Home / รักโบราณ / แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า / บทที่ 20 ความสงสัย และ สอนสูตรไส้ซาลาเปา

Share

บทที่ 20 ความสงสัย และ สอนสูตรไส้ซาลาเปา

last update Last Updated: 2025-06-21 11:55:25

บทที่ 20

ความสงสัย และ สอนสูตรไส้ซาลาเปา

            พอปิดร้านเสร็จ ตงตง จางไคเฮ่อ จิ่งฝางและเหยียนหลิ่วช่วยกันหิ้วของกลับมาที่บ้านตระกูลจาง

            ตงตงมองเหยียนหลิ่วด้วยความสงสัยตลอดทาง

            ตอนแรกเหยียนหลิ่วทำเป็นมองไม่เห็น ทว่าสีหน้าที่เหมือนอยากพูด แต่ไม่กล้าพูดของเด็กสาวทำเอาเหยียนหลิ่วข้องใจจนแกล้งเมินเฉยไม่ได้ 

            คิดใคร่ครวญอย่างลังเลสักครู่ เหยียนหลิ่วก็เอ่ยถามเด็กสาว “มีอะไรอยากพูดกับข้าหรือ”

            มีหลายเรื่องเชียวละ!

            ตงตงโพล่งอยู่ในใจ

            แต่พอคิดถึงจิตใจของอีกฝ่าย อาจจะดีกว่าก็ได้หากไม่ถามออกมา

            เด็กสาวสั่นศีรษะ ปฏิเสธว่าไม่มีอะไร แต่เปลี่ยนมาพูดถึงงานที่ร้านแทน

            “พี่ชายหลิ่ว พรุ่งนี้ท่านฝึกฝนดาบอยู่ที่บ้านข้าเถอะ ไม่ต้องตามไปช่วยงานข้าที่ร้านหรอก”

            ทันใดนั้นสีหน้าของเหยียนหลิ่วเปลี่ยนเป็นตกใจ ต่อมา เด็กหนุ่มก็ก้มหน้าอย่างเชื่องซึม

            ตงตงรู้สึกว่าท่าทาของของเด็กหนุ่มเหมือนกับโกลเด้น รีทริฟเวอร์ที่น่าสงสารไม่มีผิด

            “ข้าคงทำให้เจ้าเดือดร้อน ขอโทษนะ”

            “ไม่ใช่ๆ ข้าไม่ได้คิดแบบนั้น!” ตงตงรีบแก้ไขความเข้าใจผิด ทั้งยังอธิบายรัวๆ “ข้าเห็นว่าท่านมุ่งมั่นจะเป็นทหาร เพราะอย่างนั้นอย่าเสียเวลามาช่วยงานที่ร้านเลย เอาเวลาไปฝึกซ้อมดีกว่า เห็นว่าอีกไม่กี่เดือนก็จะมีการเปิดรับสมัครทหารแล้วด้วย”

            “แต่งานที่ร้านของเจ้ายุ่งมาก ข้ารบกวนเจ้ากับอาจารย์มตั้งหลายเรื่อง อย่างน้อยอยากทำตัวเป็นประโยชน์บ้าง ให้ข้าช่วยเจ้าจนกว่าจะมีลูกจ้างคนใหม่ได้หรือไม่” เหยียนหลิ่วยืนกรานหนักแน่น

            เด็กหนุ่มคนนี้กลัวว่าตัวเองจะไม่มีประโยชน์ แล้วจะไม่เป็นที่ต้องการ

            คนบ้านตระกูลกู้ คงทำแบบนั้นกับเหยียนหลิ่ว

            เฮ้อ…น่าปวดหัวชะมัด

            ตงตงคิดพร้อมกับยกมือนวดขมับ

            ทันทีที่ลดมือลง ดวงตากลมโตของเด็กสาวเหลือบมองแผ่นหลังของท่านพ่อที่เดินนำหน้า 

            ไม่รู้ว่าถังเหวินมีปัญหาอะไรในตัวเหยียนหลิ่ว แต่ว่า อยู่ข้างบ้านกันมาตั้งนาน ไม่มีทางที่จางไคเฮ่อจะไม่รู้สาเหตุ

            ถึงอย่างนั้น จางไคเฮ่อก็ยังอนุญาตให้เหยียนหลิ่วไปที่ร้าน

            จริงๆ แล้ว เหยียนหลิ่วเป็นใครกันแน่

            โอ้ย!

