Share

บทที่ 0009

Author: อันอี่หราน
“ชิงเหยียน ข้ายังมีธุระต้องขอตัว” ภายใต้คำเตือนของลู่ซิงหว่าน ฮ่องเต้ต้าฉู่เริ่มตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างเหยียนหลินจือกับเสนาบดีชุย เมื่อคิดได้ดังนี้ ก็รีบเสด็จออกจากตำหนักชิงอวิ๋น ตรงไปยังห้องทรงอักษรทันที

“อิ่งอี เจ้าไปสืบเสนาบดีชุยกับองค์ชายสาม” ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่คาดคิดว่า ราชสำนักของตนจะวุ่นวายถึงเพียงนี้ เริ่มจากหรงอ๋องสมคบศัตรูหวังก่อกบฏ จนมาถึงลูกชายของตนที่คิดปองร้ายต่อพี่น้อง

หากเป็นดั่งที่หวานหว่านพูดจริง ตนก็น่าจะอยู่ได้อีกไม่เกินสามปี

บัดนี้เรื่องหรงอ๋องยังไม่ทันสะสาง ก็มีเรื่ององค์ชายสามโผล่มาอีก ช่างน่าปวดหัวจริงๆ

หากเป็นส่วนตัวยังพอว่า แต่แคว้นต้าฉู่ถ้าไปอยู่ในมือหรงอ๋องหรือไม่ก็องค์ชายสาม คงจะประสบกับความหายนะเป็นแน่

ที่แล้วมาหรงอ๋องถูกเสด็จแม่ตามใจจนเสียคน วัน ๆ เอาแต่ดื่มสุราเคล้านารี พูดให้น่าเกลียดหน่อยก็คือลูกล้างผลาญดี ๆ นั่นเอง

ในขณะที่องค์ชายสามนิสัยเหี้ยมโหด ความสามารถไม่ถึงแต่ทะเยอทะยาน หากแผ่นดินไปอยู่ในมือเขา ก็คงไม่ได้ยั่งยืนแน่นอน

ถึงตอนนั้น เกิดศึกสงครามรอบด้าน ที่รับเคราะห์คงไม่พ้นเหล่าราษฎร ยังไม่รู้ว่าจะบาดเจ็บล้มตายอีกเท่าไหร่

ไม่ถึงครึ่งวัน อิ่งอีก็ได้ข้อมูลเกี่ยวกับเสนาบดีชุยมาหมด

ใจความก็มีเพียงกระดาษแผ่นเดียวเท่านั้น

เสนาบดีชุยไม่ได้คิดซ่องสุมกำลังแต่อย่างใด เพียงแต่ลูกศิษย์เขาหวังสนับสนุนให้องค์ชายสามขึ้นครองราชย์ จึงได้ลักลอบทำเรื่องบางอย่าง และองค์ชายสามก็แค่ไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ตามปกติเท่านั้น ไม่มีอะไรพิเศษ

ฮ่องเต้ต้าฉู่ยังไม่ปักใจเชื่อนัก หากบอกว่าเสนาบดีชุยเป็นคนซื่อสัตย์ ยังพอเชื่อได้บ้าง แต่สำหรับองค์ชายสาม นิสัยชอบชิงดีชิงเด่นนัก จะไม่มีพิรุธให้จับผิดได้อย่างไร

แต่ตอนนี้ยังทรงมึนงงอยู่ ไม่รู้จะเริ่มสะสางอย่างไรดี จึงเสด็จไปตำหนักชิงอวิ๋นอีกครั้ง

“เมื่อวานข้าได้สืบเรื่องเสนาบดีชุย ปรากฏว่าประวัติเขาขาวสะอาดยิ่ง” ฮ่องเต้ต้าฉู่จงใจพูดเรื่องประวัติเสนาบดีชุยต่อหน้าลู่ซิงหว่าน

