"เมี่ยวเมี่ยว! ลูกพูดอะไรแบบนี้ออกมา!?" เซี่ยอวิ๋นซืออุทานเสียงหลง จ้องมองลูกสาวตัวน้อยด้วยความตกใจระคนคาดไม่ถึงและไม่เข้าใจ ทำไมจู่ ๆ ลูกถึงพูดเหมือนยอมแพ้ทั้งที่เพิ่งยืนหยัดต่อสู้อย่างกล้าหาญเมื่อครู่
เสิ่นหานเองก็หน้าเหวอไปไม่แพ้กัน เขาขมวดคิ้วจ้องลูกสาวนิ่ง "ลูกหมายความว่ายังไงเมี่ยวเมี่ยว? ทำไมจู่ ๆ ถึงพูดแบบนี้? เมื่อกี้ลูกยัง..." เขานึกถึงภาพลูกสาวตัวเล็กที่ยืนปกป้องเขาอย่างไม่เกรงกลัว แล้วทำไมตอนนี้ถึง...
เสิ่นหยวนที่นั่งอยู่เงียบก็เงยหน้าขึ้นจากกองการบ้าน มองน้องสาวด้วยแววตาสับสน เขาเองก็ไม่เข้าใจความคิดของเสิ่นเมี่ยวเลยเหมือนกัน เสิ่นเมี่ยวกำลังจะอ้าปากอธิบายแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยคำใดออกมา...
ก๊อก ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูไม้หน้าบ้านหลังเล็กของเธอก็ดังขึ้นขัดจังหวะ ทุกคนในห้องหันไปมองทางประตูพร้อมกัน ก่อนที่ร่างของเด็กหนุ่มรุ่นกระทงคนหนึ่งจะโผล่หน้าเข้ามา เด็กคนนั้นคือเสิ่นตงบุคคลที่เสิ่นเมี่ยวไม่เคยลืมและเกลียดชังในชาติก่อนนั่นเอง
"ย่าเรียก..." เสิ่นตงเอ่ยเสียงห้วนไม่สบตาใครเป็นพิเศษ "ให้พวกอาเล็กไปหาที่บ้านใหญ่หน่อย ย่ามีเรื่องจะคุยด้วย" คำพูดนั้นยิ่งทำให้บรรยากาศด้านในเกิดความตึงเครียดและน่าอึดอัดมากขึ้น
สิ่นหานและเซี่ยอวิ๋นซือสบตากันโดยอัตโนมัติ แววตาเต็มไปด้วยความระแวงและความเหนื่อยหน่ายใจ เรียกไปตอนนี้เนี่ยนะ? หลังจากที่เพิ่งปะทะกันไปเมื่อครู่ คนพวกนั้นยังจะมีแผนการอะไรอีก?
เสิ่นหยวนลุกขึ้นจากโต๊ะเดินมายืนใกล้พ่อแม่และน้องสาวอย่างเตรียมพร้อมปกป้อง ส่วนเสิ่นเมี่ยวดวงตาเรียบเฉยคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อย...เรียกไปคุย? หรือเรียกไปหาเรื่องกันแน่? แต่จังหวะมันช่างพอดีกับที่เธอเพิ่งพูดเรื่องยอมยกตำแหน่งงานออกไป... หรือว่านี่จะเป็นโอกาส?
เสี่ยวหม่าว นายช่วยวิเคราะห์สถานการณ์ซิ ย่าเรียกไปตอนนี้น่าจะมีเจตนาอะไร? เธอถามเอไอในใจอย่างรวดเร็ว
จากการประเมินผลพฤติกรรมของนางจางและครอบครัวของเสิ่นฉี มีความเป็นไปได้สูงว่าพวกเขาอาจจะยังไม่ยอมแพ้เรื่องตำแหน่งงาน และการเรียกไปครั้งนี้อาจจะเป็นการพยายามเจรจาต่อรองกดดัน หรือวางกับดักบางอย่างครับเจ้านาย แต่ก็มีความเป็นไปได้เล็กน้อยว่าอาจจะต้องการหารือเรื่องการชดใช้หนี้สิน หรือเรื่องการแยกบ้านหลังจากที่ถูกกดดันอย่างหนักเมื่อครู่ด้วย เสี่ยวหม่าวรายงานตามข้อมูลที่มี
กับดักสินะ...เสิ่นเมี่ยวยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดีเหมือนกัน...ไปดูกันหน่อยสิว่าพวกเขาจะมาไม้ไหนอีก
"พ่อคะ แม่คะ" เสิ่นเมี่ยวเงยหน้าขึ้นพูดกับพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงที่กลับมาเรียบเฉยอีกครั้ง "ในเมื่อย่าเรียก พวกเราก็ไปกันเถอะค่ะ ไปฟังดูว่าย่ามีเรื่องสำคัญอะไร"
คำพูดของเธอทำให้พ่อแม่และพี่ชายยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก...ดูเหมือนวันนี้ ลูกสาว น้องสาวของพวกเขาจะเปลี่ยนไปมากจริง ๆ
เมื่อเสิ่นหาน เซี่ยอวิ๋นซือ เสิ่นหยวน และเสิ่นเมี่ยว เดินเข้ามาในห้องโถงของบ้านใหญ่บรรยากาศก็เย็นเยียบลงทันที
จางหลินนั่งอยู่บนเก้าอี้ประธานใบหน้าปราศจากคราบน้ำตาแล้วแต่ยังคงแฝงแววไม่พอใจอยู่ลึก ๆ เสิ่นฉีและฟางหลานนั่งอยู่ด้านข้างพยายามปรับสีหน้าให้ดูสงบเสงี่ยมแต่ก็ปิดบังความกระวนกระวายและความไม่พอใจไว้ไม่มิด
"มาแล้วรึ อาหาน..." จางหลินเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน น้ำเสียงอ่อนลงกว่าตอนอยู่ที่กลางลานบ้านมากแต่ก็ยังฟังดูเย็นชา "นั่งก่อนสิ แม่มีเรื่องอยากจะคุยด้วย"
เสิ่นหานลังเลเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าแล้วพาลูกเมียไปนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความตึงเครียด จางหลินถอนหายใจแผ่วเบาพลางยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับมุมตาที่ปราศจากน้ำตาอย่างแช่มช้อย ซึ่งเสิ่นเมี่ยวมองดูอย่างขบขันให้กับการแสดงเกรดต่ำของหล่อน
"อาหานเอ๊ย...เรื่องเมื่อตอนกลางวันแม่ยอมรับว่าแม่ก็อารมณ์ร้อนไปหน่อย แต่แม่ก็ทำไปเพราะเป็นห่วงอาฉีกับครอบครัวเขานะลูก" นางเริ่มต้นด้วยการพยายามแสดงความอ่อนข้อ "อาฉีมันเป็นพี่ใหญ่ของแก ตอนนี้พี่กำลังลำบาก มีหรือที่แกในฐานะน้องจะนิ่งดูดายได้..."
หล่อนพูดพร้อมกับเหลือบมองเสิ่นหาน "แม่รู้ว่าแกทำงานหนัก ตำแหน่งหัวหน้างานนั่นแกก็ได้มาด้วยความสามารถ...แต่ตอนนี้อาฉีมันตกงานจริง ๆ โรงงานปิดตัวอนาคตมืดมน ลูกเมียก็ต้องเลี้ยงดู" นางเริ่มบีบน้ำเสียงให้ดูน่าสงสาร
"แม่ก็เลยอยากจะ...ร้องขอ...ให้แกเห็นแก่ความเป็นพี่เป็นน้อง ช่วยเหลืออาฉีมันสักครั้งได้ไหมลูก? สละตำแหน่งนั้นให้พี่ชายแกไปก่อน พอให้ครอบครัวเขามีทางหายใจหายคอได้...เพราะถึงยังไงเมียของแกก็ยังมีงานทำ"
นางจางรีบพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าลังเลของเสิ่นหานที่เจ้าตัวจับจุดได้มาตั้งแต่เขายังเล็ก "แม่รู้ว่าแกก็ต้องลำบาก แต่แม่ไม่ได้จะให้แกเสียสละเปล่า ๆ นะ!" หล่อนโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยทำเสียงเหมือนให้ความหวังกับเขา
"รอให้พ่อของพวกแกกลับมาก่อนเถอะ! พ่อแกเขามี เรือประมงลำหนึ่งที่จอดทิ้งไว้เฉย ๆ ไม่ได้ใช้ ถ้าแกยอมช่วยพี่ชายครั้งนี้ พ่อแกกลับมาเมื่อไหร่แม่จะคุยกับพ่อแกเอง จะยกเรือลำนั้นให้ครอบครัวแกไปเลย! ให้แกเอาไปทำมาหากิน ออกทะเลหาปลาดีกว่าเป็นลูกจ้างเขาเยอะ ไม่ต้องกลัวอดตาย!ด้วย...แกคิดว่ายังไง"
คำพูดพร้อมข้อเสนอเรื่องเรือประมงทำให้เสิ่นหานชะงักไป เขามองหน้าแม่สลับกับภรรยาอย่างชั่งใจ ข้อเสนอนี้ดูเหมือนจะดี...การมีเรือเป็นของตัวเองย่อมดีกว่าการเป็นลูกจ้างในโรงงานที่ไม่แน่นอน...