            พอรู้สึกสงสัยขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าอะไรก็รู้สึกสงสัยไปหมด

            “ตงตง?”

            คงเห็นว่าตงตงเงียบอยู่นาน เหยียนหลิ่วจึงเรียกด้วยน้ำเสียงกังวลใจ

            ตงตงมองเหยียนหลิ่ว คิดพร้อมกับย่นคิ้ว

            สักครู่หนึ่ง นางตอบเขาด้วยน้ำเสียงติดจะรำคาญหน่อยๆ “ช่างเถอะ ข้าจะให้พี่ชายหลิ่วช่วยงานที่ร้านจนกว่าจะรับคนงานเพิ่มได้ก็แล้วกัน”

            ตอนนี้อย่าไปคิดเยอะเลยดีกว่า เป้าหมายของนางคือเปิดโรงเตี๊ยม แล้วมุ่งหน้าสู่ความร่ำรวย!

            ด้านเหยียนหลิ่ว พอได้ยินคำตอบที่พอใจ เด็กหนุ่มพลันยิ้มด้วยสีหน้าดีใจระคนซาบซึ้ง “อื้อ”

            …..

            …..

            2 วันแล้วที่ป้ายประกาศรับสมัครผู้ช่วยแม่ครัวและเสี่ยวเอ้อติดหน้าโรงเตี๊ยมตระกูลจาง แต่กลับยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมาสมัครงานสักคน

            ตงตงมองแผ่นป้ายประกาศที่ติดหน้าร้าน ก่อนจะเหลือบมองถังเหวินกับซานหลัวเฉินที่นั่งสั่นขา หน้าตาบึ้งตึง

            ทุกครั้งที่มาร้านของตงตง ถังเหวินจะพกความไม่สบอารมณ์มาด้วย  

            เนื่องจากสัมผัสได้ถึงสายตาของตงตง ถังเหวินหันมาถลึงตาใส่นางทีหนึ่ง

            เด็กสาวยิ้มแห้งๆ ให้กับเด็กหนุ่ม ก่อนจะหันกลับมาขายของต่อ

            ถังเหวินถอนหายใจเฮือกใหญ่

            “เฮ้อ...”

            ทั้งที่เตือนตงตงแล้ว แต่เด็กโง่อย่างนางก็ยังพา ‘เจ้านั่น’ มาที่ร้านอีก

            สมองของนางมีแต่ซาลาเปารึยังไง!

            “ถังเหวิน พวกเราไปไล่เจ้านั่นแทนนางดีหรือไม่ เจ้าก็รู้ว่านางเป็นคนใจอ่อนแค่ไหน” ซานหลัวเฉินแนะนำสหาย

            “ข้าไม่อยากเสวนากับเจ้านั่น”

            ประเด็นสำคัญคือหลังร้านมีจางไคเฮ่อ ถ้าเขาเหยียบย่างเข้าไปคงได้ถูกเชือดแน่นอน!

            “แต่ว่า...”

            ซานหลัวเฉินยังพูดไม่จบดี ตงตงก็ยกปาท่องโก๋มาเสิร์ฟ เขาจึงปิดปากทันที

            “ข้าเลี้ยง” ตงตงบอกด้วยรอยยิ้มของแม่ค้า

            ถังเหวินตวัดตามองนาง ปากก้โพล่งออกมาว่า “เจ้ารับปากข้าแล้วไม่ใช่หรือ ห้ามพาเขามาที่นี่อีก”

            นี่ก็เพื่อตัวนางเองหรอกนะ!

            แต่ถึงอย่างนั้น ต่อให้พูดปากเปียกปากแฉะ คำตอบของตงตงยังคงเป็นรอยยิ้มแห้งๆ ที่โง่เขลา

            “ถ้าข้าได้คนมาช่วยงานเพิ่ม ข้าจะไม่ให้พี่ชายหลิ่วมาช่วยที่ร้านอีก ตอนนี้ให้เขาช่วยงานอยู่หลังร้านไปก่อน รับรองว่าเขาจะโผล่มาที่หน้าร้านเด็ดขาด” นางอธิบายรัวๆ 

            ถังเหวินกรอกตาอย่างเอือมระอา หมดคำจะพูด

            แต่แล้ว…

            สองสามอึดใจต่อมา ถังเหวินพลันขมวดคิ้วไม่พอใจ “ทำไมคำพูดของเจ้าฟังแล้วรู้สึกแปลกพิกล อย่าบอกนะว่า นอกจากมาช่วยงานที่ร้าน เขายังไปบ้านเจ้าด้วย!?”

