หน้าหลัก / รักโบราณ / แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า / บทที่ 27 เหยียนหลิ่วถูกทารุณต่อหน้า

แชร์

บทที่ 27 เหยียนหลิ่วถูกทารุณต่อหน้า

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-21 17:04:18

บทที่ 27

เหยียนหลิ่วถูกทารุณต่อหน้า

            เมื่อกลับถึงบ้าน ตงตงพูดกับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าจริงจัง

            “พี่ชายหลิ่ว ข้าคิดว่าช่วงนี้ท่านอยู่ที่บ้านกู้ อย่าออกไปที่ร้านจะดีกว่า”

            เหยียนหลิ่วยังทำความเข้าใจไม่ได้ในทันที เด็กหนุ่มจึงถามกลับอย่างสงสัย 

            “ทำไมหรือ”

            “ข้าแค่สังหรณ์ใจไม่ค่อยดี”

            สีหน้าของฉินเฟยอวี่ที่เห็นวันนี้ ทำให้ตงตงสงสัยว่าฝ่ายนั้นกำลังวางแผนชั่วๆ อยู่

            หากเหยียนหลิ่วมาที่โรงเตี๊ยม อาจถูกฉินเฟยอวี่เล่นงานก็เป็นได้

            ถึงตงตงไม่ได้อธิบายเหตุผล แต่แค่ฟังเพียงเท่านั้น เหยียนหลิ่วเข้าใจถึงความลำบากใจของนางทันที

            เขามองสายตากังวลของเด็กสาว ก่อนจะลูบหัวนางแล้วตอบกลับอย่างเข้าใจ

            “ข้าจะไม่ไปที่ร้านชั่วคราวแล้วกัน”

            ตงตงยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าเหยียนหลิ่วเข้าใจอะไรๆ ได้เร็ว 

            เหยียนหลิ่วยังคงลูบศีรษะนางอยู่แบบนั้น

            ตงตงทำแก้มป่อง

            “พี่ชายหลิ่ว นี่ท่านจะลูบหัวข้าไปถึงเมื่อไรกัน ฮึ่ม!”

            แม้ไม่ได้รังเกียจ แต่เหยียนหลิ่วชอบลูบหัว เหมือนว่านางเป็นเด็กอยู่เรื่อย

            เหยียนหลิ่วเห็นนางทำแก้มป่องน่ารักก็ยิ่งลูบหัวนางจนศีรษะเล็กๆ โครงไปมา พร้อมกับหัวเราะชอบใจ  

            …..

            …..

            หลังจากรับปากตงตงแล้ว เหยียนหลิ่วก็ไม่ได้โผล่หน้ามาที่โรงเตี๊ยมตระกูลจาง

            แต่ในช่วงเช้ามืด เหยียนหลิ่วยังคงข้ามกำแพงมาที่บ้านตระกูลจาง ช่วยตงตงเตรียมของ เวลาที่เหลือก็จะฝึกฝนตามคำสั่งของจางไคเฮ่อ

            ตั้งแต่เริ่มฝึกร่างกาย บวกกับได้กินของดีๆ ร่างกายของเหยียนหลิ่วพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด

            กล้ามเอย พละกำลังเอย รวมถึงความสูง เรียกได้ว่าสมรรถภาพทางกายดีเยี่ยม

            หลายวันต่อมา…

            เช้าตรู่วันหนึ่ง ประตูหน้าบ้านตระกูลจางเกิดเสียงเอะอะ พร้อมกับเสียงเคาะดังปังๆ

            ปัง ปัง ปัง!

            “จางไคเฮ่ออยู่หรือไม่”

            เวลานี้สองพ่อลูกอยู่ที่ลานหลังบ้าน พวกเขาตื่นตั้งแต่เช้ามืด กำลังช่วยกันเตรียมข้าวของออกไปขายที่โรงเตี๊ยม

            พอได้ยินเสียงเคาะประตู บวกกับเสียงตะโกนเรียก จางไคเฮ่อพลันขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย สายตามองไปทางบุตรสาว

            “เจ้ารออยู่ที่นี่แหละ พ่อจะออกไปดูเอง”

            ทว่าตงตงกลับบอกให้ไปดูด้วยกัน

            หลังจากนั้นสองพ่อลูกก็เดินมาที่ประตูหน้าบ้าน 

            เมื่อจางไคเฮ่อเปิดประตู ทหารยามคนหนึ่งก็ผลักเด็กหนุ่มสภาพสะบักสะบอมเหมือนเพิ่งถูกซ้อมล้มลงแทบเท้าจางไคเฮ่อ

