แชร์

บทที่ 10 ลูกค้าหน้าใหม่

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-21 11:52:06

บทที่ 10

ลูกค้าหน้าใหม่

            จางไคเฮ่อเห็นด้วยแบบไม่เถียง เผลอแป๊บเดียว เขาก็รู้สึกว่าตงตงไม่เพียงเข้มแข็งขึ้น ฝีมือทำอาหารยังพัฒนากว่าเดิมมาก

            “นอกจากร้านขายซาลาเปา ตงตงจะเปิดโรงเตี๊ยมจริงหรือ” จิ่งฝานถาม

            ตอนแรก แค่อยากมาช่วยงานร้านซาลาเปา ไม่คิดว่าตงตงถึงขั้นประกาศว่าจะกลับมาเปิดโรงเตี๊ยม

            “จริงเจ้าค่ะ ข้าตั้งใจจะกลับมาเปิดโรงเตี๊ยม แต่ก็อยากให้คนรู้จักร้านซาลาเปาของข้าเสียก่อน หากว่างเมื่อไร ก็คิดอยู่ว่าจะเริ่มทำความโรงเตี๊ยมชั้นล่างก่อน พี่จิ่งฝานมาได้จังหวะพอดี เสร็จจากงานแล้ว ท่านมาช่วยข้าทำความสะอาดได้หรือไม่ ข้าจะจ่ายค่าจ้างให้ด้วย”

            โรงเตี๊ยมของท่านแม่เป็นอาคาร 2 ชั้น ไม่ได้มีขนาดใหญ่โตเหมือนโรงเตี๊ยมชื่อดังแห่งอื่น โรงเตี๊ยมเหล่านั้นส่วนใหญ่กว้างขวางและมี 3 ชั้น

            ตงตงตั้งใจจะเริ่มทำความสะอาดชั้นล่าง แล้วเปิดให้ลูกค้าเข้ามานั่ง เพราะตอนนี้ร้านซาลาเปาเริ่มมีลูกค้าเยอะพอสมควร ที่นั่งจึงไม่เพียงพอ

            “ค่าจ้างข้าไม่เอาหรอก ถ้าพรุ่งนี้ข้าเสร็จงานแล้วจะมาช่วยเจ้าทำความสะอาดนะ” จิ่งฝานบอก

            “เจ้าค่ะ”

            ตงตงยิ้มอย่างอ่อนใจให้กับพี่ชายจิ่งฝาน

            ก่อนที่จิ่งฝานจะกลับบ้าน ตงตงยังแบ่งซาลาเปาให้เขาไป 6 ลูก

            ซาลาเปาพวกนี้นางตั้งเก็บไว้กินเอง เลยยังพอมีเหลืออยู่บ้าง 

            จิ่งฝานโบกมือไม่ยอมรับซาลาเปา ทั้งยังบอกว่าเป็นของซื้อของขาย แต่ตงตงก็ใช้ข้ออ้างว่า นางฝากให้ลุงจิ่ง จิ่งฝานจึงยอมรับซาลาเปา

            ลุงจิ่งคือพ่อของจิ่งฝาน อายุมากและมีโรครุมเร้า

            “เจอกันพรุ่งนี้นะตงตง” จิ่งฝานโบกมือให้เด็กสาว

            “เดินทางกลับระวังๆ ด้วยนะ” นางบอกด้วยความเป็นห่วง

            หลังจากจิ่งฝานกลับไปได้สักัก ลานหลังบ้านก็กลับมาเงียบ

            ไม่นานนัก จางไคเฮ่อกล่าวขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นแม่พระหรือ เลี้ยงดูเด็กหนุ่มข้างบ้านไม่พอ ยังจะเลี้ยงดูชายหนุ่มอีก”

            “ท่านพ่อพูดเหมือนข้าเป็นเด็กสาวที่ชื่นชอบการเลี้ยงดูผู้ชาย ข้าไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสียหน่อย”

            “งั้นรึ” จางไคเฮ่อเลิกคิ้ว จากสีหน้าเหมือนไม่เชื่อคำพูดของลูกสาวสักเท่าไร

            เด็กสาวยิ้มแหยๆ

            “อย่างที่ข้าบอก ช้าเร็วยังไงข้าก็ต้องกลับมาเปิดโรงเตี๊ยมอยู่แล้ว อีกอย่างนะ ครั้งนี้ข้าจะยอมให้ตัวเองถูกหลอกอีกแล้ว”

            ถ้าเป็นตงตงเมื่อก่อน จางไคเฮ่อคงไม่เชื่อ แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าลูกสาวของตนต่างออกไป อย่างไรก็ตาม จางไคเฮ่อห้ามลูกสาวไม่ได้ เพราะ 2 เดือนที่ผ่านมา เขาเองก็ทำตัวเหลวไหลไร้ประโยชน์เหมือนกัน

            …..

            …..

            เช้าตรู่วันถัดมา ตงตงลุกขึ้นมาล้างหน้า บ้วนปาก จากนั้นก็นำซาลาเปาที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานใส่ลงตะกร้าเตรียมออกไปเปิดร้าน

            หลังจากเตรียมของเสร็จเรียบร้อย เพิ่งพบว่าเหยียนหลิ่วยังไม่ข้ามมา นางจึงชะเง้อคอมองกำแพงสูง   

            ท่านพ่อตื่นแล้วเช่นกัน เห็นตงตงเอาแต่ชะเง้อมองข้ามกำแพง จึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ถ้าจนป่านนี้แล้วยังไม่มา ก็คงไม่มาแล้วละ”

            “ท่านรู้ได้ยังไง”

            “บ้านกู้เป็นบ้านขุนนาง พวกขุนนางมีนิสัยซับซ้อนกันไม่ใช่หรือ”

            ตงตงคิดตามคำพูดของท่านพ่อก็เห็นว่าจริง ในใจนึกสงสารเหยียนหลิ่วที่ต้องรับใช้เจ้านายแบบนั้น

            …..

