเสียงพูดในใจของลูกเหมือนกัน?

แต่ว่า ดูสีหน้าของฮ่องเต้ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ตนคงคิดมากไปเองกระมัง

“ฝ่าบาททรงตั้งชื่อให้ลูก ย่อมต้องดีอยู่แล้วเพคะ”

[อี๋ ลู่ซิงหว่าน ชาตินี้เรายังชื่อลู่ซิงหว่านเหมือนเดิม ช่างวิเศษจังเลย!]

[เสด็จพ่อช่างรู้ใจเราจริง ๆ!]

[เฮ้อ! น่าเสียดาย เสด็จพ่อที่ใจดีแบบนี้ แต่อยู่ได้อีกเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น!]

“ปัง!”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของลู่ซิงหว่าน ฮ่องเต้ต้าฉู่ซึ่งเตรียมจะรับถ้วยน้ำชาจากเมิ่งฉวนเต๋อ ก็เกิดอาการมือสั่น จนถ้วยตกลงพื้น

“ข้าน้อยสมควรตายพ่ะย่ะค่ะ!”

“ฝ่าบาททรงโปรดให้อภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

เมิ่งฉวนเต๋อสีหน้าแปรเปลี่ยน แม้ว่าจะเป็นเพราะฮ่องเต้ไม่ได้รับถ้วยไว้เอง แต่ใครใช้ให้เขาเกิดมาเป็นบ่าวกันล่ะ?

“ออกไปเถิด!”

ฮ่องเต้ในยามนี้หมดอารมณ์จะสนใจเขาอีก เพราะมัวครุ่นคิดอยู่กับคำพูดของลู่ซิงหว่าน

อะไรคืออยู่ได้อีกไม่กี่ปี?

แปลว่าอีกไม่กี่ปีเขาต้องตายกระนั้นหรือ?

เพราะอะไร?

ฮ่องเต้ต้าฉู่ครุ่นคิดไปมา พระสนมเฉินเฟยที่อยู่ด้านข้างก็ร้อนใจเช่นกัน

แม้นางจะเข้าวังมาหลายปี แต่ก็ยังไม่มีทายาท เคยตั้งครรภ์หลายครั้งก็ล้วนแต่แท้งหมด

ลู่ซิงหว่านเป็นลูกคนแรกที่ได้มาอย่างยากเย็น

หากฮ่องเต้อยู่ได้อีกไม่กี่ปีจริง งั้นชะตาของนาง ก็คงจะไม่ดีตามด้วย

ด้วยเหตุนี้ คนหนึ่งจึงแสร้งทำเป็นนอนหลับเพราะเพลียจากการคลอด

อีกคนเสแสร้งชิมน้ำชา แต่รอให้ลู่ซิงหว่านพูดต่อไป

[แต่จะว่าไป การตายของเสด็จพ่อเรา ก็น่าเห็นใจไม่น้อย]

[เพราะใครเลยจะไปนึกว่า หรงอ๋อง น้องชายที่เขาโปรดปรานที่สุด จะหวังยึดครองบัลลังก์ของพี่ชาย ลงมือกับพี่ชายตัวเองได้ลงคอกันล่ะ?]

[เสียดายเสด็จพ่อของข้า แท้จริงแล้วจะได้เป็นฮ่องเต้ที่ปรีชาสามารถของแคว้นต้าฉู่ ทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง ขยายดินแดนไปกว้างขวาง แต่กลับต้องเสียชีวิตด้วยน้ำมือหรงอ๋องผู้ซึ่งทะเยอทะยานซ้ำยังไม่เอาไหนอีก]

[เหตุเพราะหรงอ๋องเป็นน้องชายร่วมมารดา จึงรักและตามใจเขามาก จนทำให้กลายเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง แต่ไร้ความสามารถอะไรเลย]

[หากข้าจำไม่ผิดละก็ ในเวลานี้ หรงอ๋องได้สมคบกับไส้ศึกจากต่างแคว้น เตรียมการก่อกบฎหวังชิงบัลลังก์ จนแม้แต่ชุดมังกรก็ได้เตรียมพร้อมไว้แล้วล่ะมั้ง!]

