หลายชั่วโมงผ่านไป แต่ก็ดูเหมือนว่าฤทธิ์ยาน่าจะยังคงไม่ยอมจางหายไปได้ง่ายๆ ในขณะที่ล้มตัวนอนลงไปข้างๆ กันด้วยความเหนื่อยหอบ ปฏิธานก็ดึงเธอเข้ามากอดเอาไว้แล้วเริ่มบีบคลึงที่สองเต้าอวบอีก ช่วงจังหวะนี้เพลินตาเริ่มจะรับรู้ได้แล้วว่า สิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นมาระหว่างเธอและปฏิธานนั้นคืออะไร หากแต่ความต้องการภายในที่ยากต่อการควบคุมนั้นกลับทำให้เธอยังคงเรียกร้องให้เขาทำมันอีกซ้ำๆ
"ดูดนมให้เพลินอีกสิพี่เต็ม"
"ดูดแค่นมมันจะไปพออะไร เพลินอ้าขาสิ พี่อยากลงไปเลียข้างล่าง"
ค่ำคืนนี้คุณหนูเพลินตาจอมเซี้ยวช่างว่าง่ายนัก ไม่ว่าปฏิธานจะเอ่ยปสกบอกให้ทำอะไรเธอก็คล้อยตามเขาไปเสียหมด ทันทีที่ลิ้นร้อนๆของปฏิธานจ่อเลียเข้ามา สองเรียวขาก็รีบกระหวัดเอี่ยวขึ้นไปบนบ่า ก่อนจะแอ่นเด้งกายสาวเข้าหาให้เข้าได้กินใกล้ๆ
"อ๊า พี่เต็มขา เพลินรู้สึกดีจังเลย"
"อื้มเพลิน พี่ชอบมัน"
ปฏิธานยกสองเรียวขาพาดบ่าให้แน่น ก่อนจะขยี้ปลายลิ้นบี้ลงไปกับเม็ดเสียว เพลินตาดิ้นเร่า พยายามแอ่นเนินเนื้ออวบของเธอเข้าหาใบหน้าเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บทรักที่แสนเร่าร้อนของปฏิธานนั้นแสนร้อนแรง แถมยังช่วยเปิดประสบการณ์เรื่องรักๆใคร่ๆให้กับเธอได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าร่างกายเธอจะถูกมอมเมาด้วยฤทธิ์ยา แต่ก็ใช่ว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจะเลือนหายไปจนหมด ท่ามกลางความรู้สึกผิดที่มีอยู่ภายในใจ กลับถูกบดเบือนไปด้วยความรู้สึกสุขสมที่แสนจะทรมาน จวบจนกระทั่งเหยียบใกล้รุ่งสาง
ปฏิธานขยับกายชิดเข้ามาจูบลงที่กลางหน้าผากมนที่เปียกชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อ เพลินตาเงยหน้าขึ้นสบตาคม ก่อนจะถูกเขาตามเข้ามาประกบจูบปากอีกครั้ง ดูเหมือนว่าพายุสวาทยังคงไม่น่าว่าจะจบลงได้ง่ายๆ รอบเตียงมีเศษซากถุงยางอนามัยเรียงรายเกลื่อนกลาดตกอยู่หลายต่อหลายชิ้น ตอกย้ำถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้วได้เป็นอย่างดีในตอนที่สติสัมปชัญญะกลับมาครบถ้วน
กระทั่งมีแสงแดดที่สาดลอดผ่านผืนผ้าม่านเข้ามากระทบเปลือกตา ขาเรียวงามจึงค่อยๆก้าวลงจากที่นอนอย่างช้าๆ ในจังหวะที่ลุกขึ้นมานั้นเธอระมัดระวังเอามากๆเพราะกลัวว่าจะไปปลุกให้คนข้างๆให้ตื่น จนกระทั่งย่องเบาพาตัวเองเดินหายเข้าไปในห้องน้ำได้ ทันทีที่ส่องไปบนกระจก ก็พบว่าตามร่างกายของตัวเองนั้นมีร่องรอยเป็นจ้ำสีแดงปรากฏเกลื่อนไปทั่วทั้งตัว โดยเฉพาะบริเวณสองเต้าขาว ทำเอาริมฝีปากเล็กต้องเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรงด้วยความโกรธ แล้วจึงแอบบ่นออกมาด้วยใบหน้าหงิกงอ
