LOGIN*สามปีต่อมา*
“รักฟรานนะคะ… ฟ้ารักฟรานที่สุด” อย่าไป… ฮึกก อย่าไปจากผม… เดี๋ยว ฮึกก เฮือก!!! ร่างโปร่งที่หลับไหลสดุ้งเฮือกตื่นมาท่ามกลางความมืด ในห้องนอนกว้างขวางตอนนี้กลับปกคลุมไปด้วยเสียงหอบหายใจของเขา ร่างกำยำบนเตียงดีดตัวลุกขึ้นนั่งพรางถอดถอนหายใจ เขามักจะฝันแบบนี้แทบทุกคืนตลอดสามปีจนเบื่อหน่าย หญิงสาวร่างเพรียวระหงคนนั้นที่ตามไล่ล่าเขาทุกครั้งที่หลับตาลง พอตื่นขึ้นมาเขาก็มักจะจำหน้าหรือชื่อเธอไม่ได้ จะมีแต่คำพูดแปลกๆพวกนั้นที่วนเวียนอยู่ในโพรงประสาทและตามหลอกหลอนเขาตลอดทั้งคืนจนนอนไม่หลับ แม่งเอ้ย… เธอเป็นใครกันวะ พยายามนึกยังไงก็นึกไม่ออก ทั้งที่จิตใต้สำนึกมันบอกเขาว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ… ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาจากฝัน เขามักจะหงุดหงิดตัวเองอยู่เสมอ และทุกครั้งที่นึกใบหน้าเธอไม่ออก หัวใจดวงโตก็จะปวดหนึบแปลกๆ ดั่งกับว่าอะไรบางสิ่งที่สำคัญมากๆได้ขาดหายไปจากชีวิตเขา ฟึ่บ! มือหนาสางผมตัวเองแรงๆด้วยความสับสน ก่อนจะปรีดตัวลุกขึ้นจากเตียงเดินไปยันโซฟา แล้วรินไวน์ขึ้นกระดก มันมักจะเป็นแบบนี้ทุกคืน จิบไวน์ไปสมองก็พรางคิดเรื่องราวต่างๆ ใบหน้าหล่อเสมองไปอีกด้านก็พบกับกระจกบานใหญ่ที่ตั้งไว้กำลังส่องสะท้อนเงาของตัวเอง ซึ่งตอนนี้มีเพียงกางเกงชุดนอนยาวปกปิดส่วนล่าง อกแกร่งกำยำเปลือยเปล่าเผยให้เห็นถึงรอยสักรูปหัวใจสีฟ้า แล้วตัวอักษรอังกฤษสามตัวที่เขียนเรียงกันอยู่ไต้รูปหัวใจ FRF… คิ้วหนาขมวดยุ่ง มันหมายความยังไง จำไม่ได้เลยด้วยซํ้าว่าไปสักมันตอนไหน แล้วทำไมแทนที่รูปหัวใจจะเป็นสีแดง ทว่ากลับเป็นสีฟ้า อยู่ๆสมองก็พลันคิดถึงร่างเพรียวระหงในฝันนั้นอีกครั้ง เธอช่างสวยสง่า แม้จะไม่เห็นใบหน้าได้ไม่ชัดเจนทว่าเขากลับรู้สึกคุ้นเคย ตลอดสามปีเต็มที่เธอตามหลอกหลอนเขาในฝัน เสมือนว่าเราอยู่ด้วยกันอยู่ตลอด เพียงแต่ว่ามีเส้นบางๆที่กั้นขวางอยู่ระหว่างโลกของเราเพียงเท่านั้น เธอเป็นใครกันแน่… . . . . @ฮ่องกง ณ คฤหาสน์ หลิว “ฟ้าคิดดีแล้วใช่มั้ยลูก จะไปจริงๆใช่มั้ย” “ฟ๊าตัดสินใจดีแล้วค่ะม๊า” ฟ้าลันดาพยักหน้าเบาๆให้กับผู้เป็นมารดา ทว่านํ้าเสียงกับแววตาเธอนั้นหนักแน่นยิ่งกว่าอะไร บ่งบอกว่าแม้จะห้าม เธอก็คงไม่ฟัง คุณหญิงชลิดาได้แต่ลอบถอนหายใจให้กับนิสัยดื้อรั้นของลูกสาวที่ไม่เคยเปลี่ยน