Share

9. เล่มพิเศษ (2)

last update Terakhir Diperbarui: 2025-12-09 19:27:52

หลังจากเหตุการณ์วันนั้น หลิวฟ่านซีก็ใช้เวลาขบคิดอยู่นาน พอทบทวนแล้วเหตุการณ์ต่างๆ ไม่เหมือนกับที่นางเคยอ่านมาแม้แต่น้อย ดูเหมือนทุกอย่างจะพลิกผันไปกันหมด

‘รอเล่มพิเศษละกัน แกต้องชอบแน่’

“เชี่ย! หรือจะเป็นเล่มพิเศษวะ” ปลายนิ้วเล็กถูกเจ้าของขบกัดจนแดง หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นรัวอย่างอยู่ไม่สุข เพราะหากนี่เป็นเรื่องราวในเล่มพิเศษจริง ชีวิตนางต้องวุ่นวายมากกว่าเดิมเป็นแน่

ถ้าจะให้คิดแบบหลุดโลกหน่อย นางคงคิดว่าตัวเองหลุดเข้ามาในนิยายเล่มพิเศษของเพื่อน ซึ่งเล่มพิเศษนั้นอาจจะเป็นเรื่องราวของนางร้ายที่ย้อนเวลากลับมาแก้ไขอดีตอะไรทำนองนั้น

แล้วแบบนี้ชีวิตนางจะเป็นอย่างไร

“โอ้ย~ ปวดหัวๆ” ช่างเถิด ในเมื่อตอนนี้นางก็พยายามอยู่ห่างตัวหลักของเรื่องแล้วก็คงไม่มีอะไรกระมัง

“ซีซี อยู่ในห้องหรือไม่”

“อยู่เจ้าค่ะๆ พี่สะใภ้รองมีอันใดหรือเจ้าคะ” หลิวฟ่านซีเปิดประตูออกมาก็เจอฮูหยินของพี่ชายคนรองยืนทำสีหน้าไม่สู้ดี

“พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ามิค่อยสบาย เอ่ยว่าเวียนหัว นอนพักอยู่ในห้อง ข้าจึงจะวานเจ้าเอามื้อกลางวันไปให้พี่ชายเจ้าทีได้หรือไม่ ข้าจะอยู่รอท่านหมอมาตรวจดูอาการ” วันนี้ท่านพ่อท่านแม่ออกเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ชานเมือง ในเรือนจึงไม่มีผู้ใดอยู่ เหลือเพียงบ่าวไพร่ จะปล่อยให้ฟ่านซีอยู่รอพูดคุยกับท่านหมอก็เกรงว่าจะไม่ได้เรื่องได้ราว ไหนจะเด็กน้อยทั้งสองอีก เกาผิงอันจึงตัดสินใจอยู่เรือนดูอาการซางเยว่เอง

“อ่อ ได้เจ้าค่ะ แล้วหลานๆ เล่าจะให้ข้าพาไปด้วยหรือไม่”

“มิเป็นไร ข้าจะดูเอง เจ้าอย่าพึ่งบอกพี่ชายของเจ้าเล่า ประเดี๋ยวจะเป็นห่วงไปกันใหญ่”

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะจัดการให้” หลิวฟ่านซีรีบเรียกให้จูหลิงเข้ามาจัดเครื่องแต่งกายให้พร้อมสำหรับออกไปด้านนอก

ใช้เวลาเพียงไม่นาน หลิวฟ่านซีกับจูหลิงก็หอบหิ้วมื้อกลางวันพะรุงพะรังขึ้นรถม้าไป สถานที่แรกคงหนีไม่พ้นสำนักตรวจการที่ทำงานของหลิวจ้งเหลียน พอเห็นหน้านางพี่ชายคนรองก็อดค่อนแคะมิได้

“ไหนว่ามิได้สนใจในตัวโจวเทียนฉีแล้วอย่างไรเล่า วันนี้ถึงขึ้นมาส่งข้าวข้าเพื่อมาหาชายผู้นั้นเลยหรือ”

“พี่รอง ท่านคงไม่หิวข้าวใช่หรือไม่” ฟ่านซีชักมือที่ถือถังไม้กลับ แต่อีกฝ่ายก็ยื้อเอาไว้ได้ทัน

