LOGINหลังค่ายจริยธรรมจบลง ไม่รู้คิดผิดคิดถูกถึงได้เดินทางมาบ้านโจริญตามสัญญา 'ห้าน้ำ' ที่ให้ไว้
ช่วงเย็นพระอาทิตย์ใกล้ตกดินท้องฟ้าเริ่มอึมครึม ผมยืนอยู่หน้ารั้วบ้านหลังใหญ่โอ่อ่า มองจากกำแพงเข้าไปเห็นรถหลายคันจอดนิ่งอยู่ ดูก็รู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของมหาเศรษฐี
ผมชะโชกหน้ารออีกฝ่ายข้างนอกก่อนจะเห็นร่างสูงใหญ่คุ้นตาเดินออกมาจากบ้านหลังใหญ่ด้วยสีหน้าหงุดหงิดหัวคิ้วขมวดมุ่น เป็นอะไรของมันวะ
ตามมาด้วยชายหนุ่มร่างสูงวัยผู้ใหญ่สวมสูทผูกไทดูภูมิฐาน ใบหน้าของเขาดูหงุดหงิดไม่ต่างกัน
นั่นประธานนี่ เหมือนพ่อลูกคู่นี้กำลังทะเลาะอะไรกันอยู่
และคนนิสัยไม่ดีแบบผมก็แอบมองนอกกำแพงเงียบๆ เหมือนโจรดักซุ่มขโมยของไม่มีผิด
"เลิกสร้างปัญหาสักที!! ฉันขายขี้หน้าจนไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหนแล้ว!!" ประธานตะคอกใส่หน้าลูกชายตัวเองอย่างหัวเสีย เสียงดังจนแว่วเข้ามาในหูผม
"เพราะใครกันล่ะครับที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้" โจริญเถียงพ่อตัวเองกลับ น้ำเสียงของเขาดูไม่พอใจอย่างมาก
"แกจะเอาอะไรจากฉันอีก!! รถก็ซื้อให้แล้ว เงินก็ให้ใช้ไม่ขาดมือ!! แล้วทำไมถึงยังทำตัวแบบนี้!!" คนเป็นพ่อเริ่มทนไม่ไหว
"เลิกยุ่งกับผู้หญิงชั้นต่ำแล้วเอาแม่กลับมาสิครับ ผมถึงจะหยุดทุกอย่าง!!"
"เกลียดอะไรนักหนา เขาไปทำอะไรให้แก!!"
"เพราะมันเป็นปลิงดูดเลือดที่คิดแต่จะดูดเลือดพ่อไง!! ไม่เข้าใจเหรอ!! พ่อจะฉิบหายถ้ายังหลงมันจนโงหัวไม่ขึ้นขนาดนี้"
เพียะ!! โจโดนตบหน้าอย่างแรงจนหน้าหัน
"ฉันตามใจแกมามากแล้วโจริญ!! อย่าลามปามถึงแม่แกแบบนี้อีก"
"เหอะ! แม่? ผมมีแม่คนเดียว"
"เกิดอะไรขึ้นคะคุณ!!" ผู้หญิงคนหนึ่งเดินตามออกมาอย่างร้อนรน เธอดูเป็นสาวโตเต็มวัยหุ่นอวบอึ๋บโดยเฉพาะหน้าอก สวมชุดเดรสรัดรูปเดินเข้าไปเกาะแขนประธาน
"เชิญสนุกกันต่อไปเถอะครับ"
โจริญทิ้งท้ายไว้ ก่อนหันหลังเดินออกมา
ทันใดนั้นเองที่หัวใจผมกระสับกระส่าย มาเห็นอะไรเข้าก็ไม่รู้ ผมเลือกที่จะเดินหนี ควบรถแล้วขับออกมาจากตรงนั้น
กลับบ้านมาด้วยสภาพเหม่อลอยในหัวมีแต่ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้า รู้สึกล่องลอย
ติ๊ง!
เสียงข้อความหนึ่งเด้งขึ้น ผมล้วงมือถือในกระเป๋ากางเกงมาเปิดดู
[ข้อความ]
'เจอกันที่นี่นะ' (โจริญ)
โจริญส่งโลเคชั่นสถานที่นัดเจอมาให้ พอกดเข้าไปดูก็เห็นว่ามันเป็นร้านอาหารริมทางธรรมดาที่ไม่ได้ดูหรูอะไร
'เค กำลังไป'(นที)
ภาพที่เขาโดนตบ ฉายเข้ามาในหัวผมซ้ำๆ ทั้งๆที่ผมไม่ชอบขี้หน้าหมอนั่นด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมแววตาเศร้าหมองถึงติดอยู่ในใจไม่หาย
ผมรีบสลัดความคิด ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเพราะมันคือเรื่องของคนในครอบครัว คิดได้ก็ออกจากบ้านไปตามสถานที่นัดเจอ
ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงสถานที่ดังกล่าว เป็นร้านอาหารธรรมดาริมฟุตบาทตามที่คาดไว้
เดินเข้ามาสายตาก็สะดุดเมื่อเห็นร่างสูงเด่นของโจริญนั่งก้มหน้าอยู่บนโต๊ะตามลำพัง
ผมเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเงียบๆ
โจริญก็เงยหน้าขึ้นทัก"มาแล้วเหรอ" สีหน้าของเขาดูปกติต่างจากไหล่ที่ห่อเหี่ยว แต่สายตามันหลอกกันไม่ได้หรอก นายกำลังเศร้าหนักเลยนี่
เห็นอย่างนั้นภาพลักษณ์ในหัวก็หายไปทันทีจากอันธพาลเสเพลเป็นหมาหงอย จนรู้สึกเห็นใจเขาขึ้นมา
"กินข้าวมายัง?" ผมถาม
"แดกมาแล้วกูจะชวนมึงเหรอ?"
หยุดสงสารมันสักที!! ไม่ต้องไปอยากรู้จักคนอย่างมัน!! เสียงในใจกำลังร้องประท้วงอย่างหนัก แต่เมื่อเห็นรอยฟกช้ำตรงโหนกแก้มหัวใจก็อ่อนยวบอีกครั้งและเลือกที่จะมองข้ามปากหมาๆที่ฟังเท่าไหร่ก็ไม่เคยชิน "จะกินไรอ่ะ กูเลี้ยงเอง"
"ไม่ต้อง กูรวย"
ผมไม่ได้โฟกัสคำพูดห้วนๆนั้นอีกต่อไป ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ก่อนตะโกนสั่งข้าว
"ป้าครับไข่ระเบิดเพิ่มไข่ดาวไม่สุกที่นึง!!"
"สองเลย ผมด้วย!!" โจตะโกนตามหลัง
ระหว่างรอ โจก้มหน้าเงียบๆ ทำแบบนี้ไม่เหมือนกับโจที่ผมคุ้นเคยเลยจริงๆ ระหว่างที่คิดว่าควรปลอบหรือควรปล่อยเสียงใสของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้นใกล้ๆ "โจริญ"
ผมกับคนตรงข้ามรีบหันไปมองเจ้าของเสียงใสด้วยความสนใจก่อนที่จะ...
ซ่าาา!!
แก้วน้ำเปล่าบนโต๊ะถูกผู้หญิงปริศนาคนนี้สาดใส่โจริญอย่างไม่ทันตั้งตัว ผมอึ้ง... เกิดไรขึ้นวะ?
ไม่ทันให้โจริญได้ตอบกลับก็เจอฝ่ามืออรหันต์ตบปิดฉาก เพียะ!! ตามด้วยคำด่า "ไอ้คนสารเลว" แล้วเดินจากไป
โจริญอึ้งหน้าชา ผมหยิกหยองเปียกชุ่มปกลงมาปิดหน้าผากพร้อมกับหยดน้ำที่ไหลลงมาอาบใบหน้า
สีหน้าของเขาตอนนี้เหมือนกำลังสิ้นหวังกับทุกสิ่งทุกอย่าง ท่ามกลางลูกค้าโต๊ะอื่นที่ต่างหันมาให้ความสนใจ
ตอนนี้ผมตัดสิ้นใจได้แล้วว่าควรปลอบ แต่จะให้ปลอบยังไงก่อน "เอ่อ.." ผมเริ่มงงกับสถานการณ์ตรงหน้า ควรเอายังไงดี? เริ่มจากตรงไหน?
"ฮ่ะ...ฮ่าๆๆๆๆ" จู่ๆคนตรงหน้าก็หัวเราะในสถานการณ์ที่ไม่น่าขำขันนี้
ผมกวาดตามองดูลูกค้าโต๊ะอื่นก่อนจะเห็นว่าทุกคนกำลังมองมาที่โต๊ะเราด้วยสายตาแปลกๆ ขมวดคิ้วบ้าง หน้านิ่วบาง
และเพราะกลัวว่าจะสร้างความรำคาญให้กับโต๊ะอื่นผมเลยเลือกที่จะยิ้มขอโทษขอโพย
"ขอโทษด้วยนะครับ ทานต่อเลยครับ ฮ่าๆ" ผมยิ้มแห้งๆก่อนจะลุกไปหิ้วปีกโจริญออกจากร้าน
"ฮ่าๆๆๆๆๆ" ขณะที่เขากำลังหัวเราะเหมือนคนบ้าคลั่งอยู่
"เท่าไหร่ครับ" และก่อนที่จะออกจากร้านผมก็แวะชำระเงินหน้าเคาน์เตอร์ก่อน
แม่ค้ายิ้มตอบ "ไม่เป็นไรจ้ะ ป้ายังไม่ได้ผัด"
"ขอโทษด้วยนะครับ ผมขอพาเพื่อนไปโรงบาลจิตเวชก่อน ช่วงนี้มันโหมงานหนักเลยต๊องๆหน่อย"
ผมยิ้มเจื่อนให้แม่ค้าแล้วรีบสาวเท้าพาไอ้บ้านี่ออกจากร้านอย่างไว "รถอยู่ไหน" ถามโจ
"ฮ่าๆๆๆๆๆ" เขาไม่ตอบและดูเหมือนอาการจะหนักขึ้น จิตเวชถามหาของจริงแล้วตอนนี้ และเพราะเหมือนคนสติหลุดไปแล้ว ผมเลยเลือกใช้ความสามารถในการสุ่มมองรถ ซึ่งก็เจอรถสปอร์ตสีดำคันหรูคุ้นตาจอดนิ่งอยู่หน้าร้าน
ไม่รอช้าผมเดินไปที่รถคันนั้นทันที พอยื่นมือไปเปิดประตูปรากฏว่ารถไม่ได้ล็อค ก็รีบผลักคนตัวใหญ่เข้าไปเบาะหลังก่อนจะตามไปนั่งข้างๆและปิดประตูทันที
เขานั่งเหม่อตาลอยเหมือนตกอยู่ในสภาวะช็อกอย่างหนัก ส่วนผมนั่งมองหอบหายใจถี่ ทั้งขายหน้าและเหนื่อย ตัวหนักเหมือนควายไม่รู้แดกไรเข้าไปนักหนา
โจยังคงไม่พูดไม่จานั่งอิงหลังรถเงียบๆ และเพราะบรรยากาศที่เงียบ ความทรงจำในคืนนั้นก็แล่นเข้ามาอีกครั้ง...