            แน่นอน เด็กหนุ่มคนนี้ก็คือเหยียนหลิ่ว

            จางไคเฮ่อกับตงตงมองสภาพของเหยียนหลิ่วพลันรู้สึกสะทกสะท้อนใจอย่างยิ่ง

            แต่ต่อให้สงสัยหรือเห็นใจเหยียนหลิ่ว หากก็ทำได้เพียงมองดูเด็กหนุ่มล้มลงต่อหน้านิ่งๆ

            “ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือ แล้วเด็กคนนี้เป็นอะไร” จางไคเฮ่อถามทหารยาม ท่าทาและสีหน้าเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับเหยียนหลิ่วแม้แต่น้อย

            “พวกเราเป็นทหารยามที่อยู่จวนแม่ทัพกู้ บังเอิญเห็นบ่าวที่จวนกำลังกระโดดข้ามกำแพงไปฝั่งบ้านเจ้า แต่พวกเราจับได้เสียก่อน ก็เลยจะถามว่าของบ้านเจ้ามีอะไรหายไปหรือไม่” ทหารยามตอบและถามในประโยคเดียวกัน

            หางคิ้วของจางไคเฮ่อกระตุกทีหนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย 

            “ไม่มี”

            “คงเพราะพวกเราจะจับเขาได้ก่อนที่ของบ้านเจ้าจะถูกเด็กคนนี้ขโมยกระมัง ไม่มีอะไรหายก็ดีแล้ว” ทหารยามกล่าว

            อย่างไรก็ตาม จางไคเฮ่อกับตงตงรู้ว่าทุกอย่างเป็นการจัดฉาก

            ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่สามารถออกหน้าพูดแทนเหยียนหลิ่ว เพราะอาจจะทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย  

            “ยังมีอะไรอีกหรือไม่ ข้ากับลูกสาวต้องออกไปขายของต่อ” จางไคเฮ่อตัดบทการสนทนา

            ทหารยามตอบว่า “ไม่มีแล้ว” 

            จังหวะนั้นที่ทั้งสองฝ่ายกำลังแยกย้าย จู่ๆ เสียงของชายหนุ่มผู้มาใหม่พลันดังขึ้น

            “เถ้าแก่จางไม่ตรวจสอบทรัพย์สินดูก่อนหรือ อาจมีบางอย่างหายไปก็ได้”

            ชายหนุ่มคนนี้คือกู้อวี้ชุน บุตรชายคนโตของแม่ทัพกู้

            เจอคนรับมือยากเข้าให้เสียแล้ว จางไคเฮ่อคิด

            “คุณชายใหญ่กู้นี่เอง บ้านข้าไม่ได้มีทรัพย์สมบัติมากนัก ข้าแน่ใจว่าข้าวของทุกชิ้นยังอยู่ครบดี”

            “เหรอ เช่นนั้นก็ดี”

            แม้กู้อวี้ชุนตอบอย่างนั้น แต่ไม่ได้ไปจากหน้าบ้านจางทันที สายตามองตงตงหลายตลบ

            “คุณชายใหญ่กู้ยังมีอะไรอีกหรือ” จางไคเฮ่อถามด้วยท่าทางใจเย็น

            “ไม่ได้เจอตงตงมาตั้งนาน โตขึ้นเยอะเลยนี่”

            คำพูดของกู้อวี้ชุนเหมือนทักทายตงตงแบบปกติ หากทว่าสายตาของกู้อวี้ชุนที่มองตงตงเหมือนมองหนอนแมลงไม่มีผิด

            เมื่อกี้ตอนที่กู้อวี้ชุนโผล่มา ตงตงรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าทันที แต่ต้องฝืนยิ้มทักทาย

            “สวัสดีเจ้าค่ะ คุณชายใหญ่ สบายดีนะเจ้าคะ”

            “อืม” กู้อวี้ชุนพยักหน้าตอบส่งๆ จากนั้นหันไปคุยกับจางไคเฮ่อต่อ “ถ้าเถ้าแก่จางยืนยันว่าไม่มีอะไรหาย ข้าพาคนกลับละ”

            “เชิญ คุณชายใหญ่” จางไคเฮ่อพูดพร้อมผายมือไปข้างหน้า

            กู้อวี้ชุนมองสองพ่อลูกเงียบๆ เหมือนกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง

            เพียงครู่เดียว กู้อวี้ชุนพลันหันไปสั่งให้ทหารยามมัดเหยียนหลิ่ว

            “มัดตัวเขา ลากกลับไป!”