            ตงตงยิ้มลำบากใจ ไม่ได้อธิบายแก้ไขความเข้าใจผิด

            “ข้าพูดถูกสินะ เด็กโง่เอ้ย เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ข้าไม่รู้ด้วยแล้ว!”

            “แหะๆ”

            ถังเหวินขมวดคิ้วมุ่น

            เงาแห่งความเคราะห์ร้ายกำลังมาเยือนแท้ๆ ยังจะยิ้มอยู่อีก เด็กโง่ตงตงเอ้ย!!

            …..

            …..

            ก่อนเที่ยงวัน ทั้งโจ๊กและซาลาเปาก็ขายจนหมด

            พอเก็บร้านเสร็จ จางไคเฮ่อกับเหยียนหลิ่วกลับบ้านไปก่อน

            จิ่งฝางกับตงตงอยู่ที่โรงเตี๊ยมต่อ ทั้งสองคนช่วยกันเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำซาลาเปาทั้ง 4 ไส้ ซาลาเปาไส้หมู ไส้ฟักทองหวาน ไส้ผักรวมและไส้เผือก

            ราวๆ สิบนาทีต่อมา หัวหน้าพ่อครัวจากโรงเตี๊ยมตระกูลหานกับผู้ช่วยพ่อครัวก็มาถึง

            หัวหน้าพ่อครัวชื่อว่ากังซวน อายุราวสี่สิบ ร่างสูงใหญ่แต่ไม่อ้วน ส่วนผู้ช่วยพ่อครัวอายุยี่สิบต้นๆ เขามีชื่อว่าอาเฉิง

            เมื่อแนะนำตัวกันเรียบร้อย ตงตงจึงเริ่มสอนพวกเขาผสมแป้งโดว์และทำไส้ซาลาเปา

            “ก่อนอื่นเลยก็เตรียมแป้งโดว์ ที่โรงเตี๊ยมตระกูลหานคงมีที่ตวงใช่หรือไม่” ตงตงถาม

            “มีๆ” หัวหน้าพ่อครัวตอบ

            ตงตงบอกให้เขาผสมแป้งโดว์ และนางจะยืนดูอยู่ข้างๆ

            ซาลาเปานั้นจะว่าทำง่ายก็ง่ายเพราะแทบเป็นอาหารหลักของทุกบ้าน ต่อให้ไม่ใช้เครื่องตวง แค่กะปริมาณวัตถุดิบด้วยมือเปล่าก็ใช้ได้แล้ว

            แต่บางโรงเตี๊ยมยังคงใช้เครื่องตวงวัด เพื่อให้รสชาติมีความอร่อยอย่างคงที่ หากผิดสัดส่วนนิดเดียวก็ทำให้เสียรสชาติได้

            หัวหน้าพ่อครัวกังนำส่วนผสมแต่ละอย่างใส่เครื่องตวง

            ตงตงมองดูหัวหน้าพ่อครัวพร้อมกับพยักหน้า แต่ก่อนที่เขาจะเติมน้ำอุ่นแล้วเริ่มนวดแป้ง ตงตงบอกให้เขาตักผงสีขาวละเอียดในโถไม้ลงไปด้วย 2 ช้อนชา

            “ผงนี้คืออะไรหรือ” หัวหน้าพ่อครัวถาม

            ตงตงหยุดคิดครู่หนึ่ง 

            ผงฟูยังไม่เป็นที่รู้จักในยุคนี้ ถ้าบอกไปว่าเป็นผงฟู คงอธิบายกันยาว

            “ผงนี้ทำมาจากองุ่น ขั้นตอนการทำซับซ้อน ท่านไม่ต้องคิดก็ได้ เอาเป็นว่าผงนี้จะทำให้แป้งนุ่มฟูเจ้าค่ะ”