“ฝ่าบาทเพคะ” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเอ่ยเสียงเบาตักเตือน “ฝ่ายในห้ามยุ่งเรื่องราชกิจ”

ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ เพียงแค่โบกมือและกล่าวตอบ “ไม่เป็นไร เราแค่คุยเล่นเท่านั้น”

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่กล้าทูตตอบอีก

[ก็แค่ปกปิดได้ดีเท่านั้น เสนาบดีชุยเป็นคนน้ำนิ่งไหลลึก เรื่องบางอย่างไม่ต้องลงมือเองก็ได้ และยิ่งไม่ให้องค์ชายสามกับพระสนมเต๋อเฟยมีส่วนร่วมด้วย]

[เสด็จพ่อไปสอบถามกุนซือที่อยู่ข้างกายเขาก็จะรู้ ชื่อว่าหนิงซวี่ มีเรื่องผ่านมือเขาหลายอย่างเลยทีเดียว!]

[ใช่แล้ว มีอีกคนชื่อเสี้ยหลิน คอยรับหน้าแทนเสนาบดีชุยเกือบทุกเรื่อง พูดง่าย ๆ ก็คือเอาไว้เป็นแพะรับบาปแทน]

[แต่พระสนมเต๋อเฟยก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยจริง เพียงแต่ไม่รู้ว่านางเป็นคนดีจริงหรือแกล้งดีกันแน่]

[ยังมีพี่ชายรัชทายาทที่แสนดีของข้า ก็ตายเพราะน้ำมือหนิงซวี่ มันช่างเลวร้ายจริงๆ เลวมาก...]

คำพูดเหล่านี้พูดออกมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฮ่องเต้หรือพระสนมเฉินกุ้ยเฟย ก็ล้วนตกใจเป็นอย่างมาก แต่สีหน้ายังคงเป็นปกติอยู่

เป็นครั้งแรกที่ฮ่องเต้ได้รู้ ว่าแท้จริงแล้วรัชทายาทจะตายก่อนตนเสียอีก นึกถึงความสุภาพอ่อนโยนของลูกชายคนนี้ ฮ่องเต้ก็ได้แต่ถอนใจ เพราะเทียบกับองค์ชายสามแล้ว เขายังดูดีกว่ามากนัก

ไม่ว่าด้านไหนก็ล้วนเหนือกว่าองค์ชายสามทั้งสิ้น

“ไม่รู้เพราะเสนาบดีชุยปกปิดได้ดี หรือตระกูลชุยเป็นผู้บริสุทธิ์จริงกันแน่” ฮ่องเต้ต้าฉู่กล่าวพร้อมกับถอนใจ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยยังคงไม่เอ่ยปาก นางรู้จักการวางตัวเสมอ

[ท่านแม่ ถึงท่านหลีกเลี่ยงจะมีประโยชน์อะไร? ท่านเป็นน้าแท้ ๆ ของรัชทายาทเชียวนะ หากทางนั้นคิดชิงบัลลังก์จริง มีหรือจะปล่อยท่านไว้]

[ตามที่หนังสือนิทานเขียนไว้ ท่านตาก็ตายเพราะน้ำมือเสนาบดีชุย เลวมาก เลวจริง ๆ]

ลู่ซิงหว่านอายุเพิ่งจะเดือนเศษเท่านั้น ปกติจะนอนมากกว่า ไม่ทันไรก็หลับสนิทไปอีก

ฮ่องเต้ต้าฉู่แม้จะร้อนใจอยากไปสืบคนที่หวานหว่านเอ่ยถึง แต่ก็จำต้องอดทนไว้อยู่ปลอบใจพระสนมเฉินกุ้ยเฟยก่อน “อีกไม่นานไทเฮาก็จะกลับมาแล้ว ทูตของแคว้นต้าลี่ก็จะตามมาด้วย หมู่นี้อาจมีเรื่องยุ่งมากมาย ข้าเกรงว่า...”