“แล้วนี่พี่สะใภ้เจ้าไปที่ใด เหตุใดไม่มาส่งข้าวสามี”

“ต้องเลี้ยงดูบุตรสาวท่านอย่างไรเล่า ข้าไปล่ะ ป่านนี้พี่ใหญ่หิ้วท้องรอแล้ว” ว่าเพียงเท่านั้นก็หันหลังกลับออกไป ทิ้งให้จ้งเหลียนมองตามหลังอย่างคุ้นคิด

ครานี้ซีซีของเขาคงตัดใจจากโจวเทียนฉีได้แล้วจริงๆ เพราะหากเป็นปกติแล้วต้องเอ่ยถามถึงบุรุษผู้นั้นทุกครั้ง บางทีถึงขั้นมานั่งทานข้าวกับเขา บอกให้เขาเรียกโจวเทียนฉีมาทานมื้อเที่ยงด้วยกัน แต่นี่เพียงเอาข้าวมาส่งแล้วก็กลับ

“อืม ฉลาดสมเป็นน้องสาวข้าเสียที”

คนถูกนินทาตามหลังไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาว รีบขึ้นรถม้าไปยังค่ายทหาร คิดไว้ว่าพอนำอาหารไปให้พี่ใหญ่เสร็จ จะขอไปดูนายทหารซ้อมยิงธนูเสียหน่อย อยากรู้ว่าในยุคนี้มีวิธีการซ้อมอย่างไร ในนิยายแม้ไม่ได้ลงลึกเรื่องการศึก แต่ก็เอ่ยว่ามีขุนพลที่ยิงธนูแม่นระดับหลับตายิงยังได้

“ข้ามาพบรองแม่ทัพหลิว นำมื้อกลางวันมาให้เขา” หลิวฟ่านซีพยักหน้าให้จูหลิงนำของที่อยู่ในกล่องไม้เก็บให้ทหารยามดู เข้าใจดีว่าอย่างไรก็ต้องมีการตรวจขันเรื่องนี้

“อ่อ คุณหนูหลิว เชิญไปรอที่กระโจมทางทิศตะวันออกก่อนเถิดขอรับ ตอนนี้รองแม่ทัพกำลังประชุมอยู่กระโจมกลาง”

“ขอบใจมาก” ทั้งฟ่านซีและจูหลิงไม่เคยมาส่งข้าวคุณชายใหญ่ของสกุลเลยสักครั้ง ทุกทีเป็นพี่สะใภ้มาส่งเอง

“กระโจมตะวันออก แล้วมันกระโจมไหนกันแน่เนี่ยจูหลิง”

“บะ บ่าวก็ไม่รู้เจ้าค่ะ”

“เป็นอันใดของเจ้า ปากสั่นเชียว” ฟ่านซีหันไปหาสาวใช้คนสนิท เห็นกรอบหน้ามีเม็ดเหงื่อผุดออกมา ท่าทางดูร้อนรนชอบกล

“เอ่อ คือ บะ บ่าวอยากถ่ายหนักเจ้าค่ะ”

“ฮะ ฮ่าๆ เช่นนั้นก็รีบไป ประเดี๋ยวข้าจะอยู่ในกระโจมหลังนั้นรอ” หลิวฟ่านซีชี้ไปยังกระโจมที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้ เนื้อหานิยายระบุไว้ชัดเจนว่าแคว้นต้าเฉวียนไม่มีตำแหน่งแม่ทัพ เนื่องจากองค์จักรพรรดิจะเข้ามาควบคุมกองทัพด้วยองค์เอง เหตุผลก็คงเพราะกลัวเรื่องแม่ทัพรวบรวมทหารก่อกบฏกระมัง

“ชะ เช่นนั้นบ่าวขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”

“ไปเถิดๆ ไม่ต้องรีบเล่า ประเดี๋ยวจะเลอะเสื้อผ้า ฮ่าๆ” ฟ่านซีหัวเราะตามหลังคนสนิท ส่วนตนเองก็ยกถังไม้ใส่อาหารเข้าไปรออยู่ในกระโจม