            ตงตงตอบอย่างรวบรัด และยังบอกอีกว่าจะแบ่งให้โรงเตี๊ยมตระกูลหานไปใช้แบบไม่คิดเงินในระยะเวลา 3 เดือน แต่หลังจากครบ 3 เดือน ทางนั้นเสียเงินซื้อ

            จริงๆ แล้วหัวหน้าพ่อครัวสงสัยเรื่องผงสีขาว แต่พอได้ยินเรื่องผลประโยชน์ เขาก็ลืมเรื่องที่ตนสงสัยทันที

            “เข้าใจแล้ว” หัวหน้าพ่อครัวกังกล่าว

            ขั้นตอนต่อไปคือนวดแป้ง เขายกหน้าที่นี้ให้กับผู้ช่วย

            ต่อมาเป็นขั้นตอนสำคัญ นั่นคือทำไส้ซาลาเปาทั้ง 4 สูตร

            คราวนี้ตงตงชี้แนะหัวหน้าพ่อครัวกังแบบละเอียดยิบ

            หลังจากเรียนรู้วิธีทำทั้งหมดจบ หัวหน้าพ่อครัวเหม่อลอยไปพักใหญ่

            ตอนที่ตงตงถามว่าจำได้หรือไม่ หัวหน้าพ่อครัวร้องเสียงดังลั่นว่า “สะ สุดยอดเลย! ”

            “หา!?”

            “ข้าเพิ่งรู้ว่าเผือกนี้ต้องปอกอย่างไรถึงจะไม่ทำให้คันมือ ส่วนฟักทองหวานต้องใส่อะไรถึงจะหอมและมีรสชาติกลมกล่อม ของเหลวที่เรียกว่าเนยก็น่าสนใจมาก เถ้าแก่เนี้ยน้อย เจ้าทำให้ข้าเบิกเนตรแล้ว”

            ใช่แล้ว ความอร่อยของไส้ซาลาเปาทั้ง 4 สูตรคือส่วนผสมที่เป็นความลับ อาทิ ผงฟู พริกไทยป่น เกลือและเนยที่มีคุณภาพดี นั่นรวมไปถึงกรรมวิธีในการเตรียมวัตถุดิบด้วย

            คนส่วนใหญ่ไม่นิยมกินเผือกเพราะว่าคัน แต่ถ้านำเผือกไปล้างทั้งหัว ปอกเปือกโดยปล่อยให้น้ำไหลผ่าน ให้เผือกปล่อยยางเหนียวๆ ซึมออกมาทั้งหมดค่อยล้างอีกรอบ แค่นี้ก็ไม่ทำให้คันแล้ว จะให้ดีต้องนำเผือกไปแช่ในน้ำส้มสายชูด้วย

            เคล็ดลับง่ายๆ นี้ทำให้หัวหน้าพ่อครัวกังมองตงตงใหม่

            แม่ครัวน้อยคนนี้มีพรสวรรค์อย่างยิ่ง

            “…สุดท้ายคือปั้มตราบนผิวซาลาเปาเจ้าค่ะ” เด็กสาวบอกพร้อมกับยื่นตราปั้มขนมให้กับหัวหน้าพ่อครัวกัง

            หัวหน้าพ่อครัวมองตราปั้มด้วยสีหน้าอึ้งๆ

            “ข้าไม่เคยเห็นของสลักออกมาอย่างประณีตเช่นนี้ เจ้าจ้างช่างไม้ร้านไหนทำขึ้นมาหรือ”

            “เอ่อ…เป็นร้านเล็กๆ เอาไว้ข้าจะแนะนำแล้วกัน”

            “อืมๆ”

            ถึงอย่างไรตงตงก็ไม่ได้โกหก ร้านในระบบที่นางซื้อตราปั้มนี้เป็นร้านเล็ก ทั้งตราปั้มและสีผสมอาหารราคาแค่ไม่กี่หยวน เทียบกับเงินยุคนี้ตราปั้ม 20 อีแปะ ส่วนสีผสมอาหารราคา 34 อีแปะเท่านั้น ถือว่าถูกมาก

            “สีนี้…”

            หัวหน้าพ่อครัวเพิ่งขยับปากถามตงตงตอบกลับทันที

            “เป็นสีที่ทำจากดอกไม้กินได้เจ้าค่ะ”

            “อย่างนี้เอง!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status