“ฝ่าบาทควรจะเสด็จไปหาสนมอื่นบ้างนะเพคะ วัน ๆ ทรงขลุกอยู่กับหม่อมฉัน ทำราวกับหม่อมฉันได้ทำคุณไสยต่อฝ่าบาท” หลายวันนี้ฮ่องเต้ต้าฉู่ประทับอยู่แต่ในตำหนักชิงอวิ๋น อย่าว่าแต่เหล่าสนมเลย แม้แต่ขุนนางก็เริ่มจะบ่นบ้างแล้ว

ฮ่องเต้ต้าฉู่มองดูพระสนมเฉินกุ้ยเฟย พลางตบไหล่นางเบา ๆ และรับสั่งต่อ “เจ้ารู้กาลเทศะเสมอ”

ลู่ซิงหว่านที่อยู่ในเปลพลันลืมตาขึ้นมา

[ท่านแม่อย่าไปเชื่อเขา ผู้ชายปากหวานทั้งนั้น ตอนอยู่กับเต๋อเฟยก็ชมว่านางรู้กาลเทศะ อยู่กับหลานเฟยก็ชมนางเช่นนี้เหมือนกัน]

จากนั้นก็ผล็อยหลับไปอีก

เหลือเพียงฮ่องเต้ต้าฉู่ที่หน้าเง้าหน้างอ ดีที่เฉินกุ้ยเฟยไม่ได้ยินเสียงพูดของหวานหว่าน หาไม่แล้วข้าคงวางตัวลำบากแน่

ในขณะที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับคิดอีกอย่าง ดีที่มีตนคนเดียวที่ฟังเสียงในใจของหวานหว่านได้ หาไม่นางกับลูก ให้มีสิบชีวิตก็ไม่พอให้ประหารอย่างแน่นอน

ส่วนทางด้านตำหนักฉางชิว พระสนมเต๋อเฟยได้รับรายงาน ว่าฮ่องเต้เสด็จไปตำหนักชิงอวิ๋นด้วยความกริ้ว จากนั้นก็ออกไปอย่างรีบเร่ง ก็นึกว่าฮ่องเต้ทรงกริ้วพระสนมเฉินกุ้ยเฟย ทำให้นางรู้สึกดีใจนัก

แต่กลับถูกเสนาบดีชุยขวางไว้

“ทำไมท่านพ่อไม่ยอมให้ข้าไปล่ะเจ้าคะ ข้าเข้าวังมาหลายปี ตอนนี้มีลูกชายสองคน เดิมคิดว่าตำแหน่งฮองเฮาคงจะไม่ไปไหน แล้วซ่งชิงเหยียนมีอะไรดี เข้าวังมาเพียงสามปี ปุบปับได้เป็นพระสนมยังพอว่า จนวันนี้ก็แค่ได้ลูกสาวคนหนึ่ง ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นพระสนมกุ้ยเฟยแล้ว ข้าจะทนไหวได้ยังไงล่ะเจ้าคะ!”

พระสนมเต๋อเฟยไม่พอใจเฉินเฟยมานาน ยิ่งบัดนี้นางอยู่เหนือกว่าตนอีก ก็ยิ่งเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

“ก็ใครให้พี่สาวนางคืออดีตฮองเฮาเล่า?” เสนาบดีชุยดูไม่รีบร้อน นั่งลงที่โต๊ะพร้อมกับจินน้ำชา

“เป็นฮองเฮาแล้วยังไงล่ะ สุดท้ายก็ไม่พ้นตายด้วยมือข้า!”

“พระสนมระวังคำพูดหน่อย!” เสนาบดีชุยได้ยินพระสนมเต๋อเฟยเกล่าวเช่นนี้ ก็รีบยืนขึ้น

พระสนมเต๋อเฟยจึงได้รีบหุบปาก พลางมองหน้าเสนาบดีชุย “ท่านพ่อมาวันนี้มีธุระอะไรหรือเจ้าคะ?”

“ฝ่าบาทส่งคนมาสืบเรื่องของข้าแล้ว” เสนาบดีชุยตอบอย่างจริงจัง

“อะไรนะ? แล้วมีเบาะแสหรือเปล่าเจ้าคะ” พระสนมเต๋อเฟยตกใจมาก “อยู่ดีๆ ทรงสืบมาถึงท่านพ่อได้ยังไงกัน?”

“ข้าน่ะไม่มีปัญหาหรอก ห่วงก็แต่องค์ชายสาม อะไรที่สะสางเรียบร้อยเกินไป ผลอาจจะไม่สู้ดีนัก” เสนาบดีชุยกล่าวอย่างเป็นกังวล

“แล้วข้า...”

“เจ้าไม่ต้องห่วง เรื่องของข้าจะไม่มีทางพัวพันถึงเจ้าเด็ดขาด ตระกูลเราใครก็ล้มได้ เว้นเพียงแต่เจ้าเท่านั้น”

เสนาบดีชุยกล่าวจบ แล้วจึงลดเสียงต่ำลง “ถ้าองค์ชายสามเป็นอะไรไป ในมือเจ้ายังมีองค์ชายห้าอีกคน”

พระสนมเต๋อเฟยได้ยินเข้าก็ถอนหายใจ “ลูกคนนี้ไม่เอาไหนนัก”

เสนาบดีชุยมองหน้านางพร้อมกับส่ายหน้า “พระสนม งานนี้มีความเสี่ยงสูง เราไม่ควรฝากความหวังไว้ที่คนคนเดียว”

พระสนมเต๋อเฟยแม้จะไม่เห็นด้วย แต่ก็ยังพยักหน้า ไม่กล้าโต้เถียงบิดา

“ทางด้านเฉินกุ้ยเฟยให้วางใจได้ รอให้ข้าจัดการจวนติ้งกั๋วโหวซะก่อน แล้วนางกับรัชทายาทก็จะไปพร้อมกันทั้งคู่” กล่าวจบก็คล้ายกับนึกอะไรได้อีก “ยังมีองค์หญิงหย่งอันอีกคน”

“ที่พ่อมาก็เพื่อจะเตือนเจ้า อย่าได้นินทาว่าร้ายพระสนมเฉินกุ้ยเฟยต่อหน้าฝ่าบาทเป็นอันขาด ตรงข้ามยังต้องยกยอนางไว้อีก” เสนาบดีชุยกล่าวกำชับ

เพราะรู้ว่าลูกสาวคนนี้ไม่มีอิทธิพลอะไร หลายปีมานี้เพราะตนคอยเกื้อหนุน จึงได้ขึ้นถึงตำแหน่งพระสนม

“ลูกเข้าใจดีเจ้าค่ะ และต้องดึงให้นางมีส่วนเกี่ยวข้องกับรัชทายาทเยอะ ๆ ด้วย”

เสนาบดีชุยค่อยเบาใจลง ออกจากวังไปจัดการคนที่ถูกฮ่องเต้ตรวจสอบอยู่
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0640

    พูดถึงตรงนี้องครักษ์เงามังกรก็ถอนหายใจ “เพียงแต่อีกฝ่ายล้วนเป็นนักรบที่ตายแล้ว ไม่ได้เหลือผู้รอดชีวิตไว้”[แม่เจ้าโว้ย ทหารพลีชีพหนึ่งร้อยคน นี่มันฐานะอะไรเนี่ย][ดูเหมือนว่าชีวิตของเสด็จพ่อมีค่ามากจริงๆ สามารถทําให้อีกฝ่ายส่งทหารพลีชีพได้หนึ่งร้อยคน]เรื่องนี้เป็นไปตามที่คาดไว้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ย่อมไม่ตําหนิองครักษ์เงามังกร จึงออกคําสั่งให้คนขับรถม้าเดินทางต่อไป ต้องไปถึงสถานที่ปลอดภัยถึงจะดําเนินการต่อได้ภายในรถม้าก็เงียบกริบเช่นกันในที่สุดสนมเยว่กุ้ยเหรินก็ลองเอ่ยปาก “ฝ่า...นายท่าน ฮูหยิน คือว่า...”ซ่งชิงเหยียนเหมือนเพิ่งนึกถึงสนมเยว่กุ้ยเหรินที่ขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ดึงนางขึ้นมา “วางใจเถอะ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”ในใจก็อดทอดถอนใจไม่ได้ มิน่าเล่าสนมเยว่กุ้ยเหรินถึงอยู่ในวังมาเจ็ดแปดปีก็ไม่มีทายาทสักคน เกรงว่าโอกาสที่ฝ่าบาทจะโปรดปรานนางก็มีน้อยมากในรถม้าคันเดียวมีกันแค่สี่คน ตัวเองยังสามารถลืมนางได้อย่างสนิทใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้ที่มีสนมมากมายส่วนฮ่องเต้ต้าฉู่ก็จัดเสื้อผ้าให้ตนเอง แล้วอุ้มลู่ซิงหว่านเข้ามาในอ้อมกอดของตน หยอกล้อนางว่า “หวานหว่าน ตกใจหรือเปล่า?”ลู่ซิงหว่านเอื

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0639

    เพราะว่าตอนนี้อยู่ข้างนอก ทุกคนต่างก็เปลี่ยนคําเรียกขานกัน จึงสามารถปกป้องฝ่าบาทได้อย่างทั่วถึง“ปกป้องนายท่าน!” เว่ยเฉิงดึงกระบี่ออกจากฝักกระบี่ของตัวเอง แล้วพูดกับฮ่องเต้ต้าฉู่ที่อยู่บนรถม้า “นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง คนขอวเราข้าล้วนเลือกคนที่มีวรยุทธ์สูงทั้งนั้น ต้องสามารถปกป้องนายท่านและฮูหยินให้ปลอดภัยได้อย่างแน่นอนขอรับ”“ได้” เสียงทุ้มต่ำของฮ่องเต้ต้าฉู่ดังขึ้น ทําให้เว่ยเฉิงรู้สึกสบายใจขึ้นหลายส่วนซ่งชิงเหยียนก็กุมมือของสนมเยว่กุ้ยเหรินในเวลานี้ และพยักหน้าให้นางเพื่อแสดงให้เห็นว่านางสบายใจได้ลู่ซิงหว่านกลับไม่กลัวอย่างที่สนมเยว่กุ้ยเหรินคิดแม้กระทั่งนางยังตบแขนสนมเยว่กุ้ยเหรินเบาๆ ปากก็พึมพําว่า “ไม่กลัว”สนมเยว่กุ้ยเหรินรู้สึกอับอายขายหน้าจริงๆ [ว้าว ทําไมมันน่าตื่นเต้นจัง][เสด็จพ่อและท่านแม่ต้องสู้ๆ นะ! เสด็จพ่อไม่ใช่ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าฉู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในนิทานหรอกหรือ! โชว์ฝีมือให้หวานหว่านดูหน่อย ให้หวานหว่านดูบ้าง!]ซ่งชิงเหยียนกุมหน้าผากอย่างพูดไม่ออกโชคดีที่เป็นเสียงในใจ ฝ่าบาทจึงไม่ได้ยิน หวานหว่านเอ๋ย เจ้ามีกี่หัวให้ถูกตัดกันล่ะเนี่ย!แม้แต่ฮ่องเต้ต้