            คำสั่งนี้แน่ชัดว่ากู้อวี้ชุนไม่ยอมพาตัวเหยียนหลิ่วกลับดีๆ

            ทันใดนั้นเอง ทหารยามเข้ามามัดเหยียนลิ่วแน่นหนา ขณะที่ลากเด็กหนุ่มกลับไป พวกเขาซ้อมเหยียนหลิ่วคนละหมัดสองหมัด

            ในสถานการณ์แบบนี้ สิ่งเดียวที่จางไคเฮ่อกับตงตงทำได้คือ ต้องทำทีเป็นวางเฉย นั่นก็เพื่อปกป้องเหยียนหลิ่ว 

            ตงตงยืนบีบมือตัวเองพร้อมกับมองเหยียนหลิ่วถูกซ้อม

            ไม่เพียงเท่านั้น บนถนนที่ขรุขระเหยียนหลิ่วยังถูกทหารยามพวกนั้นลากจนแขนขาถลอกปอกเปิก เลือดซึมไหลจากบาดแผล

            ถึงอย่างนั้น เขากลับไม่ส่งเสียงร้องหรืออ้อนวอนสักนิด

            เหยียนหลิ่วคงถูกทารุณแบบนี้มานาน เขาจึงทนได้ แต่ตงตงไหนเลยจะอดทนไหว

            เท้าของนางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว

            พลันนั้น จางไคเฮ่อวางมือบนบ่าของเด็กสาว ให้นางยืนอยู่เฉยๆ

            ตงตงเงยหน้ามองท่านพ่อสลับกับมองเหยียนหลิ่ว

            เข้าใจดีว่าไม่ควรเข้าไปยุ่ง

            แต่…

            ถึงจะรู้อย่างน้ันแล้วมันจะทำไม!

            ฉับพลันนั้นเอง ตงตงก้าวออกไป พร้อมกับยื่นมือคว้าแขนเสื้อของกู้อวี้ชุน

            “ท่านจะทำอะไรน่ะ พาเขากลับไปก็พอแล้วนี่!”

            กู้อวี้ชุนหยุดฝีเท้า ก่อนจะหลุบตามองมือเล็กๆ ที่จับแขนเสื้อของตน แววตานั้นแสดงออกถึงเหยียดหยาม

            ทหารยามคนหนึ่งเห็นแบบนั้น รีบเข้ามาผลักตงตงออกห่างจากคุณชายใหญ่อย่างแรง 

            ตงตงซวนเซเกือบล้ม โชคดีที่จางไคเฮ่ออยู่ใกล้จึงประคองหลังลูกสาวได้ทัน

            เหยียนหลิ่วที่เงียบมาตลอด แม้ว่าตัวเองจะถูกทำร้ายอย่างสาหัสตะโกนขึ้นมา

            “อย่าทำร้ายนาง!”

            กู้อวี้ชุนแสยะยิ้ม ก้าวยาวๆ เข้าไปถีบเหยียนหลิ่วจนล้มหงาย

            “เจ้ารู้จักนางหรือ เป็นอะไรกับนาง ถึงได้โวยวายแทนนางขนาดนั้น นางเป็นลูกสาวของอดีตนายกองเชียว หัดรู้จักที่ต่ำที่สูงเสียบ้าง”

            คำพูดของกู้อี้ชุนแฝงความดูถูกจางไคเฮ่อ

            สองพ่อลูกไม่พอใจอย่างยิ่ง หากก็ต้องยืนนิ่งเฉย

            กลับกัน เหยียนลิ่วกัดฟันกรอด

            เมื่อกี้เขาลืมตัวไปชั่วขณะหนึ่ง เห็นตงตงถูกผลักจึงหัวเสีย

            “คุณชายใหญ่กู้ ขอโทษแทนลูกสาวข้าด้วย นางไม่เคยเห็นคนถูกลงโทษต่อหน้าเลยร้อนใจไปบ้าง” จางไคเฮ่อแก้ตัวแทนบุตรสาว

            “ท่านพ่อ?”

            จางไคเฮ่อส่ายหน้าให้ตงตง

            กู้อวี้ชุนพยักหน้าตอบกลับว่า “เป็นเช่นนี้เองหรือ”

            พูดจบก็สั่งให้คนลากเหยียนหลิ่วกลับไป  

            ระหว่างถูกลากตัว เหยียนลิ่วถูกถีบและถูกอัดหลายครั้ง

            ตอนแรก กู้อวี้ชุนทำท่าจะก้าวเดินไปข้างหน้า แต่แล้วเหมือนนึกบางอย่างได้จึงหันมาพูดกับสองพ่อลูก

            “กฎของบ้านข้าก็เป็นแบบนี้ เถ้าแก่จางเป็นคนนอก ไม่เข้ามาสอดจะดีกว่า”

            จางไคเฮ่อไม่ได้พูดอะไร เพียงผายมือแล้วว่า “เชิญคุณชายใหญ่”

            หลังจากนั้น กู้อวี้ชุนก็หมุนตัวเดินกลับจวนของเขา

            ตงตงนิ่วหน้า กำหมัดแน่น 

            สอดหรือ

            คนนอกหรือ

            ไอ้ห่านนี่!!!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status