ลู่ซิงหว่านคิดเป็นเรื่องเป็นราวอยู่ในใจ โดยหารู้ไม่ว่า ความคิดของตนนั้น ได้ถูกฮ่องเต้ต้าฉู่และพระสนมเฉินเฟยได้ยินเข้าอย่างชัดเจน

ความคิดของพระสนมเฉินเฟยกลับมากลับมา ขณะมองดูฮ่องเต้ที่หันหลังให้ตน มือก็ถือถ้วยชาอยู่ แต่ไม่รู้คิดอะไรอยู่ในใจ นางรู้สึกว้าวุ่นใจยิ่งนัก

หรงอ๋องลู่เสี่ยวกับฮ่องเต้ต้าฉู่เป็นพี่น้องร่วมมารดา ก่อนที่อดีตฮองเฮาจะประชวรจนสิ้นพระชนม์ ได้กำชับฮ่องเต้ต้าฉู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ให้ดูแลลู่เสี่ยวดีๆ

ด้วยเหตุนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่จึงรักน้องชายคนนี้เป็นอย่างมาก เพิ่งครองราชย์ไม่นาน ก็ได้แต่งตั้งให้เขาขึ้นเป็นอ๋อง

แต่นึกไม่นึกว่า หรงอ๋องซึ่งปกติดูนอบน้อมและภักดีต่อพี่ชายยิ่ง ลับหลังจะมีความคิดที่เลวร้ายเช่นนี้

“ปู๊ด...”

ขณะที่ทั้งคู่ต่างใช้ความคิดกันอยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงผายลมดังปู้ดออกมา

และถัดจากนั้น ก็คือเสียงร้องไห้ของทารกน้อย

[ว้าย ๆ ๆ นี่คือ...การผายลมของเราหรือ?]

[แต่เราเป็นเซียนนะ จะผายลมได้ยังไงกัน?]

[ตายล่ะ ช่างน่าอายแท้ ไม่อยากอยู่อีกแล้ว!]

ลู่ซิงหว่านร้องไห้โฮออกมาในทันใด รู้สึกว่าแทบอยากกลั้นใจตายไปซะ

จากนั้น ก็มีเสียงกลั้นยิ้มของพระสนมเฉินเฟยดังแว่วว่า “โถ หวานหว่านคงจะถ่ายแล้ว จิ่นซิน...”

“พระสนม ข้าน้อยจะเปลี่ยนผ้าอ้อมให้องค์หญิงเก้าเดี๋ยวนี้เพคะ”

จิ่นซินได้รีบไปยกน้ำอุ่นเข้ามา ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของลู่ซิงหว่านแล้ว

เมื่อได้ยินคำสั่ง นางก็รับตัวลู่ซิงหว่านมาจากพระสนมเฉินเฟย และดึงผ้าอ้อมของนางออก

[ไม่ ๆ ๆ ว้าย...นั่นก้นของข้า...]

[ถ้าให้พวกที่อยู่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรได้รู้เข้า ว่าเราต้องให้คนอื่นมาเช็ดก้นและเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ เรามิขายหน้าแย่หรอกหรือ...]

ลู่ซิงหว่านร้องตะโกนในใจพลางใช้มือน้อยอวบอ้วนปิดหน้าของตัวเองไว้ แต่มือสองข้างเล็กนิดเดียว แทบไม่อาจปิดบังใบหน้าของนางได้

จิ่นซินดึงมือนางออกด้วยความเอ็นดู พลางกล่าวยิ้มๆ “พระสนม องค์หญิงเก้าขวัญอ่อนมากนะเพคะ แค่เสียงผายลมของตัวเองยังทำเอาตกใจได้”

พระสนมเฉินเฝยยิ้มอ่อนโยนขณะมองดูจิ่นซินทำความสะอาดให้แก่ลู่ซิงหว่าน พร้อมกล่าวตอบ “ช่างเถอะ อีกหน่อยก็ค่อยชินไปเอง”

จิ่นซินไม่รู้ว่าหวานหว่านเป็นเซียนมาจุติ แต่ก็ไม่กล้าหยอกล้อนางอีก มิฉะนั้นองค์หญิงน้อยคงเขินอายจนไม่กล้าสู้หน้าผู้คนอีก

ฮ่องเต้ต้าฉู่มองดูใบหน้าน่ารักของลู่ซิงหว่าน เดิมทียังกลัดกลุ้มอยู่มาก แต่ตอนนี้ผ่อนคลายมากแล้ว

เพราะอย่างไรเสีย เรื่องที่ลู่ซิงหว่านพูดนั้น ยังไม่ได้เกิดขึ้น

บัดนี้ได้คำเตือนมาจากนาง เขาก็ย่อมไม่อยากให้เกิดจริง ๆ

ลู่ซิงหว่านเป็นเพียงทารกแรกเกิดคนหนึ่งเท่านั้น

หลังจากกินนมเสร็จ ขับถ่ายเรียบร้อย ทั้งยังได้เปลี่ยนผ้าอ้อมสะอาดสะอ้าน ก็เข้าสู่การนอนที่แสนสุขอีกครั้ง

