แชร์

บทที่ 2 พี่ชายข้างบ้าน

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-21 11:45:12

บทที่ 2

พี่ชายข้างบ้าน

            “เอาละ มาเริ่มทำงานบ้านกันก่อนดีกว่า”

            สถานะการเงินในบ้านเข้าขั้นวิกฤต ท่านพ่อเลยตัดสินสินใจว่าจะขายโรงเตี๊ยม

            เด็กสาวตงตงยอมรับไม่ได้ เลยยื่นข้อเสนอ ขอเวลาครึ่งปีจะรวบรวมเงินกลับมาเปิดโรงเตี๊ยม

            ตอนนี้ เด็กสาวใช้พื้นที่หน้าโรงเตี๊ยมเปิดร้านขายหมั่นโถเล็กๆ

            “ไหน…ขอดูสิว่ามีของอะไรที่พอใช้ได้บ้าง”

            เด็กสาวพึมพำพร้อมกับค้นเครื่องมือทำมาหากินของท่านแม่ออกมาวางเรียงกันที่ลานหลังบ้าน

            ที่โม่แป้ง ซึ้งนึ่ง เตาหิน หม้อดิน ตะกร้า กระจาด…สรุปคือมีเครื่องมือเครื่องใช้ไม่น้อยเลย 

            ท่านพ่อรักท่านแม่มาก เลยเสียดายไม่กล้าขายอุปกรณ์พวกนี้ ก็เหมือนโรงเตี๊ยม หากลึกๆ แล้วท่านพ่อไม่รู้สึกอะไรเลย ก็คงขายทิ้งตั้งแต่ท่านอามาขอซื้อในราคาแค่ 10 ตำลึงทอง

            “ขาดก็แต่วัตถุดิบสินะ”

            หลังจากตรวจของในครัวเสร็จ ตงตงก็สรุป จากนั้นก็นำอุปกรณ์ทั้งหมดไปล้างให้สะอาด แล้วเอามาตากที่ลานบ้าน เช็ดทำความสะอาดห้องครัว และจัดเรียงข้าวของใหม่

            เด็กสาวใช้เวลาถึงครึ่งวันกว่าจะทำทุกอย่างเสร็จสิ้น

            ก่อนจะไปพัก นางเดินไปดูห้องเก็บฟืน ในนี้มีแต่ท่อนไม้ใหญ่ที่ยังไม่ผ่า

            เด็กสาวหอบท่อนไม้ออกมากองข้างนอก แล้วเดินไปหยิบขวาน

            “ฮึบ”

            หนักมาก แม่เจ้า!

            ชาติก่อน นางยกหม้อตุ๋นที่มีน้ำแกงเต็มหม้อไม่อย่างไม่สะทกสะท้าน แต่พอมาอยู่ในร่างเด็กสาว ใครจะคิดว่าแรงน้อยขนาดนี้

            อาจเพราะเพิ่งฟื้นจากความตาย แขนขาจึงไม่ค่อยมีแรง

            ตงตงวางขวานลง เดินกลับเข้าบ้านด้วยท่าทางฉุนเฉียว

            พอมายืนหน้าห้องของท่านพ่อ มือเล็กๆ ก็รัวเคาะประตู

            ปัง ปังๆๆ

            “ท่านพ่อ ช่วยออกมาจากห้องก่อนได้หรือไม่”

            เงียบสนิท

            คนข้างในไม่ตอบรับใดๆ

            ตงตงมุ่นหัวคิ้วด้วยความรู้สึกไม่พอใจ

            “ท่านพ่อจะเอาแต่ขังตัวเองแบบนี้ไม่ได้นะ”

            “….”

            คำตอบของท่านพ่อยังเป็นความเงียบเหมือนเดิม

            “ท่านพ่อ ท่านยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่”

            คราวนี้ คำตอบคือเสียง อืม ที่ดังผาานประตูเบาๆ

            ตั้งแต่ท่านแม่เสีย ท่านพ่อขังตัวเองในห้อง ด้วยความเป็นลูกสาวยอดกตัญญู ตงตงยกอาหารมาวางไว้ให้ท่านพ่อที่หน้าห้องทุกวัน

            อาหารถูกกินเกลี้ยง แต่ท่านพ่อก็ไม่ยอมโผล่หน้าออกมา

            “ท่านพ่อ ท่านเอาแต่หมกตัวแบบนี้ ไม่คิดหรือว่าวิญญาณของท่านแม่จะเสียใจเอาได้”