คืนนั้น....ภายในรถตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นเหล้าฉุนๆ กับคนเมาสองคนที่เมาจนขาดสติ จำได้ขึ้นใจว่าเป็นช่วงเวลาที่บัดซบที่สุดในชีวิต อกหักไม่พอยังต้องมาเจอกับไอ้คนที่เกลียดขี้หน้าอีก แต่เราต่างเคว้ง... และเมื่อคนเคว้งมาเจอกันด้วยอาการเมาจนขาดสตินั้น แรงดึงดูดทางอารมณ์ก็ก่อตัวขึ้น กลิ่นเหล้าฉุนๆลอยอยู่ในอากาศ สมองมึนๆเบลอๆกับใจเหงาๆมอมเมาเราสองคน โจนั่งฝั่งคนขับ ส่วนผมนั่งอีกฝั่งคุยอ้อแอ้อะไรกันอยู่สักพักหนึ่งซึ่งก็จำไม่ค่อยได้ รู้แค่ว่าสายตาคมคู่นั้นหวานเยิ้มจนลืมความเกลียดชังไปชั่วขณะ เราโถมตัวเข้าหากันโดยไม่ได้นัดหมาย และสัมผัสรสชาติในปากของกันและกัน ให้เรียวลิ้นนุ่มชื้นตวัดกันในโพรงปากร้อนระอุ อย่างดูดดื่ม สัมผัสความขมฝาดของน้ำเมากระทั่งมือใหญ่ของเขาเข้ามาสัมผัสช่วงท้องและปลดกระดุมเสื้ออย่างช่ำชองโดยที่ไม่มองและยังไม่ถอนจูบออกด้วยซ้ำจนท่อนบนผมเปลือยเปล่า โชว์เรือนร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเรียงสวย มือนั้นยื่นมาลูบไล้ก่อนถอนจูบออกพร้อมกับเอ่ยพูดเสียงกระเส่า"ต้องงี้ดิวะ"สัมผัสหยาบของฝ่ามือนั้นทำให้ร่างกายผมร้อนวูบวาบ กระตุ้นอารมณ์ให้ลุกโชน แก่นกายที่แน่นิ่งเริ่มขยายอยู่ภายใต้กางเกงสแล
หลังค่ายจริยธรรมจบลง ไม่รู้คิดผิดคิดถูกถึงได้เดินทางมาบ้านโจริญตามสัญญา 'ห้าน้ำ' ที่ให้ไว้ ช่วงเย็นพระอาทิตย์ใกล้ตกดินท้องฟ้าเริ่มอึมครึม ผมยืนอยู่หน้ารั้วบ้านหลังใหญ่โอ่อ่า มองจากกำแพงเข้าไปเห็นรถหลายคันจอดนิ่งอยู่ ดูก็รู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของมหาเศรษฐี ผมชะโชกหน้ารออีกฝ่ายข้างนอกก่อนจะเห็นร่างสูงใหญ่คุ้นตาเดินออกมาจากบ้านหลังใหญ่ด้วยสีหน้าหงุดหงิดหัวคิ้วขมวดมุ่น เป็นอะไรของมันวะตามมาด้วยชายหนุ่มร่างสูงวัยผู้ใหญ่สวมสูทผูกไทดูภูมิฐาน ใบหน้าของเขาดูหงุดหงิดไม่ต่างกัน นั่นประธานนี่ เหมือนพ่อลูกคู่นี้กำลังทะเลาะอะไรกันอยู่และคนนิสัยไม่ดีแบบผมก็แอบมองนอกกำแพงเงียบๆ เหมือนโจรดักซุ่มขโมยของไม่มีผิด"เลิกสร้างปัญหาสักที!! ฉันขายขี้หน้าจนไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหนแล้ว!!" ประธานตะคอกใส่หน้าลูกชายตัวเองอย่างหัวเสีย เสียงดังจนแว่วเข้ามาในหูผม"เพราะใครกันล่ะครับที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้" โจริญเถียงพ่อตัวเองกลับ น้ำเสียงของเขาดูไม่พอใจอย่างมาก"แกจะเอาอะไรจากฉันอีก!! รถก็ซื้อให้แล้ว เงินก็ให้ใช้ไม่ขาดมือ!! แล้วทำไมถึงยังทำตัวแบบนี้!!" คนเป็นพ่อเริ่มทนไม่ไหว"เลิกยุ่งกับผู้หญิงชั้นต่ำแล้วเอาแม่กล