ความแปลกใหม่ แปลกที่แปลกทางดึงดูดความสนใจของหลิวฟ่านซีได้เป็นอย่างดี เมื่อเปิดเข้ามาในกระโจม คนงามก็วางถังไม้ไว้อย่างเรียบร้อย แล้วจึงเดินสำรวจภายในกระโจมของพี่ชาย

ที่นี่มีเพียงของใช้จำเป็น โต๊ะที่เต็มไปด้วยภูมิประเทศจำลองของแคว้นต้าเฉวียนและแผ่นดินโดยรอบ ชั้นวางตำราสูงท่วมหัว โต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยม้วนกระดาษมากมาย

แต่ที่สะดุดตาหลิวฟ่านซีคงหนีไม่พ้นแท่นวางอาวุธที่มีทั้งหอก ดาบ และ...ธนู

“โห สวยมาก” หลิวฟ่านซีเดินเข้าไปคว้าเอาคันธนูอันวิจิตนั้นขึ้นมาละเมียดดู นางหลงใหลในธนูมาตั้งแต่เด็ก พอได้เห็นคันธนูที่สลักลายและมีสัดส่วนที่พอดิบพอดี จึงอดไม่ได้ที่จะลองยกขึ้นมาง้าง ตั้งท่าเตรียมยิงอย่างที่เคยฝึก

“หือ เสียดายสายตึงไปนิดหนึ่ง” หากเป็นพี่ใหญ่ก็คงสบายๆ แต่สำหรับสตรีอย่างนางต้องปรับสายให้ยืดหยุ่นกว่านี้อีกสักนิด

“มิคิดว่าจะมีโจร กล้าเข้ามาขโมยของในค่ายทหาร” เสียงทุ้มเข้มไม่คุ้นหูทำให้ฟ่านซีรีบหันไปดู ทว่าดวงตาที่กลมอยู่แล้วกลับเบิกกว้างเป็นพิเศษ หัวใจที่เต้นอยู่กลับสะดุดครู่หนึ่ง ก่อนจะเต้นรัวไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นเอกบุรุษที่อยู่ในชุดเกราะเต็มยศ รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าหล่อคม คิ้วเข้มโก่งลับกับโครงหน้า ไหนจะจมูกที่โด่งเป็นสัน ริมฝีปากเป็นกระจับ

ใครกันเนี่ย! ในนิยายยังมีบุรุษที่หล่อราวเทพเซียนอยู่ด้วยหรือ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เหตุใดนางร้ายจึงกลายเป็นที่หมายปอง   17. ตัวแทน (4)

    คนถูกตกเป็นเป้าสายตามิได้สนใจเลยสักนิด ยามนี้ฟ่านซีเห็นเพียงเป้าที่อยู่เบื้องหน้า ปากเล็กเป่าลมออกจนสุดก่อนจะสุดลมหายใจเข้าเต็มปลอดและ...ปล่อยศรออกไปฟิ้ว~ปัก!“...” เสียงรอบข้างเงียบสนิท ก่อนที่จะได้ยินเสียงเฮดังลั่น เมื่อศรธนูปักลงบนกลางเป้าอย่างน่าเหลือเชื่อ ผู้แข่งขันที่อยู่เบื้องหน้าของฟ่านซี บัดนี้แตกกระจายกันไปทั่วทุกทิศทางเพื่อล่าสัตว์ใหญ่มาใช้ในการสักการะเทพเจ้าคนทั้งลานพิธีต่างปรบมือให้กับความสามารถของคุณหนูสกุลหลิว น้อยคนนักที่จะสามารถยิงลงกลางเป้าได้ ยิ่งเป็นสตรียิ่งไม่มีผู้ใดเคยทำได้ ขนาดจวิ้นอ๋องของแคว้นยังยอมปรบมือให้ สายตาที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ดุร้าย ฉายชัดว่าสนใจในตัวหลิวฟ่านซีมากขึ้นกว่าเดิม แน่นอนว่าการกระทำนั้นตกอยู่ในสายตาของจางกงเหลียนป๋อ เป้ยเล่อของแคว้น ที่มีฐานะเป็นน้องชายต่างมารดา สายตาของจางกงเหลียนป๋อเต็มไปด้วยความเวทนาต่อหลิวฟ่านซี ดูท่าชีวิตของคุณหนูหลิวคงหนีไม่พ้นตกไปเป็นอนุในจวนอ๋องเสียแล้ว“เฮ้อ~ นึกว่าจะถูกโบยซะแล้ว” ร่างเล็กทรุดลงบนแท่นยิงด้วยอาการแข้งขาอ่อนแรง พี่ชายทั้งสองจึงรีบวิ่งเข้ามาดูอาการของน้องสาว แต่บุคคลที่ไม่คาดคิดว่าจะวิ่งออกมาด้ว

