เพลินตาเดินกลับออกจากห้องน้ำมาด้วยท่าทีและความรู้สึกนิ่งเงียบ แต่ก็ดีเหมือนกันที่ปฏิธานไม่ได้มีท่าทีวอแวเธอแล้ว สิ่งหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าเธอเองก็ไม่ได้เข้าไปวุ่นวายกับเขาแล้วเหมือนกัน ก็เลยทำให้ต่างคนต่างอยู่ไม่ก้าวล้ำกันแบบนี้ แต่ทำไมถึงยังรู้สึกแปลกๆ จนไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อเลย
"อ้าวเพลินมาแล้วเหรอ ถ้าฉันอยากจะขอนั่งต่ออีกสักหน่อย แกจะว่าอะไรไหมอ่ะ พอดีว่าพวกพี่แชมป์พึ่งมาถึง แล้วฉันเองก็ไม่ได้เจอกับพี่เขามานานแล้วด้วย"
พอกลับมาถึงโต๊ะนั่ง เพลินตาก็เห็นว่าที่ตรงนั้นไม่ได้มีแค่มินตราคนเดียวที่นั่งอยู่แล้ว หากแต่ยังมีผู้ชายคนอื่นอีกสองคนนั่งรวมอยู่ด้วย ท่าทีของมินตราที่หันมาขยิบตาใส่เธอ มองก็รู้ว่าหนึ่งในสองคนนี้น่าจะต้องไม่ใครก็ใครคนใดคนหนึ่งที่มีซัมติงบางอย่างกับเพื่อนสนิทเธอแน่ๆ
"ได้สิไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันอยู่ต่อเป็นเพื่อน"
หลังจากที่เพื่อนสาวมินตราของเธอแอบกระซิบกระซาบบอก เพลินตาก็ได้รับรู้ว่าหนึ่งในสองหนุ่มตรงหน้านี้ก็คือรักแรกแบบฉบับป๊อบปี้เลิฟของมินตราตั้งแต่สมัยเด็กๆ ที่ได้บังเอิญมาเจอกันอีกครั้ง พอได้แนะนำตัวและทักทายกันไป มินตราที่ออกอาการดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อได้โคจรกลับมาเจอรักแรกพบสมัยวัยกระเตาะของตัวเอง แถมฝ่ายชายยังขายตัวเองว่าโสดมาพักใหญ่ๆ แล้วอีกต่างหาก นั่นทำเอาเพื่อนสาวของเธอเกิดอาการนั่งเขินบิดตัวงอจนไม่อยากกลับบ้านกลับช่อง
ในระหว่างที่เพื่อนสนิทเธอทำการรื้อฟื้นความหลังกับรุ่นพี่หนุ่ม เพื่อนของเขาที่มาด้วยกันก็เริ่มทำการปูพื้นเพื่อเริ่มทำความรู้จักกันใหม่กับเธอด้วยการชวนคุยและชวนดื่มไปตามประสา ซึ่งนั่นเพลินตาเองก็ไม่ติดกับการที่จะได้ทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ ด้วยลักษณะนิสัยที่เป็นคนชอบสนุกสังสรรค์เฮฮาและมีเพื่อนเยอะอยู่แล้ว หากว่าผู้ชายคนนี้ที่ก็ถือว่า..หล่อ พูดจาสุภาพ และหน้าตาดีเทียบเคียงกับใครบางคน ที่ยังคงนั่งตัวติดกันอยู่กับนางแบบสาวสวยตรงโน้นได้อย่างสบาย เธอไม่ติดนักหรอกหากว่าเขาจะอยากจะทำความรู้จักกับเธอ
คุณหนูเพลินตา ที่ใครๆ ก็บอกว่ามองแล้วช่างเพลินใจ ตั้งแต่เกิดมาเพลินตาก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเองนั้นเป็นคนที่สวยจนผู้ชายต้องหันหลังกลับมามอง แต่ก็ยังไม่สามารถเทียบเท่ากับนางพญาหงส์ขาวอย่างพราวมุกพี่สาวตัวเองได้อยู่ดี หากต้องเทียบกันกับพราวมุกแล้ว เธอเองก็คงเป็นได้แค่นกสีสวยตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งที่คนมองจะมองมาก็ต่อเมื่อไม่ได้อยู่ในรัศมีใกล้กับนางพญาหงส์ขาวเท่านั้น
"น้องเพลินอยู่ปีสุดท้ายแล้ว ก็หมายความว่าใกล้จะจบแล้วสินะครับ คิดเอาไว้หรือยังครับว่าจบแล้วจะไปเรียนต่อที่ไหน หรือว่าอยากจะพักเรื่องเรียนเอาไว้ก่อนแล้วโดดมาช่วยงานที่ GVB เลยดี"
"อืม เรื่องนั้นเพลินยังไม่ได้ตัดสินใจเลยค่ะพี่กาย แค่อยากรอฝึกงานที่ SNG ให้เสร็จก่อน แล้วถึงจะค่อยลองคิดดูอีกที พอดีว่าปกติเป็นคนชิวๆ นะค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่เพลินค่อนข้างตามใจ"
เพลินตายิ้มแห้ง ยิ้มอ่อน ยิ้มหน้าแหยๆ หรือว่าจะเรียกว่ายิ้มอะไรดี ก็ในเมื่อเธอยังไม่ได้แพลนคิดไปถึงตรงนั้นเลยจริงๆ ที่ผ่านมาก็ใช้ชีวิตแบบสบายๆ บิดามารดาเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ตามใจเธอไปเสียมันทุกอย่าง อาจคงจะเป็นเพราะว่าพวกท่านมีพราวมุกผู้เป็นพี่สาวให้ได้ภาคภูมิใจอยู่แล้วกระมัง กับเธอถึงได้ไม่เคยบังคับอะไร นอกเสียจากว่ามารดาจะบังคับให้มาฝึกงานที่ SNG เพื่อคอยจับตาดูว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวก็เท่านั้น
"ไม่น่าเชื่อ บังเอิญจังเลยนะครับน้องเพลินที่ไอ้กายเพื่อนพี่ก็พึ่งจะได้งานที่ SNG เหมือนกัน แหมถ้าเป็นแบบนี้ก็เท่ากับว่าสองคนนี้นี่ทำงานอยู่บริษัทเดียวกันเลยสินะครับ"
เป็นพี่แชมป์ รักแรกของมินตราที่หันมาคุยกับเธอ แต่มันก็ช่างเป็นเรื่องที่บังเอิญเสียจริงๆ ที่อยู่ๆ คนที่พึ่งได้มาทำความรู้จักกันจะกลายเป็นว่าได้ทำงานอยู่บริษัทเดียวกันกับเธอเสียอย่างงั้น
"จริงเหรอคะเนี่ย บังเอิญจริงๆ ด้วยค่ะ"
หลังจากที่คุยกันไปเรื่อยเปื่อยก็เป็นอันสรุปว่ามินตราเพื่อนสาวของเธอและพี่แชมป์ผู้ซึ่งเป็นรักแรกของเพื่อนสาวก็ได้ทำการแลกคอนแทคกันเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแบบไม่ผิดคาด ส่วนพี่กาย จากเท่าที่คุยกันไปมา เขากลับไม่ได้มีท่าทีที่จะแสดงออกมาว่าอยากจะพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอไปมากกว่านี้ ที่ชวนเธอพูดคุยกันไปก็เพียงเพื่อว่าเป็นการอยากละลายพฤติกรรมเธอก็เท่านั้น จนสุดท้ายพี่แชมป์ก็เฉลยออกมาว่าพี่กายนั้นมีแฟนแล้วและก็รักแฟนมาก นั่นก็เลยทำให้เพลินตาแอบรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ใช้ได้ เพราะมันจะมีสักกี่คนเชียว ผู้ชายที่ไว้ใจได้แบบนี้ เพราะถึงต่อให้แฟนไม่อยู่ตรงหน้าก็ไม่ได้คิดว่าจะนอกกายนอกใจ พูดแล้วก็รู้สึกอิจฉาผู้หญิงคนนั้น
"น่าอิจฉาแฟนพี่กายจังเลยนะคะ ที่ได้มีแฟนดีๆ แบบนี้ ไม่รู้ว่าชาตินี้เพลินจะหาแฟนที่รักเดียวใจเดียวแบบพี่กายได้บ้างที่ไหน"
เพลินตาพูดออกมาจากใจด้วยความรู้สึกที่เธอรู้สึกแบบนั้นจริงๆ แถมยังรู้สึกดีเสียอีกที่ได้รู้จักผู้ชายที่ทั้งหน้าตาดีและจิตใจดีแบบพี่กาย
"และนี่มันก็เลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมแกถึงยังโสดได้มาจนถึงทุกวันนี้ไงเพลิน เลือกมาก คนนั้นก็ไม่เอา คนนี้ก็ไม่ใช่อีก" มินตราแอบแซะ
"นี่น้องเพลินยังไม่มีแฟนจริงๆ เหรอครับ สวยขนาดนี้ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะยังโสด"
"ไม่มีจริงๆ ค่ะพี่แชมป์ พอดีว่าเพลินเลือกมากแบบที่มิ้นมันว่าจริงๆ เอาไว้ถ้าวันไหนเพลินได้เจอผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวแบบ..พี่กายเมื่อไหร่ จะค่อยลองคิดดูอีกที"
เพลินตาแกล้งแซวขำๆ ก่อนที่ทั้งสี่คนจะยังคงนั่งคุยกันไปอย่างสนุกสนานต่ออีกสักพัก เพลินตาเองเริ่มก็รู้สึกว่าผู้ชายสองคนนี้มีทัศนคติและนิสัยใจคอที่ดูเหมือนว่าจะใช้ได้อยู่เหมือนกัน ยิ่งคนที่ชื่อพี่กาย หรือว่ากันตธีร์ด้วยแล้ว รัศมีของความเป็นสุภาพบุรุษของเขานั้นทำให้เธอเริ่มรู้สึกไว้วางใจได้ในระดับหนึ่ง
จนกระทั่งอยู่ๆ สายตาของพี่กายนั้นได้ไปหยุดโฟกัสอยู่ที่ชายหญิงคู่หนึ่งที่พึ่งจะเดินควงแขนกันกระหนุงกระหนิงออกไปผ่านหน้า แน่นอนว่าชายหญิงคู่นั้นมันคือคู่ของปฏิธานและนางแบบสาวสวยที่เธอเห็นว่าทั้งสองคนนั้นควงคู่เข้ามาด้วยกันตั้งแต่แรก
"ไอ้กาย นั่นมันชมพูแฟนมึงนี่หว่า ไหนมึงบอกว่าเขากลับไปเยี่ยมครอบครัวที่ต่างจังหวัดไง แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้มาอยู่นี่ได้วะ"
ช่วงเวลาตลอดทั้งบ่ายเพลินตายังคงต้องทำงานที่ที่ค้างเอาไว้อยู่ในแผนกต่อโดยการไหว้วานนิธิพลและพี่ๆ คนอื่นที่ต้องรีบไปเข้าประชุมภาคบ่าย จนกระทั่งได้เวลาเลิกงาน กระเป๋าสะพายใบโปรดก็ถูกรีบคว้าขึ้นมาบนบ่าและตัวเธอเองก็กะว่าจะรีบจ้ำอ้าวออกจากบริษัทไปก่อนที่ใครจะมาเห็นแบบนี้ไม่ได้เรียกว่าโดดงาน ก็ในเมื่ออยู่จนถึงเวลาเลิกงานแล้ว เธอจะรีบออกเร็วหรือช้าก็เป็นสิทธิ์ของเธออยู่ดี กะว่าอยากจะรีบไปเดินผักผ่อนหย่อนกายเสียหน่อย เอาเป็นห้างขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณทางผ่านตอนจะกลับคอนโดมิเนียมนี่ก็แล้วกันสะดวกดี กะว่าแวะหาอะไรทาน เดินเลือกซื้อของ แล้วก็จะกลับ จนกระทั่งตอนที่เธอเปิดประตูลิฟท์ออกมาแล้วเจอเข้ากับผู้ชายคนนี้ หนึ่งในลูกหลานของตระกูลทรัพย์ณรงค์กุล"เลิกงานแล้ว เพลินช่วยไปดูหนังกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนหน่อยครับ""พี่ปรานต์"เพลินตายิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนตรงหน้าคือใคร ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาฝึกงานที่นี่เรียกว่าแทบจะนับครั้งได้ที่เธอเจอเขา หนึ่งในผู้บริหารหนุ่มของ SNG ดีกรีความหล่อสูสีกับปฏิธานก็จริง แต่ปรานต์ออกจะดูเป็นผู้ชายอบอุ่นมากกว่า"ไปยังไงมายังไงคะ ถึงได้มาดักรอเพลินอยู่ที่ลิฟท์หน้าบริ
เพลินตาเดินกลับออกมาด้วยความรู้สึกที่แสนจะหลากหลาย สมองอื้ออึงและมึนตึงไปพร้อมๆ กันเมื่อคำพูดของปฏิธานเอาแต่รบกวนระบบประสาทของเธออยู่เรื่อย ปฏิธานจะให้เธอยอมไปเป็นผู้หญิงลับๆ ของเขาจนกว่าพี่สาวของเธอจะกลับมา เธอขอสัญญากับตัวเองไว้ตรงนี้เลยว่ายังไงเสียก็จะไม่มีทางยอมให้มันเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด ผู้ชายคนนั้นจะไม่มีทางได้ในสิ่งที่เขาอยากได้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนดีเลิศเลอ แต่เธอก็จะไม่ยอมต่ำตมจนต้องยอมทำอะไรผิดพลาดอีก"อ้าวเพลินกลับมาแล้วเหรอ เห็นคุณต้นอ้อแจ้งมาว่าให้เพลินช่วยไปถ่ายเอกสารให้ที่ข้างบนมาเพราะว่าเตรียมเอาไว้ใช้ในห้องประชุมบ่ายนี้ไม่ทัน เป็นไง เสร็จเรียบร้อยดีแล้วใช่ไหมจ๊ะ"หลังจากเดินกลับมาถึงยังชั้นที่ตัวเองทำงานอยู่เพลินตาก็เดินเข้าแผนกมาแบบเครียดๆ ในหัวตอนนี้ไหนจะมีเรื่องที่ปฏิธานพึ่งจะพูดกับเธอมา ไหนจะเป็นเรื่องที่ว่าตอนนี้พี่ๆ ในแผนกต่างมากันครบหมดแล้วอีก แล้วเธอควรต้องแก้ตัวว่าอะไร จนกระทั่งเดินเข้ามาเจอกับหัวหน้าแผนกอย่างคุณนิธิพล ที่แจ้งเหตุผลทันทีที่เห็นหน้าเธอว่าคุณต้นอ้อนั้นโทรมาบอกเหตุผลที่เรียกตัวเธอไปใช้งานเรียบร้อยแล้วเพลินตาอ้าปากแบบงงๆ คุณต้นอ้อคือใครแน่นอนว่า
ในที่สุดก็ถึงเช้าวันจันทร์ เพลินตายังคงต้องไปทำงานตามปกติ หลังจากที่นั่งกลั้นใจอยู่ในรถตั้งนานกว่าที่จะทำใจให้ยอมลงจากรถไปได้ เธอไม่พร้อมเจอหน้าปฏิธาน ไม่พร้อมหรืออาจจะถึงขั้นไม่อยากเจอ ยิ่งพอได้นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวันศุกร์แล้วก็ได้แต่อยากร้องไห้เมื่อความจริงที่ว่าเธอมีอะไรกับปฏิธานไปแล้วนั้นมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีกับตัวเองที่ตอนนี้เธอกลายเป็นคนทรยศหักหลังพี่สาวแต่ถ้าให้เลือก..