"แดงเถือกไปทั้งตัวขนาดนี้ ไม่คิดว่าเพลินจะอายหรือว่ากลัวใครเห็นบ้างเลยหรือไงคะ"
คงเพราะว่ามัวแต่ก้มสำรวจร่างกาย จนกระทั่งต้องตกใจตัวโยนเมื่อโดนวงแขนใหญ่สวมกอดจากคนข้างหลังไว้จนแน่นอีกครา ตามด้วยสันจมูกโด่งที่ฝังประชิดเข้ามาหอมข้างแก้มขาว
"อุ๊ย! พี่เต็ม"
"ถ้าเพลินไม่อยากให้ใครเห็น ก็คงต้องใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาวปกปิดเอาไว้ ต่อไปพี่ไม่ให้ใส่แล้วนะเสื้อกล้ามกับกระโปรงสั้นๆ"
ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปในกระจก ก็เห็นว่าเธอกำลังโดนกอดโดยคนตัวใหญ่ หากแต่ว่าร่างกายกลับปราศจากเสื้อผ้า ปฏิธานเดินตามเธอเข้ามาตัวเปล่าเล่าเปลือยแบบนั้นโดยที่ไม่ได้รู้สึกอายเธอเลยสักนิด ไม่คิดบ้างเลยหรือไงว่าหน้าอกแน่นๆกับกล้ามท้องเป็นลอนงามนั่นมันก็อาจตะทำให้เธอใจสั่นได้
"ปล่อยเพลินค่ะพี่เต็ม"
นอกจากไม่ปล่อย ปฏิธานยังเริ่มฝังจมูกไซ้ไปตามลำคอขาว มือไม้ลูบไล้ไปตามอกอิ่มแล้วค่อยเลือนลงไปหาหน้าท้องแบนราบด้านล่าง แน่นอนว่าเพลินตาสัมผัสได้ถึงความแข็งขื่นด้านหลังที่เริ่มแหย่ดันสะโพกเธอเข้ามา ทำเอาหัวใจดวงน้อยที่ตอนนี้มีสติสัมปชัญญะครบถ้วนแล้วนั้นเต้นแรงโครมครามเสียยิ่งกว่ากลองเพล
"ปล่อยก็ได้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้"
หลังจากกดแนบตัวเธอให้ชิดไปกับกระจกบานใหญ่ แก่นกายแข็งแกร่งก็ถูกสอดดันเข้ามาจากทางด้านหลัง เขาจับเธอแยกขาออกแล้วจึงค่อยกดสะโพกดันเข้ามา สายตามองจ้องประสานสบตากับเธอผ่านบานกระจกใสพร้อมทั้งออกแรงโยกขยับ
"อื้ม ซี้ด ลื่นมากเลยเพลินจ๋า"
"อื้อ พี่เต็มกำลังเอาเปรียบเพลินนะคะ"
"เพลินก็รู้นี่ว่าพี่ไม่ใช่คนดีเด่อะไร"
"แต่เพลินก็แค่ไม่คิดว่าพี่จะเอาเปรียบเพลินไปมากกว่านี้"
"อะไรกัน ใครว่าพี่เอาเปรียบ ทีเมื่อคืนเพลินจับพี่ปล้ำจนเกือบถึงเช้าพี่ยังยอมตามใจเพลินได้เลย"
"แต่นั่นมันเป็นเพราะว่าเพลินโดนวางยา"
"งั้นก็ถือเสียว่าตอนนี้พี่กำลังถูกมอมเมาเพราะเพลินอยู่ก็แล้วกันนะ ช่วยพี่หน่อย เมื่อกี้ตอนเห็นก้นขาวๆของเพลินเดินลงมาจากเตียงมาแล้วพี่ก็แข็งจนทนไม่ไหวจริงๆ"
เสียงครางกระเส่าบวกเสียงกระแทกกระทั้นของเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นออกมาจากทางห้องน้ำ กว่าปฏิธานจะยอมปล่อยให้เธอได้อาบน้ำชำระร่างกาย เขาก็รีดเอาแรงพละกำลังที่พึ่งจะฟื้นคืนมาของเธอออกจนหดหายไปอีกรอบ คิดแล้วแม้ว่ามันอาจจะเป็นความผิดของเธอเองที่ยอมตามใจ แต่ที่เธอยอมให้ก็แค่จะถือเสียว่าเป็นสินน้ำใจที่เขายอมช่วยพาเธอกลับมาที่นี่เมื่อคืน
ยังดีที่ว่าเป็นเขา..ถึงแม้ว่าเธอและเขาจะไม่ได้ถึงขั้นที่เรียกว่าสนิทกันมาก แต่อย่างน้อยเธอก็ได้เห็นและได้รู้จักเขามานาน เธอไม่อยากให้เป็นคนอื่น..
