สรุปว่าหลังจากที่เกิดเหตุการณ์บ้าๆ ระหว่างเธอและปฏิธานไป อีกฝ่ายก็เงียบหายไปเลยเช่นกัน แม้ว่าวันเวลาจะผ่านไปถึงสองอาทิตย์แล้วก็ตาม แต่ในวันนี้ที่ยังคงต้องกลับมาทำงานที่นี่ เพลินตาก็ยังคงรู้สึกว่าต้องกล้ำกลืนฝืนทนมาฝึกงานที่บริษัทเขาต่อ ทั้งที่ใจจริงไม่ได้อยากจะกลับมา อยากบอกบิดามารดาให้ได้รับรู้ไปเลยว่า ผู้ชายที่มารดาออกอาการทั้งปลาบปลื้มและหมายมาดอยากจะได้มาเป็นว่าที่ลูกเขยนักหนานั้น ความจริงแล้วไม่ได้มีคุณสมบัติคู่ควรที่จะมาเป็นว่าที่สามีของผู้หญิงแสนเพรียบพร้อมอย่างพี่สาวของเธอเลยและหากเป็นไปได้เธอเองก็อยากจะแฉผู้ชายอย่างปฏิธานให้มันรู้แล้วรู้รอดถึงสิ่งที่เขาได้ทำกับเธอ แต่ในที่สุดก็จำเป็นต้องปิดปากเงียบไว้เพราะไม่อยากให้บิดามารดาต้องไม่สบายใจ ดีหน่อยก็ตรงที่ว่าระหว่างนี้เธอเองก็ยังไม่ต้องได้เจอกับเขา เพราะเธอทำงานในส่วนของเธออยู่ฝ่ายการตลาดข้างล่าง ส่วนท่านประธานใหญ่จะอยู่ส่วนไหนของบริษัทนั้นเธอไม่ได้สนใจ ขอแค่อย่าได้โผล่มาให้เจอกันก็พอแล้ว
อีกเพียงแค่ไม่ถึงสองเดือนเท่านั้น ทุกอย่างก็จะจบลง หวังว่าตราบใดที่เขายังไม่ได้แต่งงานกับพราวมุก ตราบนั้นเพลินตาก็คงไม่มีความจำเป็นว่าจะต้องได้เจอเขาอีก ในขณะที่ผู้ป็นมารดายังคงเอาแต่สั่งว่าให้เธอคอยเฝ้าจับตามองว่าระหว่างนี้ว่าที่ลูกเขยตัวดีนั้นได้ไปแอบคั่วมั่วอยู่กับใครบ้าง ก็เพราะว่าไอ้คำสั่งพวกนี้ของมารดานี่แหละที่ทำให้เธอต้องคอยวิ่งตามจับผิดตามขวางคนอย่างปฏิธาน
"ตกลงว่าช่วงนี้เพลินไม่เห็นคุณเต็มเขาควงอยู่กับใครบ้างเลยเหรอลูก แน่ใจหรือเปล่า ดูดีแน่นะ ไม่ใช่กว่าพี่พราวจะกลับมาว่าที่ลูกเขยของแม่ถูกใครขโมยไป"
"โธ่แม่คะ ถ้าเกิดว่าจะมีใครมาขโมยเขาไปจริงๆ ก็ปล่อยให้เขาถูกขโมยไปเถอะค่ะ เพลินว่าผู้ชายคนอื่นที่ดีๆ คู่ควรกับพี่พราวยังมีอีกเยอะ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นแค่เขาคนนี้"
"ไม่ได้ๆ พี่พราวของลูกจะต้องได้แต่งกับคุณเต็มเท่านั้น แม่ยังไม่เห็นเลยว่าเหล่าบรรดาไฮโซทั่วฟ้าเมืองไทยคนไหนจะเพรียบพร้อมอย่างคุณเต็ม"
"แต่ว่าเขาเจ้าชู้มากเลยนะคะแม่ ขืนปล่อยให้แต่งงานกันไป แม่ไม่กลัวเหรอคะว่าเขาจะทำให้ลูกสาวสุดที่รักของแม่เสียใจ"
"นี่เพลินลูก แม่จะบอกอะไรเอาไว้ให้นะ ผู้ชายอย่างคุณเต็มมีแต่ผู้หญิงอยากที่จะเข้าหา บางทีเขาอาจจะไม่ใช่คนเจ้าชู้ แต่ว่าถูกผู้หญิงเสนอตัวเข้ามาเองก็ได้ ลองให้เขาได้หมั้นหมายกับพี่สาวของลูกดูเสียก่อน แม่เชื่อว่าพี่สาวของลูกจะต้องเป็นผู้หญิงที่สามารถกำราบผู้ชายอย่างคุณเต็มได้อย่างอยู่หมัดแน่นอน"
เฮ้อ..เบื่อ
