เมษารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ด้วยความรู้สึกที่ไม่สดชื่นเท่าไรนักเพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็เกือบตีสี่แล้ว
"เฮ้อ.."
เธอถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกหนักอก ก่อนจะสบัดผ้าห่มออกจากตัวลุกลงจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วเดินลงไปยังชั้นล่างเพื่อช่วยแม่บ้านทำอาหารเช้าเหมือนเช่นทุกวัน
ทว่าเมื่อเดินลงไปถึงห้องโถงใหญ่เธอก็ต้องชะงัก หน้าถอดสีฉับพลันเพราะคนที่เพิ่งถูกเธอตีหัวไปเมื่อคืนนั่งอยู่ในห้องโถง รอบศีรษะของเขามีผ้าก็อตพันอยู่
ชายหนุ่มคงโกรธเธอมากดูจากสายตาที่จ้องเธอแทบจะเขมือบหัว บางทีหากตอนนี้ไม่มีสาริกานั่งอยู่ที่โซฟาด้วยเขาคงพุ่งเข้ามาฆ่าเธอแล้วก็เป็นได้
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าสาริการู้ว่าแผลบนหัวบุตรชายสุดที่รักได้มาจากเธอสาริกาคงเล่นงานเธอแน่ ๆ เหมือนเธออยู่ท่ามกลางฝูงเสือฝูงจระเข้ที่พร้อมจะขย้ำเธอทุกเมื่อแท้ ๆ
เธอแทบจะก้าวขาเดินต่อไม่ได้เพราะรู้สึกกดดันกับสายตาทั้งสองคู่ที่มองมา มือทั้งสองกำกระโปรงชุดเดรสแน่นพยายามข่มความรู้สึกมากมายที่กำลังประเดประดังเข้ามา
"หนูลียามานั่งนี่สิจ๊ะ" กระทั่งสาริกาเอ่ยเรียกเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจึงทำให้เบาใจขึ้นมาหน่อย นั่นอาจหมายความว่าท่านยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
เธอสูดลมหายใจเข้าปอดพรืดใหญ่ข่มความกลัวเรียกความกล้าให้ตัวเอง แล้วค่อย ๆ ก้าวเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้างสาริกาด้วยท่าทางเกร็ง ๆ ท่ามกลางสายตาดุดันของชายหนุ่มจ้องมองอยู่ตลอดเวลา
เจ้านายจ้องหน้าหญิงสาวราวกับจะกินเลือดกินเลือดยังรู้สึกโกรธกับเรื่องที่เธอทำเขาหัวแตกต้องเย็บตั้งห้าเข็ม แต่ก็ทำได้แค่เก็บอารมณ์เอาไว้ด้วยไม่อยากให้ผู้เป็นแม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
ส่วนแผลบอกหัวเขาก็โกหกท่านไปว่าเมื่อคืนเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย
"ทำไมมองน้องด้วยสายตาแบบนั้นเจ้านาย" สาริกาดุบุตรชายด้วยสายตาเมื่อเห็นว่าบุตรชายนั่งจ้องหน้าเด็กสาวเหมือนจะกินหัว
"หวงจังเลยนะครับ"
การที่สาริกาปกป้องหญิงสาวแบบนี้ยิ่งทำให้เจ้านายมั่นใจว่าสิ่งที่เขาตัดสินใจทำมันถูกต้อง ในเมื่อผู้เป็นแม่หวงหญิงสาวนักเขานี่แหละจะทำลายของหวงท่านให้ย่อยยับ
"ดูแลหนูลียาคนดีของแม่ไว้ให้ดี ๆ นะครับ" เขาเตือนผู้เป็นแม่ทิ้งท้ายเอาไว้พร้อมกับปรายตามองหน้าลียาอย่างคาดโทษ ก่อนจะลุกเดินขึ้นห้องนอนทิ้งให้สาริกากับเมษามองตามด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป
"ไอ้ลูกคนนี้นิมันยังไงกัน" สาริกาบ่นคนเป็นบุตรชายอย่างอารมณ์เสีย แล้วจึงหันไปเอ่ยกับเด็กสาวต่อ "ยังไงเธอก็ระวังด้วยแล้วกัน ฉันไม่ไว้ใจไอ้เจ้าลูกคนนี้เลย"
"ค่ะ" เมษาขานรับแล้วเงียบไปนานนับนาที ก่อนจะรวบรวมความกล้าเอ่ยต่อ "ถ้าตอนกลางคืนหนูขอให้พี่รสมานอนด้วย คุณสาริกาจะว่าอะไรไหมคะ"
พี่รสที่เธอหมายถึงคือแม่บ้านวัยสามสิบต้น ๆ ที่ค่อนข้างสนิทกับเธอนั่นเอง สาเหตุที่เธอขอให้รสมานอนด้วยเพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อคืนอีก
"ทำไมต้องให้แม่บ้านไปนอนกับเธอด้วยเมษา" คนไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างสาริกาจ้องหน้าถามเด็กสาวด้วยความสงสัย
แน่นอนว่าเมษาลำบากใจยิ่งนักกับคำถามนี้ แต่เธอก็ไม่มีทางเลือจึงบอกไป เพียงแค่บอกไม่หมดเท่านั้น
"เมื่อคืนตอนดึกคุณเจ้านายมาเคาะประตูห้องฉันค่ะ ฉันกลัวว่าคุณเจ้านายจะบุกเข้าห้องเหมือนตอนกลางวันอีกจึงอยากให้พี่รสมาอยู่เป็นเพื่อน อย่างน้อยมีอะไรจะได้ช่วยกัน"
"งั้นก็ได้..ให้รสไปนอนเป็นเพื่อนเธอตั้งแต่คืนนี้เลยแล้วกัน"
พอได้ฟังเหตุผลสาริกาก็อนุญาตโดยไม่ต้องคิดเพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ยอมให้บุตรชายเพียงคนเดียวลงไปเกลือกกลั้วกับคนต่ำต้อยอย่างเมษาแน่ ๆ
"ขอบคุณค่ะ" เมษาน้อมศีรษะขอบคุณสาริกาตามมารยาท
"อาหารเช้าเสร็จแล้วค่ะ คุณสาริกากับคุณลียาจะทานเลยไหมคะ" ระหว่างนั้นเสียงของแม่บ้านก็ดังขึ้นทำให้เธอหันไปมอง
"ทานเลย ขึ้นไปตามเจ้านายบนห้องด้วยนะ" สาริกาเป็นคนตอบ ว่าจบเธอก็ลุกเดินตรงไปห้องอาหารทันทีโดยมีเมษาลุกเดินตามไปห่าง ๆ
ตอนนี้เธออยู่ในคราบของลียาว่าที่คู่หมั้นของเจ้านายจึงต้องนั่งทานข้าวร่วมโต๊ะกับสาริกาทั้งที่ความจริงเธออยากจะเข้าไปกินในครัวกับแม่บ้านคนอื่น ๆ ด้วยซ้ำเพราะรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ต้องนั่งทานข้าวร่วมโต๊ะกับสาริกา
และเหมือนวันนี้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารมันน่าอึดอัด และอึมครึมมากกว่าทุกวันที่ผ่านมาเพราะชายหนุ่มกำลังเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วย ซึ่งปกติเขาไม่เคยมานั่งร่วมโต๊ะเลยสักครั้งตั้งแต่เธอมาอยู่
แล้ววันนี้ทำไมกัน หรือมันเกี่ยวกับที่เธอทำร้ายเขา..
เธอลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึก หัวใจพลันสะท้านวาบในตอนที่ร่างสูงเดินเข้ามาหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ โดยสาริกานั่งที่เก้าอี้อีกฝั่งหนึ่ง
อ่า..ให้ตายเถอะที่นั่งมีตั้งเยอะแยะทำไมเขาต้องมานั่งใกล้เธอกัน
"อ๊ะ!"
