เหนือฟ้านอนร้องไห้ตาบวมจนถึงสามทุ่ม จึงลุกเดินไปอาบน้ำแล้วกลับมาอ่านชีตสรุปสำหรับการสอบเก็บคะแนนในสัปดาห์หน้า
"เหนือ พี่จะเอาเสื้อผ้าไปซักให้ เปิดประตูให้พี่หน่อยครับ"
คนด้านในแง้มประตูออกเพียงเล็กน้อย "เหนือซักเองได้ค่ะ พี่คีป่วยอยู่ก็ไปพักเถอะ"
จังหวะที่กำลังจะปิดประตู ภาคีสังเกตเห็นดวงตาที่บวมช้ำ เขาจึงจับขอบประตูไว้ไม่ให้เหนือฟ้าปิด "เป็นอะไรรึเปล่า"
"ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ เหนือจะอ่านหนังสือสอบ" เหนือฟ้าพยายามดึงประตูที่ภาคีกำลังง้างออก แต่ด้วยสู้แรงคนตัวใหญ่กว่าไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องยอมให้เขาเปิดประตูเข้ามา
คนที่กำลังเสียใจรีบเดินหนีไปโต๊ะทรงกลมริมหน้าต่างห้องนอน พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล "เหนือ หันมาหาพี่หน่อย"
"พี่คีจะไปญี่ปุ่นเหรอคะ"
ภาคีอึ้งคิ้วเข้มขมวดเข้ามากัน นึกย้อนไปถึงตอนที่เขาให้เธอไปหยิบยาในลิ้นชัก สงสัยคงจะไปเจอเอกสารมหาลัยที่ญี่ปุ่นกับพาสปอตที่เขาแอบเก็บไว้
"ใช่ พี่จะไปเรียนต่อปริญญาโทที่นั่น"
"แล้วพี่คีคิดจะบอกเหนือเมื่อไหร่ หรือคิดจะบอกตอนที่เหนือถลำลึกไปมากกว่านี้" เหนือฟ้าเถียงเสียงสั่นพยายามเดินหนีไปที่อื่นไม่ให้เขาเห็น ภาคีรีบเดินไปดักหน้า ทำให้พบว่าดวงหน้าจิ้มลิ้มกำลังเปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำตา สีหน้าแววตาของเธอมีแต่ความหม่นหมอง
"เมื่อกี้เหนือว่าถลำลึกอะไร หมายความว่ายังไง"
"พี่คีอ่ะโง่ พี่คีงี่เง่า" เหนือฟ้าพุ่งเข้าไปรัวกำปั้นใส่แผ่นอกของภาคี แต่เขากลับยืนนิ่งไม่ตอบโต้ เธอจึงหยุดทุบแล้วทิ้งมือลง
"พี่โง่ พี่งี่เง่า" เขาตอกย้ำคำพูดของเธอ แล้วหยิบมือข้างลำตัวขึ้นมา "ตกหลุมรักพี่แล้วเหรอ"
เขากระซิบถามให้ไออุ่นจากริมฝีปากรดลงบนหลังมือ หัวใจของผู้ถูกถามกระตุกวูบ ดวงตากลมที่ยังบวมช้ำช้อนมองกรอบหน้าขาวที่กำลังรอคอยอย่างใจเย็น
หยดน้ำตาใสไหลอาบพวงแก้มอมชมพู มือข้างหนึ่งของเหนือฟ้าลูบไปที่แก้มของภาคีอย่างอ่อนโยน "เหนือตกหลุมรักมานานแล้วค่ะ"
"พี่รู้" เขาดูเธอออกตั้งนานแล้ว เขาผ่านผู้หญิงมาหลายคน แต่ไม่เคยมีใครทำตัวเหนียมอายกับเขาเท่าเธอมาก่อน ยิ่งเหนือฟ้าเขินอายและพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรับรู้มากขึ้นเท่านั้น
"รู้ดีจัง" เหนือฟ้าอมยิ้มแล้วดึงมือกลับแต่ภาคีกลับยึดไว้ แล้วจับวางที่อกข้างซ้ายของเขา
"ได้ยินเสียงหัวใจพี่รึเปล่า"
"ได้ยินค่ะ"
"แล้วคิดว่ายังไง" ปากหยักได้รูปขยับถาม
"หัวใจพี่คีเต้นแรงมากค่ะ" เธอได้ยินหัวใจในอกแกร่งชัดเจน เพราะค่ำคืนนี้เงียบสงัดกว่าทุกคืน
"ใจ๋อ้ายเต้นแฮงกับน้องคนเดียว" คำบอกรักที่ไม่มีคำว่ารักของเขาทำให้เหนือฟ้าถึงกับอ่อนยวบยาบ ริมฝีปากบางฉีกยิ้มกว้างเพราะมุกเสี่ยว ๆ ที่เขายิงออกมา
"ฮ่าฮ่า พี่คีตลก" แก้มป่อง ๆ ของเหนือฟ้าตอนที่ฉีกยิ้มออกมาส่งผลให้เหมือนกับเต้าหู้ขาวสองก้อนที่โปะไว้บนใบหน้ารูปเพชร ทุกครั้งที่เธอยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะไม่หลงใหล
"พรุ่งนี้วันเสาร์ เราไปเที่ยวกันไหม"
"ยังไม่หายป่วยเลย จะไปเที่ยวแล้วเหรอคะ"
"อือ พี่ฟื้นตัวไว" เขาตอบแล้วดึงมือเหนือฟ้าให้นั่งลงบนเตียง "ไปนครนายกไหม ไปเที่ยวน้ำตกกัน พี่มีบ้านอีกหลังอยู่ที่โน่น อนาคตว่าจะทำเป็นไร่ไถ่ควายจากโรงเชือดแล้วก็ทำรีสอร์ตกับปลูกผักผลไม้ที่นั่นด้วย"
"น่าสนุกจัง เหนือจำได้ว่าครั้งล่าสุดไปเที่ยวเขื่อนที่นั่น แล้วก็ไม่ได้ไปอีกเลย แต่พี่คีต้องโทรไปขออนุญาตพ่อก่อนนะคะ ถ้าไปเที่ยวต่างจังหวัด แล้วต้องค้างคืนด้วย ยังไงต้องผ่านด่านผอ.ทัพฟ้าก่อน เหนือถึงจะไปกับพี่คีได้"
"พรุ่งนี้เช้าพี่จะขับรถไปหาพ่อกับแม่เหนือที่บ้าน" ภาคีบอกแล้วจับมือแฟนสาวพลัสไซซ์ขึ้นมาหอม เขาหอมมือเธอซ้ำ ๆ เหนือฟ้านึกในใจนี่เขาไม่มีที่อื่นจะหอมแล้วหรือยังไง
"พี่คีหอมเป็นที่เดียวเหรอ" ไม่รู้นึกยังไงถึงโพล่งถามออกไป และคำถามนี้เองก็ทำให้อีกฝ่ายถึงกับตะลึง
"เหนืออยากให้พี่หอมที่อื่นเหรอ อยากให้หอมตรงไหนครับ" เขาขยับใบหน้าเข้ามาประชิด ดวงตากลมเบิกกว้างรีบกระเถิบหนี แต่เขาก็กระเถิบตามมาอีก
"เปล๊า....อุ้ย พี่คี" จู่ ๆ เขาก็รวบหัวไหล่เธอเข้ามา จะผลักออกก็กลัวจะเสียโอกาส แต่ไม่ผลักก็จะดูไร้ยางอาย
เหนือฟ้าทำเป็นดันอกภาคีเบา ๆ พอเป็นพิธี ภาคีรู้ดีว่าบ่ะหนุนน้อยกำลังชอบใจ
"พี่จะบอกว่า พี่ผ่านผู้หญิงมาเยอะมาก แล้วทำไมพี่จะไม่รู้ว่าเหนือต้องการอะไร" เขาถามพลางเก็บเส้นผมของเธอทัดไว้หลังหู แต่ก็ยังกระชับอ้อมกอดไม่ยอมปล่อย
"ทายสิคะว่าเหนือต้องการอะไร"
ภาคีกลอกตาไปมาแล้วรีบก้มลงฟัดแก้มเหนือฟ้าด้วยความว่องไว เจ้าของแก้มเต้าหู้นั่งตัวเกร็ง กะพริบตาปริบ ๆ
"ต้องการแบบนี้ ถูกต้องไหม"
คนที่เพิ่งโดนหอมแก้มรีบเม้มปากแน่น พยักหน้าหงึก ๆ
"หึหึ น่ารักจัง เอาละ พี่ไม่กวนเหนือแล้ว พี่มีงานต้องทำ" ภาคีคลายอ้อมกอด
"โอเคค่ะ พี่คีทำงานไปนะคะ เดี๋ยวเหนือจะอาสาซักผ้าให้เอง" เหนือฟ้าลุกขึ้นแล้วหยิบตะกร้าผ้าของตนตรงไปที่เครื่องซักผ้าที่อยู่ในซอกมืด ๆ ติดกับห้องน้ำ "ของพี่คีล่ะ"
"จะซักให้พี่ด้วยเหรอ" ภาคีเหลือบมองตะกร้าผ้าใบใหญ่ของเขาที่ตั้งอยู่ข้างขาของเหนือฟ้า แล้วนึกอะไรสนุก ๆ เพื่อลองใจ หนุ่มผมยาวเลิกคิ้วสูงแล้วเดินไปหยิบตะกร้าผ้าใบเล็กมาเพิ่ม "งั้นซักอันนี้ให้ด้วยนะครับ"
"ได้เลยค่ะ" เหนือฟ้าขานรับแล้วก้มดูตะกร้าใบเล็กที่ใส่กางเกงในผู้ชายไว้สองสามตัว "เอ่อ..." ดวงตากลมตวัดมองหน้าเจ้าของซับใน
"ไม่สะดวกใจซัก เดี๋ยวพี่ซักเองดีกว่า" เขาก้มลงหยิบตะกร้าผ้า แต่เหนือฟ้ารีบแย่งมากอดไว้
"ซ...ซักได้ค่ะ ก็แค่โยน ๆ เข้าไปในเครื่องก็จบแล้ว" เหนือฟ้ายิ้มแป้น
ภาคีสาวเท้าเข้ามายกมือคร่อมลงบนถังเครื่องซักผ้า แม่บ้านเฉพาะกิจเอนตัวหนี แต่ยิ่งหงายหลัง เขาก็ยิ่งก้มต่ำลงมาเหมือนจะแกล้งเธอ
"ไม่ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มนะ พี่กลัวคัน" เสียงเข้มกระซิบรดขมับ แม่บ้านอาสาเบิกตาโพลงจินตนาการไปถึงอาการคันของเขา
"ค่ะไม่ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม" เธอย้ำ
"จะขยี้ก็ได้นะ" ภาคีเสริม ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วจากไปด้วยปริศนาให้เหนือฟ้าขบคิด
"ขยี้กางเกงในเหรอ"
แม่บ้านจำเป็นใช้นิ้วเกี่ยวกางเกงในสีเทาขึ้นมาแล้วนึกถึงคำว่า 'ขยี้' แบบนี้ก็เหมือนกำลังจับมิตรสหายใต้หว่างขาของเขาอยู่เลยน่ะสิ "อ้ายคีคนบ้าคนบอ"
สองครอบครัวตกลงกันว่าจะเดินทางไปโรงพยาบาลตามคำแนะนำของปินปินที่ให้นิ่มฟ้าได้ลองพบหน้ากับลูกชายของอุษมันกับราสมาลัย"หมู่เหามาตี้นี่ทำไม" น่านฟ้าไม่เข้าใจว่าพ่อกับแม่มาทำธุระอะไรที่โรงพยาบาลทั้งที่เมื่อกี้ยังเดินเล่นกันอยู่ที่เทวาลัยดี ๆ"ป้อกับแม่พาปี้นิ่มมาเยี่ยมคน ๆ หนึ่งจ้ะ" เหนือฟ้าหันไปบอกลูกชาย ขณะที่มืออีกข้างของเธอกุมมือเปียกชื้นของลูกสาวแน่น"อี่แม่อาปินบอกนิ่มว่าอ้ายมาสอยู่ตี้นี่ ทำไมเขาถึงอยู่ตี้โฮงยา" นิ่มฟ้าไม่เข้าใจว่าเทวดาที่เธอไม่เจอหน้ามาครึ่งค่อนปีถึงมาอยู่ในสถานที่แบบนี้"เก๊าหยับ" น้ำเงี้ยวเป็นคนเดียวที่เคยเห็นเทพมาสโพล่งบอกพี่สาว แม้ตอนนั้นเธอจะยังเล็กมากแต่กลับจดจำเทวดารูปหล่อได้ขึ้นใจ"หลับก๊ะ" นิ่มฟ้าถามน้อง"อือ" เด็กหญิงผมม้าแหว่งพยักหน้า"น้องนิ่มคะมาจ้ะ เดี๋ยวน้าพาไปหาพี่มาสนะ" ราสมาลัยที่เดินไปแจ้งกับพยาบาลประจำวอร์ดเพื่อขออนุญาตพาคนมาเยี่ยม เดินกลับมาชักชวนให้เด็กหญิงเข้าไปพบกับคนป่วยที่นอนหลับไร้สติภายในห้องพักพิเศษบะแต๋งที่กำลังนั่งเฝ้าหมูยอกับแป้งจี่กินไอศกรีมเห็นนิ่มฟ้ามีท่าทีตื่นกลัวเล็กน้อยจึงอาสาพาน้องเข้าไป "นิ่มไปสิเดี๋ยวอ้ายไปเป๋นเพื่อนเน้อ"เพ
ปิดเทอมหน้าร้อนเทอมสุดท้ายบะแต๋งจะเรียนจบประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 ส่วนนิ่มฟ้าและน่านฟ้าจะขึ้นปอ.2 ครอบครัวคนเลี้ยงควายจึงคุยกันว่าจะไปเยี่ยมเยียนครอบครัวมหาจันทร์ของปินปินและพบปะสังสรรค์สักหนึ่งอาทิตย์หลังจากที่ภาคีจอดรถจี๊ปในอาณาจักรอัญฎรญามีอันยิ่งใหญ่ที่มีเทวสถานพระศิวะขนาดความสูง 35 เมตร นิ่มฟ้าที่กำลังนั่งมองวิวทิวทัศน์สังเกตเห็นว่ารอบบริเวณเทวาลัยถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้พลันนั้นเด็กหญิงกลับสะดุดตาเข้ากับไม้ยืนต้นสูงที่มีลักษณะใบคล้ายกับต้นมณฑารพที่เทพมาสมักจะนัดพบเจอเธอที่นั่น เพียงแต่ดอกไม้ตนนั้นมีขนาดสูงใหญ่กว่าและผลิดอกสีเหลืองนวลเต็มต้น"พี่คีพี่เหนือเชิญทางนี้ค่ะ" แซมมี่ในชุดสาหรี่แต้มผงกุมสีแดงกลางหน้าผากเดินออกมาพร้อมกับมะแป่มตัวน้อยที่ตอนนี้ขึ้นอนุบาลสองเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่มะแป่มเห็นน่านฟ้า หนูน้อยก็ทำตัวอ่อนเดินเซไปหาคนพี่"ปี้น่านขา" มะแป่มคว้าหมับที่แขนของเด็กชายจนผู้หลักผู้ใหญ่ของทั้งสองต่างพากันหัวเราะขบขัน"เอ่อ...เป๋นหยังครับ" น่านฟ้าขานรับแต่กลับยืนตัวเกร็งหน้าแดงซ่าน"อุ๊ย..." มะแป่มทำท่าสะดุดขาแล้วรีบสวมกอดเอวพี่พลางเอาหน้าซบแผ่นอก"เกินไปแล้วจ้ะแม่ลูกสาว" แ
ภายในอ่างอาบน้ำทรงกลมที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องน้ำ มีร่างตุ้ยนุ้ยสองแม่ลูกกำลังแช่น้ำนมอุ่น ๆ ที่ภาคีเป็นคนเตรียมให้ ระหว่างที่เหนือฟ้ากำลังหยิบฟองน้ำเตรียมยกขึ้นมาขัดแผ่นหลังให้ลูกสาว พลันนั้นบาดแผลที่มีร่องรอยของการถูกกัดก็ปรากฏอยู่บนหัวไหล่เล็ก นัยน์ตาของเธอสั่นระริกวูบไหวอย่างฉับพลัน หัวใจของคนเป็นแม่แทบแหลกสลายในทันที เมื่อเห็นว่าลูกสาวยังมีบาดแผลภายในร่มผ้าที่เธอหรือหมอก็ไม่เคยรับรู้มาก่อน"นิ่มฟ้าคะ หนู หนูเจ็บไหมลูก" ฟองน้ำรูปสัปปะรดหลุดลอยจากฝ่ามือไหลผ่านไปยังเบื้องหน้าของเด็กหญิงที่กำลังนั่งหันหลัง นิ่มฟ้าย่นคิ้วชิดกันแล้วรีบหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น"เป็นอะหยังก๊ะหนุนน้อย" มือเล็กยื่นไปจับแก้มขาวอมชมพูของแม่ ผิวพรรณของแม่ทำให้เธอรู้สึกหลงรัก"หัวไหล่หนูไงคะ โดนยัยเด็กกระถินนั่นกัดมาเหรอ ทำไมหนูไม่บอกแม่ว่ามีแผลตรงนี้ด้วย"เจ้าของบาดแผลกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว แต่แม่ของเธอกลับน้ำตาไหลอาบนองหน้า "เจ้า นิ่งโดนขบมาแต่นิ่งบ่เจ๋บแล้ว อี่แม่บ่ต้องร้อง เดี๋ยวนิ่งร้องตามเน้อ"เด็กหญิงโผเข้าซุกอกของแม่ที่ล้นหลามเหนือผิวน้ำ เหนือฟ้าสวมกอดกลับจูบซับศีระษะเล็ก ๆ ซ้ำ ๆ ไม่รู้เบื่อเส
นิ่มฟ้าแสดงสีหน้าและแววตาโกรธสุดขีด เด็กหญิงตอบโต้กลับไปหาอีกฝ่ายด้วยความขุ่นเคือง กำหมัดสองข้างแน่นพยายามนึกถึงหน้าครอบครัวที่เธอรัก นึกถึงเทวดาคนโปรด"กรี๊ดด ติ๋นไม่ได้โง่นะ ไม่ได้โง่" กระถินกระทืบเท้าปึ้กปั้กแล้วพุ่งเข้ามากระชากศีระษะของนิ่มฟ้าและใช้กรงเล็บครูดข่วนใบหน้าของเธอไปทั่วโดยมีเพื่อน ๆ พยายามช่วยกันดึงตัวกระถินสายวีนออกจากการทึ้งหัวของหัวหน้าห้อง"ปล่อยเปิ้นเน้อ ปล่อยสิ" นิ่มฟ้าพยายามแกะมือเหนียวของกระถินออก พอเห็นว่าไม่เป็นผลเธอจึงใช้แรงทั้งหมดเหวี่ยงตัวของเด็กหญิงที่ตัวเล็กกว่าจนเหวี่ยงไปกระแทกกับพื้น"โอ้ย ยัยหัวหน้าเผ่าฟาย" กระถินโกรธหน้าดำหน้าแดง"บ่าใจ้ฟายตำมะดาโตย แต่เป๋นฟายเจ๋ดทัวย่ะ" เด็กหญิงเถียงกลับแล้วรีบจัดทรงผมให้เข้าที่ เตรียมที่จะเดินหนียัยกระถินปากจัดที่พูดจาไม่รู้เรื่อง"ไม่ให้ปายยย" กระถินวิ่งกลับเข้ามากระโดดตะครุบกลางหลังนิ่มฟ้า เนื่องจากเธอตัวเล็กกว่าทำให้ปีนขึ้นไปอยู่หลังเด็กหญิงหุ่นจ้ำม่ำได้ง่ายขึ้นงั่บ!"โอ๊ยยย" นิ่มฟ้าร้องเพราะถูกคมเขี้ยวของกระถินงับลงมาบนหัวไหล่ แม้จะมีเนื้อผ้าของชุดนักเรียนขวางกั้นแต่ฟันคม ๆ ก็กัดจมลงมาจนเด็กหญิงถึงกับน้ำตาเล็ด
หลังจากกลับจากโรงพยาบาลภาคีอาสาดูแลหมูยอแทนเหนือฟ้า ระหว่างนั้นเขาจึงปรึกษากับภรรยาเรื่องลูกสาวเพราะเกรงว่าอาจมีการกลั่นแกล้งและบูลลี่กันที่โรงเรียนโดยที่เขาและเธอไม่เคยรับรู้มาก่อน"เหนือว่าเราควรไปสอบถามคุณครูโดยตรงเลยดีไหม พี่ไม่ค่อยสบายใจเลย" เขาบ่นพึมพำท่ามกลางไฟสีส้มที่ส่องจากโคมรูปเห็ด ขณะที่ตนเองกำลังนอนตะแคงตบ ๆ ก้นให้หมูยอที่เพิ่งจะนอนหลับสนิท เนื่องจากหนูน้อยรู้สึกกระสับกระส่ายไม่สบายท้อง แค้พอได้รับประทานยากับเกลือแร่เข้าไปอาการท้องเสียของเจ้าตัวเล็กก็ดูทุเลาลงสาวอวบที่เพิ่งอาบน้ำและไดร์ผมเสร็จก้าวขาเข้ามาในคอกกั้น วันนี้เธอกับสามีตัดสินใจนอนที่ห้องนั่งเล่นเพื่อดูแลหมูยอ"ดีค่ะ เพราะสมัยที่เหนือโดนเพื่อนแกล้งและถูกล้อเลียนเรื่องรูปร่างเหนือก็มีความรู้สึกเดียวกับลูก เหนือไม่เข้าใจเลยว่าตอนนั้นทำอะไรผิดเพื่อน ๆ ถึงไม่อยากคบเหนือ ตอนนั้นคนเดียวที่ให้คำปรึกษาได้คือพี่ไนท์ค่ะ แต่ตอนนี้เราคือครอบครัว เราทุกคนจะช่วยกันให้คำปรึกษานิ่มฟ้า เหนือจะไม่ปล่อยให้ลูกเผชิญความเจ็บปวดคนเดียวเด็ดขาด" หญิงสาวเล่าเท้าความในอดีตที่เจ็บช้ำ คำพูดถากถากทับถมของเพื่อน ๆ กลายเป็นปมในใจของเธอที่อยาก
ติ๊ด! ติ๊ด!เสียงนาฬิกาปลุกข้างหัวเตียงดังขึ้นทำให้พ่อครัวใหญ่รีบดีดตัวขึ้นมาคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาชะล้างร่างกายเพียงสิบห้านาทีจึงรีบวิ่งซอยเท้าลงไปแล้วเริ่มปรุงอาหารด้วยความรักก่อนที่ลูกและภรรยาจะตื่นนอน"ป้อขี้!""เฮ่ย" หัวมันฝรั่งในมือเขาร่วงตุ้บลงกระแทกพื้น นิ่มฟ้าที่อยู่ชุดเสื้อคอกระเช้าเด็กประแปรงหน้าขาววอกสะกิดเรียกเขาท่ามกลางความมืดสลัวของห้องครัวในเวลาตีห้า"นิ่งบ่าใจ้ปี๋เน้อ ป้อต๋กใจนิ่งก๊ะ" นิ่มฟ้าลากเก้าอี้แล้วก้าวขึ้นไปยืนข้างพ่อชะโงกดูวัถตถุดิบที่พ่อเตรียมทำมื้อเช้า "ป้อทำก้าวผัดแฮ่มก๊ะ"เด็กหญิงสังเกตเห็นว่ามีเครื่องเคียงเป็นผัก หมูสับ และแฮมอีกอย่างพ่อก็วางกระทะตั้งไว้กับเตาแก๊สจึงมั่นใจว่าพ่อกำลังจะทำข้าวผัดแฮม"ฉลาดนะเนี่ยเรา ถูกต้องครับป้อกำลังทำข้าวผัดแฮมแล้วก็มีน้ำซุปมันฝรั่งซดแก้ฝืดคอ" เขาว่าแล้ววางหัวมันลง"โอ้โหดีเลยนิ่งกำลังอยากกิ๋น" นิ่มฟ้าคว้าหัวมันฝรั่งที่พ่อวางไว้บนเขียงมาถือแล้วหาที่ปอกเปลือกมัน"นี่ครับ" ผู้เป็นพ่อหยิบที่ปอกให้ลูกสาว มือเล็กรับไว้แล้วเริ่มปอกมันฝรั่งอย่าทะมัดทะแมง"ค่อย ๆ ปอกนะครับ แล้วนี่หนูตื่นมาทำอะไรแต่เช้า วันนี้วันเสาร์ไม่