หน้าหลัก / รักโบราณ / แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า / บทที่ 69 ทุกอย่างของข้าเป็นของเจ้า

แชร์

บทที่ 69 ทุกอย่างของข้าเป็นของเจ้า

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-21 17:25:20

บทที่ 69

ทุกอย่างของข้าเป็นของเจ้า

            หัวใจของเหยียนหลิ่วเต้นแรงขึ้น ในขณะมองรอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้า

            ถึงอย่างนั้น ใบหน้าของเขายังคงนิ่งสงบเหมือนเดิม

            ตงตงกล่าวขอบคุณเหยียนหลิ่ว แล้วบอกให้ชายหนุ่มปล่อยตัวคนผู้นั้นไปเถอะ

            ห้าอีแปะก็ได้คืนมาแล้ว นางไม่อยากทำให้บรรยากาศในร้านต้องวุ่นวาย

            ไม่ว่าตงตงจะพูดอะไร เหยียนหลิ่วล้วนเชื่อฟัง เขาตอบรับคำพูดของหญิงสาวว่า “อืม” ก่อนจะตวัดสายตาใส่ชายที่กินแล้วหนี

            “หากกล้าทำเช่นนี้อีก ข้าจะตัดมือเจ้าทิ้ง…ไปซะ”

            “อึ๋ย…ใครจะกล้าอยู่กันเล่า!”

            ว่าแล้ว ชายคนนั้นก็รีบกุลีกุจอรีบจากไป

            เหยียนหลิ่วมุ่นหัวคิ้ว รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้สั่งสอนสักหมัดสองหมัด

            “เถ้าแก่เนี้ยของเราอุตส่าห์ใจดีไว้ชีวิต คำขอบคุณสักคำก็ไม่มี” จิ่งฝางบ่นหน้าตาบูดบึ้ง

            “ช่างเถอะๆ ลูกค้าเยอะ กลับไปทำงานกันได้แล้ว” ตงตงบอกอย่างไม่ใส่ใจ

            “อือ ก็ได้”

            หลังจากจิ่งฝางกลับไปต้อนรับลูกค้าโต๊ะอื่น ตงตงก็หันมาถามเหยียนหลิ่ว

            “พี่หลิ่ว ท่านเพิ่งกลับมา หิวหรือไม่ ให้ข้าทำอะไรให้กินไหม”

            “พอดีข้าแวะมาทักทายเจ้ากับอาจารย์ อีกเดี๋ยวก็จะไปหาท่านเว่ยต่อ”

            ตงตงตอบกลับว่าเข้าใจแล้ว ก่อนจะบอกเหยียนหลิ่วว่าบิดาอยู่ร้านข้างๆ กำลังช่วยหลงจู๊ชิวเตรียมของ

            เหยียนหลิ่วยิ้มให้กับตงตงด้วยความอ่อนโยน

            และรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นจริงใจของชายหนุ่ม ก็มีไว้เพื่อตงตงเพียงคนเดียว 

            …..

            …..

            เมื่อรายงานภารกิจกับเว่ยจ้งเรียบร้อย ตอนออกมาจากสำนักราชองครักษ์หลวงเป็นช่วงพลบค่ำพอดี

            เหยียนหลิ่วจึงรีบตรงมายังโรงเตี๊ยมตระกูลจาง

            เวลานี้ โรงเตี๊ยมตระกูลจางปิดแล้ว ชายหนุ่มจึงเดินอ้อมมาทางประตู

            ทันทีที่เปิดประตูเดินเข้ามา เสียงของเสี่ยวกวางก็ร้องขึ้นด้วยความดีใจ

            “พี่หลิ่วมาแล้ว!”

            “ข้ามาแล้ว” เหยียนหลิ่วตอบรับด้วยสีหน้าผ่อนคลาย 

            “น้องหลิ่วมาแล้วหรือ ทางนี้ น้องหลิ่ว”

            จิ่งฝางที่กำลังยกจานหมั่นโถเต็มสองมือ รีบวางจานหนึ่งลง แล้วกวักมือเรียกเหยียนหลิ่วหยอยๆ 

            เหยียนหลิ่วยิ้มเข้าไปหาจิ่งฝาง ทั้งยังอาสาช่วยยกของ

            ถึงแม้เหยียนหลิ่วจะมีตำแหน่งเป็นขุนนางฝ่าบบู๊ระดับกลาง หากทุกคนที่โรงเตี๊ยมตระกูลจางยังคงเรียกขานเขาว่า ‘น้องหลิ่ว’ หรือไม่ก็ ‘พี่หลิ่ว’ อย่างเป็นปกติ หนำซ้ำยังปฏิบัติกับเขาไม่ต่างจากเดิม

            เหยียนหลิ่วรู้สึกว่าเป็นแบบนี้ดีแล้ว เพราะทุกคนล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน

            “น้องหลิ่ว เจ้าออกไปหาท่านอาจางกับตงตงเถอะ หมั่นโถพวกนี้ข้ายกไปเอง” จิ่งฝางบอก

            เหยียนหลิ่วพยักหน้าให้กับจิ่งฝาง จากนั้นเดินออกมาที่ห้องโถง เป็นที่ที่ทุกคนจะมารวมกันกินข้าว

            เมื่อทุกคนเห็นเหยียนหลิ่วมาถึง ต่างก็ยิ้มแย้มให้กับเขา และยังทักทายอย่างเป็นกันเอง

            “งานจู่โจมคงเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย มาๆ มานั่งตรงนี้สิ” จางไคเฮ่อที่ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ถึงกับรินสุราให้เหยียนหลิ่วเองกับมือ

            “ขอบคุณขอรับอาจารย์” เหยียนหลิ่วตอบรับ แล้วนั่งลงข้างๆ จางไคเฮ่อ และยัรับจอกสุรานั้นมาดื่มเป็นการคารวะ  

            เหยียนหลิ่วในตอนนี้อายุยี่สิบสามปีเต็ม รูปร่างของเขานั้นย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

            ไม่เพียงรูปร่างสูงใหญ่ ร่างกายที่ฝึกฝนตลอดหลายปียังเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยงาม รับกับใบหน้าคมคายหล่อเหลา โดยรวมแล้ว เขาดูมีสง่าราศีเป็นอย่างมาก

            “ครั้งนี้ต้องทำภารกิจนานถึงสามเดือนเชียว คงลำบากไม่น้อย”

            “บอกอาจารย์ตามตรง งานครั้งนี้ไม่นับว่าลำบาก แต่เสียเวลากับการรวบรวมหลักฐานเอาผิดขุนนางหยวน เลยใช้เวลาถึงสามเดือนขอรับ”

            “เช่นนั้นก็ดีแล้ว ทำงานอย่างรอบคอบและมีสติ จะได้ไม่ถูกขุนนางชั่วคนอื่นตลบหลังเอาได้”

            “ขอรับ”

            ในขณะคุยกับจางไคเฮ่อ สายตาคมคายของชายหนุ่มเหลือบมองตงตงที่นั่งฝั่งตรงข้ามเป็นระยะ

            หญิงสาวในสายตาของเขา นับวันยิ่งดงามไร้ที่ติ

            “มื้อเย็นวันนี้ตงตงตั้งใจเตรียมเฉพาะของที่เจ้าชอบ เจ้าก็รีบก่อนที่อาหารจะเย็เถอะ ยังมีอีกเยอะ กินให้อิ่ม”

            จางไคเฮ่อจงใจพูดให้เข้าใจผิด

            เรื่องที่เหยียนหลิ่วมีใจให้ตงตงนั้น จางไคเฮ่อรู้มานานแล้ว แต่คนที่ไม่รู้ตัวเอง เห็นทีจะเป็นบุตรสาวของเขามากกว่า

            ย้อนกลับมาทางด้านเหยียนหลิ่ว

            อันที่จริง อาหารฝีมือของตงตง ต่อให้เป็นหมั่นโถลูกเดียวก็นับว่าเป็นของโปรดของเขาแล้ว

            ยิ่งพอได้ยินจางไคเฮ่อพูดแบบนั้น เขาก็ยิ่งยิ้มออกมาด้วยสีหน้ามีความสุข

            ทุกคนกินข้าวเย็นพลางพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

            บรรยากาศบนโต๊ะอาหารยามนี้จึงครึกครื้นอย่างยิ่ง

            หลังทานข้าวเย็นอิ่มกันแล้ว มิหนำซ้ำสุรายังหมดไปหลายไห จางไคเฮ่อก็ขอกลับไปพักผ่อนที่ห้อง

            “อาจารย์ ให้ข้าไปส่งท่านนะ”

            “ไม่เป็นไร พวกเจ้าอยู่คุยกันต่อเถอะ”

            “เช่นนั้นราตรีสวัสดิ์ขอรับ”

            “ราตรีสวัสดิ์ท่านพ่อ”

            “อืม” 

            จางไคเฮ่อโบกมือให้กับหนุ่มสาวทั้งสอง 

            ทางด้านคนอื่นๆ หลังจากเห็นว่าเถ้าแก่ใหญ่กลับห้องไปแล้ว พวกเขาก็ลุกขึ้นเก็บจานเปล่า ทั้งยังบอกให้เหยียนหลิ่วอยู่คุยกับตงตงต่อ พวกเขาจะเก็บกวาดกันเอง 

            ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงย้ายออกไปนั่งที่ระเบียงเพื่อรับลมกลางคืน

            ทันทีที่ได้อยู่สองต่อสอง เหยียนหลิ่วผุดเผยรอยยิ้มอ่อนโยนขณะถามตงตงว่า “ช่วงสามเดือนที่ข้าไม่อยู่ เจ้าสบายดีหรือไม่”

            หญิงสาวคลี่ยิ้มอ่อนหวานพร้อมตอบกลับ “สบายเจ้าค่ะ ว่าแต่ พี่หลิ่วเถอะ ออกไปทำภารกิจเสี่ยงอันตรายบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”

            เห็นนางถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง ความเหน็ดเหนื่อยจากการเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงหายเป็นปลิดทิ้ง

            “ไม่เลย ว่าตามจริง ทุกครั้งที่ออกไปทำงานนอกเมืองหลวง ข้าอยากรีบทำงานให้เสร็จแล้วกลับมาเจอเจ้ามากกว่า”

            “ถึงจะรีบแค่ไหน ท่านจะทำงานแบบขอไปทีไม่ได้ ต้องดูแลตัวเองด้วย เข้าใจหรือไม่”

            เหยียนหลิ่วตอบรับตงตงว่า เข้าใจแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงไป

            เมื่อพูดจบ ชายหนุ่มก็ล้วงมือหยิบกล่องไม้ออกมาจากอกเสื้อ

            ภายในกล่องไม้คือปิ่นชิ้นเงินรูปทรงเรียบๆ แต่ตรงกลางดอกไม้กลับประดับด้วยไข่มุกสีขาวนวล

            “ข้าซื้อปิ่นไข่มุกมาฝากเจ้า”

            “ปิ่นไข่มุกหรือ ราคาคงแพงน่าดู?”

            “สำหรับเจ้าแล้ว ไม่นับว่าแพงอะไรเลย กลับกัน เงินเดือนของข้าตอนนี้ซื้อได้แค่ปิ่นไข่มุกเท่านั้น”

            “พี่หลิ่ว แค่ท่านมีน้ำใจให้พวกเรา นับว่ามีค่ามากแล้ว”

            “ให้ข้าปักปิ่นให้เจ้านะ”

            พูดจบ เหยียนหลิ่วพลันปักปิ่นให้หญิงสาว

            ก่อนจะดึงมือกลับ เขาลูบไล้ปิ่นด้วยความเสียดายหน่อยๆ

            ค่ำคืนนี้พระจันทร์เต็มดวงส่องสว่างสุกใส ยามแสงสีเงินสะท้อนกับปิ่นที่ประดับบนผมของหญิงสาว ยิ่งขับเน้นให้นางงดงามมากกว่าเดิม 

            “งดงามมาก” เขาหลุดปากเอ่ยชมนาง 

            ตงตงยิ้มเขินอาย

            นับวันเหยียนหลิ่วไม่เพียงปากหวาน ทุกครั้งที่ออกไปทำภารกิจข้างนอก มักจะซื้อของขวัญมาฝากนางเสมอ

            ยิ่งไปกว่านั้น! 

            วันเงินเดือนออก เขาจะยื่นถุงเงินให้นาง แล้วบอกให้นางเก็บไว้

            แน่นอนว่า ตงตงปฏิเสธไม่รับเงิน เพราะเงินนั่นหามาด้วจากน้ำพักน้ำแรงของเขา

            แต่ทว่า…เหยียนหลิ่วก็ยังยืนกรานให้นางเก็บเงินนั้นให้ได้ ทั้งยังบอกว่า ‘ทุกอย่างของข้าล้วนเป็นของเจ้า’

            ความยึดติดของเขา ทำเอานางจนใจอย่างยิ่ง

            ท้ายที่สุดก็แก้ปัญหาด้วยการแบ่งเงินเป็นสองส่วนเท่าๆ กัน

            ส่วนหนึ่งนางเก็บไว้ และอีกส่วนให้เขาเป็นคนเก็บ

            พอทำแบบนี้ เหยียนหลิ่วก็ไม่รบเร้าให้นางเก็บเงินทั้งหมดของเขาอีก

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status