บทที่ 30
หาเงิน!
จากกรณีของเหยียนหลิ่ว ทำให้ตงตงรู้ตัวว่าโรงเตี๊ยมตระกูลจางเสียเปรียบร้านค้าใหญ่ๆ อยู่มากโข โดยเฉพาะโรงเตี๊ยมตระกูลฉิน
เพื่อเป้าหมายของตัวเอง ฉินเฟยอวี่ทำได้ทุกอย่าง แม้แต่ทำร้ายคนใกล้ตัวของตงตง
ฉินเฟยอวี่มีกู้อวี้ชุนคอยช่วยเหลือ
ส่วนกู้อวี้ชุนกำเริบเสิบสานขนาดได้เพราะมารดาของเขามีฐานะเป็นท่านหญิง
ตงตงนั้นก็แค่แม่ค้าธรรมดา
แม้ฝีมือทำอาหารของตงตงเยี่ยมยอดกว่าพ่อครัวร้านอื่น แถมรสชาติอาหารของนางกุมหัวใจของลูกค้ามากมาย แต่…แค่นี้ยังไม่พอ
ตงตงเป็นเพียงปลาเล็กที่ว่ายในบ่อใหญ่
บ่อใหญ่แห่งนี้มีชื่อ ‘เมืองอู่เฉิง’ และตระกูลกู้เป็นปลาใหญ่ที่ครองบ่อนี้
ตงตงทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากก้มหัวยอมรับความจริง
แต่ว่า…
หากอยากเปลี่ยนแปลง ตงตงต้องเปลี่ยนบ่อน้ำแห่งใหม่ เมืองหลวงจึงเป็นทางเลือกที่ดี บ่อใหญ่แห่งนั้นมีปลาตัวใหญ่มากมาย หากตงตงตกได้ปลาใหญ่สักตัวสองตัว นางก็จะกลายเป็นปลาเล็กที่มีปลาใหญ่เป็นพรรคพวก
ถึงจะไม่ง่าย แต่ต้องลองดูสักตั้ง!
เด็กสาวคิดพร้อมกับผุดรอยยิ้มชั่วร้าย
ทุกคนเห็นรอยยิ้มของตงตงต่างก็ลูบแขนตัวเองแล้วทำท่าขนลุก
“เจ้ากำลังคิดแผนชั่วร้ายอะไรอยู่หรือ” จางไคเฮ่อถามบุตรสาวด้วยสีหน้าระแวง
ตงตงดึงสติกลับมาแล้วพูดว่า “ก่อนอื่นก็หาเงินเป็นค่าเดินทางเจ้าค่ะ!”
“เอ๊ะ!?”
คำพูดนั้นยิ่งเพิ่มความสับสนให้กับทุกคน
“เดี๋ยวสิ เจ้ายังไม่บอกเหตุผลเลยว่าทำไม” จิ่งฝางร้องถาม
ตงตงมองหน้าจิ่งฝาง เพิ่งรู้ตัวว่าลืมเล่าประเด็นหลักให้พวกเขาฟัง
เด็กสาวเกาหัวพร้อมกับยิ้มแห้งๆ
ผ่านไปสักครู่ นางเปิดประเด็นว่า “หลายวันก่อน หลงจู๊เหอมาขอซื้อสูตรหม้อไฟหมาล่า แต่ข้าปฏิเสธไป วันนี้ฉินเฟยอวี่ ลูกชายคนรองโรงเตี๊ยมฉินกับกู้อวี้ชุนมาหาข้าอีกครั้งเรื่องสูตรหม้อไฟหมาล่า…”
ทุกคนที่ได้ยินแบบนั้นต่างย่นคิ้วไม่พอใจ
“ถ้าขายสูตรให้ไป ร้านของเราคงทำยอดขายได้น้อยลง โรงเตี๊ยมตระกูลจางจะขาดทุนเข้าสักวัน พวกเขาต้องวางแผนทำให้ลูกค้าหลั่งไหลไปทางนั้นกันหมด” หยูฮูหยินกล่าวอย่างกังวล
“หยูฮูหยินพูดถูก เพราะอย่างนั้นข้าถึงปฏิเสธไป”
“แล้วยังไงต่อ” จิ่งฝางถามอีก
ตงตงเริ่มเล่าต่อ โดยเล่าเรื่องที่เหยียนหลิ่วถูกจัดฉากและถูกทารุณ
จากนั้นฉินเฟยอวี่กับกู้อวี้ชุนก็มาหา ใช้เรื่องของเหยียนหลิ่วมาต่อรอง
พวกเขารู้ดีว่าแค่เจรจาอย่างเดียวไม่พอ ตงตงต้องปฏิเสธอีกแน่นอน เลยอ้างว่าจะปล่อยเหยียนหลิ่วและรักษาแผลให้ด้วย
“เล่นสกปรกนี่น่า!” เสี่ยวซินกำหมัด โกรธจนเลือดขึ้นหน้า
“ถ้าคิดจะช่วยคน มีแต่ต้องขายสูตรเท่านั้นใช่หรือไม่ขอรับ” เสี่ยวกวางถามตงตงด้วยตาปริบๆ
“ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว อีกอย่าง พี่หลิ่วช่วยข้าทำงานหนักๆ ตั้งเยอะ ฝ่าฟืนเอย แบกกระสอบแป้งเอย หากข้าไม่ช่วยเขา ข้าเองก็รู้สึกระอายใจ” อาฉีกล่าวด้วยสีหน้าหงอยๆ
ทั้งสามคนพูดไม่ผิด
เพราะอย่างนั้น ตงตงถึงอยากช่วยเหยียนหลิ่ว แต่การช่วยเหลือของนาง ใช่ว่าจะหลับหูหลับตาช่วย
ตงตงคิดว่าจะขายสูตรให้โรงเตี๊ยมตระกูลฉิน แต่จะย้ายร้านไปที่เมืองหลวง
เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ ทุกคนต่างเข้าใจดี โรงเตี๊ยมตระกูลจางเสียเปรียบโรงเตี๊ยมฉินอยู่มาก
แม้ร้านของตงตงจะมีลูกค้าคนใหญ่คนโตมาอุดหนุน แต่ว่ากันตามจริง หากทางนั้นทำเรื่องสกปรก โดยไร้หลักฐานเอาผิด พวกนั้นก็ลอยนวลอย่างใสๆ
“พี่จิ่งฝาง เรื่องของท่านลุง ข้าคิดว่าควรพาท่านลุงไปกับเราด้วย” แล้วตงตงก็หันไปพูดกับหยูฮูหยินต่อ “ลูกๆ ของหยูฮูหยินก็ด้วยนะ พาทุกคนไปด้วยกันให้หมด”
“นั่นใช้เงินไม่น้อยเลย” หยูฮูหยินพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ
จิ่งฝางพยักหน้ารัวๆ เห็นด้วยกับหยูฮูหยิน
ถึงอย่างนั้น...