เธอหน้าตื่นด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ เก้าอี้ที่นั่งก็ถูกเลื่อนเข้าไปใกล้ร่างสูงด้วยฝีมือของเขาเองจนแขนของเธอกับเขากระทบกัน ครั้นจะขยับเก้าอี้กลับไปที่เดิมก็ถูกเขาจับไว้แน่น
"ทำอะไรเจ้านาย ไปแกล้งน้องทำไม" สาริกาที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นดุบุตรชาย
ถามว่าเจ้านายสนไม่ตอบเลยว่าไม่ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุด้วยซ้ำ มือหนายื่นไปโอบไหล่มนเอาไว้แน่นท้าทายคนเป็นแม่
"แม่อยากให้ผมแต่งงานกับเธอไม่ใช่เหรอ ผมก็กำลังจะทำความรู้จักกับเธอนี่ไงครับ"
"ปล่อยนะคะ ฉันจะทานข้าว"
เมษาหาข้ออ้างพลางพยายามจะเอียงตัวพาไหล่ออกจากการโอบรัดของท่อนแขนแกร่ง แต่ก็ไม่เป็นผลอีกคนยิ่งกระชับวงแขนแน่นขึ้นจนตัวเธอแนบชิดแผงอกแกร่ง หนำซ้ำยังใช้มือบีบหัวไหล่เธอจนรู้สึกเจ็บ
เธอส่งสายตาขอให้สาริกาช่วยเพราะคงเป็นหนทางเดียวที่ทำให้เธอรอดพ้นจากอุ้งมือมารอย่างชายหนุ่มได้
"ปล่อยน้องเลยนะเจ้านาย"
สาริกาที่ไม่ชอบใจกับการกระทำของบุตรชายอยู่แล้วรีบลุกเดินไปแกะมือบุตรชายออกจากไหล่เด็กสาว แล้วดึงให้ออกห่าง
"แม่ควรดีใจนะครับที่ผมอยากทำความรู้จักกับว่าที่ลูกสะใภ้คนโปรดของแม่ให้มากขึ้น" เจ้านายลุกขึ้นโวยวายใส่ผู้เป็นแม่ ขณะที่สายตามองคนที่ยืนแอบอยู่ด้านหลังท่านเขม็ง
"ลูกควรจะปฏิบัติกับน้องดี ๆ ไม่ใช่ใช้วิธีแบบนี้น้องเขาตกใจหมดแล้วเห็นไหม"
"บอบบางเหลือเกินนะครับว่าที่ลูกสะใภ้แม่"
"ลูกอย่ามาประชดประชันแม่นะ"
"ผมพูดความจริงครับ"
สองคนแม่ลูกยืนเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครจนเมษาที่ยืนอยู่รู้สึกไม่ดีไปด้วย จึงพูดแทรกขึ้นหวังให้ทั้งสองใจเย็นลง
"คุณป้าใจเย็น ๆ นะคะ"
"ที่ฉันกับแม่ต้องทะเลาะกันเพราะเธอนั่นแหละลียา เธอมันตัวปัญหา"
แต่เธอก็ต้องสะอึกกับคำพูดแสนร้ายกาจที่พ่นออกจากปากชายหนุ่ม เธออุตส่าห์หวังดีแท้ ๆ แต่กลับถูกเขาต่อว่า อยากจะเถียงออกไปนักว่าหากจะผิดก็ผิดที่แม่เขานั่นแหละ แต่ทำได้แค่คิดในใจ
"ลูกนี่มันยังไงเจ้านาย"
สาริกาตำหนิบุตรชายทางสายตา ก่อนจะหันไปบอกกล่าวกับเมษาที่ยืนแอบอยู่ด้านหลังเพื่อตัดความรำคาญ
"หนูลียาขึ้นไปบนห้องก่อนก็ได้ลูก เดี๋ยวป้าให้แม่บ้านเอาอาหารขึ้นไปส่งให้"
"ค่ะคุณป้า" เมษารับคำสาริกา แล้วรีบเดินแยกตัวออกไปทันที เธอเองก็อยากออกไปให้พ้น ๆ สถานการณ์อันน่าอึดอัดนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
“อ๊ะ!” เมษาหลับตาพริ้มเมื่อแก่นกายหนาค่อย ๆ สอดใส่ผ่านปากทางรัก ฝากฝังความเป็นชายของเขาเข้ามาถึงครึ่งลำอย่างรวดเร็วจากหยาดน้ำหวานเปียกชื้นที่ทำหน้าที่แทนสารหล่อลื่นลำกายหนาชำแรกผ่านม่านความเจ็บปวดที่ตอดรัดเขาอย่างบ้าคลั่ง เพียงไม่กี่วินาทีขนาดอันใหญ่โตก็ถูกโอบอุ้มด้วยความอบอุ่นจากร่างกายของหญิงสาวที่ตอนนี้ตัวสั่นเกร็งอย่างห้ามไม่อยู่“ฮึก..” เมษากัดริมฝีปาก ใบหน้าหวานเชิดขึ้นสูงเมื่อคนตัวโตทิ้งน้ำหนักลงจนร่างกายเบียดแนบกันไร้ช่องว่าง“เจ็บไหมคะ?” เจ้านายกระซิบถามเสียงต่ำขณะโน้มตัวลงจูบซับไปตามใบหน้าเรียว“เจ็บนิดหน่อยค่ะ..แต่ทนไหว” หญิงสาวตอบเสียงอ้อนอาจเป็นเพราะห่างหายมานาน และขนาดที่ใหญ่โตของชายหนุ่มเลยทำให้รู้สึกเจ็บน้อย ๆ ทว่าแม้จะเจ็บแต่เธอก็ไม่อยากให้เขาแยกจากเลยแม้แต่วินาทีเดียว สองมือเรียวจิกผ้าปูที่นอนระบายความเจ็บที่เคล้าระคนไปกับความเสียวซ่านจนแทบจะแยกไม่ออก เสียงลมหายใจหนัก ๆ ที่ข้างใบหูทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ในที่สุดเธอก็ปรับตัวได้ “พี่จะขยับแล้วนะ” เจ้านายกระซิบ สอดผสานฝ่ามือของเขาและเธอเข้าด้วยกัน กดลงที่เหนือศีรษะเล็กแล้วเริ่มขยับ ในจังหวะแรกเนิบนาบและมั่นคง
@โรงแรมภายในห้องทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกเปิดไฟดาวน์ไลท์หน้าห้องน้ำเอาไว้ ให้ความสว่างเพียงสลัว ๆ เท่านั้น กลิ่นอโรม่าลอยจาง ๆ ในอากาศทำให้บรรยากาศโรแมนติกไม่น้อย เดินมาถึงห้องนอนเมษาก็อดหัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อเห็นบนเตียงนอนสีขาวที่โรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงเป็นรูปหัวใจตรงกลางถูกโรยเป็นตัวอักษรคำว่า 'พี่นายรักน้องเมย์'ตรงปลายเตียงมีผ้าขนหนูที่ถูกทำเป็นรูปหงส์สองตัวหันหน้าเข้าหากันมันเหมือนเตียงสำหรับคู่บ่าวสาวชัด ๆ สมองพานก่อเกิดภาพแสนลามกขึ้นมา"ชอบไหมครับ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกคนตัวโตสอดแขนเข้ามาโอบกอดเอวคอดจากด้านหลังพร้อมกับน้ำเสียงสุดเซ็กซี่ที่ดังชิดกกหูตามมาด้วยลมหายใจร้อนผะผ่าวทำขนกายเธอลุกซู่ ในท้องรู้สึกปั่นป่วนแปลก ๆ"ชอบค่ะ เหมือนเตียงในเรือนหอบ่าวสาวเลย" ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มแสนหวานเอียงขึ้นมองสบสายตาร่างสูงด้านหลัง"งั้นเรามาเข้าหอกันไหมครับ" ได้ทีเจ้านายก็ชวนทำเรื่องอย่างว่าทั้งที่สัญญาดิบดีว่าแค่นอนกอดเฉย ๆ เอาจริง ๆ ที่พูดแบบนั้นเขาก็แค่หลอล่อคนตัวเล็กเขาของขาดมาตั้งไม่รู้กี่เดือนจะให้ทนไหวได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าเมษาเองรู้ทันคนตัวโตอย่างที่รู้ ๆ กันดีทั้งเธอแล