ค่ายจริยธรรมกินเวลาไปสองวัน โดยช่วงเช้าถึงช่วงสายทำกิจกรรมปลูกป่าและช่วงบ่ายถึงหัวค่ำคือการแสดงละครคุณธรรม"ฉันเกลียดคุณ!! คนสารเลว!!" หญิงสาวตัวเล็กคนหนึ่งกำลังร้องไห้บีบน้ำตาบนเวที ก่อนจะง้างมือตบชายร่างสูงตรงหน้าเสียงดังฟังชัดเพียะ!!"อะเฮือก!!" คนโดนกระทำถึงกลับล้มคว่ำนอนกลิ้งบนพื้น หันมาอีกทีมีเลือดซึมจมูก"เธอจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะซาร่า~~ พี่ทำผิดอะไร แค่กๆ!" เขายกมือขึ้นหมายจะเอื้อมไปดึงชายกระโปรงหญิงสาว แต่กลับถูกเหยียบย้ำอย่างไม่มีชิ้นดี "เพราะคนอย่างพี่สมควรได้รับในสิ่งที่ทำ ไอ้คนส่ำส่อน ชิ" เธอเชิดหน้าสะบัดตูดหมุนตัวแล้วเดินจากไปอย่างไม่ใยดี"ฮือออ สุดท้ายแล้วคนสำส่อนอย่างฉันก็ไม่เหลือใครเลย" ชายหนุ่มนอนร้องไห้โฮอยู่บนเวทีพร้อมเสียงดนตรีโศกเศร้าแปะๆๆๆ!!ก่อนเสียงตบมือจะดังก้องขึ้นทั่วห้อง หลังการแสดงละครคุณธรรมจบลงเป็นที่เรียบร้อย กลุ่มนี้แสดงได้ดีมากจนผมเกิดไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมา เพราะหลังจากการแสดงของกลุ่มนี้จบ ก็ถึงตาพวกเราสามคน โจ ไทม์ และผม"กรี๊ดดด>วิดวิ่วว~~""กลุ่มนี้ฉันจองงง!!"ขณะที่ก้าวขาขึ้นเวทีก็ได้ยินเสียงกรี๊ดมากมายจากชายและหญิงดังไปทั่วห้อง เหมือ
วันนี้ผมบอกให้ไทม์มารับเพราะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่โรงเรียนย้อนกลับไปช่วงแรกที่ผมเข้าเรียนผมปิดแมสและสวมแว่นเป็นปกติ วันแรกทุกคนไม่เอะใจอะไรก็เข้าใจว่าผมไม่สบายและชวนผมคุยปกติพอนานวันเข้าหลายคนเริ่มเอะใจว่าทำไมผมไม่ยอมถอดแมสและสำคัญคือไม่ยอมไปกินข้าวด้วย เสียงซุบซิบนินทาต่างๆเริ่มหนาหูมากขึ้นๆว่าผมเป็นไอ่คนมืดมน อมทุกข์ หยิ่งหรือแม้กระทั่งบางคนถึงกับบอกว่าผมอัปลักษณ์ ในห้องเลยแบ่งออกเป็น2ฝ่ายคือเชื่อและไม่เชื่อ คนที่ไม่เชื่อก็พยายามจะเข้ามาเพื่อตีซี้แต่ผมเองที่ปิดกลั้นจนสุดท้ายเลยหาข้ออ้างว่าตัวเองเป็นวัณโรค วันต่อมาเสียงซุบซิบนินมาไม่ได้มีแค่ในห้องแต่กระจายไปทั่วโรงเรียน ทุกคนเลยไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ กันต์ม.6ห้อง3 ผมเลยมีฉายาไอ่กันต์วัณโรคตั้งแต่นั้นมา ผมรู้สึกแย่ในวันแรกแต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่เจอมาถือว่าจิ๊บๆดีเสียอีกที่ไม่มีใครอยากเห็นหน้าตาไม่น่ามองนี้ เผลอๆถ้าถอดแมสออกอาจจะโดนหนักกว่าเดิมเหมือนที่ผ่านมาก็ได้ผมเลยคิดว่าดีแล้วที่เป็นแบบนั้นเพราะงั้นผมถึงกลัวว่าวันนี้ไทม์จะโดนอะไรที่ เหมือนๆกันแล้วต้องรู้สึกแย่หรือเปล่าบรื้นน บรื้นนน บิ๊กไบค์คันใหญ่ขับซิ่งมาแต่ไกลก่อนจะมาจอดตรงหน้า