เด็กสาวกลับยิ้มอย่างไม่แยแส
“ข้าถึงบอกยังไงเล่า พวกเราต้องหาเงินเป็นค่าเดินทางกันก่อน”
“แต่แบบนั้นเจ้าต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ เชียว” จิ่งฝางว่า
ตงตงส่ายหน้า ยิ้มอย่างสบายใจ
“แค่ 2 วันเท่านั้น”
“หา!!??”
ทุกคนประสานเสียงร้องด้วยความแปลกใจอีกครั้ง
…..
…..
วันต่อมาตงตงปิดร้าน ใช้เวลาครึ่งวันเดินสำรวจตลาดกับหยูฮูหยิน
เมื่อเห็นสินค้าในเมืองอู่เฉิง และราคาสินค้าแล้ว นางพลันตัดสินใจได้ว่าจะหาเงินก้อนแรกอย่างไร
สินค้าในระบบร้านค้าราคาถูกกว่าตั้งเยอะ
หากตงตงใช้ประโยชน์จากระบบร้านค้า นำของในนั้นออกขายตามตลาดในท้องถิ่น ตงตงย่อมหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ
แต่วิธีนี้จะทำได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ถ้าถูกทางการสืบแหล่งที่มาของสินค้า ตงตงจะหาคำอธิบายไม่ได้ แล้วก็อาจถูกจับ
อย่างไรก็ตาม เพื่อเงินค่าเดินทางระยะยาว ยามบ่ายวันเดียวกันนั้นเอง นางสั่งให้หยูฮูหยินไปบอกทุกคนว่า มารวมกันที่โรงเตี๊ยมในตอนเย็นเพราะมีงานให้ทำ
หลังจากหยูฮูหยินไปแล้ว ตงตงปิดประตูโรงเตี๊ยม จากนั้นเปิดระบบร้านค้า
ซื้อเครื่องเทศทำหมาล่า 100 จิน ราคา 3,000 อีแปะ
ซุปก้อนหมาล่าสำเร็จ 100 ก้อน ราคา 1,300 อีแปะ
น้ำจิ้มหมาล่า 10 จิน ราคา 400 อีแปะ
น้ำจิ้มงาคั่ว 5 จิน ราคา 200 อีแปะ
พริกป่นหมาล่า 10 จิน 500 อีแปะ
ยอดเงินทั้งหมด 5,400 อีแปะ ( 5 ตำลึงเงิน 400 อีแปะ)
ถือว่าถูกมาก!
ไม่เพียงแค่นั้น ตงตงยังมีคูปองส่วนลด 1,800 อีแปะ
นางซื้อสินค้าทั้งหมดนี้ในราคา 3,600 อีแปะเท่านั้น!!
ได้ยินว่าคุณชายต้วนเซียว บุตรชายของเจ้าเมืองชอบกินของอร่อย ตอนนี้กำลังติดใจหม้อไฟหมาล่า
ด้วยเหตุนี้ รุ่งเช้าวันพรุ่งตงตงจะเอาของพวกนี้ไปขายให้เขาที่จวน
กระนั้น เป้าหมายของตงตงไม่ใช่แค่คุณชายต้วนเซียว
นางยังมุ่งเป้าไปที่ถังเหวิน ซานหลัวเฉินและหายเจียเอ๋อร์ด้วย
เด็กสาวกวาดสายตามองสินค้าในระบบร้านค้าต่อ
ตงตงซื้อลูกกวาดรสผลไม้รวม ผลไม้อบแห้ง คุกกี้รวมรส
นอกจากนี้ นางยังซื้อเครื่องประดับหลายชิ้น เสื้อผ้าสวยๆ พัดและร่มอีกมากมาย
ก่อนจะไปจากเมืองอู่เฉิง ขอตักตวงเงินสักหน่อยเถอะ!
บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ
บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”
บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ
บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่
บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที
บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม