“จะกอดกันอีกนานไหมน้องเขย ช่วยกรุณาออกมาทำงานก่อนเถอะ กอดเมียเมื่อไหร่ก็ได้” โจวเทียนอี้บ่นออกมาเวลานี้เขาเหนื่อยสายตัวแทบขาดอยู่แล้ว ดูการกระทำของน้องเขยสิ ไม่ใช่เขาไม่ห่วงน้องสาว แต่รู้ดีว่าหากเธอไม่ยินยอมใครหน้าไหนก็รังแกไม่ได้ อย่าลืมสิ ว่าตัวตนที่แท้จริงของเพ่ยชิงคือนายหญิงเพ่ยเพ่ย ผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในขณะนี้“พี่ใหญ่พูดอะไรคะ พี่ฮั่นตงแค่ปลอบโยนฉันเท่านั้น ว่าแต่หมูป่าตัวใหญ่ขนาดนี้ เราจะกินกันหมดเหรอ”โจวเพ่ยชิงเขินอายเล็กน้อย เมื่อเจอพี่ชายส่งเสียงล้อเลียนมา หญิงสาวจึงเบี่ยงเบนความสนใจไปยังหมูป่าตัวใหญ่ทั้งสองตัว“พี่ตั้งใจว่าจะแบ่งปันให้กับชาวบ้าน เพ่ยชิงคิดว่าอย่างไร”เรื่องนี้เหล่าบรรดาชายหนุ่มที่ขึ้นเขาล่าสัตว์ ต่างตกลงกันเรียบร้อย เนื่องจากหมูป่าที่ได้มามากเกินความจำเป็น ดังนั้นจึงคิดว่าแบ่งปันให้ชาวบ้านดีหรือไม่“แบบนั้นก็ดีค่ะ นานแค่ไหนแล้วที่ชาวบ้านหลายครัวเรือนไม่ได้กินเนื้อสัตว์ ถือว่าแบ่งปันก็แล้วกัน ทุกคนจะได้มีความสุข”หลังจากได้ยินคำตอบของภรรยา หลี่ฮั่นตงอมยิ้มด้วยความพอใจ แม้จะอยู่กับเธอมานานพอสมควร แต่วันนี้ชายหนุ่มกล้าพูดเต็มปากเลยว่าภรรยาเขาเปลี่ยนไปแล้วจริ
กลับมาทางด้านตานเต๋อคง เวลานี้เขาได้รับข่าวสารจากท่านนายพลอาวุโสซี เรื่องของโรงงานเย็บผ้าแห่งหนึ่งที่ต้องการขายช่วงต่อ เขาจึงรีบมาหาท่านนายพลอาวุโสซีที่คฤหาสน์ทันที เนื่องจากนายหญิงของตนเวลานี้ ไม่สะดวกที่จะออกมาจัดการเรื่องงานเอง“มาแล้วเหรอเต๋อคง แล้วนายหญิงของนายล่ะ ไม่มาด้วยหรือ” นายพลอาวุโสซียิ้มแย้มต้อนรับเห็นว่าตานเต๋อคงมาถึงแล้ว แต่พอไม่เห็นนายหญิงเพ่ยเพ่ยมาด้วย จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ“พอดีว่านายท่านกลับมาจากกองทัพครับ นายหญิงจึงไม่สะดวกที่จะออกมาเอง ผมเลยมาทำหน้าที่นี้แทน”เมื่อได้ยินคำตอบ นายพลอาวุโสซีจึงพยักหน้าเข้าใจ เขาเองก็รู้ความเป็นมาของหญิงสาวไม่น้อย“อย่างนั้นนายเอาเอกสารนี้ไปดูเถอะ เวลานี้เจ้าของโรงงานที่ขึ้นตรงกับรัฐน่าจะแบกรับต้นทุนไม่ไหว เลยตั้งใจจะขายช่วงต่อ ฉันมองดูแล้วว่านายหญิงเพ่ยเพ่ยน่าจะต่อยอดได้ เลยขอเอกสารจากทางนั้นมา เพื่อเอามาให้นายหญิงเพ่ยเพ่ยดู”ตานเต๋อคงมีความเชี่ยวชาญด้านการค้าอยู่แล้ว อีกทั้งผ้าดิบและวัตถุดิบในการผลิตชิ้นผ้าแต่ละอย่าง นายหญิงของตนมีพร้อมอยู่แล้ว รวมไปถึงจักรเย็บผ้าที่ใช้ตามบ้านและตามโรงงาน แต่สิ่งที่ชายหนุ่มอยากรู้ คือราคาที่ขา