ระยะเวลาสามปีหลังจากเหตุการครั้งนั้น ทำให้ฟ้าลันดากลายเป็นคนที่นิ่งเงียบ แววตาเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวอยู่ตลอด และท่านรู้ดีถึงเรื่องเจ้าคิดเจ้าแค้นของลูกสาวเป็นอย่างดี หากไม่ได้สะสางสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ เธอก็คงไม่มีทางยอมรามือแน่ๆ นิสัยนี้ก็คงจะได้มาจากป๊าตัวเองนั่นแหละ ป่านนี้ถ้าหากท่านยังมีชีวิตอยู่ ผู้ชายคนนั้นที่แตะต้องลูกสาวคงได้ตายกันไปข้าง ใช่ ม๊าเธอเป็นหญิงไทยธรรมดาคนหนึ่ง ที่ได้รักกับคุณชายใหญ่ของตระกูลหลิว ซึ่งก็คือป๊าเธอนั่นแหละ ตระกูลหลิวเป็นตระกูลเก่าแก่และเป็นที่รู้จักในฮ่องกงเป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงทว่ากิจการธุรกิจก็มากมายมหาศาลทั้งในฮ่องกงและไทยเป็นหลัก “เฮ้อ… ถ้าลูกคิดดีแล้ว ม๊าก็จะไม่ขัด ม๊าเชื่อว่าลูกม๊าโตพอที่จะจัดการชีวิตตัวเองได้” ปีนี้เธอก็อายุ 26 แล้ว แน่นอนว่าโตพอแล้วล่ะ โตพอที่จะจัดการคนที่มันยํ่ายีเธอจนกินไม่ได้นอนไม่เคยหลับสนิทมาจนถึงทุกวันนี้… “ม๊าอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับเฮียนะคะ ถ้าเฮียรู้คงไม่ยอมให้ฟ้าไปแน่ๆ” โชคดีที่ตอนนี้เฮียครามไปจัดการเรื่องบริษัทที่ไทยจึงง่ายต่อการจะปิดไม่ให้เขารู้สักพัก ขอเพียงให้เธอบินไปถึงอิตาลีก่อน ส่วนเฮียจะรู้หลังจากนั้นก็คงจัดการได้ทีหลัง ใช่ จุดหมายปลายทางของเธอตอนนี้คืออิตาลี ดินแดนที่เธอไม่เคยไปเหยียบอีกเลยตลอดในระยะเวลาสามปีนี้ เนื่องด้วยสภาพจิตใจที่ยํ่าแย่บวกกับที่เฮียสั่งห้ามเด็ดขาดว่าไม่มีทางให้ไปเหยียบที่นั่นอีก เพราะกลัวว่าจะได้ไปเจอกับผู้ชายคนนั้น ทว่าเมื่อสามวันก่อน อยู่ๆก็เหมือนโชคชะตาลิขิตให้เราได้กลับไปเจอกันอีกครั้ง เพราะมีอีเมลส่งผ่านผู้จัดการเธอมา ถึงความต้องการตัวนางแบบชื่อดังอย่างเธอให้ไปเดินแบบให้กับงานแฟชั่นโชว์ระดับประเทศในครั้นนี้ ซึ่งสปอนเซอร์ใหญ่ในครั้งนี้ก็คือเขาไงล่ะ… อยากจะกลับไปเห็นสภาพเขาดีนัก คงจะมีความสุขมากมายเลยสินะที่ไม่มีเธออยู่ในชีวิต มีไว้ให้มากๆล่ะ ก่อนที่จะได้ริ้มลองรสชาติความเจ็บปวดที่เธอกำลังจะนำไปให้เขาด้วยมือ ฉันกับคุณ เราต้องตายกันไปข้าง ฟรานเชสโก้… “อย่างอื่น?” “หึ หมายถึงพวกวอดก้าน่ะ หรือว่าคุณคิดเป็นอีกแบบ?” เขาพูดพรางทำหน้ายียวนเหมือนตั้งใจกวนประสาทกัน ไม่พอยังโน้มหน้าลงมาจนลมหายร้อนรดเข้าไปพวงแก้มนุ่ม ชวนเอาเธอร้อนรุ่มไปด้วย ไม่ได้นะยัยฟ้า จะมารู้สึกเพียงเพราะความใกล้ชิดแค่นี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน “ไม่แล้วค่ะ ฉันจะกลับเข้าไปหาเพื่อนแล้ว ป่านนี้เพื่อนคงจะตามหาฉันแล้ว” ข้ออ้างเฉยๆนั่นแหละ พอเธอพูดเสร็จก็ทำท่าจะปรีดตัวออกจากเขาที่แทบจะต้อนเธอจนมุมกับเสาด้านหลัง แต่ร่างเล็กยังไม่ทันจะก้าวพ้นเขา ก็ถูกมือหนาทาบทับลงคํ้ายันกับเสาด้านหลังเพื่อล็อคร่างเธอเอาไว้ไม่ปล่อยให้เธอได้หนีไปไหน อะไรของเขาเนี่ย… “แน่ใจเหรอว่าเพื่อนตามหาน่ะ เท่าที่ผมเห็น เหมือนว่าเพื่อนคุณจะไม่อยากให้คุณกลับไปที่โต๊ะมากกว่านะ” มุมปากหยักเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ ยังคงนิสัยเอาแต่ใจไม่เปลี่ยนสินะ แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้โกหกนั่นแหละ เพราะเธอเองก็รู้จักยัยเพียงดาวดี ยัยเพื่อนตัวดีป่านนี้คงจะกำลังมีความสุขอยู่กับหนุ่มหล่ออย่างคุณฟาบิโอหรือไม่ก็คงไปควบหนุ่มที่ไหนสักคน “ผมอยากชวนคุณไปลองวอดก้าด้วยกันจริงๆนะครับ” เขายังคงเชิญชวนเธอไ
ทั้งสองคนนั่งดื่มกันจนได้ที่จนพวงแก้มแดงปลั่ง เนื่องจากผิวที่ขาวผ่องจนเห็นเส้นเลือดชัดเจน ก่อนเสียงทุ้มของใครอีกคนที่เดินเข้ามาทักทายจะดังขึ้นท่ามกลางเสียงดนตรีดังกระหึ่ม “แฮ่ม… ขอร่วมวงด้วยคนได้มั้ยครับคนสวย” ร่างเพรียวสองคนบนโต๊ะเงยหน้ามอง ก็ปรากฏว่าเป็นฟาบิโอ หนุ่มหล่อที่เธอเพิ่งยืนคุยด้วยในงาน “อ้าว คุณฟามาที่นี่ได้ยังไงคะ” “ที่ไหนมีเหล้า ที่นั่นก็ย่อมมีผมนั่นแหละครับ” ฟาบิโอกล่าวขำๆ พรางถือวิสาสะนั่งลงข้างๆเธอโดยที่ไม่รอคำตอบ “มาเที่ยวกันสองคนในที่แบบนี้ ไม่กลัวจะเป็นอันตรายหรือไงกันครับ ยิ่งสวยๆอยู่ด้วย” เขาเอ่ยอย่างไม่จริงจังมากนัก สายตาเจ้าชู้นั่นก็เล่นหูเล่นตาใส่เธอไม่พักเช่นกัน จะอันตรายก็เพราะมีเขามานั่งด้วยนี่แหละ “หึ ขอบุหรี่สักม้วนสิคะ” เธอไม่ตอบคำถามเขา แต่เหลือบตาไปมองกล่องบุหรี่ที่โผล่พ้นออกมาจากกระเป๋ากางเกงของอีกคนแทน ทำเอาทั้งยัยเพียงกับคนที่ถูกขออย่างเขาถึงกับเลิ่กคิ้วมองเธออย่างไม่อยากเชื่อสายตา ก่อนเสียงหัวเราะชอบใจจากฟาบิโอจะเปร่งขึ้น “หึๆ คุณฟ้าสูบมันด้วยเหรอครับ” เขาถามก็พรางหยิบมันออกมาให้เธอ ไม่พอยังส่งไฟแช็กมาพร้