หลังจากที่พยายามโต้แย้งถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นว่าที่ลูกเขยของมารดาไม่สำเร็จ เพลินตาก็ขับรถพาตัวเองออกจากบ้านมาอย่างเซ็งๆ โทรศัพท์มือถือถูกต่อสายหามินตราเพื่อนสาวคนสนิท จัดการนัดแนะกันถึงสถานที่ๆ ต้องการไปแล้วก็ขับบึ่งไปยังสถานที่นั้น
"ไงยายเพลิน วันนี้เป็นอะไรถึงได้ทำหน้าบูดมาขนาดนั้น"
"เรื่องเดิมๆ ไม่รู้ว่าแม่ฉันไปถูกอกถูกใจอะไรผู้ชายคนนั้นนักหนา หรือว่าแม่ฉันจะเห็นว่าเขารวย ถึงได้อยากจับพี่พราวใส่พานประเคนถวายให้เขานัก"
"แกพูดแบบนี้มันก็เป็นการดูถูกแม่ตัวเองเกินไปแล้วยายเพลิน ทรัพย์สินคุณนายเพียงรดา ลูกสาวเจ้าของสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่แบบนั้นต่อใช้แกนั่งผลาญสมบัติแม่ตัวเองเล่นไปวันๆ อีกสิบยี่สิบชาติก็ไม่มีทางใช้หมด"
"ก็นั่นน่ะสิยายมิ้น ไม่รู้ว่าแม่ฉันเนี่ยจะไปหลงใหลได้ปลื้มอะไรนักหนากับผู้ชายจอมปลอมนั่น พูดแล้วก็เบื่อสุดๆ แถมยังคอยเอาแต่สั่งให้ฉันเฝ้าจับตานายนั่นเอาไว้ให้ดีอีก น่าเบื่อชะมัด งั้นเอาเป็นว่าวันนี้ฉันจะขอจัดหนักๆ หน่อย แกอยู่เป็นเพื่อนหน่อยก็แล้วกัน"
ขณะที่เพลินตาและมินตรากำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันไปเรื่อยเปื่อยตามประสา สายตาของมินตราก็เหลือบไปเห็นว่าผู้ชายที่กำลังเดินควงนางแบบสาวสวยเข้ามานั่งใหม่ที่โต๊ะนั้นเป็นใคร ทีแรกก็ว่าจะรีบบอก เพราะว่าคุ้นชินกับการที่เพลินตาจะต้องตรงเข้าไปจัดการคู่ควงที่ปฏิธานควงมาให้ต้องหนีหาย แต่คราวนี้กลับเลือกที่จะอยู่นิ่งเฉยเอาไว้เสียไม่ยอมบอก เพราะเห็นว่าเพื่อนสนิทเองกำลังเครียดอยู่กับเขาคนนี้
"ฉันว่าแกดื่มเยอะมากไปแล้วนะเพลิน กลับเถอะเดี๋ยวฉันขับรถไปส่งแกที่คอนโดเอง"
เพลินตาหันกลับมามองหน้าเพื่อนหลังจากที่สายตานั้นปักหมุดอยู่ที่ใครบางคนเสียนาน แล้วจึงพยักหน้าตกลง กลับก็กลับ ดูเหมือนว่าสถานที่นี้มันจะไม่น่าอยู่ต่อเสียแล้วเมื่อได้หันไปเห็นว่าตรงนั้นมีปฏิธานนั่งดื่มเบียดชิดกับนางแบบอยู่ ถ้าจำไม่ผิด ผู้หญิงคนนั้นก็คือนางแบบชื่อดังที่เวลานี้กำลังถ่ายงานโฆษณาชุดชั้นในคอลเลคชั่นใหม่ให้กับ Angel secret หากว่าเป็นเมื่อก่อน เธอก็คงจะรีบพุ่งตัวเข้าไปหา แล้วจัดการแยกสองคนนั้นให้ออกห่างจากกันเสีย แต่ตอนนี้หลังจากที่บอกกับเขาไปว่าเธอจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวข้องแวะกับเขาอีก สิ่งที่เพลินตาทำได้ก็คือการเบือนหน้าหนีเสียแล้วหันกลับมา
"อื้ม กลับก็ได้ งั้นเดี๋ยวขอไปเข้าห้องน้ำก่อน แกรอฉันอยู่ตรงนี้แปบนะ"
"เดินไหวหรือเปล่าเพลิน ให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม"
"ไม่ๆ แกรออยู่ที่นี่แหละฉันไปได้"
ผู้ชายเจ้าชู้ยังไงก็คือผู้ชายเจ้าชู้อยู่วันยังค่ำ ต่อให้ที่ผ่านมาเธอจะคอยตามขวางตามขัดเขากับคู่ขาไปมากแค่ไหน แต่ในวันนี้รอบกายของปฏิธานก็ยังคงมีผู้หญิงล้อมรอบอยู่ดี เธอไม่มีทางเชื่อว่าพราวมุกจะสามารถเปลี่ยนนิสัยของผู้ชายคนนี้ได้
เพลินตาเดินเข้าไปล้างมือซับหน้าในห้องน้ำนิดหน่อย อารมณ์ขุ่นมัวที่เห็นว่าปฏิธานนั่งหัวเราะหน้าตาชื่นมื่นอยู่กับผู้หญิงคนนั้นทำเอาเธอรู้สึกหงุดหงิดไม่ชอบใจเลย ภาพในหัวฉายกลับไปนึกถึงตอนที่ถูกเขาจูบก็ยิ่งเจ็บใจ จนต้องดึงกระดาษทิชชู่ข้างมือขึ้นมาถูเช็ดปากจนลิปสติกสีสวยนั้นหลุดออกไปจนหมดถึงได้หยุด
"คนเลว ผู้ชายแบบพี่เคยรักใครจริงบ้างไหม พี่มันไม่มีหัวใจบ้างเลยหรือไง ถึงได้ควงคนนั้นเปลี่ยนคนนี้ไปเรื่อย คอยดูเถอะสักวันหนึ่งเวรกรรมมันจะตามสนองพี่"
กระดาษทิชชู่ในมือถูกบี้ขยี้จนแน่นแล้วโยนทิ้งเสียจนแรงลงไปในถังขยะ คิ้วสวยของเพลินตาผูกเข้าหากันจนหมวดขยุ้ม ก่อนจะเดินกลับออกไปในที่สุด
"อุ๊ย!"
ทันทีที่เปิดประตูออกไปแล้วเลี้ยวไปตรงหัวมุม เพลินตาก็ชนเข้ากับใครบางคนที่ยืนพิงตัวอยู่ที่ข้างผนังห้องน้ำเข้าเสียจนเต็มแรง ดีที่ว่าคนๆ นั้นไม่ได้ปล่อยให้เธอล้มลงไป หากแต่กลับดึงตัวเธอเอาไปกอดไว้ในอ้อมแขน
"พี่เต็ม"
เสียงเรียกชื่ออีกฝ่ายแผ่วเบาถูกพูดออกไปจากริมฝีปากอมชมพูที่ยังคงหลงเหลือร่องรอยลิปสติกที่ถูกเช็ดออก เป็นปฏิธานที่ยืนอยู่ตรงนี้จนเธอเดินออกมาชนเข้าและเขาก็รับตัวเธอเอาไว้ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นมาเพลินตาก็พยายามเลี่ยงที่จะไม่ให้เจอเขาเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นที่ใดในบริษัท จนกระทั่งวันนี้
"ไม่เป็นไรนะ"
เขาถามเสียงเรียบ ใบหน้าก็ออกไปในทางเรียบเฉย ทั้งๆ ที่ตอนที่อยู่กับผู้หญิงคนนั้นเธอยังเห็นเขานั่งยิ้มหน้าบานอยู่เลย แต่พอเห็นว่าเป็นเธอก็เปลี่ยนเป็นทำหน้าตายแบบนี้จนเธอเองนั้นแอบหมั่นไส้อยู่ในใน
"ค่ะ ขอโทษนะคะเพลินไม่ทันเห็นว่ามีคนยืนอยู่ตรงนี้"
เพลินตาขยับตัวออกจากอ้อมแขนนั่น แล้วปฏิธานก็ยินยอมที่จะปล่อยเธอออกอย่างง่ายดายแต่โดยดี คนตัวสูงพยักหน้ารับกับคำพูดเธอ ก่อนละเดินจากไปเฉยๆ แบบนั้นโดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อ ปล่อยให้เธอยืนอยู่กับตัวเองต่ออีกเป็นนาทีแบบนั้นด้วยความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก
ช่วงเวลาตลอดทั้งบ่ายเพลินตายังคงต้องทำงานที่ที่ค้างเอาไว้อยู่ในแผนกต่อโดยการไหว้วานนิธิพลและพี่ๆ คนอื่นที่ต้องรีบไปเข้าประชุมภาคบ่าย จนกระทั่งได้เวลาเลิกงาน กระเป๋าสะพายใบโปรดก็ถูกรีบคว้าขึ้นมาบนบ่าและตัวเธอเองก็กะว่าจะรีบจ้ำอ้าวออกจากบริษัทไปก่อนที่ใครจะมาเห็นแบบนี้ไม่ได้เรียกว่าโดดงาน ก็ในเมื่ออยู่จนถึงเวลาเลิกงานแล้ว เธอจะรีบออกเร็วหรือช้าก็เป็นสิทธิ์ของเธออยู่ดี กะว่าอยากจะรีบไปเดินผักผ่อนหย่อนกายเสียหน่อย เอาเป็นห้างขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณทางผ่านตอนจะกลับคอนโดมิเนียมนี่ก็แล้วกันสะดวกดี กะว่าแวะหาอะไรทาน เดินเลือกซื้อของ แล้วก็จะกลับ จนกระทั่งตอนที่เธอเปิดประตูลิฟท์ออกมาแล้วเจอเข้ากับผู้ชายคนนี้ หนึ่งในลูกหลานของตระกูลทรัพย์ณรงค์กุล"เลิกงานแล้ว เพลินช่วยไปดูหนังกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนหน่อยครับ""พี่ปรานต์"เพลินตายิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนตรงหน้าคือใคร ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาฝึกงานที่นี่เรียกว่าแทบจะนับครั้งได้ที่เธอเจอเขา หนึ่งในผู้บริหารหนุ่มของ SNG ดีกรีความหล่อสูสีกับปฏิธานก็จริง แต่ปรานต์ออกจะดูเป็นผู้ชายอบอุ่นมากกว่า"ไปยังไงมายังไงคะ ถึงได้มาดักรอเพลินอยู่ที่ลิฟท์หน้าบริ
เพลินตาเดินกลับออกมาด้วยความรู้สึกที่แสนจะหลากหลาย สมองอื้ออึงและมึนตึงไปพร้อมๆ กันเมื่อคำพูดของปฏิธานเอาแต่รบกวนระบบประสาทของเธออยู่เรื่อย ปฏิธานจะให้เธอยอมไปเป็นผู้หญิงลับๆ ของเขาจนกว่าพี่สาวของเธอจะกลับมา เธอขอสัญญากับตัวเองไว้ตรงนี้เลยว่ายังไงเสียก็จะไม่มีทางยอมให้มันเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด ผู้ชายคนนั้นจะไม่มีทางได้ในสิ่งที่เขาอยากได้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนดีเลิศเลอ แต่เธอก็จะไม่ยอมต่ำตมจนต้องยอมทำอะไรผิดพลาดอีก"อ้าวเพลินกลับมาแล้วเหรอ เห็นคุณต้นอ้อแจ้งมาว่าให้เพลินช่วยไปถ่ายเอกสารให้ที่ข้างบนมาเพราะว่าเตรียมเอาไว้ใช้ในห้องประชุมบ่ายนี้ไม่ทัน เป็นไง เสร็จเรียบร้อยดีแล้วใช่ไหมจ๊ะ"หลังจากเดินกลับมาถึงยังชั้นที่ตัวเองทำงานอยู่เพลินตาก็เดินเข้าแผนกมาแบบเครียดๆ ในหัวตอนนี้ไหนจะมีเรื่องที่ปฏิธานพึ่งจะพูดกับเธอมา ไหนจะเป็นเรื่องที่ว่าตอนนี้พี่ๆ ในแผนกต่างมากันครบหมดแล้วอีก แล้วเธอควรต้องแก้ตัวว่าอะไร จนกระทั่งเดินเข้ามาเจอกับหัวหน้าแผนกอย่างคุณนิธิพล ที่แจ้งเหตุผลทันทีที่เห็นหน้าเธอว่าคุณต้นอ้อนั้นโทรมาบอกเหตุผลที่เรียกตัวเธอไปใช้งานเรียบร้อยแล้วเพลินตาอ้าปากแบบงงๆ คุณต้นอ้อคือใครแน่นอนว่า