เซี่ยอวิ๋นซือขมวดคิ้วเล็กน้อย นางรู้สึกว่าข้อเสนอนี้มันดีเกินไปจนน่าสงสัยแต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา
มีเพียงเสิ่นเมี่ยวที่นั่งฟังเงียบ ๆ มุมปากเหยียดขึ้นเล็กน้อยอย่างเย็นชา...เรือประมง? หึ ชาติที่แล้วก็ใช้มุกนี้แหละ! สุดท้ายพอพ่อยอมยกตำแหน่งให้เรือประมงที่ว่าก็ไม่เคยตกมาถึงมือครอบครัวเธอเลยแม้แต่เงา กลายเป็นข้ออ้างสารพัดจนพ่อต้องว่างงานอยู่นาน พี่หยวนต้องลาออกจากโรงเรียน...เรื่องโกหกซ้ำซาก!
ก่อนที่เสิ่นหานจะทันได้ตัดสินใจหรือเอ่ยปากตอบรับด้วยความลังเล เสิ่นเมี่ยวก็ชิงพูดตัดบทขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่ดังชัดเจนไปทั่วห้อง
"ย่าคะ เรื่องตำแหน่งงานของพ่อ จะยกให้หรือไม่ยกให้ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่าเรื่องหนี้สินห้าร้อยหยวนค่ะ"
คำพูดของเด็กหญิงทำให้ทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียว จางหลินหน้าตึงขึ้นทันที
"ถ้าอยากให้พ่อหนูพิจารณาเรื่องนี้จริง ๆ" เสิ่นเมี่ยวพูดต่ออย่างไม่เกรงกลัว จ้องมองย่าและลุงอย่างตรงไปตรงมา "ก็เอาเงิน 500 หยวนมาคืนก่อนตามที่ตกลงกันเมื่อกี้เถอะค่ะ เงินมา งานถึงจะไปค่ะ"
ประโยคสุดท้ายที่เน้นย้ำเหมือนตอกตะปูลงไปกลางอก ทำให้ความอดทนของจางหลินขาดผึง! ความพยายามที่จะใช้ไม้นวมเมื่อครู่มลายหายไปสิ้น เหลือเพียงความโกรธแค้นที่กำลังเดือดพล่านที่กำลังรอการปะทุ หล่อนอุตส่าห์ยอมอ่อนข้อให้แล้ว นังเด็กนี่มันยังกล้ามาต่อรองเรื่องเงินอีก!
"แก!!!" จางหลินตวาดลั่น ลุกพรวดขึ้นยืนชี้หน้าเสิ่นเมี่ยวด้วยความโกรธจนตัวสั่น แต่คำพูดที่พ่นออกมากลับพุ่งเป้าไปที่เสิ่นหานผู้เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งทั้งหมดในสายตาของนาง
"แกมันไอ้ลูกกาฝาก!!! เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ! แค่ตำแหน่งงานแค่นี้ยังจะมาต่อรองเรื่องเงิน ทวงบุญคุณอะไรอีก! ลืมไปแล้วรึไงว่าใครเก็บแกมาเลี้ยง!!!"
สิ้นเสียงตวาดนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน คำว่ากาฝากและเก็บมาเลี้ยงที่หลุดออกมาจากปากของจางหลินอย่างเกรี้ยวกราดและชัดเจนที่สุดนี้มันหมายความว่าอะไรกัน
ดวงตาของเสิ่นหานมองไปยังหญิงชราที่ตัวเองเรียกว่าแม่มาตั้งแต่จำความได้อย่างไม่อยากเชื่อหูที่ได้ยินคำผรุสวาทรุนแรงนี้
"แม่!" เสิ่นฉีรีบเอ่ยเรียกแม่ของตนเสียงดังด้วยความตกใจระคนคาดไม่ถึง
"นี่มันเรื่องอะไรกันครับ แม่หมายความว่ายังไง" เสิ่นหานไม่ปล่อยผ่านเขาจึงรีบถามออกมาเช่นกัน
นางจางที่รู้ตัวว่าได้เผลอพูดเรื่องที่ตนไม่ควรกล่าวหล่อนก็ได้แต่ยกมือปิดปากแน่นแววตาเลิ่กลั่ก
(มีเรื่องอะไรที่เราพลาดไป) เสิ่นเมี่ยวครุ่นคิดพลางมองไปทางใบหน้าเหี่ยวย่นของคนตรงหน้าอย่างพิจารณามากกว่าเดิม