หลังจากที่ใช้เวลาบนหลังม้าไปมากโขในที่สุดก็มาถึงตีนเขาจนได้ แต่ทางเดินขึ้นเขาต่อจากนี้จะไม่สามารถขี่ม้าขึ้นไปได้ จึงเปลี่ยนเป็นเดินแทน
“ขึ้นมาสิ” เหลียงเฟิงย่อตัวลงเพื่อให้ภรรยาขี่หลังตนเองได้สะดวก ทว่ารอเท่าไรนางก็ไม่แม้แต่จะขยับตัวเลยสักนิด
“หม่อมฉันเดินเองได้เพคะ” ใครจะไปคิดว่าท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ จะคุกเข่าลงเพียงเพื่อให้นางได้ขึ้นขี่หลังกันเล่า นี่เขาจะลงทุนมากเกินไปหรือไม่
“ข้าไม่ไว้ใจให้เจ้าเดินเอง ขึ้นมาได้แล้วเจ้ากลัวค่ำก่อนมิใช่หรือ”
“เช่นนั้นขออภัยนะเพคะ” หญิงสาวยอมขึ้นขี่หลังแต่โดยดีไม่มีอิดออดอีกต่อไป ถือว่าเป็นเรื่องดีที่นางไม่ต้องเดินเองให้เหนื่อย เมื่อปีนขึ้นหลังได้สำเร็จ เพื่อไม่ให้ตกลงมาได้รับอันตราย หนิงเซียนกอดคอเขาไว้แน่นโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องพูดให้มากความ
“จับให้แน่น ๆ ล่ะ”
กายหนาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมกับก้าวเดินอย่างระมัดระวัง เขาเดินลัดเลาะไปตามทางเดินที่ชาวบ้านทำเอาไว้สัญจรเป็นประจำยามออกหาของป่า
คนตัวเล็กที่อยู่บนหลังยังคงพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดปากไปตลอดการเดินทาง ทั้งบอกทางและบ่นให้คนตัวโตที่แกล้งทำเป็นเดินหลงทาง ทำเอาองครักษ์ที่ติดตามมาด้วยได้แต่ขยี้ตา ไม่อยากจะเชื่อภาพที่พวกเขาได้เห็นอยู่เบื้องหน้า ทั้งที่ท่านอ๋องสามารถใช้วิชาตัวเบาได้ แต่ก็เลือกที่จะเดินขึ้นเขาแทน ไม่เข้าใจความคิดท่านอ๋องเลยสักนิด จะเดินให้เสียเวลาทำไมกัน
“หัวหน้ามู่ เหตุใดท่านอ๋องมิใช้วิชาตัวเบาล่ะขอรับ”
“เมื่อถึงยามเจ้ามีใครสักคนก็จะรู้เอง”
“เป็นเช่นนั้นหรือขอรับ” ถึงจะได้คำตอบแต่ก็ไม่เข้าใจกันอยู่ดี ไม่แน่ว่าแม้แต่หัวหน้ามู่เองก็คงจะมิได้เข้าใจ
ระยะทางขึ้นเขาใช้เวลากว่าชั่วยามกว่าจะมาถึงที่หมาย องครักษ์ทุกคนถูกสั่งให้รออยู่ด้านนอก มีเพียงเหลียงอ๋องและหนิงเซียนเท่านั้นที่เข้าไปในถ้ำ ภายในยังคงเหมือนเดิมไม่มีสิ่งใดเปลี่ยน บ่อน้ำพุร้อนก็ยังมีควันพวยพุ่งขึ้นมาตลอดเวลา พานทำให้หนิงเซียนอยากจะเล่นน้ำก่อนกลับเหลือเกิน แต่ว่าการมาในวันนี้สิ่งที่นางต้องการมิใช่การแช่น้ำ มันคือบ่อน้ำวิเศษต่างหากคือจุดประสงค์การมาเยือนในครั้งนี้
“ไม่มี หายไปไหนแล้ว” หนิงเซียนเดินตามหาจุดที่พบเห็ดหลินจือและสมุนไพรต่าง ๆ ไม่ว่าเดินสักกี่รอบก็ไม่พบสิ่งใด
“เจ้าหาอะไรอยู่หรือ” เหลียงเฟิงเอ่ยถาม เขาเห็นหนิงเซียนเดินหาบางอย่างอยู่นาน จึงอดที่จะสงสัยไม่ได้
“เป็นเห็ด บ่อน้ำและสมุนไพรเพคะ” หญิงสาวชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจตอบออกไป ในเมื่อมาถึงที่นี่ด้วยกันแล้วจะปิดบังอะไรได้อีก จึงได้ตอบออกไปตามตรงเอาไว้ค่อยไปอธิบายภายหลังก็แล้วกัน