เพลินตาไม่รู้จริงๆว่าควรดีใจหรือว่าเสียใจที่เมื่อคืนมันเกิดเรื่องราวเกินเลยระหว่างเธอและปฏิธานขึ้น แน่นอนว่าความรู้สึกผิดบาปต่อคนในครอบครัวโดยเฉพาะพี่สาวนั้นย่อมต้องมีอยู่แล้ว แต่ในเมื่อมันเป็นเรื่องที่เกินกว่าที่จะควบคุมได้ นาทีนี้สิ่งที่ทำได้ก็คือการทำใจยอมรับมัน
"หิวไหม อยากกินอาหารเช้าก่อนหรือเปล่า เดี๋ยวพี่ทำให้ เสร็จแล้วแล้วเดี๋ยวพี่ค่อยไปส่งเพลินที่คอนโด"
เพลินตาส่ายหน้าในขณะที่จัดการแต่งตัวหยิบเสื้อผ้าที่วางเกลื่อนพื้นด้วยฝีมือใครก็ไม่อาจรู้ขึ้นมาใส่ ทุกอย่างมันควรจบสิ้นได้แล้ว เมื่อคืนความผิดพลาดมันเกิดขึ้นมาจากการที่เธอถูกวางยา และในตอนเช้ามันก็ผิดพลาดตรงที่เธออยากตอบแทนความมีน้ำใจของเขา แต่ว่าตอนนี้เธอควรที่จะตกลงกับเขาให้มันรู้เรื่องว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นไปนี้มันคือความผิดพลาดของเธอเอง เธอพลาดที่ดันชอบเที่ยวแต่กลับไม่รู้จักระวังตัวจนได้เรื่อง
"เพลินทำฟาสติ้งอยู่ค่ะพี่เต็ม กินได้ก็ตอนสิบเอ็ดโมงโน่น นี่มันพึ่งจะแปดโมงเช้าเองค่ะ ยังไม่ถึงเวลาค่ะ"
"แต่การไม่กินมื้อเช้า พี่ว่ามันไม่ค่อยดีสำหรับเพลินนะครับเด็กน้อย แค่นี้ก็หุ่นดีจะตายอยู่แล้ว พี่ว่าเพลินไม่ต้องฟงต้องฟาสมันหรอก แต่ถ้าอยากถูกฟาด..อันนี้พี่ช่วยเพลินได้นะ"
ปฏิธานยิ้มเท่ยักคิ้วให้เธอหนึ่งที ถึงแม้ว่ามันจะเป็นรอยยิ้มที่มองแล้วรู้สึกว่ากร้าวใจมากก็เถอะ แต่เชื่อสิว่ารอยยิ้มนั้นมันจะไม่มีทางเป็นของเธอ ดวงตาคมคู่นั้นที่จ้องมองกันเกือบทั้งคืน คิ้วเข้มสีดำสนิท ดั้งจมูกโด่งเป็นสัน แม้กระทั่งริมฝีปากสีแดงสดที่ปรนเปรอจูบให้เธอทั้งคืน วันหนึ่งมันก็จะต้องเป็นของพราวมุกเท่านั้น พี่สาวเธอเท่านั้นที่จะเป็นคนได้ครอบครองมันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
"พี่เต็มคะ คือว่า..เพลินมีเรื่องจะขอร้อง"
"อื้ม ว่ามาสิ"
"คือว่า เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเพลินกับพี่เมื่อคืน.. พี่เต็มช่วยทำเป็นลืมมันไปให้หมดเลยได้ไหมคะ ทุกอย่างมันเป็นเพราะความผิดพลาดของเพลินเอง แต่ว่าเพลินก็ไม่อยากให้พี่เต็มพูดถึงมันอีก"
หลังจากที่เธอพูดไปปฏิธานก็นิ่งเงียบ รอยยิ้มที่เคยประดับอยู่บนริมฝีปากได้รูปเมื่อสักครู่จางหายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะผุดรอยยิ้มร้ายและเสียงหัวเราะหึขึ้นมาใส่เธอ
"เพลินคิดว่าเพลินเป็นใคร ถึงได้คิดจะมาสั่งให้พี่ลืมหรือไม่ลืมอะไรก็ได้"
"เพลินไม่ได้จะสั่ง แต่เพลินแค่อยากขอร้อง ได้โปรดเถอะนะคะพี่เต็ม"
