บทที่ 1
การเริ่มต้นใหม่ของตงตง
จางตงตงคือชื่อของนางในโลกนี้
ถึงจะน่าตกใจ แต่ก็ยอมรับได้ เพราะเรื่องการเกิดใหม่ เรื่องวิญญาณข้ามภพ นางเคยอ่านจากเว็บนิยายออนไลน์มาไม่น้อย
ตงตงในโลกนี้เป็นเด็กสาวอายุเพียง 15 ปี
ท่านพ่อของนางชื่อจางไคเฮ่อ อดีตเป็นนายกอง
ส่วนท่านแม่ชื่อกุ้ยฉิน สุดยอดแม่ครัวฝีมือดี เป็นทั้งเจ้าของบ้านและเจ้าของโรงเตี๊ยมเล็กๆ ที่อยู่บนถนนถัดไป
แม้บ้านจางไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ทั้งสามก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ทว่า…
เมื่อ 2 เดือนก่อน ท่านแม่เสียชีวิตจากอาการป่วยที่เป็นมานาน จากนั้นท่านพ่อก็หมดอาลัยตายอยาก ขังตัวเองอยู่ในห้อง โทษว่าเป็นความผิดของตนที่ไม่ดูแลท่านแม่ให้ดีกว่านี้
หลังจากนั้นครอบครัวแสนสุขก็พังทลายลง
โรงเตี๊ยมตระกูลจางไม่เพียงแค่ขาดแม่ครัว ท่านพ่อเป็นอดีตทหาร ชำนาญเพียงแค่เรื่องใช้แรงงาน เรื่องบริหารกิจการ ความรู้ของท่านพ่อแทบเป็นศูนย์
ส่วนตงตงที่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว แม้เคยเข้าครัวฝึกทำอาหารกับท่านแม่ แต่นางก็เป็นเด็กหัวอ่อน ถูกอดีตหลงจู๊หลอกให้ลงทุนซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระทั่งโรงเตี๊ยมถึงขั้นปิดกิจการเพราะไม่มีเงินทุนหมุนเวียน
เมื่อโรงเตี๊ยมของตระกูลไปต่อไม่ได้ ท่านพ่อจึงตัดสินใจปิดกิจการ
สำหรับตงตงแล้ว โรงเตี๊ยมแห่งนี้เปรียบเสมือนตัวแทนท่านแม่ นางจึงอยากรักษาเอาไว้ แต่เพราะเงินทุนมีไม่มาก นางจึงตั้งแผงขายน้ำเต้าหู้กับหมั่นโถที่หน้าโรงเตี๊ยม ค่อยๆ เก็บหอมรอมริบ
แต่เมื่อคนเรามาถึงจุดต่ำสุด ก็เหมือนกับถูกผีซ้ำกรรมซัด ระหว่างทางข้ามสะพานไปซื้อแป้งมาทำหมั่นโถ ตงตงถูกโจรวิ่งราวชนกระเด็นตกน้ำ
ถึงจะถูกช่วยขึ้นมาได้ หากกลับต้องมานอนจับไข้ตายในห้องอย่างโดดเดี่ยว
ตอนลืมตาตื่นขึ้นมา ‘ตงตง’ หญิงสาวจากชาติก่อน ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับชีวิตอันน่าเวทนาของเจ้าของร่างเดิม
นางก้มมองแขนขาเล็กๆ ของเด็กสาว
“อายุ 15 จริงหรือ ทำไมผอมเหมือนเด็กอายุแค่สิบขวบต้นๆ”
ตงตงพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ให้กับชีวิตที่อยู่ดีๆ ก็พลิกผลันอย่างกะทันหันของเด็กสาว
สักครู่หนึ่ง นางลุกขึ้นมาเก็บที่นอน พาร่างอันไร้เรี่ยวแรงเพราะความหิวออกจากห้อง ตรงไปทางครัวที่อยู่ลานหลังบ้าน หาอะไรมาเติมเต็มกระเพาะสักหน่อย
ตอนเดินผ่านห้องของท่านพ่อ นางหยุดมองด้วยแววตาว่างเปล่า ก่อนจะก้าวเดินต่อไป
ในตู้กับข้าวมีเพียงหมั่นโถแข็งๆ ที่ขึ้นราสองลูกและกับข้าวที่บูดแล้ว
เด็กสาวเดินไปดูที่เก็บวัตถุดิบ แป้งสาลีเหลือไม่มาก น้ำมันมีติดก้นหม้อนิดหน่อย เกลือก็แทบจะไม่เหลือแล้ว อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ไม่มีอะไรเหลือสักอย่าง
อีกอย่าง ให้ทำของกินง่ายๆ ตอนนี้ นางคงหิ้วท้องรอไม่ไหว
จ๊อก…
กระเพราะน้อยๆ ส่งเสียงร้องราวกับต้องการยืนยันความคิดนั้น
เด็กสาวขอบตาแดงก่ำด้วยความรู้สึกอยากร้องไห้
“หิวจัง”
นางพึมพำพลางลูบท้องไปด้วย
จากความทรงจำของร่างเดิม ดูเหมือนว่าบ้านจางไม่มีเงินเหลือแล้ว ท่านพ่อก็กำลังตัดสินใจจะขายโรงเตี๊ยมของท่านแม่ทิ้ง
“เวลาแบบนี้ หากเป็นในนิยาย ตัวเอกยังมีตัวช่วยไม่ใช่หรือ จะเป็นระบบโกงอะไรก็ได้ อย่างน้อยก็ขอหน่อยเถอะ”
เพิ่งพูดจบ ตงตงก็ได้ยินเสียงโทนเรียบดังขึ้นในหัว [ระบบร้านค้าเปิดทำการแล้ว] จากนั้นตรงหน้าก็ปรากฏหน้าต่างที่มีรายการสินค้าขึ้นเพียบ แถมยังมีป๊อปอัปลดราคาสินค้าด้วย
“เหวอ…”
ด้วยความที่ทันไม่ได้ตั้งตัว ตงตงตกใจจนหลุดเสียงร้อง
“เอาจริงดิ”
เด็กสาวอุทานด้วยความแปลกใจ ถึงอย่างนั้นก็คิดว่าสวรรค์ยังไม่ทอดทิ้งนาง
ประเด็นคือจะซื้อของพวกนี้ยังไง
พอคิดปุบ ข้อความบอกขั้นตอนการใช้งานระบบก็ขึ้นเด้งขึ้นมาปับ
ตงตงลองใช้นิ้วแตะหน้าจอโปรงใส สัมผัสเหมือนกับหน้าจอสมาร์ทโฟนไม่มีผิด
เรื่องนั้นช่างมันก่อน นางอ่านวิธีการใช้งาน
ขั้นแรก ต้องเติมเงินเข้าสู่ระบบ
ตรงนี้เองที่ลูกศรชี้ไปที่ช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ตรงมุมด้านล่าง มีข้อความกำกับว่า [หยอดเหรียญ]
“เหมือนจะเป็นช่องเติมเงินแบบหยอดเหรียญโดยตรงสินะ”
ตงตงพึมพำ ก่อนดวงตาจะเลื่อนมองที่ทางข้อความถัดไป ตรงนั้นเขียนไว้ว่า [ผูกกับบัญชี] พอเห็นเลขบัญชีที่ระบบผูกให้อัตโนมัติ ดวงตาของเด็กสาวก็เบิกโต
ชาติก่อน ตงตงทำงานเป็นเบ๊ก้นครัวให้กับร้านอาหารย่านกลางเมืองใหญ่ เทียบกับค่าครองชีพที่สูง เงินเดือน 7,500 หยวนไม่ได้มากมายอะไร แต่ตงตงก็พยายามใช้จ่ายอย่างประหยัด เก็บออมเดือนละ 500 หยวน ทำงานมาสองปีกว่า ตอนนี้เลยมีเงินเก็บเกือบ 14,000 หยวน
เพราะอย่างนั้น ตงตงจึงตกใจที่เห็นจำนวนเงินฝาก
ยอดเยี่ยมไปเลย
ตงตงคิด ก่อนจะอ่านขั้นตอนถัดไป
มันคือการแลกเงิน ตงตงไม่ต้องเสียเวลาคำนวณให้ยุ่งยาก เพราะระบบแปลงเงินหยวนให้เป็นเงินยุคนี้แบบอัตโนมัติ
1 หยวน เท่ากับ 10 อีแปะ ในบัญชีของตงตงมีเงินเกือบ 14,000 หยวน พอระบบเปลี่ยนค่าเงินให้ หากนับเป็นเลขกลมๆ เงินในระบบตอนนี้มีถึงแสนกว่าอีแปะ!
ก่อนจะคิดว่า จะใช้เงินนี้ทำอะไรต่อไปดี ตงตงปัดหน้าจอเลือกดูประเภทสินค้า นิ้วเล็กๆ ของนางปัดจออย่างคล่องแคล่วไปที่สินค้าประเภทอาหารพร้อมทาน
เด็กสาวซื้อซาลาเปาไส้หมู 1 กล่อง ในกล่องมีซาลาเปา 3 ลูก ราคา 6 อีแปะ ถือว่าถูกมาก เพราะซาลาเปาไส้หมูที่ขายกันอยู่ในโลกนี้ 1 ลูก ราคา 3 อีแปะ
ระหว่างนั่งกินซาลาเปา ตงตงก็เกิดความคิด ในเมื่อมีทั้งระบบมีทั้งเงินทุน หนทางสู่ความร่ำรวยก็อยู่แค่เอื้อมแล้ว!
กินซาลาเปาหมด 2 ลูก ไม่เพียงอิ่มท้อง ตงตงยังรู้สึกสดชื่นจนต้องตะโกนคำว่า ‘เยี่ยม’ ออกมาถึงสามครั้ง
“เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม!!”
บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ
บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”
บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ
บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่
บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที
บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม