Share

บทที่ 19 ถังเหวินมีพิรุธ

last update Last Updated: 2025-06-21 11:55:02

บทที่ 19

ถังเหวินมีพิรุธ

            บ้านของถังเหวินทำการค้า เป็นพ่อค้ารายใหญ่ในท้องถิ่น และจัดสรรวัตถุดิบส่งให้กับกองพัสดุในวังหลวง

            นอกจากตระกูลถังทำการค้าจนร่ำรวย คนในตระกูลที่หัวดีหน่อยจะสอบเข้าไปทำงานในราชสำนัก ลุงแท้ๆ ของถังเหวินเป็นขุนนางขั้นสามในกองพัสดุ ตระกูลถังนับว่ามีเส้นสายอยู่บ้าง

            สมัยเด็ก ถังเหวินมักจะติดพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง พ่อของเขาเลยพามาเล่นที่บ้านท่านลุงอยู่บ่อยๆ

            ในบางครั้ง สหายของพี่ชายก็จะมาเที่ยวหา คนผู้นั้นชื่อว่า ‘กู้อวี้ชุน’ เป็นบุตรชายคนโตของแม่ทัพกู้เหว่ย

            ข้างหลังของกู้อวี้ชุนจะมีเด็กรับใช้คนหนึ่งติดตามมาด้วยเสมอ เด็กชายคนนั้นมีอายุไล่เลี่ยกับถังเหวิน ร่างกายผอมแห้ง แต่งตัวซอมซ่อ สกปรกยิ่งกว่าขอทาน ตามเนื้อตัวยังเต็มไปด้วยบาดแผลและร่องรอยถูกทำร้าย

            ด้วยนิสัยที่หยิ่งผยองและรักสะอาดของกู้อวี้ชุน ไม่มีทางพาเด็กสภาพดูไม่จืดติดสอยห้อยตามแบบนั้นแน่

            แม้เป็นถังเหวินที่ไม่สนใจคนอื่นนอกจากตัวเอง แต่พอเห็นบ่อยเข้า อดรู้สึกสงสัยไม่ได้ 

            ภายหลังถังเหวินได้รู้ความจริง เด็กคนนั้นมีไว้รับมือรับเท้ากู้อวี้ชุน และยังเป็นลูกนอกสมรสของแม่ทัพกู้เหว่ย!

            “ถังเหวิน เจ้ารู้สึกไม่สบายท้องหรือ?”

            เห็นว่าถังเหวินเอาแต่เงียบ ซานหลัวเหวินเลยถามอย่างร้อนรนอีกครั้ง 

            แม้ซานหลัวเฉินจะเป็นสหายสมัยเด็กของถังเหวิน แต่ด้วยฐานะของถังเหวิน และนิสัยที่ชอบวางโต ซานหลัวเฉินถูกคนมองว่าเป็น ‘ลูกน้อง’ มากกว่า ‘สหาย’

            ถ้าถังเหวินเป็นอะไรไปละก็ ซานหลัวเฉินที่ติดตามถังหวินต้องถูกตระกูลซานตำหนิจนหูชาแน่!

            ยิ่งคิดซานหลัวเฉินก็ยิ่งกังวลใจ

            ตงตงเดินเข้ามาหาเด็กหนุ่มทั้งสอง สีหน้าของนางกังวลใจไม่ต่างกัน

            “พี่ชายถังเหวิน ถ้าแน่นท้องหรือรู้สึกไม่ดี กลับบ้านไปพักก่อนเถิดเจ้าค่ะ”

            ถังเหวินขมวดคิ้วหน้าตาบึ้งตึงใส่เด็กสาว “ข้าไม่ได้ปวดท้องสักหน่อย”

            “ก็เจ้าเล่นร้องเสียงดัง และยังทำหน้าเหมือนปวดท้อง ข้าก็คิดว่าเจ้าปวดท้องเสียอีก” ซานหลัวเฉินว่า

            “ถ้าไม่ได้ปวดท้อง แล้วท่านเป็นอะไร”

            ตงตงถามถังเหวินด้วยหน้าตาซื่อใส เห็นอย่างนั้นแล้ว ถังเหวินรู้สึกขัดใจอย่างบอกไม่ถูก 

            เด็กหนุ่มจ้องหน้าตงตงตาเขม็ง สีหน้าเห็นชัดว่าไม่พอใจอย่างมาก 

            ตงตงไม่เข้าใจว่าไปปทำอะไรให้ถังเหวินโกรธ นางชี้หน้าตัวเองพลางถามอีกคร้ัง “ท่านโกรธข้าหรือ เป็นเพราะข้าขอให้ไปกินของไม่อร่อยที่โรงตี๊ยมตระกูลฉินใช่หรือไม่”

            “ไม่ใช่” ถังเหวินตอบทันควัน

            อ้าว…

            ถ้าไม่ใช่ แล้วเป็นอะไรอีกล่ะ?

            ตงตงมองถังเหวินอย่างสงสัย

            “ลูกจ้างคนใหม่ ทำไมถึงจ้างเจ้านั่นมา”

            “ลูกจ้างคนใหม่หรือ”

            ตงตงทวนคำพูดของถังเหวินพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด

            คงไม่ได้หมายถึงจิ่งฝาง เมื่อวานถังเหวินเจอกับจิ่งฝางแล้ว แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางไม่พอใจเหมือนอย่างตอนนี้ 

            ถ้าอย่างนั้นคงเป็นเหยียนหลิ่ว…?

            พอรู้ว่าถังเหวินหมายถึงเหยียนหลิ่ว ตงตงก็โคงศีรษะมาทางซ้าย ถามออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม

            “พี่ชายถังเหวินรู้จักพี่ชายหลิ่วด้วยหรือ…ข้าหมายถึงเหยียนหลิ่วน่ะ”

            “เหยียนหลิ่ว หรือว่าจะเป็น…!”

            คราวนี้คนที่ร้องเสียงดังเป็นซานหลัวเฉิน แถมยังทำสีหน้าตื่นตระหนกราวกับรู้อะไรมา

            “พวกพี่ชายรู้จักพี่ชายหลิ่วจริงๆ ด้วย”

            ถังเหวินทำหน้าถมึงทึงใส่ซานหลัวเฉินที่ปากเปราะ ฝ่ายนั้นจึงรีบเม้มปากแน่นสนิท

            ท่าทางของทั้งสองคนมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งทำให้ตงตงเกิดความสงสัย

            “พวกพี่ชายเป็นอะไรกับพี่ชายหลิ่วหรือ”

            ถังเหวินยังคงทำหน้าขึงขังขณะตอบ “ข้าแค่รู้ว่าเขาเป็นคนของจวนตระกูลกู้ เจ้าคงรู้ใช่หรือไม่ เจ้าบ้านหลังนั้นเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ รับคนของทางนั้นมาทำงานเดี๋ยวก็เป็นเรื่องเอาหรอก!”

            “เอ่อ…”

            ตงตงอับจนคำพูด เพราะถังเหวินกล่าวถูกเผง 

            เหยียนหลิ่วเป็นบ่าวในบ้านขุนนาง หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา บ้านตระกูลจางของนางคงย่ำแย่

            มากไปกว่านั้น คนที่จะถูกทุบตีก็คือเหยียนหลิ่ว

            แต่ว่า…

            นางเองก็ปฏิเสธไปแล้ว หากไม่รู้ทำไมกลับรู้สึกทอดทิ้งเหยียนหลิ่วไม่ลง

            “ไล่เขากลับไปเลย”

            ถังเหวินพูดเหมือนคนโมโหร้าย ทั้งที่จริงแค่หวังดีเท่านั้น

            “ท่านใจเย็นๆ ก่อน” ตงตงบอกด้วยสีหน้าลำบากใจ หากไม่ใช่เรื่องอาหาร นางโน้มน้าวใจคนไม่เป็น