            …..

            พอจัดร้านเสร็จ จางไคเฮ่อก็กลับไปที่บ้าน เหลาไม้ทำหุ่นฝึกให้เหยียนหลิ่ว

            อีกเหตุผลที่ไม่ได้อยู่ช่วยตงตงขายซาลาเปา เพราะหน้าตาที่ดุดัน เกรงว่าจะทำให้ลูกค้ากลัวมากกว่าเรียกลูกค้า

            หลังจากนึ่งซาลาเปาสุกแล้ว ตงตงก็ตะโกนเรียกลูกค้า

            “ซาลาเปาร้อนๆ จ้า ซาลาเปาไส้หมู ซาลาเปาไส้ฟักทองหวานอร่อยๆ ลูกละ 3 อีแปะเท่านั้น”

            ไม่นานนัก ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เข้ามายืนหน้าร้าน เขาทำจมูกฟุดฟิดขณะมองซาลาเปาในซึ้ง

            “พี่ชายรับซาลาเปาไส้อะไรดีเจ้าคะ”

            “ข้าเอาซาลาเปาไส้หมูกับไส้ฟักทองหวานอย่างละลูก กินที่นี่ อ้อ ขอน้ำชาด้วย”

            “ได้เจ้าค่ะ”

            เมื่อตงตงยกซาลาเปากับชามาเสิร์ฟ ชายคนนั้นหยิบซาลาเปาขึ้นมาแบ่งออกดูไส้ข้างใน ยกขึ้นมาดม สักครู่ถึงกัดคำเล็กๆ และเคี้ยวช้าๆ ท่าทางเหมือนพิจารณากลิ่นกับรสชาติ

            ตงตงรู้สึกขัดแย้ง แต่ไม่ได้พูดออกมา

            “น้องสาว ซาลาเปานี้ เจ้าเป็นคนทำหรือ” ชายคนนั้นหันมาถาม

            “ใช่เจ้าค่ะ ซาลาเปาของข้ามีปัญหาหรือ พี่ชาย” นางตอบพร้อมกับถามในประโยคเดียวกัน

            “เปล่า มันอร่อยมาก”

            ตงตงยิ้มพร้อมกล่าว “ขอบคุณ” หากในใจกลับรู้สึกตะงิดกับท่าทีของชายคนนี้

            ไม่นานจากนั้น ลุงฉีก็มาซื้อซาลาเปาห่อกลับบ้าน ตามมาด้วยลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ ตงตงจึงโฆษณาเรื่องที่นางจะกลับมาเปิดโรงเตี๊ยมอีกครั้ง

            ช่วงสายของวัน ถังเหวินกับซานหลัวเฉิงก็มาที่ร้าน

            ชายคนนั้นพอเห็นเด็กหนุ่มทั้งสองมาถึง เขาลุกขึ้นจ่ายเงินค่าซาลาเปากับน้ำชา รีบร้อนจากไปในทันที

            ถังเหวินกับซานหลัวเฉินมองหน้ากัน ก่อนจะทำท่ากระซิบกระซาบ

            “หลงจู๊ของโรงเตี๊ยมตระกูลฉินไม่ใช่หรือ มาทำอะไร”

            “ซาลาเปาที่โรงเตี๊ยมนั่นไม่มีกินรึไง มาซื้อไกลจังแหะ”

            “ก็ร้านนี้ซาลาเปาอร่อยนี่น่า ไม่แปลกหรอก”

            “อืม เจ้าพูดถูก”

            ภายนอกตงตงทำท่าเป็นไม่สนใจ หากก็เงี่ยหูฟังด้วยความอยากรู้ เท่าที่จับใจความได้ ลูกค้าหน้าใหม่คนนั้นคือหลงจู๊โรงเตี๊ยมตระกูลฉิน

            ซาลาเปามีขายอยู่ทั่วไป ไม่ใช่แค่ร้านข้างทาง แต่ละโรงเตี๊ยมล้วนมีซาลาเปาสูตรดั่งเดิมขึ้นชื่อเป็นของตัวเอง การที่หลงจู๊โรงเตี๊ยมตระกูลฉินจงใจมากินซาลาเปาร้านเล็กๆ ของตงตง หากไม่ใช่เพราะชื่นชอบเป็นการส่วนตัว ก็คงมาสอดส่องวิธีทำ และแน่นอน ตงตงมั่นใจว่าต้องเป็นอย่างหลัง

            แต่ละวันนั้น ตงตงทำซาลาเปาจากที่บ้านแล้วค่อยมานึ่งที่หน้าร้านทีหลัง ทุกวันลูกค้าของตงตงก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากหักต้นทุนแล้วในหนึ่งวันนางขายซาลาเปาได้เงินมาเกือบ 300 อีแปะ ถือว่ามากสำหรับร้านซาลาเปาเล็กๆ

            อย่างไรก็ตาม การที่ร้านของตงตงขายดีก็เท่ากับว่านางไปแย่งลูกค้าจากร้านอื่น หลงจู๊คนนั้นมาเพื่อสอดส่องสูตรลับซาลาเปาของนางนั่นเอง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status