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0638

    ฮ่องเต้ต้าฉู่และคณะเดินทางลงใต้ต่อ แล้วเลือกที่พักต่อไปก่อนออกเดินทาง อัครมหาเสนาบดีและคนอื่นๆ ได้กําหนดสถานที่ตั้งหลักสําหรับฝ่าบาทตามทางแล้ว ล้วนเป็นอำเภอที่เจริญรุ่งเรืองแต่ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้รูปแบบการเดินทางแล้ว ตอนนี้เป็นการเยี่ยมเยือนส่วนตัวแล้วประการที่สองคือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในอําเภอไถจินซึ่งจําเป็นต้องป้องกันดังนั้นฮ่องเต้ต้าฉู่จึงปรึกษากับเว่ยเฉิงและซ่งชิงเหยียน เปลี่ยนเส้นทางและเลือกเมืองอื่นๆ เพื่อพักระหว่างทาง เพื่อสํารวจประเพณีท้องถิ่นดูว่าสถานที่อื่นๆ ก็มีพฤติกรรมที่หลอกลวงและปกปิดเช่นเดียวกับอําเภอไถจินหรือไม่ดังที่หวานหว่านกล่าวไว้ อําเภอไถจินที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนี้ยังเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ แล้วอําเภออื่นๆ ล่ะซ่งชิงเหยียนยังไม่ทันได้พูดอะไร ลู่ซิงหว่านก็พูดก่อน[ได้สิ ๆ ! ออกมาเที่ยวเล่นก็ต้องเที่ยวเล่นไปทั่วอยู่แล้ว ถ้าทุกที่ถูกคนจับตามองอยู่ จะมีความหมายอะไรอีกล่ะ][ทําไมไม่ให้ผู้บัญชาการเว่ยเลือกสถานที่เล็กๆ หน่อย พวกเราไปเดินเล่นกัน ยังไงก็ต้องรับรองความปลอดภัยของเสด็จพ่อนะ!][ออกมาห้าวันแล้ว แต่ก็ยังปลอดภัยอยู่ เดิมคิดว่าจะถูกลอบสังหารในวันแรกท

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0637

    “ตอนนี้เกรงว่าพระมเหสีคงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสส่งองค์หญิงหกออกจากตําหนักจิ่นซิ่ว” สนมหลานพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งพระสนมหลานเฟยพูดได้ไม่ผิด เดิมทีเสิ่นหนิงก็ไม่ยอมรับองค์หญิงหกอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ฮ่องเต้เป็นคนออกปากเอง นางจึงปฏิเสธไม่ได้ไม่สู้ครั้งนี้วางแผนซ้อนแผน ส่งองค์หญิงหกออกไปก็แล้วกันพระสนมหลานเฟยพาจิ่นซินไปที่ตําหนักหรงเล่อแม้แต่ไทเฮาที่อาศัยอยู่ในวังหลังมานานขนาดนี้ เมื่อเห็นบาดแผลบนใบหน้าของจิ่นซิน ก็อดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน“จิ่นซิน” ไทเฮาจับมือจิ่นซินปลอบ “พระสนมของเจ้าไม่อยู่ มีเรื่องอะไรเจ้าก็บอกแม่นมซูได้เลย ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง”จิ่นซินกลับมีสมองอย่างหาได้ยาก เพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ “บ่าวไม่เป็นอะไรเพคะ ไทเฮาเพคะ จิ่นซินเป็นเพียงบ่าวคนหนึ่งเท่านั้น หากผู้เป็นนายอารมณ์ไม่ดี จะตีจะด่าสักหน่อยก็สมควรแล้วเพคะ”แม้ว่าไทเฮารู้ว่าคําพูดของจิ่นซินเป็นคําพูดที่สุภาพ แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของนาง บวกกับบาดแผลบนใบหน้าของนาง ก็เห็นถึงความอดทนและความคับข้องใจอย่างชัดเจนจึงหันไปมองพระสนมหลานเฟย “ในเมื่อชิงเหยียนไม่อยู่ ช่วงนี้ให้จิ่นซินอยู่ในวังของเจ้าเถอะ

