Share

บทที่ 8

"เมี่ยวเมี่ยว! ลูกพูดอะไรแบบนี้ออกมา!?" เซี่ยอวิ๋นซืออุทานเสียงหลง จ้องมองลูกสาวตัวน้อยด้วยความตกใจระคนคาดไม่ถึงและไม่เข้าใจ ทำไมจู่ ๆ ลูกถึงพูดเหมือนยอมแพ้ทั้งที่เพิ่งยืนหยัดต่อสู้อย่างกล้าหาญเมื่อครู่

เสิ่นหานเองก็หน้าเหวอไปไม่แพ้กัน เขาขมวดคิ้วจ้องลูกสาวนิ่ง "ลูกหมายความว่ายังไงเมี่ยวเมี่ยว? ทำไมจู่ ๆ ถึงพูดแบบนี้? เมื่อกี้ลูกยัง..." เขานึกถึงภาพลูกสาวตัวเล็กที่ยืนปกป้องเขาอย่างไม่เกรงกลัว แล้วทำไมตอนนี้ถึง...

เสิ่นหยวนที่นั่งอยู่เงียบก็เงยหน้าขึ้นจากกองการบ้าน มองน้องสาวด้วยแววตาสับสน เขาเองก็ไม่เข้าใจความคิดของเสิ่นเมี่ยวเลยเหมือนกัน เสิ่นเมี่ยวกำลังจะอ้าปากอธิบายแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยคำใดออกมา...

ก๊อก ๆ ๆ

เสียงเคาะประตูไม้หน้าบ้านหลังเล็กของเธอก็ดังขึ้นขัดจังหวะ ทุกคนในห้องหันไปมองทางประตูพร้อมกัน ก่อนที่ร่างของเด็กหนุ่มรุ่นกระทงคนหนึ่งจะโผล่หน้าเข้ามา เด็กคนนั้นคือเสิ่นตงบุคคลที่เสิ่นเมี่ยวไม่เคยลืมและเกลียดชังในชาติก่อนนั่นเอง

"ย่าเรียก..." เสิ่นตงเอ่ยเสียงห้วนไม่สบตาใครเป็นพิเศษ "ให้พวกอาเล็กไปหาที่บ้านใหญ่หน่อย ย่ามีเรื่องจะคุยด้วย" คำพูดนั้นยิ่งทำให้บรรยากาศด้านในเกิดความตึงเครียดและน่าอึดอัดมากขึ้น

สิ่นหานและเซี่ยอวิ๋นซือสบตากันโดยอัตโนมัติ แววตาเต็มไปด้วยความระแวงและความเหนื่อยหน่ายใจ เรียกไปตอนนี้เนี่ยนะ? หลังจากที่เพิ่งปะทะกันไปเมื่อครู่ คนพวกนั้นยังจะมีแผนการอะไรอีก?

เสิ่นหยวนลุกขึ้นจากโต๊ะเดินมายืนใกล้พ่อแม่และน้องสาวอย่างเตรียมพร้อมปกป้อง ส่วนเสิ่นเมี่ยวดวงตาเรียบเฉยคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อย...เรียกไปคุย? หรือเรียกไปหาเรื่องกันแน่? แต่จังหวะมันช่างพอดีกับที่เธอเพิ่งพูดเรื่องยอมยกตำแหน่งงานออกไป... หรือว่านี่จะเป็นโอกาส?

เสี่ยวหม่าว นายช่วยวิเคราะห์สถานการณ์ซิ ย่าเรียกไปตอนนี้น่าจะมีเจตนาอะไร? เธอถามเอไอในใจอย่างรวดเร็ว

จากการประเมินผลพฤติกรรมของนางจางและครอบครัวของเสิ่นฉี มีความเป็นไปได้สูงว่าพวกเขาอาจจะยังไม่ยอมแพ้เรื่องตำแหน่งงาน และการเรียกไปครั้งนี้อาจจะเป็นการพยายามเจรจาต่อรองกดดัน หรือวางกับดักบางอย่างครับเจ้านาย แต่ก็มีความเป็นไปได้เล็กน้อยว่าอาจจะต้องการหารือเรื่องการชดใช้หนี้สิน หรือเรื่องการแยกบ้านหลังจากที่ถูกกดดันอย่างหนักเมื่อครู่ด้วย เสี่ยวหม่าวรายงานตามข้อมูลที่มี