หนึ่งเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก พิธีหมั้นหมายพร้อมพิธีแต่งงานที่แสนยิ่งใหญ่ของระหว่างสองตระกูลก็ถูกจัดเนรมิตขึ้นมาได้โดยทันตา สื่อทุกช่องต่างพากันประโคมข่าวเมื่อทายาทลูกสาวคนเล็กของเจ้าของสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ได้เข้าพิธีวิวาห์กับประธานหนุ่มสุดหล่อแห่ง SNG คนที่ใครๆต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากจะเห็นหน้าว่าที่เจ้าสาวของเขาที่สุดนั้นได้ถูกจัดขึ้นมาอย่างใหญ่โตสมเกียรติ ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าอำนาจเงินตราที่สามารถเนรมิตทุกสิ่งอย่างได้โดยทันใจ ในวันนี้ที่บนเวทีก็เลยมีทั้งหนุ่มหล่อและสาวสวยนั่งลงเคียงข้างกันเพื่อรอรับน้ำสังข์จากแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม เพลินตาไม่คิดเลยว่าเธอเองจะมีวันนี้กับผู้ชายคนนี้ พอลองได้นึกย้อนไปถึงเรื่องราวต่างๆที่ทำให้เธอกับเขาได้ลงเอยกันก็ได้แต่แอบนึกยิ้มขึ้นมาคนเดียวในใจ ภาพเหตุการณ์ที่เธอชอบแอบคอยตามสอดส่องว่าแต่ละคืนแต่ละวันนั้นปฏิธานไปอยู่ที่ไหน วันนี้เขาจะไปควงกับใครแล้วเธอก็จะไปตามขัดขวางนั้นย้อนคืนกลับมา ราวกับว่าสิ่งที่เธอทำลงไปทั้งหมดนั้นคือการทำไปเพื่อตัวเอง ที่คอยตามหึงตามหวง หรือจริงๆแล้วมันคือข้ออ้างในการอยากออกไปเจอเ
เพลินตาหันกลับไปมองที่หน้าประตูอย่างใจจดใจจ่อ พอทันทีที่บานประตูถูกผลักเข้ามา ก็เห็นว่าสีหน้าบิดานั้นมีอาการเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่รู้หรอกว่าบิดาและปฏิธานออกไปพูดคุยอะไรกัน ตอนกลับเข้ามาบิดาถึงได้มีสีหน้าดูเครียดขนาดนี้"ทำไมคุณพ่อทำหน้าดูเครียดจังคะ"เพลินตาถามเพียงสั้นๆ ทั้งที่ภายในใจอยากจะจับบิดามานั่งฟอกขาวเอาให้ละเอียดว่าออกไปคุยอะไรกับปฏิธานมา ใช่เรื่องของเธอหรือเปล่า แต่ดูสีหน้าของปฏิธานกลับไม่ได้มีความกังวลเลยแม้แต่น้อย หากแต่ป็นบิดาของเธอเองเสียมากกว่าที่ดูเครียดๆ"แกแต่งงานแล้วเหรอยายพราว"ทำเอาทุกคนได้แต่อึ้งๆๆ นี่บิดาเธอพูดเรื่องอะไร แล้วทำไมถึงได้ถามพราวมุกไปแบบนั้น พราวมุกจะไปแต่งงานได้อย่างไรกัน ก็ในเมื่องานพิธีหมั้นกว่าจะจัดก็ต้องเป็นเดือนหน้า"ทำไมคุณพ่อถึงถามพี่พราวแบบนั้นล่ะคะ งานหมั้นกว่าจะจัดก็ต้องเดือนหน้าแน่ะ แล้วพี่พราวจะไปแต่งงานแล้วได้ยังไงกัน" เพลินตาออกแรงเถียงแทนพี่สาวเบาๆเพราะภายในใจมันเจ็บเกินกว่าที่จะมีแรงพูดเสียงดังๆ"ค่ะคุณพ่อ พราวแต่งงานแล้วที่อเมริกา ส่วนสามีพราวชื่อเฮนรี่ เขาจะรีบตามพราวมาหาคุณพ่อกับคุณแม่ที่นี่หลังจากที่เสร็จงานแล้ว""ยะ
เป็นอันว่าตอนนี้ทุกคนต่างก็พากันมาอยู่ที่โรงพยาบาลกันหมด มีเพียงคุณปู่ประวิทย์ที่อายุท่านมากแล้ว ลูกๆหลานๆจึงขอให้ท่านกลับบ้านไปก่อน ไม่ต้องรอเยี่ยมอาการคุณเพียงรดาเพลินตามาถึงพร้อมกับปฏิธาน ตอนนี้เธอไม่ได้กังวลว่าทุกคนจะสงสัยอะไรในความสัมพันธ์ แต่ตอนที่เธอไปถึงมารดาก็อาการดีขึ้นแล้ว คุณหมอให้ยาปฏิชีวนะให้น้ำเกลือและให้รอดูอาการหนึ่งคืนถึงจะให้กลับบ้านได้"คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะพี่พราว""ดีขึ้นแล้ว แต่ว่าพึ่งจะหลับไปเมื่อกี้นี่เอง คุณพ่อคุณแม่ของพี่เต็มกับพี่ปรานต์ก็พึ่งพากันกลับไปนะคะ ถ้าเพลินกับพี่เต็มจะพากันกลับไปทำงานต่อก็ได้ เดี๋ยวทางนี้พี่อยู่ดูแลคุณแม่เอง"เพลินตามองหน้าปฏิธานหากแต่ว่าเขาก็ยังไม่ได้ว่าอะไร เขาบอกว่าเธอจะอยู่ดูแลมารดาต่อก็ได้แล้วเดี๋ยวเอาไว้เขาจะแวะมารับตอนที่เสร็จงานแล้ว ระหว่างที่คิดว่าเธอจะเอายังไงต่อ อยู่ๆบิดาก็เอ่ยความต้องการบางอย่างขึ้นมา"ถ้าคุณเต็มยังไม่ได้รีบมาก ผมอยากมีเรื่องจะขอคุยกับคุณหน่อยได้ไหมครับ"แล้วทั้งสองคนก็พากันเดินออกไปคุยกันข้างนอก เพลินตาเห็นสีหน้าบิดาแล้วทำไมมันถึงได้นึกหวั่นๆขึ้นมาในใจอย่างไรไม่รู้ บิดามีเรื่องอะไรที่จะต้องคุยกับปฏิธา
เมื่อคืนทั้งคืนเพลินตาไม่ได้ถูกรับอนุญาตให้กลับมานอนที่ห้องพักของตัวเองเลย เธอถูกปฏิธานบังคับให้นอนอยู่ที่นั่นกับเขาจนถึงเช้า โดยที่เขาเฝ้ากอดก่ายเธอเอาไว้อยู่ทั้งคืน ปริ่มสุข ลุ่มหลง และมัวเมาอยู่ภายในความรู้สึกปลอมๆที่แอบสร้างขึ้น จนมันเริ่มที่จะถลำลึก"ตื่นแล้วเหรอครับเบบี๋""ค่ะ"ปฏิธานดึงเธอเข้าไปกอดกระชับเอาไว้จนแน่น เขาบอกว่าชอบความรู้สึกแบบนี้ที่ได้ตื่นขึ้นมาเจอเธอในตอนเช้า ไม่ใช่แค่เพียงเขา..แต่มันรวมไปถึงเธอด้วย เพลินตารีบกอดตอบกลับปฏิธานไปในทันที ในเมื่อพูดดีก็แล้ว ขอร้องก็แล้ว หากแต่ปฏิธานก็ยังคงทำเป็นนิ่งเฉย หรือนี่มันจะคือสัญชาตญาณของคนที่เป็นนักล่า พอเธอยิ่งอยากหนีห่าง เขาก็ยิ่งอยากวิ่งตามแล้วถ้าหากว่าในตอนนี้เธอไม่ได้อยากที่จะวิ่งหนีแล้วล่ะ ปฏิธานจะทำยังไง ในเมื่อเขาอยากไม่ยอมปล่อยเธอไปดีนัก ถ้าอย่างงั้นเธอก็จะขอไม่ยอมปล่อยเขาไปดูบ้าง ลองดูสิคว่าถ้าเธอกลับไปเป็นคุณหนูเพลินตาตัวแสบ คนที่เอาแต่คอยตามตื้อตามรังควานเขา ปฏิธานจะยังคงอยากที่จะมีเธออยู่ข้างเขาอีกหรือเปล่า"พี่ชอบจังเวลาที่เพลินนอนอยู่ให้กอดจนถึงเช้าแบบนี้""เหรอคะ เพลินก็ชอบค่ะเวลาที่มีพี่เต็มอยู่ใกล้ๆ อยากต
สองชั่วโมงผ่านไป ปฏิธานขออนุญาตคุณปู่และทุกคนพาตัวเพลินตาที่อยู่ในฐานะพนักงานบริษัทคนหนึ่งออกมาจากสถานที่ตรงนั้น โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องกลับไปร่วมโต๊ะพูดคุยอะไรอีกหน่อยกับเหล่าบรรดาทีมงาน ไม่อยากให้พนักงานคิดว่าถูกทิ้งๆขว้างๆ แล้วเสร็จแล้วพรุ่งนี้ถึงจะได้มีเวลาได้อยู่พักผ่อนกับทุกคนในครอบครัว ทั้งคุณปู่ประวิทย์ บิดามารดาฝั่งของเขา รวมถึงทั้งฝั่งของตัวเธอเองด้วยต่างก็บอกว่าเข้าใจ ตอนนี้เพลินตาก็เลยได้แต่จำใจเดินตามเขาออกมาจากห้องรับประธานอาหารของที่นั่นระหว่างทางแม้ว่าจะเป็นคืนเดือนหงาย แต่ทางที่เดินเชื่อมเข้าหากันสองหาดก็ค่อนข้างมืด พอเดินออกมาได้เพียงแค่นิดเดียว ปฏิธานก็ตามเข้ามาฉุดข้อมือเธอเข้าไปจับเอาไว้ แน่นอนว่าเพลินตารีบสะบัดมันออกทันที"เลิกทำแบบนี้สักทีได้ไหมคะพี่เต็ม"เพลินตาหน้าเครียดในขณะที่เงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูง ทั้งน้ำเสียง แววตา และท่าทางนั้นออกไปในทางเดียวกันหมด เพื่ออยากให้เขารู้ว่าเธอกำลังโกรธแล้วจริงๆ"ทางมันมืด พี่ก็แค่กลัวว่าเพลินจะเดินสะดุดอะไรล้ม"จะว่าปลาบปลื้มมันก็รู้สึกได้ไม่เต็มที่ อารมณ์ที่มีตอนนี้มันช่างผสมผเสปนเปกันไปหมดจนก่อเกิดเป็นความโมโห ปฏิธานจะรู้บ้า
หลังจากที่ทั้งบิดามารดาและพี่สาวต่างก็ขอตัวกลับไปยังที่พักของตัวเองเพื่อให้ทั้งปฏิธานและเพลินตาได้ทำงานต่อ แล้วเอาไว้ค่อยมานัดเจอกันอีกทีในตอนเย็นๆพร้อมครอบครัวปฏิธาน ภายในหัวของเพลินตาก็ไม่สามารถหาคำว่าสมาธิในการทำงานเจอได้อีก เธอจดผิดๆถูกๆ บางทีบางเรื่องก็มักจะแวบเข้ามาภายในหัวทั้งที่พยายามเรียกสติตัวเองแล้ว จนมันคงจะเป็นที่น่าสังเกตของคนข้างๆเข้า"เป็นอะไรหรือเปล่า พี่เห็นเพลินดูใจลอยไม่มีสมาธิในการทำงานมาตั้งนานแล้ว""เออะคือว่า เพลินขอโทษค่ะ""เหลือถ่ายอีกแค่เซ็ตเดียวก็เสร็จแล้ว อดทนเอาหน่อยแล้วกัน"เพลินตาพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะพยายามเรียกสติกลับมาให้มากขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งทุกอย่างเสร็จสิ้น ปฏิธานบอกให้พนักงานมาทานมื้อเย็นด้วยกันอีกครั้งในตอนหนึ่งทุ่ม หากแต่ว่าตอนห้าโมง เขาคงจะต้องพาตัวเองไปหาคุณปู่และครอบครัวที่ต่างก็พากันยกโขยงตามมาก่อน แล้วกะว่าจะค่อยตามมาหาพนักงานจากนั้นเพลินตาก็เดินกลับมาถึงห้องพักตัวเองด้วยอาการเหม่อลอย นี่เธอกำลังเป็นอะไรไป จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวยังไม่พอ ร่างกายก็ยังทำราวกับว่าเรี่ยวแรงที่จะพาตัวเองให้เดินกลับมาจนถึงห้องพักก็ยังจะไม่มีอีก จากตอนแรก