“ลักษณะเป็นเช่นไร เดี๋ยวข้าช่วยหา” เหลียงเฟิงมิได้สนใจสิ่งที่ภรรยาคนงามตามหา เขาเพียงแค่อยากจะช่วยหาให้พบโดยไวก็เท่านั้น หากเป็นไปได้ก็อยากจะให้นางนั่งอยู่กับที่ หน้าที่หาให้เป็นเขาทำเอง
หนิงเซียนบอกลักษณะของที่นางตามหา รวมไปถึงบ่อน้ำที่มีสีเขียวมรกต แต่ไม่ว่าจะหาอย่างไรทุกอย่างก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่ต้นท้อที่นางชื่นชอบรสชาติเปรี้ยวอมหวานเมื่อคราวนั้น ก็หายไปด้วยเช่นกัน
“หนิงเซียนเจ้าแน่ใจหรือว่ามีของที่ว่าอยู่จริง” เขาไม่ได้คิดว่าหนิงเซียนโกหกแต่อย่างใด เพียงแค่นางอาจจะหลงลืมจึงได้ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ไม่ผิดเพคะ หม่อมฉันพบอยู่ตรงนี้หม่อมฉันมั่นใจ” ไม่รู้ว่าของทั้งหมดหายไปได้อย่างไร แต่ก็น่าเสียดายเหลือเกิน รู้เช่นนี้นางน่าจะเก็บเอาไว้ให้มากหน่อย เผื่อจะได้ใช้ประโยชน์ในภายหน้า
“ไฉฉือหยุดความคิดของเจ้าเดี๋ยวนี้” คำพูดจากปากสาวเจ้าไม่ค่อยจะเข้าหู มู่หลางพยายามข่มกลั้นความโกรธของตนเองอย่างสุดความสามารถ“พวกเจ้าเป็นอันใดกัน น่ารำคาญยิ่งนัก จะไปไหนก็ไป” หลังจากเขากับภรรยาแอบฟังมู่หลางพูดคุยอยู่นาน ได้จังหวะเหมาะจึงแสร้งทำเป็นไม่พอใจไล่คนทั้งสองไปที่อื่นเสีย“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมขอเวลาสักครู่พ่ะย่ะค่ะ” หากวันนี้ตกลงกันไม่เข้าใจ เห็นทีว่าไฉฉือคงต้องได้ยืดเวลากลับบ้านไปหาท่านป้าแล้ว“ไม่ต้อง อีกสองวันค่อยกลับมาทำหน้าที่ของเจ้า ไปแก้ปัญหาให้จบ อย่าให้ข้าเห็นเช่นนี้อีก” เหลียงเฟิงตวาดเสียงดุ ความจริงแล้วเขาก็อยากจะเล่นงิ้วต่อ แต่ภรรยาสุดที่รักกลับให้เขารีบจบบทบาทเจ้านายอารมณ์ร้ายนั่นเสีย ช่างน่าเสียดาย“ขออภัยอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก” องครักษ์หนุ่มสำนึกผิดที่ตนทำให้นายเหนือหัวต้องรำคาญใจ ทั้งที่วันนี้ท่านอ๋องกับหวังเฟยควรจะได้ออกมาทานข้าวนอกอย่างสำราญใจแท้ ๆ กายหนาหันกลับไปคว้ามือเล็กคนข้างกาย พาอีกฝ่ายขึ้นชั้นสามไปอย่างรวดเร็ว“ว๊าย! พี่มู่เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ” ไฉฉือร้องทัดทาน มือบางรวบเก็บชุดส่วนบนไว้แน่น ยิ่งพี่มู่ของนางดึงแรงเพียงใด
“เป็นอะไรไปไฉฉือ” หนิงเซียนเอ่ยถามขึ้น เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินผิด ๆ ถูก ๆ“นายหญิงเจ้าคะ ให้ข้ากลับเถอะเจ้าค่ะ คนมองเต็มเลย สงสัยข้าน้อยแต่งตัวประหลาด” หญิงสาวกระซิบกระซาบเสียงเบา ตั้งแต่นางพาเข้าในโรงเตี๊ยม ก็ถูกผู้คนจับต้องตลอดทางเดิน ทำให้นางไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าใดนัก“เป็นเพราะเจ้างดงามพวกเขาจึงได้มอง ไปกันเถอะ ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่อยากเจอพี่มู่ของเจ้าหรือ”“พี่มู่อยู่ที่นี่หรือเจ้าคะ” เมื่อนายหญิงเอ่ยชื่อพี่ชายที่แสนดี หญิงสาวก็หูผึ่งขึ้นมาทันที หลงลืมความอายไปชั่วขณะ“ใช่แล้ว ไปกันเถอะ” มู่หลางจงจำไว้ที่เจ้าพูดว่าจะไม่แต่งงานน่ะ ข้าจำคำนั้นขึ้นใจเชียวละ หุ หุเพราะหลายครั้งที่นางได้ยินคำนี้ออกจากปากองครักษ์หนุ่ม หนิงเซียนก็เฝ้ารอวันที่มู่หลางจะพลาดพลั้งบ้าง ส่วนมากคนพูดเช่นนี้ก็มักจะไม่พ้นผิดไปจากที่พูดเสียทุกรายมู่หลางหายใจฟึดฟัดเมื่อเห็นอีกคนเดินเข้ามาด้านในโรงเตี๊ยม วันนี้ไม่รู้ว่าท่านอ๋องคิดอะไรอยู่ ถึงได้ออกมานั่งรอหวังเฟยที่โต๊ะด้านนอก แทนที่จะเปิดห้องพิเศษเหมือนทุกครั้งไป นั่นใครสั่งใครสอนให้แต่งกายประหลาดเช่นนั้น เดินทีกระโปรงเปิดเปลือยไปถึงขาอ่อน แต่งมายั่
“น้องสาวทางสายเลือดหรือไม่” ตรงส่วนนี้ที่นางรู้สึกสงสัย ก็ไหนมู่หลางเคยบอกว่าไม่มีครอบครัวแล้วอย่างไร เหตุใดถึงได้มีน้องสาวโผล่มาได้“ไม่ ๆ เจ้าค่ะ ข้าน้อยเป็นเพียงบุตรสาวคนข้างบ้านพี่มู่ แต่ว่าเติบโตมาด้วยกันจึงสนิทกันเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบชี้แจงให้นายหญิงคนงามเข้าใจ นางและพี่มู่ห่างกันตั้งหกปี แม้จะเคยสนิทสนมกันมาก ทว่าเมื่อโตขึ้นพี่มู่กลับเว้นระยะห่าง แม้แต่เคยเล่นกอดคอกันเมื่อตอนเด็ก ๆ เขายังสั่งห้ามมิให้เข้าใกล้ ซึ่งนางก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าใดนัก“จริงหรือ แล้วเขาดูแลเจ้าดีหรือไม่” ที่หนิงเซียนซักถามเช่นนั้น ก็เพราะว่ามู่หลางเป็นคนค่อนข้างจะทึ่มทื่อปากหนักในเรื่องชายหญิง นางก็อยากจะรู้เขาจะมีความรู้สึกพิเศษอะไรกับไฉฉือหรือไม่ สตรีหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักออกปานนี้ ไม่มีความรู้สึกอันใดก็คงจะแปลกไม่น้อย“ดีมากเจ้าค่ะ มีอะไรก็นึกถึงข้ากับท่านแม่ตลอดเลย นี่ก็ห่วงว่าพี่มู่จะหาภรรยาไม่ได้ แก่ไปคงได้อยู่ตัวคนเดียว ท่านแม่จึงให้ข้ามาดูให้เห็นกับตาเจ้าค่ะ” ด้วยความใสซื่อ ไฉฉือจึงพูดออกมาอย่างไม่มีปิดบัง แต่เมื่อถึงตอนนั้น หากเขามีคนรักขึ้นมาจริง นางก็ไม่รู้ว่าตนเองจะทำใจรับได้หรือไม่ ที่ผ่านมาต
ไฉฉือสาวน้อยจากหมู่บ้านชนบทยืนชะเง้อคอยาวอยู่หน้าประตูวังอันใหญ่โต นางไม่คิดว่าพี่มู่จะอยู่ดีเกินคาดไปมาก เมื่อได้เห็นกับตาก็สบายใจไปเปลาะหนึ่งที่ผ่านมานางและมารดากลัวว่าเขาจะอยู่อย่างยากลำบาก เงินที่แบ่งปันให้นางกับครอบครัวทุกเดือนก็มากโข แล้วไหนจะมีของฝากราคาแพงอีกมากมาย เพราะแบบนี้มารดาจึงไม่สบายใจ เกรงว่ามู่หลางจะเอาแต่ทำงานหนักไม่รู้จักดูแลตนเอง เงินที่ได้มาก็คงจะส่งให้พวกตนทั้งหมด ด้วยเขามีนิสัยคิดถึงผู้อื่นมากกว่าตนเองเสมอครอบครัวไฉฉือและมู่หลางไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแต่อย่างใด เป็นเพียงเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันเท่านั้น ตอนเด็กนางและเขาสนิทกันมาก ในตอนมู่หลางอายุได้สิบหนาวบิดามารดาตายจากด้วยโรคระบาด ไม่มีญาติมิตรคอยดูแล มารดาไฉฉือสงสารจึงได้ส่งเสียเลี้ยงดูราวกับลูกในไส้ สำหรับสายตาของหญิงสาว มารดาออกจะรักมู่หลางมากกว่านางที่เป็นบุตรสาวแท้ ๆ เสียอีกเมื่อเติบโตต่างฝ่ายต่างแยกย้าย ไฉฉือเป็นเพียงสตรีจึงทำได้แค่ช่วยมารดาทำสวนทำไร่อยู่บ้านนอก ส่วนมู่หลางเขาได้เดินทางมาเมืองหลวงเพื่อหางานทำ หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย มีเพียงจดหมายพร้อมกับตั๋วเงินแนบมาให้ในทุก ๆ เดื