หลังจากคืนดีกันสิ่งแรกที่เจ้านายทำคือพาหญิงสาวไปเดท เขาเลือกร้านอาหารที่เป็นร้านโปรดของเธอ เขาอยากให้เธอประทับใจที่สุดกับการกลับมาเริ่มต้นใหม่เพราะที่ผ่านมาการเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่ดีเท่าไรนัก ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าไม่ดีมาก ๆ..แต่นี่สินะที่คนโบร่ำโบราณกล่าวไว้ว่าเกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้นวันนี้เขากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ารักผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามสุดหัวใจ รักแบบไม่คิดว่าจะรักได้มากขนาดนี้"อย่ามองแบบนี้สิคะ เมย์เขินนะ" เมษาที่ถูกชายหนุ่มจ้องมองแทบจะกลืนกินถึงกับหน้าแดงระเรื่อออกอาการเขินจนเก็บไม่อยู่ บ่อยครั้งที่ถูกเขามองด้วยสายตาแบบนี้แต่อย่างที่บอกว่าเธอก็ไม่เคยต้านทานมันได้สักทียิ่งหลังจากกลับมาคืนดีกันเขาก็ใช้สายตาแบบนี้แทบทุกวันแทบทุกเวลาที่อยู่ด้วยกัน แค่นั้นไม่พอเขายังติดสกินชิพเธอชนิดที่ว่าเหมือนกาวตราช้างก็ไม่ปราน วันแรกที่ตกลงคืนดีกันเขาก็ไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนเธอที่มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบเธอกะว่าจะไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอเลยสิ แต่บอกตามตรงว่าแทนที่จะไม่พอใจเธอกับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาแสดงความหึงหวงออกมา และกล้าจะเป
วันต่อมา.."อรุณสวัสดิ์ครับน้องเมย์"เสียงทักทายดังขึ้นเหนือศีรษะทำเมษาที่กำลังลืมตาตื่นถึงกับตาเบิกโพลงอาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง เธอดีดตัวลุกขี้นนั่งอัตโนมัติเมื่อเงยขึ้นเห็นคนตัวโตนั่งพิงหัวเตียง และกำลังจับจ้องมาที่เธอ สองคิ้วสวยขมวดมุ่นจำได้ว่าเมื่อคืนเธอนั่งทำรายงานจนดึกจึงเข้านอน โดยตอนที่เธอเข้านอนชายหนุ่มยังฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ แต่ไหง่เช้านี้ตื่นมาเขาถึงอยู่บนเตียงได้ แล้วเขาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร"คุณขึ้นมาบนเตียงตั้งแต่เมื่อไร" ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยเปล่งเสียงถามตรง ๆ "ราวตีสองได้แล้วครับ นอนตรงนั้นแล้วปวดเมื่อยไปทั้งตัวพี่เลยมานอนบนเตียง" เจ้านายเอ่ยเสียงอ่อนพลางส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้หญิงสาวด้วยกลัวว่าเธอจะโกรธ ที่เขาพูดไปไม่ใช่คำแก้ตัว แต่รู้สึกปวดหลังปวดขาจริง ๆ จึงมานอนที่เตียงกับเธออย่างถือวิสาสะใบหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากลัวเธอโกรธ ทว่าเมษากลับแอบอมยิ้ม ในสายตาเขาเธอดุมากเลยหรือถึงให้ออกอาการขนาดนี้ เจ้านายคนใจร้ายหายไปไหนเสียแล้ว เธออยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้"ฉันเข้าใจ คนแก่ก็แบบนี้แหละปวดหลังปวดนู่นปวดนี่ป็นธรรมดาจะไม่ถือโทษแล้วกัน" เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ซี๊ดด.."เจ้านายซูดปากออกมาเบา ๆ ในตอนที่กำลังหยัดกายลุกขึ้นยืน มือกอบกุมหน้าท้องแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเหยเกคล้ายคนกำลังเจ็บปวด เมษาเห็นก็อดสงสัยไม่ได้ "คุณเป็นอะไร""พี่รู้สึกปวดท้องนิดหน่อยครับ"พอฟังคำตอบเธอก็เดาได้ทันทีว่าที่ชายหนุ่มปวดท้องน่าจะเพราะทานอาหารที่เธอทำมากเกินไป สิ่งที่แอบกังวลก็เป็นจริงถึงเธอจะตั้งใจแกล้ง แต่ก็ไม่ได้อยากให้เขาถึงขั้นเจ็บตัว"ไปหาหมอไหม" ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทว่าคนตัวโตกลับส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับเดินกอบกุมท้องออกไปยังห้องโถงเดินมาหย่อนก้นนั่งที่โซฟาโดยมีเมษาเดินตามมาติด ๆ ด้วยรู้สึกเป็นห่วงต่อให้เขาบอกว่าปวดท้องนิดหน่อยก็ตาม"แน่ใจจริง ๆ นะว่าจะไม่ไปหาหมอ" เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้าง ๆ แล้วถามย้ำอีกครั้ง "ฉันว่าไปหาหมอดีกว่า"ใบหน้าเรียวและดวงตากลมแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างปิดไม่มิดเจ้านายเห็นก็แอบหัวใจพองโตถือว่าที่เขาทนทานอาหารรสชาติแย่จนเกลี้ยงไม่เสียเปล่าอย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่าหญิงสาวยังมีความรู้สึกต่อเขาไม่มากก็น้อยไม่อย่างนั้นคงไม่มีท่าทีเป็นห่วงแบบนี้"แน่ใจครับ ไม่ได้เจ็บมากเดี๋ยวก็คงหายไปเอง" เขาระบายยิ้มออกมาบาง ๆ สายตาจ้องมองใ
เจ้านายเดินไปหย่อนก้นนั่งที่โซฟาในห้องโถง ขณะที่เมษาเดินขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อเอาของไว้ แล้วลงมายังชั้นล่างอีกครั้ง"ฉันจะไปทำกับข้าว คุณนั่งรอก่อน" บอกกล่าวกับร่างสูงที่นั่งบนโซฟาแล้วเดินเข้าไปในครัว แต่เมื่อมาถึงเธอกลับบอกให้แม่บ้านทำเมนูต่างให้ สวนปรุงรสเธอจะเป็นคนปรุงเองสั่งเสร็จก็นั่งบนเก้าอี้แถวนั้นรอแม่บ้านทำอาหาร แม่บ้านห้าคนเร่งทำเมนูอาหารที่หญิงสาวสั่งพัลวัน ใช้เวลาราวยี่สิบนาทีก็เสร็จเหลือเพียงให้คนเป็นเจ้านายมาปรุงรส"มาปรุงรสได้เลยค่ะคุณหนู" แม่บ้านคนหนึ่งบอกกล่าว เมษาจึงลุกเดินไปยื่นหน้าเตาที่วางเรียงกันสี่อัน ก่อนจะยื่นมือไปหยิบขวดน้ำส้มสายชูมาบีบใส่ผัดผักรวมในกระทะ ตามด้วยหม้อแกงอีกสามหม้อ จากนั้นก็หยิบขวดเกลือมาเปิดฝาเหยาะใส่ต่อสร้างความงุนงงให้เหล่าแม่บ้านที่ยืนมองอยู่ด้านหลังไม่น้อย ต่างพากันมองหน้าไปมาเพราะจะทักท้วงก็ไม่กล้าเมษยกยิ้มร้ายมุมปากพลางไล่สายตามองกับข้าวบนเตา เธอใช้แค่น้ำส้มสายชูกับเกลือปรุงรสด้วยนึกหมั่นไส้คนตัวโตจึงอยากแกล้งเขา ดูสิยังจะบอกว่าได้ทานข้าวกับคนที่รักอร่อยอยู่ไหม"เสร็จแล้วจัดโต๊ะได้เลยนะคะ แล้วก็ทอดไข่เจียวให้เมย์สักสองฟองด้วยนะคะ" เธอ