            “เจ้าเข้าใจคำพูดข้าหรือไม่” ถังเกวินถามด้วยสีหน้าบึ้งตึง

            “ข้าเข้าใจ พรุ่งนี้ข้าจะบอกเขา ว่าไม่ต้องมาช่วยงานที่ร้านแล้ว”

            ถังเหวินพยักหน้า แม้ครึ่งหนึ่งจะไม่ค่อยเชื่อใจนางก็ตาม

            ในจังหวะนั้นลูกค้าสามคนเดินเข้ามาในร้าน จิ่งฝางปาดออกไปต้อนรับลูกค้าพร้อมกับแนะนำเมนู

            ตงตงนั้นมีหลายอย่างอยากถามถังเหวิน แต่จำใจต้องผละออกมาหน้าร้าน

            “เถ้าแก่เนี้ยน้อย ซาลาเปาไส้หมู 3 ลูก ห่อกลับบ้าน”

            “…ได้เจ้าค่ะ”

            ตงตงขายของของนางต่อไป

            ทางด้านถังเหวินกับซานหลัวเฉิน ทั้งสองคนจ้องมองเด็กสาว สายตาของพวกเขาสับสนและเห็นใจ สักครู่หนึ่ง ค่อยหันมากระซิบกระซาบกัน

            “ใช่เหยียนหลิ่วคนนั้นหรือไม่” ซานหลัวเฉินถามถังเหวินให้แน่ใจ

            เรื่องของเหยียนหลิ่วก็พอรู้มาจากถังเหวินบ้างแล้ว และรู้สึกว่าเหยียนหลิ่วคนนั้นน่าสงสารไม่น้อย ครั้งหนึ่งซานหลัวเฉินเคยยื่นหมั่นโถให้อีกฝ่ายด้วยความสงสาร วันต่อมา ซานหลัวเฉินกลับถูกกู้อวี้ชุนหมายหัว

            ซานหลัวเฉินถูกเพื่อนในสถานศึกษารุมแกล้งด้วยการทำเหมือนว่าเขาไร้ตัวตน เดือดร้อนถึงลูกพี่ลูกน้องของถังเหวินต้องช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์

            ขนาดตระกูลซานมีหน้ามีตา ซานหลัวเฉินเองก็เป็นสหายสนิทของถังเหวิน กู้อวี้ชุนยังกล้าทำแบบนั้นกับเขา

            …แล้วตงตงเล่า?

            นางจะแบกรับการกลั่นแกล้งของกู้อวี้ชุนไหวหรือ!!??

            “เป็นเจ้านั่น หาไม่ข้าจะโกรธหรือ” ถังเหวินตอบด้วยสีหน้าฉุนเฉียว แต่ลดเสียงให้เบาลง

            “นางไม่รู้ว่าเหยียนหลิ่วเป็นใคร คงช่วยเหลือเพราะรู้สึกว่าน่าสงสาร ข้าคิดว่า เจ้าควรบอกนางไปตรงๆ นะ”

            ถังเหวินเดาะลิ้นใส่ซานหลัวเฉินอย่างไม่พอใจนัก

            “เจ้าโง่ไปแล้วหรือ! เรื่องของเหยียนหลิ่วมีคนรู้น้อยยิ่งปลอดภัยกับตัวเอง สำคัญกว่านั้น นิสัยใจอ่อนชอบช่วยเหลือคนอื่นของนาง พอรู้ความจริงแล้ว คงยิ่งหาหนทางช่วยเหลือเหยียนหลิ่วมากกว่า ข้าไม่บอกหรอก!”

            “ถังเหวิน…”

            ซานหลัวเฉินคิดว่าการปิดปากเงียบเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง แต่ไม่ปฏิเสธว่าถังเหวินพูดถูก

            ตงตงเป็นคนใจอ่อน ชอบช่วยเหลือคนอื่น เพราะอย่างนั้น ถังเหวินถึงได้ชอบนาง

            แม้ตอนนี้นางจะกล้าหาญเหมือนเป็นคนละคน แต่การที่เหยียนหลิ่วมาช่วยงานที่ร้านนี้ หมายความว่านางคงแอบช่วยเหลือฝ่ายนั้นมาสักพักแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status