"รวยหนิมึงอ่ะ ช่วยพี่เขาหน่อยดิ" "หึ" โจหัวเราะเสียงต่ำในลำคอเมื่อได้ยินผมพูดก่อนกวักมือเรียกสาวสวยนักศึกษาคนนั้น เอาแล้ว เพลย์บอยตัวพ่อเริ่มแล้ว!พอถูกเรียกเธอคนนั้นก็รีบเดินมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดีใจ ผิวของเธอส่องสว่างขาวนวลท่ามกลางแสงจันทร์ยามกลางคืน ใบหน้าผุดผ่องมองเห็นแก้มอมชมพูเป็นธรรมชาติมาถึงเธอก็ถาม "หอมะคะ หอม้ะ" เป็นสำเนียงแปร่งๆ ลูกครึ่งมั้ยนะ?"ไม่เอาหอ จะเอาหอย" แต่ไอ้โจแม่งช็อตฟีลจัด เธอหลบตาเขินใบหน้าขาวเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ"ไอ้โจมึงก็ปล่อยๆบ้างก็ได้" ผมกระซิบกระซาบข้างหูคนขับเบาๆ "เหมาหมดนั่นแหละ เท่าไหร่?" โจถาม เธอหันมามองอย่างดีใจก่อนยื่นถุงหอยสี่ถุงมาตรงหน้าคนถามพร้อมบอกราคาเสียงสดใส"สี่ล้อ" ชูสี่นิ้ว"พี่เค้าบอกสี่ร้อย" ผมกระซิบบอกไอ้โจ กลัวมันช็อตฟีลทำเขาอายอีกแต่มันกลับตอบผมว่า "กูรู้แล้ว" ตามด้วยการหยิบถุงหอยมาให้ผมถือแล้วบอกผมว่า"มึงจ่าย""อ่าวเห้ย!" ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า แต่ไม่มีเวลาให้คิดมาก ผมรีบควักเงินแบงก์ม่วงในกระเป๋าออกมาจ่ายให้ทันที "ไม่ต้องทอนครับ" เจ็บใจฉิบหาย ถึงไม่ซื้อผมก็จะซื้ออยู่แล้ว!! จะทำเก๊กบอกเหมาทำเหี้ยไร ก่อนถึงสัญญาณไฟเข
"ดูดปาก?" ตลกกันใหญ่ "งั้นมาแข่งกันสิ?"ไม่ยอมให้จูบง่ายๆหรอก คิดจะใช้ข้ออ้างให้ตัวเองเลิกบุหรี่ แถมยังไม่ยอมบอกว่าจะลบคลิปให้ ข้อเสนอหรือข้ออ้าง ผมไม่โง่นะครับ"อะไรของมึง" โจริญขมวดคิ้วมุ่นมองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ"ถ้าชนะก็ตามใจมึงเลย แต่ถ้าแพ้มึงต้องลบคลิป" นี่สิมันถึงจะเป็นข้อเสนอที่แฟร์ๆ"คำไหนคำนั้น"เขาตอบอย่างไม่ลังเลทั้งยังไม่ได้ถามรายละเอียดของข้อเสนอที่ผมยื่นให้เลยด้วยซ้ำ ดีเลย ดีมาก เพราะผมมั่นใจว่าข้อเสนอที่ผมยื่นให้นี้มันแฟร์กับเราทั้งคู่ หลังตกลงกันเรียบร้อยเราสองคนเดินทางมายังจุดหมายที่ผมคิดไว้นั่นก็คือ...'หนูจ๊ะมาม้ะร้องเกะ'ร้านคาราโอเกะที่เคยมากับกันต์และไทม์ช่วงก่อน เป็นความทรงจำที่ดีจนลืมไม่ลงเลยล่ะ"มึงพากูมานี่ทำไม?" โจบ่นแต่ถึงอย่างนั้นก็ก้าวขาลงจากรถตามผมมาแต่โดยดี"ร้องเพลง" ผมตอบ"ร้องเพลง?" เขาดูแปลกใจแต่ก็ยอมเดินตามจนถึงหน้าเคาน์เตอร์ยังคงเห็นพี่สาวพนักงานคนเดิม"อ้าว! พ่อหนุ่มเบ้าหน้าฟ้าประทาน ไม่เจอกันนานเลย" เธอเอ่ยทักผมก่อนจะเหลือบตามองอีกคนข้างๆแล้วยิ้มกริ่ม "โรงเรียนนี้มีแต่คนน่ากินโว้ย!"พูดเสร็จก็ถามโจว่า "มีแฟนยังอ่ะเรา" พร้อมดวงตาแพรวพราวกระพริบ



![What is a divorce? [Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)