เด็ก ๆ สามคน รวมไปถึงมู่หลางนั่งล้อมวงดื่มชากินขนมกันอยู่ศาลาพัก พร้อมกับพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จวนแม่ทัพหยางให้ความเอ็นดูเด็กแฝดเป็นอย่างมาก ฮูหยินหยางอยากให้บุตรชายได้มีบุตรแบบนี้สักคู่ทว่าแต่งงานมาได้สองปีกลับยังไม่มีหลานให้อุ้ม พวกเขาจึงแก้เหงาด้วยการขอท่านหญิงน้อย ท่านอ๋องน้อย มาเล่นที่จวนแม่ทัพในบางครั้งขนมพร้อมกับน้ำชาแสนอร่อยถูกลำเลียงมาวางจนเต็มโต๊ะ ทำเอาเด็ก ๆ ทั้งสามตาลุกวาวอย่างถูกอกถูกใจ มาจวนแม่ทัพทีไรล้วนแล้วแต่มีของอร่อยให้ได้กินจนเต็มคราบแต่เมื่อกลับถึงวังของหวานเหล่านี้จะกินตามใจปากไม่ได้แล้ว เพราะท่านแม่มักจะจำกัดการกินของพวกเขาเสมอ ท่านแม่บอกว่าเด็กกินของหวานไม่ดี ฟันจะผุ ถูกแมลงตัวร้ายกินหมดปาก“เฮ้อ” เด็กหญิงเคี้ยวขนมแก้มตุ่ย นั่งถอนหายใจราวกับมีเรื่องให้หนักใจเป็นหนักหนา กระนั้นก็ยังยกขนมในมือขึ้นกัดเข้าไปอีกคำโต“ไม่สบายตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะท่านหญิง” หลี่หยุนรีบวางขนมในมือทันที พร้อมกับถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง“เราไม่เป็นไร เราแค่กังวลใจ”“ท่านหญิงกังวลใจเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ เล่าให้กระหม่อมฟังได้หรือไม่” มู่หลางรู้สึกเป็นห่วง ท่านหญิงเป็นเด็กร่าเริง น้อยนักท
“หนิงหนิง พี่ทนไม่ไหวแล้ว”กายหนาจับภรรยาหันหน้าเข้าผนังห้องทันที ก่อนจะถลกกระโปรงหญิงสาวขึ้นถึงเอว จากนั้นท่อนเนื้ออันใหญ่โตสอดเข้าผสานเนินสาวอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังออกแรงโยกไปตามอารมณ์ดิบเข้าออกเป็นจังหวะช้าเร็วตามแรงอารมณ์ ไม่แม้แต่จะเล้าโลมให้เสียเวลา“ท่านพี่เดี๋ยวก่อน” หนิงเซียนบัดนี้นางได้ถูกคนตัวโตตอกอัดตนเองเข้ากับผนังอย่างไม่ทันตั้งตัว นางและเขาใช้ชีวิตรักฉันสามีภรรยามานาน จนบุตรแฝดทั้งสองอายุได้สามหนาวแล้ว ทว่าความต้องการของสามีก็มิได้ลดน้อยลงจากเดิม ในบางครั้งออกจะมีความต้องการมากล้นเสียด้วยซ้ำตั้งแต่เจ้าสองแสบเริ่มโต นางและเขาก็มิได้มีเวลาให้กันมากเท่าใดนัก ด้วยบุตรทั้งสองต่างงอแงอ้อนขอนอนด้วยทุกค่ำคืน แม้พวกเขาจะโตมากพอที่จะแยกห้องนอนกันได้แล้ว แต่ก็ยังเกาะติดผู้เป็นมารดาราวกับลูกลิง บิดาผู้หลงบุตรมีหรือจะไม่ยอมตามใจ ผลกรรมทั้งหมดได้ตกมาอยู่ที่เขาแทน“พี่ขอเถอะ ประเดี๋ยวลูกก็คงกลับจากเรียนวิชาดาบแล้ว” เขาอดกินภรรยามาเกือบเจ็ดวันแล้ว เวลานี้ได้โอกาสเหมาะ จึงไม่พลาดที่จะกลืนกินภรรยาสาว ทุกเวลาล้วนมีค่าสำหรับเขา“อ๊ะ! แรงไปแล้วนะเจ้าคะ” หนิงเซียนหัวโยกหัวคลอน เขาไม่ยอมผ่อน