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0636

    เมื่อได้ยินจิ่นซินกล้าที่จะเถียงตนเอง องค์หญิงหกก็โกรธทันที“เจ้าคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!” องค์หญิงหกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจิ่นซินย่อมคุกเข่าลงอย่างเรียบร้อย แต่ร่างกายยังคงตั้งตรงตอนนี้นางจึงอยู่ในระดับเดียวกันกับองค์หญิงหกองค์หญิงหกรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าและตบหน้าจิ่นซินหนึ่งฉาด “เจ้าบ่าวรับใช้บังอาจนัก แม้แต่นายของเจ้ายังไม่กล้าพูดกับข้าเช่นนี้ เจ้ากล้าเถียงข้าหรือ?”พูดถึงตรงนี้ ราวกับไม่คลายความโกรธ หันไปมองอิงหงที่อยู่ข้างๆ อีกครั้ง “ตบปากนางให้ข้าที!”อิงหงกลับขดตัวไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าถึงอย่างไรจิ่นซินก็เป็นคนข้างกายของพระสนมหวงกุ้ยเฟย แม้ว่านายของนางจะเป็นองค์หญิงหก แต่ว่า...เมื่อเห็นอิงหงไม่ขยับตัว องค์หญิงหกก็ยื่นขาออกไปเตะที่ขาของนาง “เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือ?”อิงหงกัดฟัน ในที่สุดก็เดินมาตรงหน้าจิ่นซินแล้วเริ่มลงมือเมื่อเห็นใบหน้าของจิ่นซินแดงและบวมขึ้นในที่สุด องค์หญิงหกจึงเอ่ยปากให้อิงหงหยุดมือ แต่ยังคงไม่คลายความโกรธ “เจ้าคุกเข่าตรงนี้ให้ข้าสองชั่วยาม หากคุกเข่าไม่ถึงสองชั่วยาม ข้าจะตบเจ้าอีก!”พูดจบก็พาอิงหงเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามองในเวลานี้อวิ๋นหลานที่

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0635

    พูดจบก็ยิ้มให้เสิ่นผิงอีก “การสอบระดับกลางปีหน้า ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองหลวง”ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นจริงๆ แต่คนนี้ ในเมื่อหวานหว่านบอกว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ เมื่อพบแล้ว ก็ไม่อาจไม่ยุ่งได้พูดจบก็เดินก้าวยาวๆ ออกไปเสิ่นผิงเพิ่งได้สติหลังจากฮ่องเต้ต้าฉู่จากไปแล้ว “ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ทําเรื่องใหญ่อีกครั้ง ในใจย่อมมีความสุขมากคนทั้งกลุ่มจึงเก็บสัมภาระอีกครั้งและเดินทางต่อฮ่องเต้ต้าฉู่เดินเที่ยวชมวิวตลอดทาง มีความสุขมากแต่หลังจากที่เขาจากไป ในวังก็มีคนก่อความวุ่นวายขึ้นคนแรกที่ก่อความวุ่นวายขึ้นก็คือองค์หญิงหกที่ตอนนี้อาศัยอยู่ในวังจิ่นซิ่วจิ่นซินอยู่ในตําหนักชิงอวิ๋นเพียงลําพัง ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทํา ทั้งวันจึงไม่มีอะไรทําดังนั้นวันนี้ ตําหนักชิงอวิ๋นกลับมีคนที่จิ่นซินคาดไม่ถึงคนหนึ่งมา อวิ๋นหลานเมื่อเห็นอวิ๋นหลานมา จิ่นซินก็รีบเข้าไปต้อนรับ “พี่หญิงอวิ๋นหลานมาได้อย่างไรกัน?”จะว่าไปตําหนักจิ่นซิ่วกับตําหนักชิงอวิ๋นก็ไม่ได้มีความขัดแย้งต่อหน้าอะไรกันแต่จิ่นซินและจินอวี้ในตําหนักชิงอวิ๋นต่างก็รู้ว่าเมื่อฮองเฮายังเป็นพ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status