@คอนโดหรูใจกลางเมืองอิตาลี “จะบอกว่าวันนี้มึงปังมากกกก ปังสุดๆเลยยัยฟ้า นี่กูเห็นนะว่านางแบบนับสิบบนเวที คนเดียวที่คุณฟรานมองคือมึงค่ะ!” เสียงของยัยเพียงดาวดังแว่วเข้ามาถึงในหูเธอ ตั้งแต่ปลายเตียงยันโต๊ะเครื่องสำอางที่เธอนั่งอยู่ พอเธอเหลือบมองหน้าเพื่อนผ่านกระจกใสตรงหน้า ก็เห็นว่ามันกำลังทำตาปริบๆมองเธออยู่ บ่งบอกว่ากำลังปลื้มอกปลื้มใจมากแค่ไหน “เหอะ มองคู่หมั้นเค้าน่ะสิไม่ว่า จำได้ว่ายัยนั่นเดินตามหลังกูนี่นา” เธอเบ้ปากตอบเพื่อนไปอย่างไม่จริงจังนัก ขนาดเจอหน้ากันเขายังทำเป็นจำเธอไม่ได้ด้วยซํ้า จะให้มามองอะไรกันล่ะ ก็จำได้ว่าเธอเผลอหันไปสบตากับเขาแว็บนึงอยู่นะ แต่ก็ไม่คิดหรอกว่าเขาจะตั้งใจมองน่ะ คงจะเพราะเผลอจ้องแค่แว็บเดียวเท่านั้นแหละมั้งที่เห็นแฟนเก่าอย่างเธอมาเดินอยู่ตรงหน้า “บอกเลยว่ามึงคิดผิด!! เพราะกูนั่งอยู่อีกฟากซึ่งเห็นชัดมากก บอกเลยว่า All his eyes on you เลยจ้า” ยัยเพียงยังคงยืนยันเสียงดัง แววตานั่นจะมั่นใจอะไรขนาดนั้น เหอะ อยากมองก็มองไปสิ ผู้ชายที่ทำกับเธอไว้เลวระยำขนาดนั้นฝันไปเถอะว่าจะได้อะไรจากเธออีก ก็ได้แค่มองนั่นแหละ แตะต้องไ
“นายจะกลับเลยรึเปล่าครับ“ ไม่นานงานแฟชั่นโชร์สุดหรูหราก็จบสิ้น มาร์โก้รีบปริดตัวเดินเข้ามาถามเจ้านาย เพราะรู้ดีว่าเขาไม่ชอบสุงสิงอยู่ในที่แออัดแบบนี้ มันน่ารำคาญจะตายไป ทว่าวันนี้กลับแปลกไป เมื่อเจ้านายหนุ่มเอ่ยปากปฏิเสธสะงั้น “ไม่ กูจะอยู่ต่ออีกนิดหน่อย มึงมีอะไรก็ไปทำก่อนเลย” ไม่รู้อะไรดนใจเขาให้ตอบลูกน้องออกไปแบบนั้นเหมือนกัน ทว่าพอกล่าวเสร็จ แววตาคมก็เหลือบมองรอบๆโดยไม่สนสายตางุนงงจากลูกน้อง ที่ขมวดคิ้วมองเขาอย่างไม่เข้าใจ จะอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้หัวใจเขามันบอกว่ายังไม่อยากกลับ ซึ่งเขาก็เลือกที่จะเชื่อฟังมัน ไม่นานแววตาคู่คมก็เหลือบไปสะดุดกับร่าเพรียวระหง ที่เอาแต่ติดอยู่ในความคิดของเขาตั้งแต่เมื่อครู่ เธอกำลังยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คุยกันเป็นมิตรอยู่กับสปอนเซอร์คนอื่นๆ อะไรกัน เขาเป็นถึงสปอนเซอร์ใหญ่ในวันนี้ ทว่ากลับถูกเธอมองข้ามแล้วไปคุยกับสปอนเซอร์เล็กๆพวกนั้นเนี่ยนะ อยู่ๆความไม่พอใจก็บังเกิด ไม่รู้ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยวะ ทั้งที่นิสัยเขาไม่ใช่แบบนี้ ปกติเขาจะชอบอกชอบใจด้วยซํ้าที่ได้อยู่เงียบๆ โดยไม่มีใครมายุ่ง ทว่าตอนนี้กลับตรงกันข้ามสะงั้น นึกแล้วเท้
“คุณฟรานคะ วันนี้คุณจะไปดูฟิโอน่าเดินแบบใช่มั้ยคะ” ฟิโอน่า หญิงสาวรูปร่างเพรียวหุ่นนางแบบ เมื่อเห็นฟรานเชสโก้ผู้เป็นคู่หมั้นเดินลงบันไดบ้านมาในชุดสูทหล่ออลังการ ก็รีบดันตัวเองเดินเข้าไปถามเขาด้วยสีหน้าปลื้มปลิ่ม “ก็ต้องไปสิครับ ในเมื่องานนี้นายเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ จะไม่ให้ไปได้ยังไงครับคุณฟิโอน่า” เป็นมาร์โก้ บอดี้การ์ดน่ารำคาญนั่นที่เอ่ยปากตอบเธอแทนคนถูกถามซึ่งเอาแต่ทำหน้าขรึมแล้วเงียบเสมือนรำคาญเธอเต็มที ทำเอาหญิงสาวหน้าเสีย “งั้นฟิโอน่าขอติดรถไปด้วยได้มั้ยคะ ไหนๆเราก็จะไปที่เดียวกัน” เธอยังคงแบกหน้าถาม แม้สายตาคมคู่นั้นจะไม่หันมาเหลียวแลตัวเองเลยสักนิดก็ตาม แล้วมันยังไงล่ะ ในเมื่อเธอเป็นคู่หมั้นของเขานี่ อย่าลืมสิ ความจริงเรื่องแค่นี้เธอไม่จำเป็นต้องถามเลยด้วยซํ้า เพียงแต่ว่าฟรานเชสโก้นั้นไม่ใช่คนที่ใครก็ได้จะไปเล่นต่อปากต่อคำด้วย เพราะถ้าหากเขาเกิดไม่พอใจขึ้นมา จุดจบคนนั้นคงไม่มีทางสวย รวมถึงเธอเองที่มีศักดิ์เป็นถึงคู่หมั้นเขาก็ตาม อยู่กับเสือต้องอยู่เป็น… นั่นคือตัวตนของฟรานเชสโก้ “จะไปก็ตามมาเร็วๆ ผมไม่ชอบรอใคร” นั่นคือประโยคแรกจากเขา หลังจากที่เอ
*สามปีต่อมา* “รักฟรานนะคะ… ฟ้ารักฟรานที่สุด” อย่าไป… ฮึกก อย่าไปจากผม… เดี๋ยว ฮึกก เฮือก!!! ร่างโปร่งที่หลับไหลสดุ้งเฮือกตื่นมาท่ามกลางความมืด ในห้องนอนกว้างขวางตอนนี้กลับปกคลุมไปด้วยเสียงหอบหายใจของเขา ร่างกำยำบนเตียงดีดตัวลุกขึ้นนั่งพรางถอดถอนหายใจ เขามักจะฝันแบบนี้แทบทุกคืนตลอดสามปีจนเบื่อหน่าย หญิงสาวร่างเพรียวระหงคนนั้นที่ตามไล่ล่าเขาทุกครั้งที่หลับตาลง พอตื่นขึ้นมาเขาก็มักจะจำหน้าหรือชื่อเธอไม่ได้ จะมีแต่คำพูดแปลกๆพวกนั้นที่วนเวียนอยู่ในโพรงประสาทและตามหลอกหลอนเขาตลอดทั้งคืนจนนอนไม่หลับ แม่งเอ้ย… เธอเป็นใครกันวะ พยายามนึกยังไงก็นึกไม่ออก ทั้งที่จิตใต้สำนึกมันบอกเขาว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ… ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาจากฝัน เขามักจะหงุดหงิดตัวเองอยู่เสมอ และทุกครั้งที่นึกใบหน้าเธอไม่ออก หัวใจดวงโตก็จะปวดหนึบแปลกๆ ดั่งกับว่าอะไรบางสิ่งที่สำคัญมากๆได้ขาดหายไปจากชีวิตเขา ฟึ่บ! มือหนาสางผมตัวเองแรงๆด้วยความสับสน ก่อนจะปรีดตัวลุกขึ้นจากเตียงเดินไปยันโซฟา แล้วรินไวน์ขึ้นกระดก มันมักจะเป็นแบบนี้ทุกคืน จิบไวน์ไปสมองก็พรางคิดเรื่องราวต่างๆ ใบหน้าหล่อเสมองไป