กับดักสินะ...เสิ่นเมี่ยวยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดีเหมือนกัน...ไปดูกันหน่อยสิว่าพวกเขาจะมาไม้ไหนอีก

"พ่อคะ แม่คะ" เสิ่นเมี่ยวเงยหน้าขึ้นพูดกับพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงที่กลับมาเรียบเฉยอีกครั้ง "ในเมื่อย่าเรียก พวกเราก็ไปกันเถอะค่ะ ไปฟังดูว่าย่ามีเรื่องสำคัญอะไร"

คำพูดของเธอทำให้พ่อแม่และพี่ชายยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก...ดูเหมือนวันนี้ ลูกสาว น้องสาวของพวกเขาจะเปลี่ยนไปมากจริง ๆ

เมื่อเสิ่นหาน เซี่ยอวิ๋นซือ เสิ่นหยวน และเสิ่นเมี่ยว เดินเข้ามาในห้องโถงของบ้านใหญ่บรรยากาศก็เย็นเยียบลงทันที

จางหลินนั่งอยู่บนเก้าอี้ประธานใบหน้าปราศจากคราบน้ำตาแล้วแต่ยังคงแฝงแววไม่พอใจอยู่ลึก ๆ เสิ่นฉีและฟางหลานนั่งอยู่ด้านข้างพยายามปรับสีหน้าให้ดูสงบเสงี่ยมแต่ก็ปิดบังความกระวนกระวายและความไม่พอใจไว้ไม่มิด

"มาแล้วรึ อาหาน..." จางหลินเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน น้ำเสียงอ่อนลงกว่าตอนอยู่ที่กลางลานบ้านมากแต่ก็ยังฟังดูเย็นชา "นั่งก่อนสิ แม่มีเรื่องอยากจะคุยด้วย"

เสิ่นหานลังเลเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าแล้วพาลูกเมียไปนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความตึงเครียด จางหลินถอนหายใจแผ่วเบาพลางยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับมุมตาที่ปราศจากน้ำตาอย่างแช่มช้อย ซึ่งเสิ่นเมี่ยวมองดูอย่างขบขันให้กับการแสดงเกรดต่ำของหล่อน

"อาหานเอ๊ย...เรื่องเมื่อตอนกลางวันแม่ยอมรับว่าแม่ก็อารมณ์ร้อนไปหน่อย แต่แม่ก็ทำไปเพราะเป็นห่วงอาฉีกับครอบครัวเขานะลูก" นางเริ่มต้นด้วยการพยายามแสดงความอ่อนข้อ "อาฉีมันเป็นพี่ใหญ่ของแก ตอนนี้พี่กำลังลำบาก มีหรือที่แกในฐานะน้องจะนิ่งดูดายได้..."

หล่อนพูดพร้อมกับเหลือบมองเสิ่นหาน "แม่รู้ว่าแกทำงานหนัก ตำแหน่งหัวหน้างานนั่นแกก็ได้มาด้วยความสามารถ...แต่ตอนนี้อาฉีมันตกงานจริง ๆ โรงงานปิดตัวอนาคตมืดมน ลูกเมียก็ต้องเลี้ยงดู" นางเริ่มบีบน้ำเสียงให้ดูน่าสงสาร

"แม่ก็เลยอยากจะ...ร้องขอ...ให้แกเห็นแก่ความเป็นพี่เป็นน้อง ช่วยเหลืออาฉีมันสักครั้งได้ไหมลูก? สละตำแหน่งนั้นให้พี่ชายแกไปก่อน พอให้ครอบครัวเขามีทางหายใจหายคอได้...เพราะถึงยังไงเมียของแกก็ยังมีงานทำ"

นางจางรีบพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าลังเลของเสิ่นหานที่เจ้าตัวจับจุดได้มาตั้งแต่เขายังเล็ก "แม่รู้ว่าแกก็ต้องลำบาก แต่แม่ไม่ได้จะให้แกเสียสละเปล่า ๆ นะ!" หล่อนโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยทำเสียงเหมือนให้ความหวังกับเขา

"รอให้พ่อของพวกแกกลับมาก่อนเถอะ! พ่อแกเขามี เรือประมงลำหนึ่งที่จอดทิ้งไว้เฉย ๆ ไม่ได้ใช้ ถ้าแกยอมช่วยพี่ชายครั้งนี้ พ่อแกกลับมาเมื่อไหร่แม่จะคุยกับพ่อแกเอง จะยกเรือลำนั้นให้ครอบครัวแกไปเลย! ให้แกเอาไปทำมาหากิน ออกทะเลหาปลาดีกว่าเป็นลูกจ้างเขาเยอะ ไม่ต้องกลัวอดตาย!ด้วย...แกคิดว่ายังไง"

คำพูดพร้อมข้อเสนอเรื่องเรือประมงทำให้เสิ่นหานชะงักไป เขามองหน้าแม่สลับกับภรรยาอย่างชั่งใจ ข้อเสนอนี้ดูเหมือนจะดี...การมีเรือเป็นของตัวเองย่อมดีกว่าการเป็นลูกจ้างในโรงงานที่ไม่แน่นอน...

เซี่ยอวิ๋นซือขมวดคิ้วเล็กน้อย นางรู้สึกว่าข้อเสนอนี้มันดีเกินไปจนน่าสงสัยแต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา

มีเพียงเสิ่นเมี่ยวที่นั่งฟังเงียบ ๆ มุมปากเหยียดขึ้นเล็กน้อยอย่างเย็นชา...เรือประมง? หึ ชาติที่แล้วก็ใช้มุกนี้แหละ! สุดท้ายพอพ่อยอมยกตำแหน่งให้เรือประมงที่ว่าก็ไม่เคยตกมาถึงมือครอบครัวเธอเลยแม้แต่เงา กลายเป็นข้ออ้างสารพัดจนพ่อต้องว่างงานอยู่นาน พี่หยวนต้องลาออกจากโรงเรียน...เรื่องโกหกซ้ำซาก!

ก่อนที่เสิ่นหานจะทันได้ตัดสินใจหรือเอ่ยปากตอบรับด้วยความลังเล เสิ่นเมี่ยวก็ชิงพูดตัดบทขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่ดังชัดเจนไปทั่วห้อง

"ย่าคะ เรื่องตำแหน่งงานของพ่อ จะยกให้หรือไม่ยกให้ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่าเรื่องหนี้สินห้าร้อยหยวนค่ะ"

คำพูดของเด็กหญิงทำให้ทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียว จางหลินหน้าตึงขึ้นทันที

"ถ้าอยากให้พ่อหนูพิจารณาเรื่องนี้จริง ๆ" เสิ่นเมี่ยวพูดต่ออย่างไม่เกรงกลัว จ้องมองย่าและลุงอย่างตรงไปตรงมา "ก็เอาเงิน 500 หยวนมาคืนก่อนตามที่ตกลงกันเมื่อกี้เถอะค่ะ เงินมา งานถึงจะไปค่ะ"

ประโยคสุดท้ายที่เน้นย้ำเหมือนตอกตะปูลงไปกลางอก ทำให้ความอดทนของจางหลินขาดผึง! ความพยายามที่จะใช้ไม้นวมเมื่อครู่มลายหายไปสิ้น เหลือเพียงความโกรธแค้นที่กำลังเดือดพล่านที่กำลังรอการปะทุ หล่อนอุตส่าห์ยอมอ่อนข้อให้แล้ว นังเด็กนี่มันยังกล้ามาต่อรองเรื่องเงินอีก!

"แก!!!" จางหลินตวาดลั่น ลุกพรวดขึ้นยืนชี้หน้าเสิ่นเมี่ยวด้วยความโกรธจนตัวสั่น แต่คำพูดที่พ่นออกมากลับพุ่งเป้าไปที่เสิ่นหานผู้เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งทั้งหมดในสายตาของนาง

"แกมันไอ้ลูกกาฝาก!!! เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ! แค่ตำแหน่งงานแค่นี้ยังจะมาต่อรองเรื่องเงิน ทวงบุญคุณอะไรอีก! ลืมไปแล้วรึไงว่าใครเก็บแกมาเลี้ยง!!!"

