Share

บทที่ 70 ของหมั้น

last update Последнее обновление: 2025-06-21 17:27:34

บทที่ 70

ของหมั้น

            รุ่งเช้าวันถัดมา

            ในขณะนั่งกินข้าวกันพร้อมหน้า จางไคเฮ่อสังเกตเห็นปิ่นปักผมบนศีรษะของบุตรสาว อดไม่ได้จึงเอ่ยถาม

            “ปิ่นไข่มุกงดงามหายาก อาหลิ่วเป็นคนให้เจ้าหรือ”

            ตอนเห็นตงตงออกมาพร้อมกับปักปิ่นไข่มุก ทุกคนต่างสงสัยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ติดตรงไม่กล้าถาม

            พอจางไคเฮ่อถามออกมา ทุกคนจึงมองปิ่นประดับของตงตงด้วยแววตาเปล่งประกาย

            “งดงามมากเลย พี่ตงตง” เสี่ยวซินชื่นชมด้วยสายตาวิบวับ

            ปีนี้เสี่ยวซินอายุสิบเก้า แม้ทำงานในครัวกับหยูฮูหยิน แต่ผิวพรรณของเสี่ยวซินกลับขาวเนียนอย่างยิ่ง นัยน์ตากลมโตเป็นประกาย ฉายแววฉลาด หลงจู๊ชิวจึงช่วยสอนหนังสือให้เพื่อที่นางจะได้ไม่ลำบากในอนาคต

            หากถามว่า ‘หลงจู๊ชิว’ คือใคร นางคือบัณฑิตยากไร้ที่เคยทำงานพาร์ทไทม์ให้กับโรงเตี๊ยมตระกูลจางเมื่อหกปีก่อน เมื่อสอบขุนนางไม่ผ่าน จึงตัดสินใจขอทำงานที่โรงเตี๊ยมตระกูลจางต่อ

            “เสี่ยวซิน ข้าได้ยินว่าพี่เจียฮุ่ยเพิ่งซื้อปิ่นหยกให้เจ้าไม่ใช่หรือ แหมๆ เจ้าใช้แต่ปิ่นไม้ ประเดี๋ยวเขาก็น้อยใจเอาหรอก” ตงตงเอ่ยพร้อมกับยิ้มทะเล้น

            ได้ยินเช่นนี้ เสี่ยวซินพลันบิดตัวเขิน

            หลงเจียฮุ่ยกับเสี่ยวซินคบหากันได้สองปีแล้ว

            แม้ทั้งสองยังไม่มีอะไรคืบหน้า แต่ฝ่ายชายดูรักเดียวใจเดียวอย่างยิ่ง 

            ในขณะเองนั้นเอง จางไคเฮ่อถามบุตรสาวว่า “อาหลิ่วให้ปิ่นกับเจ้า แล้วได้บอกอะไรอีกบ้าง”

            ตงตงยกมือขึ้นแตะปิ่นบนศีรษะ พอลดมือลง นางก็ตอบบิดาตามตรง

            “พี่หลิ่วบอกว่าเหมาะกับข้ามาก”

            “แค่นี้เองหรือ” จางไคเฮ่อเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้าแปลกใจ

            ตงตงพยักหน้าทีหนึ่ง

            แต่เมื่อผ่านไปสักครู่ นางพลันย่นคิ้ว ทำหน้าตาสงสัย

            “เอ๊ะ หรือปิ่นนี้ไม่เหมาะกับข้า เขาแค่พูดเพื่อเอาใจข้าหรือ!?”