ในที่สุดก็ถึงเช้าวันจันทร์ เพลินตายังคงต้องไปทำงานตามปกติ หลังจากที่นั่งกลั้นใจอยู่ในรถตั้งนานกว่าที่จะทำใจให้ยอมลงจากรถไปได้ เธอไม่พร้อมเจอหน้าปฏิธาน ไม่พร้อมหรืออาจจะถึงขั้นไม่อยากเจอ ยิ่งพอได้นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวันศุกร์แล้วก็ได้แต่อยากร้องไห้เมื่อความจริงที่ว่าเธอมีอะไรกับปฏิธานไปแล้วนั้นมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีกับตัวเองที่ตอนนี้เธอกลายเป็นคนทรยศหักหลังพี่สาวแต่ถ้าให้เลือก..ว่าระหว่างคนที่มาช่วยเธอคือ ปฏิธาน หรือจะให้เป็นใครคนอื่น บอกตามตรงว่ามันช่างเป็นคำตอบที่ยากแสนยาก เพลินตาไม่อยากให้เป็นคนอื่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธออยากให้มันป็น เขา ผู้ที่ได้ชื่อว่ากำลังจะมีสถานะมาเป็นว่าที่สามีของพี่สาวตัวเองในอนาคต"สวัสดีตอนเช้าครับน้องเพลิน"ทันทีที่ประตูรถเปิดออกสีหน้าที่ดูเครียดอยู่ก็เปลี่ยนไปในทางแปลกใจเมื่อเห็นว่าใครคือคนที่ยืนตรงหน้าคือกันตธีร์ ผู้ชายที่เธอพึ่งเจอที่ผับเมื่อคืนวันนั้น หลังจากที่เกิดเรื่องไปเธอก็ไม่ได้ติดต่อเขาอีก ส่วนมินตราพอโทรไปหาก็ดูเงียบไปแปลกๆ ก็เลยยังไม่กล้าถามหรือแม้แต่เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้ฟัง เช้านี้กันตธีร์
หลายชั่วโมงผ่านไป แต่ก็ดูเหมือนว่าฤทธิ์ยาน่าจะยังคงไม่ยอมจางหายไปได้ง่ายๆ ในขณะที่ล้มตัวนอนลงไปข้างๆ กันด้วยความเหนื่อยหอบ ปฏิธานก็ดึงเธอเข้ามากอดเอาไว้แล้วเริ่มบีบคลึงที่สองเต้าอวบอีก ช่วงจังหวะนี้เพลินตาเริ่มจะรับรู้ได้แล้วว่า สิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นมาระหว่างเธอและปฏิธานนั้นคืออะไร หากแต่ความต้องการภายในที่ยากต่อการควบคุมนั้นกลับทำให้เธอยังคงเรียกร้องให้เขาทำมันอีกซ้ำๆ"ดูดนมให้เพลินอีกสิพี่เต็ม""ดูดแค่นมมันจะไปพออะไร เพลินอ้าขาสิ พี่อยากลงไปเลียข้างล่าง"ค่ำคืนนี้คุณหนูเพลินตาจอมเซี้ยวช่างว่าง่ายนัก ไม่ว่าปฏิธานจะเอ่ยปสกบอกให้ทำอะไรเธอก็คล้อยตามเขาไปเสียหมด ทันทีที่ลิ้นร้อนๆของปฏิธานจ่อเลียเข้ามา สองเรียวขาก็รีบกระหวัดเอี่ยวขึ้นไปบนบ่า ก่อนจะแอ่นเด้งกายสาวเข้าหาให้เข้าได้กินใกล้ๆ"อ๊า พี่เต็มขา เพลินรู้สึกดีจังเลย""อื้มเพลิน พี่ชอบมัน"ปฏิธานยกสองเรียวขาพาดบ่าให้แน่น ก่อนจะขยี้ปลายลิ้นบี้ลงไปกับเม็ดเสียว เพลินตาดิ้นเร่า พยายามแอ่นเนินเนื้ออวบของเธอเข้าหาใบหน้าเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บทรักที่แสนเร่าร้อนของปฏิธานนั้นแสนร้อนแรง แถมยังช่วยเปิดประสบการณ์เรื่องรักๆใคร่ๆให้กับเธอได
หลังจากถูกจับลอกคราบออกเสียจนสิ้น เรือนร่างที่แสนงดงามสมส่วนของเพลินตาก็นอนบิดเร่าอยู่บนเตียงใหญ่ ใบหน้างดงามเหยแกเพราะผลจากฤทธิ์ของยาจนไม่สามารถต้านทานต่อความต้องการที่เกิดขึ้นภายในกายได้ จึงได้เอื้อมมือเล็กของตัวเองบี้คลึงลงไปที่ใจกลางเกสรของดอกไม้งาม ก่อนจะแยกเรียวขาออกอย่างไม่นึกอาย"อ๊า พี่เต็มขาได้โปรดช่วยเพลินด้วย อื้อ เพลินทรมานเหลือเกิน"ปฏิธานจ้องมองภาพนั้นก่อนจะกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ภาพของเพลินตาที่นอนแหวกอ้าขาออก แล้วใช้มือตัวเองบีบขยี้บี้คลึงปุ่มเกสรกลางกาย ทำเอาต่อมความยับยั้งช่างใจของเขายิ่งตะเลิด ทั้งๆที่ใจจริงไม่เคยได้คิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะกล้าถึงขั้นเลยเถิดลามปามเด็กผู้หญิงตัวน้อย หากแต่เป็นตอนนี้ ปฏิธานตัดสินใจแล้วว่าเขาจะต้องช่วยเธอ หากว่าไม่ มีหวังเพลินตาคงต้องช็อกตายเพราะความต้องการที่ไม่ได้รับการตอบสนองเป็นแน่ราวกับสุนัขจิ้งจอกเตรียมพร้อมที่จะกลืนกินลูกแกะตัวน้อย ปฏิธานจ้องมองเรือนร่างงดงามที่นอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงเขาด้วยความหื่นกระหาย สายตากวาดไล่มองสำรวจตั้งแต่ใบหน้าสวยลากเลื้อยลงมาจนไปหยุดที่กึ่งกลางกาย เพลินตางดงามไปเสียทุกส่วน จนเขาไม่สามารถที่จะทนย
เพลินตาไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่กับเธอนั้นคืออะไร ความรู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วทั้งตัวจนคอแห้งปากแห้งและยังใจสั่น อาการเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวแล้วเปลี่ยนเป็นการคลั่นเนื้อคลั่นตัวแทน มือไม้สั่นระริกระคนจนแทบจะไม่สามารถควบคุมได้ หากแต่เวลาที่สัมผัสโดนผิวกายของปฏิธานแม้เพียงเล็กน้อย กลับทำให้เธอนั้นอยากทำเรื่องบ้าๆ ด้วยการกระโจนเข้าหาและดึงเขาเข้ามากอดจูบเสียอย่างนั้น "พี่เต็ม เพลินเป็นอะไรก็ไม่รู้"เพลินตาตัดสินใจหันไปพูดบอกกับปฏิธานตามตรง หากแต่จุดโฟกัสสายตากลับกลายเป็นเป็นสันจมูกโด่งและริมฝีปากของเขาที่เธอเคยได้สัมผัส จากนั้นดูเหมือนว่ามันจะยังคงไม่พอ เพลินตายังคงแอบละสายตาจากริมฝีปากของคนข้างๆ ไต่ไล่ลงมายังลูกกระเดือก ช่วงจังหวะที่มันขยับกลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นอยู่ภายในใจจนตามร่างกายยิ่งร้อนวูบวาบ"เป็นอะไรเพลิน""มัน มันรู้สึกร้อนๆ แปลกๆ"ปฏิธานหันกลับมามองเธอเพียงแค่แวบหนึ่ง สภาพของเพลินตาที่เห็นในตอนนี้ก็คืออีกฝ่ายกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่สุดแสนจะหวานเชื่อม มือไม้ก็อยู่ไม่สุก ไล่เเกะปัดป่ายไปตามเนื้อตัวตัวเอง มองจากสภาพของเพลินตา ถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะรู้อยู่หรอก