  • เหตุใดนางร้ายจึงกลายเป็นที่หมายปอง   16. ตัวแทน (3)

    หลิวฟ่านซีเดินวนไปเวียนมาอยู่หลังลานพิธี เพื่อรอเวลา ยอมรับว่านางค่อนข้างตื่นเต้นและกังวล จริงอยู่ว่านางเคยยืนอยู่บนการแข่งขันระดับโลก ตอนนั้นถ้าพลาดก็แค่เสียใจ แต่ครั้งนี้ถ้าพลาดอาจถึงขั้นเสียชีวิต ฮื้อ~ “มองเป้าให้ดี อย่าให้ว่อกแว่ก อย่าให้พลาดเด็ดขาด เจ้าเคยซ้อมอยู่ที่เรือนทุกเช้า”“จริงอย่างพี่ใหญ่ว่า ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่เจ้าก็ทำได้ดียิ่งนัก” ทั้งไห่คุนและจ้งเหลียนต่างก็มาให้กำลังใจน้องสาวอยู่หลังลานพิธี“มันจะเหมือนกันได้อย่างไรเล่า ถะ ถ้าข้ายิงพลาด ฝ่าบาทจะไม่สั่งตัดหัวข้าหรือ”“ไม่หรอก องครักษ์ที่เคยยิงพลาดก็เพียงแค่ถูกโบยและโดนปลด”“พี่รอง! ข้าใจเสียยิ่งกว่าเดิม” ฟ่านซีโอดครวญ นึกอยากตบปากตนเองนักที่พูดออกไปว่าช่วงนี้กำลังฝึกยิงธนู“เอาล่ะๆ ไม่ต้องกังวลไป ฝ่าบาทมิใช่คนใจไม้ไส้ระกำถึงเพียงนั้น ตอนนี้ประกาศผู้ชนะการบรรเลงดนตรีแล้ว เจ้าต้องออกไปแล้ว” เสียงประกาศว่าผู้ชนะในการแข่งบรรเลงดนตรีวันนี้เป็นเถียนลี่มี่ แต่ฟ่านซีไม่ได้สนใจเลยสักนิด ก้อนเนื้อเท่ากำปั้นเต้นรัวเพราะกลัวว่าจะทำพลาดไม่ต่างกับเหล่าขุนนางและผู้คนในลานพิธี บัดนี้ไม่มีผู้ใดสนใจผู้ชนะในการแข่งขันบรรเลงดนตรีแม้แ

  • เหตุใดนางร้ายจึงกลายเป็นที่หมายปอง   15. ตัวแทน (2)