            “ปิ่นไข่มุกเหมาะกับเจ้ามาก คิดมากน่า” จิ่งฝางว่า ก่อนจะหัวเราะฮะๆ

            “เจ้าคิดมากไปแล้ว ปิ่นไข่มุกเหมาะกับเจ้ามากจริงๆ” หยูฮูหยินยืนยันอีกเสียง

            จากนั้นทุกคนก็บอกว่าปิ่นไข่มุกชิ้นนี้งดงามเหมาะกับตงตงมาก

            “ข้าก็แค่สงสัย อาหลิ่วลงทุนกับของขวัญชิ้นนี้มาก เหมือนกับว่าจะใช้เป็นของหมั้นยังไงยังงั้น” จางไคเฮ่อพูดขึ้นมาอีกครั้ง

            “พูดไปก็จริง” หยูฮูหยินทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกออก “การที่บุรุษมอบปิ่นทำมือให้ฝ่ายหญิง ยังมอีกความหมายหนึ่ง”

            “หมายความว่ายังไงหรือ หยูฮูหยิน” ตงตงถาม เพราะไม่รู้จริงๆ

            “ก็หมายถึงการจับจองหรือใช้แทนของหมั้นหมาย”

            พอหยูฮูหยินบอกเช่นนี้ ทุกคนที่นั่งล้อมโต๊ะอาหารต่างร้อง “ว้าว” พร้อมกับแสดงสีหน้าปลื้มระคนยินดี 

            หากจะมีก็แต่ตงตงเท่านั้นที่ร้อง “เอ๊ะ!?” อย่างไม่เข้าใจ จากนั้นดึงปิ่นออกมาพิจารณาซ้ำๆ

            “ปิ่นเงินที่ประณีตแบบนี้ พี่หลิ่วน่าจะซื้อมาไม่ใช่หรือ…ถ้าเขาจะหมั้นกับข้า ทำไมไม่เห็นบอกอะไรข้าสักคำ” ตงตงกล่าวด้วยความขัดแย้ง

            “ตัวของปิ่นที่ทำจากเงินเกลี้ยงเกลาประณีต แสดงออกถึงความใส่ใจ ไข่มุกเม็ดงามนั้น เจ้าคิดว่าเขาต้องใช้เงินเดือนกี่เดือนซื้อมากันล่ะ ในทางกลับกัน หากรวบรวมวัสดุแล้วทำปิ่นขึ้นมาเอง จะประหยัดค่าแรงถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว” จางไคเฮ่อธิบาย เพราะรู้ว่าเงินเดือนครึ่งหนึ่งของเหยียนหลิ่ว ตงตงเป็นคนเก็บ 

            เพราะอย่างนั้น ปิ่นชิ้นนี้เหยียนหลิ่วไม่มีทางซื้อมา แต่ทำขึ้นเอง และคงใช้เวลาเป็นปีๆ 

            “ข้ารู้ว่าปิ่นนี้ราคาแพง แต่ไม่นึกว่าจะแพงขนาดนั้น”

            “เขาอาจจะลืม หรือไม่ก็…คิดว่าเจ้าเข้าใจความหมายของการให้ปิ่น ก็เลยไม่ได้พูดอะไร” หยูฮูหยินบอก

            ตงตงฟังคำบอกกล่าวของผู้ใหญ่ทั้งสอง พลันแก้มแดงขึ้นมาทันที

            “เพื่อความแน่ใจ รอเขามา ข้าจะถามให้ เอาละ กินข้าวๆ”

            “อ๊ะ ท่านพ่อ ท่านจะถามหรือ”

            “เป็นบุรุษต้องทำอะไรให้ชัดเจน ข้าพูดผิดหรือไง”

            “มะไม่เจ้าค่ะ”

            “กินข้าวได้แล้ว ประเดี๋ยวต้องเปิดร้านอีก”

            จางไคเฮ่อตัดบท ก่อนจะพุ้ยข้าวเข้าปากหน้าตาเฉย

            ทางด้านของตงตงนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย หัวใจของนางว้าวุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 

            …..

            …..

            มือเช้าของเหยียนหลิ่วส่วนใหญ่เป็นอาหารง่ายๆ

            แม้อยากเห็นหน้าของตงตงทุกวัน หากก็ไม่อยากไปรบกวน เนื่องจากร้านอาหารตระกูลจาง ลูกค้าเข้าร้านตั้งแต่ร้านเปิด

            หลังจากกินข้าวเช้าที่ทำเองง่ายๆ อิ่มแล้ว เหยียนหลิ่วเก็บถ้วยชามล้าง ก่อนเดินทางเข้าสำนักราชองครักษ์หลวง ทำหน้าที่ของตนต่อไป 

            หากไม่มีงานที่ต้องเดินทาง ในหนึ่งวันที่อยู่เมืองหลวง เหยียนหลิ่วจะฝึกฝนร่างกาย ขัดเกลาวิชาดาบ อ่านรายงานที่ลูกน้องส่งเข้ามา 

            เผลอแป๊บเดียวก็หมดไปอีกวันหนึ่ง 

            “หัวหน้า ยามโหย่ว (17.00 - 19.00 น.) แล้วนะขอรับ” ซวีหยวน เป็นทั้งลูกน้องและมือขวาของเหยียนหลิ่วเอ่ยเตือน

            “อืม”

            “ข้าขอตัวกลับบ้านก่อนนะขอรับ ท่านก็อย่ากลับดึกนักล่ะ”

            “เข้าใจแล้ว”

            หลังจากนั้น ซวีหยวนก็ออกจากห้องทำงานไป 

            เหยียนหลิ่วมองท้องฟ้ายามค่ำผ่านหน้าต่าง พลันใบหน้าของตงตงก็ผุดของมากลางใจ

            คิดถึงจัง…

            เมื่อคืนวาน เขาให้ปิ่นไข่มุกกับนางไป นางอาจไม่เข้าใจความหมาย แต่ถ้านางปิ่นที่เขาให้ปั้น สามารถไล่หนูไล่แมลงที่วนเวียนอยู่รอบๆ ตัวนางได้ก็คงดี 

            พูดถึงปิ่น ก็อดคิดถึงความทุ่มเทของเหยียนหลิ่วไม่ได้

            ตัวของปิ่น เขาใช้พลังปราณค่อยๆ หลอมแท่งเงินจนเกลี้ยงเกลา ดอกไม้ที่ประดับค่อนข้างทำยาก เขาจึงทำซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่เป็นปีๆ ส่วนไข่มุกก็ได้มาตอนที่เดินทางลงใต้ ดังนั้นปิ่นไข่มุกที่เขามอบให้นาง จะเป็นปิ่นไข่มุกชิ้นเดียวในโลกที่หาซื้อจากร้านอื่นไม่ได้อีกแล้ว 

            คิดถึงตรงนี้ท้องฟ้าก็มืดพอดี

            เหยียนหลิ่วจัดเรียงหนังสือและเอกสารให้เข้าที่ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วออกจากห้อง

            พอมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง ทุกคนเตรียมกับข้าวขึ้นโต๊ะเรียบร้อย เหยียนหลิ่วคารวะจางไคเฮ่อ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ตงตง

            “ตงตง”

            “หือ?”

            “ขอโทษทีนะ ข้ามาช่วยเจ้าเตรียมมื้อเย็นไม่ทัน”

            “งานท่านเยอะ ข้าเข้าใจ อีกอย่างข้าก็บอกแล้ว ขอเพียงแค่ท่านมากินข้าวด้วยกันก็พอแล้วนี่”

            ชายหนุ่มยิ้มให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน

            เมื่อทุกคนมากันครบแล้ว พวกเขาก็หยิบตะเกียบขึ้น ตั้งท่าจะคีบกับข้าว

            แต่แล้ว…

            จู่ๆ เสียงอันเคร่งขรึมจางไคเฮ่อก็ดังขึ้น

            “อาหลิ่ว เจ้าให้ของหมั้นกับลูกสาวข้า แต่ไม่ได้บอกอะไรนาง หมายความว่ายังไง”  

            สิ้นคำพูดของจางไคเฮ่อ ทุกคนนั่งตัวแข็งทื่อราวกับทุกอย่างถูกแช่แข็ง มีก็แต่สายตาที่เหลือบมองเหยียนหลิ่วเป็นตาเดียว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status