สิ้นเสียงตวาดนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน คำว่ากาฝากและเก็บมาเลี้ยงที่หลุดออกมาจากปากของจางหลินอย่างเกรี้ยวกราดและชัดเจนที่สุดนี้มันหมายความว่าอะไรกัน

ดวงตาของเสิ่นหานมองไปยังหญิงชราที่ตัวเองเรียกว่าแม่มาตั้งแต่จำความได้อย่างไม่อยากเชื่อหูที่ได้ยินคำผรุสวาทรุนแรงนี้

"แม่!" เสิ่นฉีรีบเอ่ยเรียกแม่ของตนเสียงดังด้วยความตกใจระคนคาดไม่ถึง

"นี่มันเรื่องอะไรกันครับ แม่หมายความว่ายังไง" เสิ่นหานไม่ปล่อยผ่านเขาจึงรีบถามออกมาเช่นกัน

นางจางที่รู้ตัวว่าได้เผลอพูดเรื่องที่ตนไม่ควรกล่าวหล่อนก็ได้แต่ยกมือปิดปากแน่นแววตาเลิ่กลั่ก

(มีเรื่องอะไรที่เราพลาดไป) เสิ่นเมี่ยวครุ่นคิดพลางมองไปทางใบหน้าเหี่ยวย่นของคนตรงหน้าอย่างพิจารณามากกว่าเดิม

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 109

    หลังจากแสดงความยินดีและซักถามสารทุกข์สุกดิบกันพอสมควรแล้ว หลี่หยุนก็เข้าเรื่องทันที "คืออย่างนี้ครับ ผู้อำนวยการหวัง ผมเองก็อายุมากแล้ว อยากจะขอเกษียณตัวเองจากตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกซ่อมบำรุงเสียที และผมก็เห็นว่าหลี่หานลูกชายของผมคนนี้เขามีความรู้ความสามารถทางด้านช่างเทคนิคและเครื่องยนต์ก

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 108

    ยามเช้าของวันต่อมา แสงแดดแรกของหางโจวในช่วงต้นฤดูร้อนสาดส่องลงมาอย่างอบอุ่นปลุกชีวิตชีวาให้กับสรรพสิ่ง ณ อาคารที่พักของพนักงานของโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าเฟยเยว่ ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเมือง ที่ซึ่งหลี่หานกำลังจะก้าวเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกซ่อมบำรุงต่อจากบิดา

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 107

    เย็นวันเดียวกันนั้น หลังจากที่ทุกคนได้กินอาหารมื้อเย็นร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่น หลี่หยุนได้มีโอกาสพูดคุยและทำความรู้จักกับหลาน ๆ ทั้งสองคนอย่างเต็มที่ เขารู้สึกเหมือนความสุขทั้งหมดในชีวิตได้ย้อนกลับคืนมาอ

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 106

    "จริงเหรอครับ/ค่ะ พ่อ" สองพี่น้องร้องออกมาด้วยความดีใจ " "จริงสิลูก แต่ว่าเรื่องตู้เย็นเอาไว้พวกเราค่อย ๆ เก็บเงินซื้อกันนะ ตอนนี้ก็ซื้อน้ำแข็งไปก่อนเพราะโรงงานน้ำแข็งประชาชนอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง พอหน้าหนาวพ่อว่าน้ำแข็งก็ไม่น่าจะเป็นที่ต้องการเท่าไหร่แล้วละ" พูดถึงเรื่องนี้เซี่ยอ

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 105

    เย็นวันนั้นข่าวการเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกซ่อมบำรุงโรงงานเฟยเยว่ของหลี่หาน และความสำเร็จในการซ่อมเครื่องจักรที่แม้แต่ทีมช่างของโรงงานยังจนปัญญาก็ได้สร้างความปลาบปลื้มยินดีให้กับทุกคนในครอบครัวหลี่และครอบครัวเซี่ยเป็นอย่างมาก บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่ำเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและคำชื่นชม เซ

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 104

    (ซึ่งในระหว่างนี้ ทักษะการวิเคราะห์ปัญหาเครื่องจักรระดับสูงสุดที่เสี่ยวหม่าวมอบให้กำลังทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพในหัวของเขา) หลังจากใช้เวลาพิจารณาอยู่ไม่นานนัก ประมาณสิบกว่านาทีเห็นจะได้ หลี่หานก็เงยหน้าขึ้นด้วยแววตาที่มั่นใจ "ผมคิดว่าผมพอจะมองเห็นสาเหตุแล้วครับท่านผู้อำนวยกา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status