ฮ่องเต้ต้าฉู่เห็นสีหน้าพระสนมเฉินเฟยดูเหนื่อยล้า จึงกำชับให้นางพักผ่อนให้มาก ส่วนตนก็เตรียมกลับห้องทรงอักษร เพื่อสะสางราชกิจต่อไป

ขณะเดินออกจากตำหนักชิงอวิ๋น ฝนยังคงตกอยู่

ราวกับเป็นหยาดน้ำอมฤตที่หลั่งมาชุบชีวิตให้แก่สรรพสัตว์อีกครั้ง

ที่น่าอัศจรรย์กว่านั้นก็คือ ฝนยังตกอยู่แท้ ๆ เหนือตำหนักชิงอวิ๋นขึ้นไป กลับมีสายรุ้งปรากฏขึ้น ราวกับเป็นการฉลองที่ลู่ซิงหว่านมาเกิด
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0640

    พูดถึงตรงนี้องครักษ์เงามังกรก็ถอนหายใจ “เพียงแต่อีกฝ่ายล้วนเป็นนักรบที่ตายแล้ว ไม่ได้เหลือผู้รอดชีวิตไว้”[แม่เจ้าโว้ย ทหารพลีชีพหนึ่งร้อยคน นี่มันฐานะอะไรเนี่ย][ดูเหมือนว่าชีวิตของเสด็จพ่อมีค่ามากจริงๆ สามารถทําให้อีกฝ่ายส่งทหารพลีชีพได้หนึ่งร้อยคน]เรื่องนี้เป็นไปตามที่คาดไว้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ย่อมไม่ตําหนิองครักษ์เงามังกร จึงออกคําสั่งให้คนขับรถม้าเดินทางต่อไป ต้องไปถึงสถานที่ปลอดภัยถึงจะดําเนินการต่อได้ภายในรถม้าก็เงียบกริบเช่นกันในที่สุดสนมเยว่กุ้ยเหรินก็ลองเอ่ยปาก “ฝ่า...นายท่าน ฮูหยิน คือว่า...”ซ่งชิงเหยียนเหมือนเพิ่งนึกถึงสนมเยว่กุ้ยเหรินที่ขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ดึงนางขึ้นมา “วางใจเถอะ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”ในใจก็อดทอดถอนใจไม่ได้ มิน่าเล่าสนมเยว่กุ้ยเหรินถึงอยู่ในวังมาเจ็ดแปดปีก็ไม่มีทายาทสักคน เกรงว่าโอกาสที่ฝ่าบาทจะโปรดปรานนางก็มีน้อยมากในรถม้าคันเดียวมีกันแค่สี่คน ตัวเองยังสามารถลืมนางได้อย่างสนิทใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้ที่มีสนมมากมายส่วนฮ่องเต้ต้าฉู่ก็จัดเสื้อผ้าให้ตนเอง แล้วอุ้มลู่ซิงหว่านเข้ามาในอ้อมกอดของตน หยอกล้อนางว่า “หวานหว่าน ตกใจหรือเปล่า?”ลู่ซิงหว่านเอื

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0639

    เพราะว่าตอนนี้อยู่ข้างนอก ทุกคนต่างก็เปลี่ยนคําเรียกขานกัน จึงสามารถปกป้องฝ่าบาทได้อย่างทั่วถึง“ปกป้องนายท่าน!” เว่ยเฉิงดึงกระบี่ออกจากฝักกระบี่ของตัวเอง แล้วพูดกับฮ่องเต้ต้าฉู่ที่อยู่บนรถม้า “นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง คนขอวเราข้าล้วนเลือกคนที่มีวรยุทธ์สูงทั้งนั้น ต้องสามารถปกป้องนายท่านและฮูหยินให้ปลอดภัยได้อย่างแน่นอนขอรับ”“ได้” เสียงทุ้มต่ำของฮ่องเต้ต้าฉู่ดังขึ้น ทําให้เว่ยเฉิงรู้สึกสบายใจขึ้นหลายส่วนซ่งชิงเหยียนก็กุมมือของสนมเยว่กุ้ยเหรินในเวลานี้ และพยักหน้าให้นางเพื่อแสดงให้เห็นว่านางสบายใจได้ลู่ซิงหว่านกลับไม่กลัวอย่างที่สนมเยว่กุ้ยเหรินคิดแม้กระทั่งนางยังตบแขนสนมเยว่กุ้ยเหรินเบาๆ ปากก็พึมพําว่า “ไม่กลัว”สนมเยว่กุ้ยเหรินรู้สึกอับอายขายหน้าจริงๆ [ว้าว ทําไมมันน่าตื่นเต้นจัง][เสด็จพ่อและท่านแม่ต้องสู้ๆ นะ! เสด็จพ่อไม่ใช่ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าฉู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในนิทานหรอกหรือ! โชว์ฝีมือให้หวานหว่านดูหน่อย ให้หวานหว่านดูบ้าง!]ซ่งชิงเหยียนกุมหน้าผากอย่างพูดไม่ออกโชคดีที่เป็นเสียงในใจ ฝ่าบาทจึงไม่ได้ยิน หวานหว่านเอ๋ย เจ้ามีกี่หัวให้ถูกตัดกันล่ะเนี่ย!แม้แต่ฮ่องเต้ต้

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0638

    ฮ่องเต้ต้าฉู่และคณะเดินทางลงใต้ต่อ แล้วเลือกที่พักต่อไปก่อนออกเดินทาง อัครมหาเสนาบดีและคนอื่นๆ ได้กําหนดสถานที่ตั้งหลักสําหรับฝ่าบาทตามทางแล้ว ล้วนเป็นอำเภอที่เจริญรุ่งเรืองแต่ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้รูปแบบการเดินทางแล้ว ตอนนี้เป็นการเยี่ยมเยือนส่วนตัวแล้วประการที่สองคือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในอําเภอไถจินซึ่งจําเป็นต้องป้องกันดังนั้นฮ่องเต้ต้าฉู่จึงปรึกษากับเว่ยเฉิงและซ่งชิงเหยียน เปลี่ยนเส้นทางและเลือกเมืองอื่นๆ เพื่อพักระหว่างทาง เพื่อสํารวจประเพณีท้องถิ่นดูว่าสถานที่อื่นๆ ก็มีพฤติกรรมที่หลอกลวงและปกปิดเช่นเดียวกับอําเภอไถจินหรือไม่ดังที่หวานหว่านกล่าวไว้ อําเภอไถจินที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนี้ยังเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ แล้วอําเภออื่นๆ ล่ะซ่งชิงเหยียนยังไม่ทันได้พูดอะไร ลู่ซิงหว่านก็พูดก่อน[ได้สิ ๆ ! ออกมาเที่ยวเล่นก็ต้องเที่ยวเล่นไปทั่วอยู่แล้ว ถ้าทุกที่ถูกคนจับตามองอยู่ จะมีความหมายอะไรอีกล่ะ][ทําไมไม่ให้ผู้บัญชาการเว่ยเลือกสถานที่เล็กๆ หน่อย พวกเราไปเดินเล่นกัน ยังไงก็ต้องรับรองความปลอดภัยของเสด็จพ่อนะ!][ออกมาห้าวันแล้ว แต่ก็ยังปลอดภัยอยู่ เดิมคิดว่าจะถูกลอบสังหารในวันแรกท

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0637

    “ตอนนี้เกรงว่าพระมเหสีคงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสส่งองค์หญิงหกออกจากตําหนักจิ่นซิ่ว” สนมหลานพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งพระสนมหลานเฟยพูดได้ไม่ผิด เดิมทีเสิ่นหนิงก็ไม่ยอมรับองค์หญิงหกอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ฮ่องเต้เป็นคนออกปากเอง นางจึงปฏิเสธไม่ได้ไม่สู้ครั้งนี้วางแผนซ้อนแผน ส่งองค์หญิงหกออกไปก็แล้วกันพระสนมหลานเฟยพาจิ่นซินไปที่ตําหนักหรงเล่อแม้แต่ไทเฮาที่อาศัยอยู่ในวังหลังมานานขนาดนี้ เมื่อเห็นบาดแผลบนใบหน้าของจิ่นซิน ก็อดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน“จิ่นซิน” ไทเฮาจับมือจิ่นซินปลอบ “พระสนมของเจ้าไม่อยู่ มีเรื่องอะไรเจ้าก็บอกแม่นมซูได้เลย ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง”จิ่นซินกลับมีสมองอย่างหาได้ยาก เพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ “บ่าวไม่เป็นอะไรเพคะ ไทเฮาเพคะ จิ่นซินเป็นเพียงบ่าวคนหนึ่งเท่านั้น หากผู้เป็นนายอารมณ์ไม่ดี จะตีจะด่าสักหน่อยก็สมควรแล้วเพคะ”แม้ว่าไทเฮารู้ว่าคําพูดของจิ่นซินเป็นคําพูดที่สุภาพ แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของนาง บวกกับบาดแผลบนใบหน้าของนาง ก็เห็นถึงความอดทนและความคับข้องใจอย่างชัดเจนจึงหันไปมองพระสนมหลานเฟย “ในเมื่อชิงเหยียนไม่อยู่ ช่วงนี้ให้จิ่นซินอยู่ในวังของเจ้าเถอะ

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0636

    เมื่อได้ยินจิ่นซินกล้าที่จะเถียงตนเอง องค์หญิงหกก็โกรธทันที“เจ้าคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!” องค์หญิงหกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจิ่นซินย่อมคุกเข่าลงอย่างเรียบร้อย แต่ร่างกายยังคงตั้งตรงตอนนี้นางจึงอยู่ในระดับเดียวกันกับองค์หญิงหกองค์หญิงหกรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าและตบหน้าจิ่นซินหนึ่งฉาด “เจ้าบ่าวรับใช้บังอาจนัก แม้แต่นายของเจ้ายังไม่กล้าพูดกับข้าเช่นนี้ เจ้ากล้าเถียงข้าหรือ?”พูดถึงตรงนี้ ราวกับไม่คลายความโกรธ หันไปมองอิงหงที่อยู่ข้างๆ อีกครั้ง “ตบปากนางให้ข้าที!”อิงหงกลับขดตัวไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าถึงอย่างไรจิ่นซินก็เป็นคนข้างกายของพระสนมหวงกุ้ยเฟย แม้ว่านายของนางจะเป็นองค์หญิงหก แต่ว่า...เมื่อเห็นอิงหงไม่ขยับตัว องค์หญิงหกก็ยื่นขาออกไปเตะที่ขาของนาง “เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือ?”อิงหงกัดฟัน ในที่สุดก็เดินมาตรงหน้าจิ่นซินแล้วเริ่มลงมือเมื่อเห็นใบหน้าของจิ่นซินแดงและบวมขึ้นในที่สุด องค์หญิงหกจึงเอ่ยปากให้อิงหงหยุดมือ แต่ยังคงไม่คลายความโกรธ “เจ้าคุกเข่าตรงนี้ให้ข้าสองชั่วยาม หากคุกเข่าไม่ถึงสองชั่วยาม ข้าจะตบเจ้าอีก!”พูดจบก็พาอิงหงเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามองในเวลานี้อวิ๋นหลานที่

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0635

    พูดจบก็ยิ้มให้เสิ่นผิงอีก “การสอบระดับกลางปีหน้า ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองหลวง”ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นจริงๆ แต่คนนี้ ในเมื่อหวานหว่านบอกว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ เมื่อพบแล้ว ก็ไม่อาจไม่ยุ่งได้พูดจบก็เดินก้าวยาวๆ ออกไปเสิ่นผิงเพิ่งได้สติหลังจากฮ่องเต้ต้าฉู่จากไปแล้ว “ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ทําเรื่องใหญ่อีกครั้ง ในใจย่อมมีความสุขมากคนทั้งกลุ่มจึงเก็บสัมภาระอีกครั้งและเดินทางต่อฮ่องเต้ต้าฉู่เดินเที่ยวชมวิวตลอดทาง มีความสุขมากแต่หลังจากที่เขาจากไป ในวังก็มีคนก่อความวุ่นวายขึ้นคนแรกที่ก่อความวุ่นวายขึ้นก็คือองค์หญิงหกที่ตอนนี้อาศัยอยู่ในวังจิ่นซิ่วจิ่นซินอยู่ในตําหนักชิงอวิ๋นเพียงลําพัง ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทํา ทั้งวันจึงไม่มีอะไรทําดังนั้นวันนี้ ตําหนักชิงอวิ๋นกลับมีคนที่จิ่นซินคาดไม่ถึงคนหนึ่งมา อวิ๋นหลานเมื่อเห็นอวิ๋นหลานมา จิ่นซินก็รีบเข้าไปต้อนรับ “พี่หญิงอวิ๋นหลานมาได้อย่างไรกัน?”จะว่าไปตําหนักจิ่นซิ่วกับตําหนักชิงอวิ๋นก็ไม่ได้มีความขัดแย้งต่อหน้าอะไรกันแต่จิ่นซินและจินอวี้ในตําหนักชิงอวิ๋นต่างก็รู้ว่าเมื่อฮองเฮายังเป็นพ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status