ว่าระหว่างคนที่มาช่วยเธอคือ ปฏิธาน หรือจะให้เป็นใครคนอื่น บอกตามตรงว่ามันช่างเป็นคำตอบที่ยากแสนยาก เพลินตาไม่อยากให้เป็นคนอื่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธออยากให้มันป็น เขา ผู้ที่ได้ชื่อว่ากำลังจะมีสถานะมาเป็นว่าที่สามีของพี่สาวตัวเองในอนาคต"สวัสดีตอนเช้าครับน้องเพลิน"ทันทีที่ประตูรถเปิดออกสีหน้าที่ดูเครียดอยู่ก็เปลี่ยนไปในทางแปลกใจเมื่อเห็นว่าใครคือคนที่ยืนตรงหน้าคือกันตธีร์ ผู้ชายที่เธอพึ่งเจอที่ผับเมื่อคืนวันนั้น หลังจากที่เกิดเรื่องไปเธอก็ไม่ได้ติดต่อเขาอีก ส่วนมินตราพอโทรไปหาก็ดูเงียบไปแปลกๆ ก็เลยยังไม่กล้าถามหรือแม้แต่เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้ฟัง เช้านี้กันตธีร์
หลายชั่วโมงผ่านไป แต่ก็ดูเหมือนว่าฤทธิ์ยาน่าจะยังคงไม่ยอมจางหายไปได้ง่ายๆ ในขณะที่ล้มตัวนอนลงไปข้างๆ กันด้วยความเหนื่อยหอบ ปฏิธานก็ดึงเธอเข้ามากอดเอาไว้แล้วเริ่มบีบคลึงที่สองเต้าอวบอีก ช่วงจังหวะนี้เพลินตาเริ่มจะรับรู้ได้แล้วว่า สิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นมาระหว่างเธอและปฏิธานนั้นคืออะไร หากแต่ความต้องการภายในที่ยากต่อการควบคุมนั้นกลับทำให้เธอยังคงเรียกร้องให้เขาทำมันอีกซ้ำๆ"ดูดนมให้เพลินอีกสิพี่เต็ม""ดูดแค่นมมันจะไปพออะไร เพลินอ้าขาสิ พี่อยากลงไปเลียข้างล่าง"ค่ำคืนนี้คุณหนูเพลินตาจอมเซี้ยวช่างว่าง่ายนัก ไม่ว่าปฏิธานจะเอ่ยปสกบอกให้ทำอะไรเธอก็คล้อยตามเขาไปเสียหมด ทันทีที่ลิ้นร้อนๆของปฏิธานจ่อเลียเข้ามา สองเรียวขาก็รีบกระหวัดเอี่ยวขึ้นไปบนบ่า ก่อนจะแอ่นเด้งกายสาวเข้าหาให้เข้าได้กินใกล้ๆ"อ๊า พี่เต็มขา เพลินรู้สึกดีจังเลย""อื้มเพลิน พี่ชอบมัน"ปฏิธานยกสองเรียวขาพาดบ่าให้แน่น ก่อนจะขยี้ปลายลิ้นบี้ลงไปกับเม็ดเสียว เพลินตาดิ้นเร่า พยายามแอ่นเนินเนื้ออวบของเธอเข้าหาใบหน้าเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บทรักที่แสนเร่าร้อนของปฏิธานนั้นแสนร้อนแรง แถมยังช่วยเปิดประสบการณ์เรื่องรักๆใคร่ๆให้กับเธอได
หลังจากถูกจับลอกคราบออกเสียจนสิ้น เรือนร่างที่แสนงดงามสมส่วนของเพลินตาก็นอนบิดเร่าอยู่บนเตียงใหญ่ ใบหน้างดงามเหยแกเพราะผลจากฤทธิ์ของยาจนไม่สามารถต้านทานต่อความต้องการที่เกิดขึ้นภายในกายได้ จึงได้เอื้อมมือเล็กของตัวเองบี้คลึงลงไปที่ใจกลางเกสรของดอกไม้งาม ก่อนจะแยกเรียวขาออกอย่างไม่นึกอาย"อ๊า พี่เต็มขาได้โปรดช่วยเพลินด้วย อื้อ เพลินทรมานเหลือเกิน"ปฏิธานจ้องมองภาพนั้นก่อนจะกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ภาพของเพลินตาที่นอนแหวกอ้าขาออก แล้วใช้มือตัวเองบีบขยี้บี้คลึงปุ่มเกสรกลางกาย ทำเอาต่อมความยับยั้งช่างใจของเขายิ่งตะเลิด ทั้งๆที่ใจจริงไม่เคยได้คิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะกล้าถึงขั้นเลยเถิดลามปามเด็กผู้หญิงตัวน้อย หากแต่เป็นตอนนี้ ปฏิธานตัดสินใจแล้วว่าเขาจะต้องช่วยเธอ หากว่าไม่ มีหวังเพลินตาคงต้องช็อกตายเพราะความต้องการที่ไม่ได้รับการตอบสนองเป็นแน่ราวกับสุนัขจิ้งจอกเตรียมพร้อมที่จะกลืนกินลูกแกะตัวน้อย ปฏิธานจ้องมองเรือนร่างงดงามที่นอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงเขาด้วยความหื่นกระหาย สายตากวาดไล่มองสำรวจตั้งแต่ใบหน้าสวยลากเลื้อยลงมาจนไปหยุดที่กึ่งกลางกาย เพลินตางดงามไปเสียทุกส่วน จนเขาไม่สามารถที่จะทนย
เพลินตาไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่กับเธอนั้นคืออะไร ความรู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วทั้งตัวจนคอแห้งปากแห้งและยังใจสั่น อาการเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวแล้วเปลี่ยนเป็นการคลั่นเนื้อคลั่นตัวแทน มือไม้สั่นระริกระคนจนแทบจะไม่สามารถควบคุมได้ หากแต่เวลาที่สัมผัสโดนผิวกายของปฏิธานแม้เพียงเล็กน้อย กลับทำให้เธอนั้นอยากทำเรื่องบ้าๆ ด้วยการกระโจนเข้าหาและดึงเขาเข้ามากอดจูบเสียอย่างนั้น "พี่เต็ม เพลินเป็นอะไรก็ไม่รู้"เพลินตาตัดสินใจหันไปพูดบอกกับปฏิธานตามตรง หากแต่จุดโฟกัสสายตากลับกลายเป็นเป็นสันจมูกโด่งและริมฝีปากของเขาที่เธอเคยได้สัมผัส จากนั้นดูเหมือนว่ามันจะยังคงไม่พอ เพลินตายังคงแอบละสายตาจากริมฝีปากของคนข้างๆ ไต่ไล่ลงมายังลูกกระเดือก ช่วงจังหวะที่มันขยับกลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นอยู่ภายในใจจนตามร่างกายยิ่งร้อนวูบวาบ"เป็นอะไรเพลิน""มัน มันรู้สึกร้อนๆ แปลกๆ"ปฏิธานหันกลับมามองเธอเพียงแค่แวบหนึ่ง สภาพของเพลินตาที่เห็นในตอนนี้ก็คืออีกฝ่ายกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่สุดแสนจะหวานเชื่อม มือไม้ก็อยู่ไม่สุก ไล่เเกะปัดป่ายไปตามเนื้อตัวตัวเอง มองจากสภาพของเพลินตา ถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะรู้อยู่หรอก