            “ไหนว่าจะทำทุกอย่างเอง”

            ในที่สุดท่านพ่อก็ยอมตอบกลับมาเป็นประโยค

            ที่ผ่านมาตงตงซื้อฟืนจากเด็กขายฟืนเลยไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้เงินหมดแล้ว นางเลยต้องหาไม้มาทำฟืนเอง 

            “ข้าผอมขนาดนี้จะเอาแรงที่ไหนมาผ่าฟืนเล่า”

            “เจ้าโตแล้ว”

            “โตแล้วกับไม่มีแรงไม่เหมือนกันนะ โอ๊ย ไม่รู้ด้วยแล้ว!”

            ด้วยความโมโห พูดจบเด็กสาวก็ฮึดฮัดเดินกลับมาที่หลังบ้าน

            หยิบขวานหนักอึ้งขึ้นมา เพียงแค่เงื้อมือขึ้น ร่างผอมบางของนางก็ซวนเซจะล้ม

            “เหวอ…!!”

            “อันตราย!”

            จังหวะที่ขวานเกือบจามลงบนหัว เด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามารับขวานในมือของนางเอาไว้

            พอได้สติ ตงตงก็ปาดเหงื่อเย็นๆ บนหน้าผาก

            “เกือบแล้ว เกือบไปแล้ว ว่าแต่พี่ชายเป็นใคร?”

            …..

            …..

            หลังจากตั้งคำถาม ตงตงก็สำรวจเด็กหนุ่มที่เดินถือขวานไปวางบนที่ผ่าฟืน

            ผู้ชายคนนี้อายุมากกว่าตงตงไม่กี่ปี เดาว่าน่าราวๆ 16-17 ถึงจะมีรูปร่างผอมสูง แต่ไม่ได้มีหุ่นแห้งเหมือนขี้ก้าง เรี่ยวแรงไม่น้อย ตอนเข้ามารับขวานจากมือของนาง เขาคว้าไปอย่างหน้าเฉย

            “ข้าอยู่บ้านข้างๆ นี้เอง ชื่อเหยียนหลิ่ว”

            ทันทีที่เด็กหนุ่มแนะนำตัวเอง ตงตงก็เหลือบมองข้างหลังของเขา ถึงจะไม่เห็นบ้านข้างๆ เพราะมีกำแพงสูงกั้นไว้ แต่ก็รู้ว่าบ้านหลังนั้นใหญ่โตแค่ไหน

            ในเมืองอู่เฉิง มีใครบ้างไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านหลังใหญ่หลังนั้นเป็นใคร

            แม่ทัพกู้เหว่ยนั่นเอง!

            แต่…นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของนางสักนิด

            “พี่ชายหลิ่ว ข้าขอเรียกท่านแบบนี้ได้ไหม”

            “ตามใจเจ้าเถอะ”

            “ขอบคุณพี่ชายหลิ่ว ข้าชื่อตงตง”

            “ตงตง” เขาทวนชื่อของนางก่อนจะถาม “ทำไมถึงผ่าฟืนเอง พ่อเจ้ายังไม่ยอมออกจากห้องอีกแล้วหรือ”

            เหยียนหลิ่วถามราวกับรู้สถานการณ์ในบ้านจางอยู่แล้ว

            ก็ไม่แปลกหรอก ในเมื่อนางกับเขาอยู่บ้านติดกัน

            นางพยักหน้าทีหนึ่ง “นอนตายอยู่ในบ้านเหมือนเดิม”

            “อะไรนะ เขาตายแล้วหรือ!” เหยียนหลิ่วเบิกตา อุทานอย่างตกใจ

            สีหน้าแบบนั้นเหมือนเชื่อคำพูดของนางจริงๆ

            ตงตงรีบแก้คำพูดใหม่

            “ข้าแค่เปรียบเปรย เขายังไม่ตาย”

            เด็กหนุ่มร้อง อ้อ ด้วยสีหน้าโล่งใจ สักครู่ เขาก็หัวเราะออกมา

            “ฮะๆ ข้าเพิ่งเคยคุยกับเจ้าครั้งแรก ไม่คิดว่าจะเป็นคนตลกขนาดนี้”

            “ไม่เห็นมีอะไรน่าขำเลย”

            “ถึงข้าจะเห็นพวกเจ้าจากบนกำแพงก็เถอะ แต่ก็รู้ว่าตั้งแต่ที่แม่เจ้าเสีย บรรยากาศในบ้านจางก็อึมครึมหดหู่ พอไม่เห็นเจ้าออกมาเตรียมของไปขายหลายวัน เหมือนบรรยากาศรอบตัวเจ้าจะเปลี่ยนไปนะ แต่แบบนี้ก็ทำให้ข้ารู้สึกวางใจหน่อย”

            คำพูดของเด็กหนุ่มแสดงออกชัดว่าเป็นห่วงเป็นใย แต่พอคิดไปคิดมา นางพลันหรี่ตามองฝ่ายนั้นด้วยความสงสัย

            “ข้าเพิ่งรู้พี่ชายหลิ่วชอบปีนกำแพงแอบดูคนอื่น”

            “ปะ เปล่าๆ” เหยียนหลิ่วโบกมือด้วยสีหน้าร้อนรน “ข้าปีนขึ้นกำแพงเพื่อฝึกฝนเท่านั้น”

            “ฝึกฝนหรือ?”

            “บอกเจ้าตรงๆ ก็ได้ ข้าอยากเป็นทหารน่ะ แต่พอไปสมัครกลับไม่มีใครรับข้าสักคน ข้าเลยต้องฝึกฝนด้วยตัวเอง เช้าๆ พวกทหารกับองครักษ์ในบ้านจะออกมาฝึกฝนกันที่ลานกว้าง ข้าก็เลยปีนขึ้นไปบนกำแพง ดูวิธีการฝึกฝนของพวกเขา แล้วจำเอามาฝึกซ้อมเอง”

            ไม่รู้หรอกว่าในบ้านหลังนั้นเหยียนหลิ่วมีฐานะเป็นทาสหรืออะไร แต่ยิ่งฟังเขาพูดเรื่องตัวเอง ตงตงก็ยิ่งรู้สึกสงสารจับใจ

            “ข้ามองเจ้าจากบนกำแพงเพราะความบังเอิญ เข้าใจหรือยัง”

            “ข้ายอมเชื่อท่านก็ได้”

            พอตอบออกไป จู่ๆ ก็เกิดความคิดที่อยากจะสนับสนุนด็กหนุ่มคนนี้

            เขามีความกล้าหาญ มุ่งมั่น และยังใจดีเข้ามาช่วยนาง แค่นี้ก็ทำให้นางอยากตอบแทน

            “พี่ชายหลิ่ว”

            “อะไรหรือ”

            “ปกติแล้วท่านฝึกฝนร่างกายอย่างไรหรือ”

            “หลังจากดูพวกเขาฝึกซ้อม ข้าก็หาไม้เหมาะมือสักอัน แอบทำท่าเลียนแบบพวกเขา นับจนถึงหนึ่งพันครั้งแล้วค่อยกลับไปทำงาน” เหยียนหลิ่วพูดพลางยิ้มเขิน

            “ทุกเช้าเลยหรือ” ตงตงตาโตขณะถามย้ำ

            “ใช่”

            ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยสักนิด ฝึกฝนด้วยตัวเอง แถมยังทำจนครบหนึ่งพันครั้ง เขามีความตั้งใจมากเลยไม่ใช่หรือ

            “เจ้าถามทำไม” 

            “ท่านมาช่วยข้าผ่าฟืนดีหรือไม่ นอกจากจะได้เงินค่าจ้าง ท่านยังได้ฝึกร่างกาย แล้วก็ไม่ต้องแอบฝึกคนเดียวด้วย”

            เหยียนหลิ่วฟังข้อเสนอของนางพร้อมแสดงสีหน้าลังเล

            “ท่านบอกว่าต้องแอบฝึก คงไม่มีพื้นที่ให้วิ่งใช่หรือไม่”

            “นั่นก็ใช่”

            “ถึงบริเวณบ้านจางจะไม่ได้กว้างมาก แต่ท่านสามารถใช้พื้นที่ทั้งหมดนี้ฝึกฝนได้นะ จะตีลังกา วิ่งไปรอบๆ หรือจะหวดไม้สักกี่ครั้งก็ทำได้ ข้าอนุญาต”

            “จริงหรือ”

            “ข้าจะโกหกท่านไปทำไม”

            เหยียนหลิ่วครุ่นคิด สักครู่ก็ตอบมา

            “ได้ ตกลงตามนี้” 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status