    “ผู้ชนะมาแล้วสินะ” หลิวฟ่านซีพึมพำอย่างหน่ายๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรบทนางเอกก็ต้องเด่น ยังไงการแข่งขันครั้งนี้เถียนลี่มี่ก็ต้องเป็นผู้ชนะ ขณะที่ฟังการเป่าตี้จื่อ (ขลุ่ยผิว) ของแม่นางเอก ก็อดที่จะหันไปมองโจวเทียนฉีไม่ได้ ทว่าสิ่งที่น่าแปลกคืออีกฝ่ายมองนางอยู่ก่อนแล้วช่วงที่ผ่านมา แม้ฟ่านซีจะเอ่ยว่าไม่ได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับตัวละครหลักของเรื่อง แต่กลับมีหลายครั้งที่พบกันโดยบังเอิญ และโจวเทียนฉีก็ยังพูดกระทบนางเรื่องเดิมว่านางกำลังจะทำให้สกุลหลิวเดือดร้อน ครั้งหนึ่งเขายังเคยเดินตามมาส่งนางกับจูหลิงกลับเรือน นับวันชักทำตัวแปลกขึ้นทุกที“มองทำไม เดี๋ยวก็จิ้มตาบอด” หลิวฟ่านซีอดเบะปากรำคาญมิได้ สุดท้ายนางต้องเป็นฝ่ายละสายตาออกมา เพราะอีกคนจ้องหน้านางไม่เลิก อะไรปล่อยได้ก็ปล่อยไป ไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเอง“การแข่งขันสิ้นสุดลง-” ขุนนางหนุ่มกำลังจะประกาศสิ้นสุดการแข่งขันชะงักนิ่ง เมื่อไท่กงกง ขันทีคนสนิทของฝ่าบาทเดินมากระซิบข้างหู“เอ่อ ฝ่าบาททรงตรัสถามถึงคุณหนูสกุลหลิว ปีก่อนคุณหนูหลิวเป็นผู้ชนะการบรรเลงผีผา ปีนี้จะเข้าร่วมการแข่งหรือไม่”“ห๊ะ!” หลิวฟ่านซีที่กำลังอ้าปากกินขนมถึงกับค้างเมื

  • เหตุใดนางร้ายจึงกลายเป็นที่หมายปอง   14. ตัวแทน (1)

    เสียงบรรเลงดนตรีดังขับกล่อมผู้คนในลานพิธี ท่ามกลางต้นไม้สูงลิ่วบนเนินเขาเหยี่ยนเฟิง ในช่วงสารทฤดูเช่นนี้ ราชสำนักแคว้นต้าเฉวียนมีพิธีการสำคัญคือการสักการะเทพเจ้าตามความเชื่อของเหล่าบรรพบุรุษผู้ล่วงลับเชื่อกันว่าทั้งผืนดิน ผืนป่า ผืนน้ำ และผืนฟ้า ล้วนมีองค์เทพคอยปกปักดูแล ในทุกปีจึงมีการจัดพิธีสักการะ เซ่นไหว้ ขอให้แคว้นต้าเฉวียนสุขสงบร่มเย็น ไร้ซึ่งภัยพิบัติต่างๆ ประชาชนอยู่ดีมีสุข“พี่ใหญ่ พี่เค่อไม่มาด้วยหรือ”“อะฮึ่ม! มะ ไม่มา” ไห่คุนกระแอมกลบเกลื่อน สายตาเฉียบคมวันนั้นเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเจ้าตัวมิอยากเปิดเผยตัวตน แม้จะสงสัยว่าเหตุใดซีซีจดจำอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ก็จำต้องเก็บความสงสัยนั่นไว้ มิเช่นนั้นอาจทำให้ความแตกได้“แย่จริง ช่วงนี้ข้าไปที่ค่ายก็ไม่ค่อยเจอเขา หรือเขาไปทำงานที่อื่นแล้ว”“ท่านน้าเปลี่ยนเป้าหมายแล้วหรือเจ้าคะ” เสียงเล็กของซิงอีดังแทรกบทสนทนาของผู้ใหญ่ ทำเอาคนทั้งกระโจมตกใจกับคำพูดคำจาของเด็กอายุเพียงสี่หนาว ดีที่เป็นกระโจมของสกุลหลิวเอง จึงมีเพียงครอบครัวของพี่ใหญ่ พี่รอง และหลิวฟ่านซีเท่านั้น“ซิงเอ๋อร์ พูดเช่นนั้นกับท่านน้ามิได้นะ”“เปลี่ยนเป้าหมาย คำนี้เป็นบิดาเจ้าท

  • เหตุใดนางร้ายจึงกลายเป็นที่หมายปอง   13. เรื่องน่าสงสัย (2)

    “แปลกใจอันใดเจ้าคะ” เสียงหวานว่าพลางยื่นมือไปรับจอกสุราที่อีกฝ่ายยื่นมาให้“เจ้าปฏิบัติตัวไม่เหมือนคุณหนูในห้องหอ พยายามหนีห่างจากโจวเทียนฉี และที่สำคัญที่สุด เจ้าทำเหมือนว่าไม่รู้จักข้า เหมือนเราไม่เคยพบกันมาก่อน”“...อึก ทะ ท่านสงสัยมากมายนัก” ฟังคำพูดของบุรุษตรงหน้าแล้วได้แต่ยกสุราขึ้นดื่ม เฉตาไปมองทางอื่น แม้ดวงหน้างามจะเรียบเฉยแต่ในหัวคิดให้วุ่นว่าควรตอบกลับไปเช่นไรดี แกล้งบ้าไปเลยดีหรือไม่“ว่าอย่างไร หืม”“ก็...ข้าฝันเจ้าค่ะ”“ฝันหรือ”“ใช่เจ้าค่ะ! ข้าฝันถึงท่านปู่ ในฝันท่านปู่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มาบอกกับข้าว่าทะเลาะกับท่านปู่ของโจวเทียนฉี เรื่องที่ท่านปู่โจวดันไปเกี้ยวเทพเซียนคนงามที่ท่านปู่ของข้าหมายตาไว้ เลยเข้าฝัน มาบอกให้ข้าเลิกยุ่งกับโจวเทียนฉี สัญญาหมั้นอะไรพวกนั้นยกเลิกให้หมด”“...” บุรุษตรงหน้าถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดว่านางจะยกเรื่องพวกนี้มาเป็นเหตุผลได้“จริงๆ นะพี่เค่อ หลังจากข้าตื่นมาก็บอกท่านพ่อให้เลิกพูดเรื่องที่จะให้ข้าหมั้นหมายกับโจวเทียนฉี พอไม่ต้องหมั้น ข้าเลยใช้ชีวิตอย่างที่ข้าต้องการไง”“หึ พูดจาฉลาดนักนะ แล้วเรื่องที่เจ้าไม่รู้จักข้าเล่า จะว่าอย่างไร”“เอ่อ เร

  • เหตุใดนางร้ายจึงกลายเป็นที่หมายปอง   12. เรื่องน่าสงสัย (1)

    เหตุการณ์เผชิญหน้ากันของสองบุรุษ แม้โจวเทียนฉีจะเป็นเพียงมดตัวเล็กๆ เมื่อเทียบกับจวิ้นอ๋อง แต่อีกฝ่ายก็ยกสายตาของชาวบ้านมาอ้าง เอาแต่พูดว่าหากจวิ้นอ๋องพาหลิวฟ่านซีไปด้วยอาจมีคำครหาว่าไม่ให้เกียรติชายาที่มาด้วยกันซึ่งจางกงเต๋อหัวถือเรื่องนี้เป็นที่สุด แคว้นต้าเฉวียนปกครองโดยราชวงศ์จางกง บัดนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์ค่อนข้างตึงเครียดเรื่องการสืบทายาท แม้ว่าองค์ฮ่องเต้จางกงหลัวเค่อจะยังมีพระชนม์มายุเพียงยี่สิบแปดหนาว กระนั้นเหล่าขุนนางและราชวงศ์ก็ยังกังวล เนื่องด้วยองค์กษัตริย์ยังมิมีพระโอรสธิดาแม้เพียงองค์เดียวนั่นหมายความว่าพระเชษฐาอีกสองพระองค์ยังคงมีสิทธิ ในการครองราชสมบัติต่อจากองค์ฮ่องเต้อยู่ คนแรกคงหนีไม่พ้นจางกงเต๋อหัว จวิ้นอ๋องที่มีกำลังทหารและอำนาจอยู่ไม่น้อย ส่วนคนที่สองคือจางกงเหลียนป๋อ ที่บัดนี้ดำรงตำแหน่งเป้ยเล่อ ซึ่งมีบทบาทในการช่วยบริหารงานราชการหลายส่วน แต่ดีที่เป้ยเล่อผู้นี้เป็นเพียงโอรสจากสนมขั้นผิน จึงไม่มีขุนนางหรือสกุลเดิมคอยสนับสนุนดังนั้นจึงไม่แปลกที่จวิ้นอ๋องจะเกรงสายตาชาวบ้าน เพราะลำพังชื่อเสียงในตอนนี้ก็เป็นคนโฉดอำมหิตอยู่แล้ว“เอ่อ โอ๊ยๆ อยู่ๆ ก็ปวดหนัก อยากเข

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status