บ่ายวันนี้…สี่คนพ่อแม่ลูกแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ดูดีและมีราคา เนื่องจากโจวเพ่ยชิงต้องการพาทุกคนไปถ่ายรูปครอบครัว ในขณะที่กำลังเดินออกจากบ้าน มีชาวบ้านหาหลายคนแวะทักทายและพูดคุยอย่างเป็นกันเอง หนึ่งในนั้นก็คือแม่ของหม่าหลันจีโจวเพ่ยชิงแม้ว่าหญิงสาวจะมีปัญหากับคนเป็นลูก แต่เธอไม่ได้เหมารวม ที่จะต้องมีปัญหากับหญิงวัยกลางคนตรงหน้านี้ด้วย“ฉันต้องขอโทษแทนหลันจีด้วยนะสะใภ้รอง ไม่คิดมาก่อนว่าลูกสาวฉันจะทำเรื่องอย่างนี้” แม่ของหม่าหลันจี พูดขอโทษโจวเพ่ยชิงด้วยความละลายใจและผิดหวังในตัวลูกสาวของตนเอง“อย่าคิดอะไรมากเลยนะคะ ฉันไม่ได้เอาเรื่องนี้มาคิดให้รกสมองหรอก อย่างน้อยหากหลันจีคิดได้จริง ๆ ฉันก็ยินดีที่จะปล่อยผ่าน แต่ถ้าเกิดวันใดลูกสาวของป้ามาหาเรื่องหรือมาใส่ร้ายฉันอีก วันนั้นป้าก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน ฉันไม่มีวันยอมอีกแน่”น้ำเสียงของหญิงสาวดูออกจะดูนอบน้อมก็จริง แต่คำพูดที่ออกมานั้นคือความจริงและคิดจะกระทำในวันหน้า ถ้าหม่าหลันจีมาหาเรื่องหรือใส่ร้ายเธออีก แม่ของหม่าหลันจีพยักหน้าให้กับคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า แต่สายตานั้นกลับมองไปยังหลี่ฮั่นตง คล้ายกับขอคำปรึกษา หลี่ฮั่นตงจึงพูดขึ้น
กลางดึกคืนนี้หลังจากจับภรรยากินเรียบร้อยแล้ว หลี่ฮั่นตงยังคงนอนกอดภรรยาไม่ปล่อย และพูดบางอย่างกับเธอ“พรุ่งนี้พี่ต้องกลับค่ายทหารแล้ว แต่พี่ไม่อยากจากน้องและลูกไปเลย เป็นไปได้ไหมที่น้องและลูกจะตามพี่ไปอยู่ที่เมืองนั้นด้วย พี่จะทำเรื่องขอบ้านพักของกองทัพ เพื่อพาครอบครัวไปอยู่ด้วย”โจวเพ่ยชิงไม่คิดว่าสามีจะเอ่ยชวนให้เธอและลูกไปอยู่ด้วย หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงตกปากรับคำทันที แต่เวลานี้เธอมีอะไรให้ทำอีกมาก และไม่เหมาะที่จะไปอยู่ค่ายทหารกับสามี“พี่อย่าตำหนิฉันเลยนะ ที่ฉันขอปฏิเสธเรื่องนี้ พี่เองก็รู้ว่าลูกทั้งสองกำลังจะเข้าเรียน อีกทั้งพ่อแม่พวกเราก็อยู่ที่นี่ เอาเป็นว่าเมื่อไหร่ที่ฉันคิดถึงพี่ หรือพี่คิดถึงฉัน เราค่อยไปหากันดีไหม”หญิงสาวทำตาใสแป๋วมองสามีของตนเอง คล้ายกับเรื่องที่พูดมานั้นคือความจริงทั้งหมด หลี่ฮั่นตงยอมรับการตัดสินใจของภรรยา อีกทั้งปีหน้าลูกต้องเข้าเรียนแล้ว เขาจึงไม่ดื้อดึงอีก“ทำตามอย่างที่น้องพูดมาก็แล้วกัน แต่กลับไปคราวนี้พี่จะยื่นเรื่องย้ายกลับเมืองนี้ แต่ไม่รู้ว่าจะได้รับอนุญาตเมื่อไหร่”เรื่องขอย้ายกลับถิ่นฐานเดิมเขาต้องทำอยู่แล้ว เพียงแต่ภารกิจลับที่เขาได้รับมอบห
“เพราะอะไรครับ ถึงได้เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา”ตานเต๋อคงเอ่ยถาม พร้อมกับเพ่งมองชายตรงหน้าอย่างละเอียด ก่อนจะเก็บสายตากลับคืนมา“เพราะผมคือนักธุรกิจน่ะสิ เวลานี้ผมมองเพียงให้ตนเองขายโรงงานได้เท่านั้น การที่คุณออกมาจากโรงงานของหัวเผิงเร็วขนาดนี้ ไม่เท่ากับการเจรจาไม่สำเร็จหรอกหรือ ดังนั้นผมคิดว่าตนเองควรจะมายื่นข้อเสนอบ้าง หากคุณตกลงผม ยินดีจะพาไปดูโรงงานของตนเองทันที”ถ้อยคำตรงไปตรงมาของนายท่านฟ่าน ทำให้ตานเต๋อคงอดที่จะยกยิ้มมุมปากไม่ได้ นี่คือการทำธุรกิจสินะ น่าสนใจดี“ราคาที่นายท่านฟ่านต้องการขายเท่าไรครับ ในเมื่อนายท่านแจ้งว่าโรงงานเล็กกว่าของนายท่านหัว”“แสนห้าหมื่นหยวน อุปกรณ์พร้อม สามารถเข้าสานต่อธุรกิจได้ทันที ใบอนุญาตมีครบทุกอย่าง อีกทั้งส่งผ้าขายได้ทุกพื้นที่ ไม่จำเป็นต้องขายหรือส่งให้รัฐเพียงที่เดียว”สีหน้าสนใจปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าเพียงเสี้ยววินาที ใบหน้าของตานเต๋อคงกลับมาเป็นปกติ โดยไม่มีใครสังเกตเห็น“อย่างนั้นฉันคิดว่าเราควรไปหาที่คุยดีกว่าไหม หากจะคุยธุรกิจตรงนี้คงไม่เหมาะเท่าไร”นายพลอาวุโสซีอยู่ในเหตุการณ์ตลอด ได้เอ่ยเตือนขึ้นมา เนื่องจากตรงนี้คือหน้าโรงงานของหัวเผิง จึง
วันเวลาล่วงเลยมาหลายเดือน การค้าต่าง ๆ เข้ารูปเข้ารอยหมดแล้ว รวมถึงสหกรณ์เช่นกัน ที่ได้เปิดให้ชาวบ้านเข้ามาซื้อของกันอย่างหนาตา อีกทั้งเวลานี้ก็เข้าหน้าหนาวแล้วด้วยข่าวความเดือดร้อนของชาวบ้านเพราะอาหารที่แจกจ่ายของรัฐไม่เพียงพอต่อความต้องการเริ่มหนาหูมากขึ้น รวมไปถึงหมู่บ้านของเธอ“ปีนี้ผลผลิตได้น้อยอีกแล้วสินะ แล้วส่วนแบ่งที่ได้มาชาวบ้านจะอยู่พ้นหน้าหนาวหรือเปล่าก็ไม่รู้” พ่อโจวอดที่จะบ่นกับลูกสาวไม่ได้ เมื่ออยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา“นั่นสิพี่ เรื่องนี้ชาวบ้านต่างก็เป็นกังวล ส่วนบ้านเราและบ้านหลี่ยังไม่เท่าไร เพราะเพ่ยชิงมอบอาหารให้อยู่แล้ว แต่ชาวบ้านคนอื่นนี่สิ ลูกหลานวัยเดียวกับสองแฝดจะอยู่กันอย่างไร แต่ฉันก็เข้าใจนะพี่ เพราะผลผลิตได้น้อยจริง ๆ” นางซูหนานตอบกลับสามีด้วยท่าทีเป็นกังวลเหมือนกันเมื่อทางคอมมูนประกาศเรื่องผลผลิตของปีนี้ ในเมื่อผลผลิตไม่ได้ตามเป้าหมาย ทุกคนน่าจะรู้แล้วว่าการแจกจ่ายเสบียงสิ้นปีคงได้น้อยไม่ต่างกัน เนื่องจากต้องรอให้ทางอำเภอจัดสรรแบ่งมาให้อีกครั้งหลังจากที่ส่งเข้ารัฐแล้วโจวเพ่ยชิงนั่งฟังพ่อกับแม่พูดคุย พร้อมคิดไปด้วยว่าสามารถช่วยอะไรชาวบ้านได้หรือไม่ อย่า
มีคนรักย่อมต้องมีคนอิจฉาในวาสนาของนายหญิงเพ่ยเพ่ยที่ไม่มีใครรู้ตัวตนว่าเป็นใคร โดยเฉพาะลู่เสี่ยวเหมย ที่แอบชอบลูกชายคนรองบ้านโจวอย่างโจวว่านปิงในเวลานี้ เพราะรู้แล้วว่าเธอไม่มีหวังในตัวของหลี่ฮั่นตงอีกแล้วเมื่อเห็นว่าโจวว่านปิงมีแววตาอ่อนโยนทุกครั้งที่เอ่ยถึงนายหญิงเพ่ยเพ่ย จึงเอ่ยวาจาไม่น่าฟังออกมา“นายหญิงเพ่ยเพ่ยทำแบบนี้ต้องการอะไร ฉันได้ข่าวว่าเจ้านายของพี่คนนี้แจกจ่ายเสบียงให้กับหลายพื้นที่ ซึ่งรวม ๆ แล้วคงจ่ายเงินไปไม่น้อย เจ้านายของพี่คงไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมเสียหรอกใช่ไหม และเงินที่นำมาซื้อเสบียงแจกจ่ายให้ชาวบ้าน คงไม่เป็นเงิน ผิดกฎหมายหรอกนะ”“นี่หล่อนพูดเรื่องอะไรเสี่ยวเหมย นายหญิงเพ่ยเพ่ยไม่ใช่คนไม่ดี และเงินที่นายหญิงเพ่ยเพ่ยนำมาซื้อเสบียงแจกจ่าย ก็เป็นเงินที่ถูกกฎหมาย” นางซูหนานอดไม่ได้ที่จะพูดสวนกลับไป เมื่อเด็กสาวจากบ้านลู่เอ่ยวาจาไม่ดีใส่ลูกสาวของตน“น้าซูรู้ได้ยังไงว่าเงินนี่ถูกฏหมาย ทำอย่างกับว่าน้าซูรู้จักนายหญิงเพ่ยเพ่ยอย่างนั้นแหละ” ลู่เสี่ยวเหมยเบะปากตอบกลับท่าทีนี้ทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่เกิดความไม่พอใจ ที่ลูกสาวบ้านลู่พูดวาจาไม่ดีต่อผู้มีพระคุณอย่างนายหญิงเพ่ยเพ่ย
เมื่อปีใหม่ผ่านพ้นไป หิมะเริ่มบางเบา ทุกคนจึงกลับมาทำหน้าที่ของตนเอง รวมถึงโจวเพ่ยชิงด้วยเช่นกัน เวลานี้ใบหน้าของหญิงสาวหายดีแล้ว“เอ๋… ทำไมใบหน้าฉันถึงไม่มีรอยแผลเป็นแล้วล่ะ”หญิงสาวใช้มือลูบใบหน้าตนเองด้วยความแปลกใจ พร้อมกับส่องกระจกดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อเห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลาของตนเองไม่มีรอยแผลเป็นใด ๆ อีก นี่จึงทำให้เธอสงสัยยิ่งกว่าเดิมใบหน้าสวยหวานยังคงครุ่นคิดถึงต้นสายปลายเหตุเรื่องที่แผลเป็นของเธอหายไป หรือเพราะว่าเธอบริจาคครั้งใหญ่เลยทำให้ใบหน้ากลับมาสวยเหมือนเดิม ไม่มีแผลเป็นที่ดูน่าเกลียดอีก โดยไม่รู้เลยว่าไม่ใช่เพราะการบริจาคอาหารให้กับชาวบ้านในยามลำบาก แต่เพราะเวลานี้เธอสามารถกุมหัวใจของผู้เป็นสามีได้แล้วนั่นเองแต่ในเมื่อหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ หญิงสาวจึงไม่อยากจะคิดอีกให้ปวดหัว แต่ก็ยังไม่ยอมที่จะบอกใครว่าใบหน้าหายแล้ว เธอพยายามตกแต่งใบหน้าให้มีรอยแผลไม่ต่างจากเดิม ก่อนจะใช้ผ้าบางปิดบังซ่อนไว้ดังเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาวันนี้โจวเพ่ยชิงเดินทางมาสวัสดีปีใหม่ครอบครัวท่านนายพลอาวุโสซี เธอจึงเตรียมของขวัญให้เหมาะกับทุกคน ซึ่งตัวนายพลอาวุโสซีเธอมอบนาฬิกาให้ จะว่าไปแล้วนาฬ
ตอนพิเศษ 7 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงหนึ่งเดือนต่อมางานมงคลสีแดงถูกจัดขึ้นอย่างประณีต ในบ้านเกิดของ โจวเม่ยเม่ยและตานเต๋อคง แม้บ้านเจ้าสาวจะไม่ได้ใช้ทำพิธีสำคัญแต่คนตระกูลโจวมีเงินทองมากมาย พวกเขาไม่ได้ประดับตกแต่งของสวยงาม หรือจัดงานใหญ่โตเพื่อโอ้อวด แต่ที่ทำเช่นนี้ ก็เพื่อน้องสาวคนเล็กสุดที่รักดอกไม้สดสีแดงถูกสั่งมาจากทั่วทุกสารทิศ มีทั้งที่ตัดออกมาจากต้น และปลูกไว้เป็นต้น ประดับไปตามเส้นทางจากบ้านเจ้าสาวไปบ้านเจ้าบ่าวในส่วนของถนนสาธารณะ ก็ได้มีการติดต่อกับทางการเพื่อบริจาคพืชเหล่านี้หลังใช้งาน แล้วยังมีงบการดูแลพืชให้ทุกปีต่อเนื่องไปอีกสิบปี นั่นทำให้ทางการยินดีให้บ้านโจวจัดงานได้เต็มที่พืชพรรณที่ออกดอกสีแดงสด ถูกซื้อและถอนมาจากทั่วประเทศ เพื่อปลูกไว้ประดับตกแต่งในวันงานแต่งงานของโจวเม่ยเม่ย น้องสาวคนสุดท้าย ตลอดทั้งเส้นทางที่ต้องส่งตัวเจ้าสาวส่วนบ้านเจ้าบ่าวนั้นก็ไม่ได้น้อยหน้า แม้จะไม่ได้ร่ำรวยเท่าตระกูลโจว แต่นายหญิงเพ่ยเพ่ยก็ไม่ได้เอาเปรียบพวกเขาพี่น้อง ตานเต๋อคงยังมีหุ้นส่วนในหลาย ๆ ร้านค้าที่ให้กำไรดี แล้วยังทำการเก็งกำไรร้านค้าในพื้นที่หลากหลาย ตามนายหญิงกล่าวได้ว่าเขาเอ
ตอนพิเศษ 6 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงกิจการร้านทั้งสามของโจวเม่ยเม่ย เมื่อมีตานเต๋อคงช่วยดูแลอีกแรงหนึ่ง ก็ทำให้เธอสามารถพัฒนาไปในลู่ทางของตัวเองได้มากขึ้น แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ที่ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปภายใต้แผนการค้าเดิม เช่นเดียวกับร้านค้าอื่น ๆ ของนายหญิงเพ่ยเพ่ยความสามารถในการบริหารของหญิงสาว ทำให้ตานเต๋อคงรู้สึกทึ่งและภาคภูมิใจ ที่คนรักของเขามีความสามารถไม่เป็นรองนายหญิงเพ่ยเพ่ยผู้เป็นพี่สาวเลยสถานการณ์ด้านโรงงานของโจวเพ่ยชิงที่ขยายสาขามาในเมืองปักกิ่งกลับไม่ได้ดีนัก แต่ไม่ได้เป็นเพราะฝีมือการจัดการของตานเต๋อคงแย่ลง เพียงแต่เป็นเพราะมังกรต่างถิ่น ไม่อาจสู้งูดินเจ้าถิ่นได้ ทำให้เขาต้องทุ่มแรงอย่างหนัก เพื่อเอาชนะเจ้าถิ่นที่ครองตลาดเอาไว้หากเป็นการเปิดโรงงาน เปิดร้านค้าธรรมดา ก็แล้วไปเถอะ แต่ในช่วงสามเดือนระหว่างที่ตานเต๋อคงก่อตั้งร้านค้าในเครือเพ่ยเพ่ยในเมืองหลวง ทางโจวเพ่ยชิงเองก็พัฒนาขึ้น จนสามารถสร้างห้างสรรพสินค้าในเมืองหลักใกล้เคียงกับบ้านเกิดได้สำเร็จนั่นทำให้หญิงสาวตัดสินใจสร้างห้างสรรพสินค้าใหม่ในปักกิ่ง ซึ่งแน่นอนว่ามันจะเป็นการขัดผลประโยชน์กับเจ้าถิ่นอย่างไม่สามารถห
ตอนพิเศษ 5 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคง“เม่ยเม่ย ไปไหน”เสียงเข้มเอ่ยถามน้องชายทันที เมื่อพบว่ามีเพียงตานโมว่ เดินเข้ามาในบ้าน วันนี้เป็นวันปิดภาคเรียน นักศึกษาเข้าไปส่งงานหรือไม่ก็สอบเป็นวันสุดท้าย ซึ่งโจวเม่ยเม่ยก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการไปมหาวิทยาลัยในวันนี้ได้“วันนี้ปิดภาคเรียน เด็ก ๆ ปีหนึ่งต้องไปกินดื่มกับพวกรุ่นพี่ในคณะสิครับ” ตานโมว่บอกกับพี่ชายถึงธรรมเนียมปฏิบัติ“แล้วนายไม่ได้ไป?”“ผมทำงาน อีกอย่างก็ไม่ได้มีสหายเยอะเหมือนเม่ยเม่ย รายนั้นเรียกได้ว่าเจ้ใหญ่ของสาขาวิชาก็ว่าได้”“...” ตานเต๋อคงไม่ประหลาดใจ เมื่อได้ยินอย่างนั้น จากความถี่ในการออกเที่ยวของโจวเม่ยเม่ย สามารถรู้ได้ว่าหญิงสาวมีสหายเยอะ หรือบางทีอาจจำกัดความได้ว่า ‘มีสหายกินดื่มเยอะ’ จะถูกกว่า“แต่เม่ยเม่ยดื่มไม่เก่ง” ตานเต๋อคงพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง“หวงนักก็ตามไปเฝ้าสิครับ งานเลี้ยงวันนี้ไม่ได้เคร่งเหมือนในมหาวิทยาลัย คนนอกไปกันเยอะแยะ”“ห่วง ไม่ได้หวง” ในความเป็นจริงคือไม่มีสิทธิ์อะไรไปหวงมากกว่า“อย่าปากแข็งไปหน่อยเลย เอาเถอะ ผมก็จนปัญญากับ พวกพี่แล้ว วันนี้พี่ก็ไปรับเม่ยเม่ยเองแล้วกัน ให้ผมไปสืบเรื่องงานมาให้จนเกือบตาย ผ
ตอนพิเศษ 4 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงทิวทัศน์ของปักกิ่งนั้นช่างแปลกตา แตกต่างจากบ้านเกิดของตนเองอย่างชัดเจน ทำให้สองหนุ่มผู้เพิ่งเข้ากรุงตื่นเต้นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อรถพาแล่นมาถึงคฤหาสน์หลังหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางบ้านแบบใหม่หลายหลัง พวกเขาก็เปลี่ยนความตื่นเต้นเป็นกังวลใจทันทีที่รถจอดและพบหน้ากัน โจวเม่ยเม่ยไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร ท่าทางของเธอเฉยชาอย่างประหลาด นั่นทำให้ตานเต๋อคงประหม่าจนพูดไม่ออกคงมีแค่ตานโมว่ ที่คุยกับสหายอย่างกระตือรือร้น“นี่เป็นของฝากจากนายหญิงและทุกคน ลองดูสิเม่ยเม่ย”“ขอบใจนะ อาโมว่”โจวเม่ยเม่ยเหลือบมองของขวัญ แต่บังคับสายตาไม่ให้หันไปมองคนใจร้าย หลังรับของ เธอก็หันไปพาทั้งสองคนไปด้านใน“พี่และอาโมว่เลือกห้องได้เลยนะ ที่นี่หลังใหญ่จนเกินที่ฉันจะอยู่คนเดียว นายนั่นแหละอาโมว่ ที่ไม่ยอมมากับฉันตั้งแต่แรก”โจวเม่ยเม่ยเอ่ยขึ้น ก่อนจะหันมาบ่นสหายของตนเอง“จะดีเหรอ พวกเราออกไปเช่าห้องอยู่ หรือไปอยู่ที่หลังร้านก็ได้”ตานเต๋อคงเอ่ยแทรกขึ้น อย่างที่เขาได้ตัดสินใจก่อนจะมาที่นี่แต่… โอกาสของเขาดูเหมือนถูกตัดขาดอย่างรวดเร็ว เมื่อโจวเม่ยเม่ยตอบกลับและหันไปพูดกับตานโมว่สหา
ตอนพิเศษ 3 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคง“นี่มัน…” ตานโมว่รู้สึกพูดไม่ออก หลังจากได้ฟังคำถามของเจ้านาย ไม่ใช่ว่าตอบไม่ได้เพราะปัญหาความซื่อสัตย์ แต่ไม่รู้ว่าควรพูดออกไปหรือไม่“นายอย่าปิดบังฉันเลย นายคงเห็นแล้ว ว่าพี่เต๋อคงแปลกไปจริง ๆ เขาชอบเหม่อเวลาทำงาน ตอนอยู่ที่บ้านด้วยกัน ก็คงจะเหม่อยิ่งกว่านี้อีกใช่ไหม”เมื่อคิดตามคำพูดของพี่สาวเพ่ยเพ่ยแล้ว ตานโมว่ก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล แต่ปัญหาก็ คือแม้เขาจะรู้ความจริงว่าทำไมพี่ชายถึงเป็นอย่างในตอนนี้ ก็ไม่กล้าพูดออกไปอยู่ดี“ฉันแค่เป็นห่วง และสงสัยว่าพี่เต๋อคงเป็นอะไรเท่านั้น ถ้ารู้ต้นเหตุ ไม่แน่ว่าเราอาจหาทางทำอะไรแก้ไขได้ ก่อนที่จะเกิดเรื่อง”“นี่… มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ” ตานโมว่มองเจ้านายด้วยความรู้สึกหลากหลาย ยิ่งทำให้เจ้าตัวสงสัยมากขึ้น แต่ไม่ใช่ความสงสัยที่ว่าตานเต๋อคงมีปัญหา แต่อาจเป็นผลมาจากเรื่องของโจวเม่ยเม่ย น้องสาวของเธอเอง“หรือเป็นเพราะเม่ยเม่ยไปปักกิ่ง” โจวเพ่ยชิงพูดออกไป“นายหญิงรู้ได้ยังไง!”ไม่ต้องรอให้เขาตอบ เพียงท่าทีของตานโมว่ ก็บอกได้ทุกอย่าง โจวเพ่ยชิงได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจโล่งอกที่ไม่ใช่เรื่องอื่น“ก็ไม่เชิงรู
ตอนพิเศษ 2 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงกลับมาทางด้านตานเต๋อคงเวลานี้ชายหนุ่มเข้าใจความรู้สึกของตัวเองอย่างชัดเจนแล้ว แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ใจหนึ่งก็อยากติดตามไปดูแลใครบางคนที่อยู่ในเมืองหลวง หรือไม่ ก็ติดต่อเธอไปสักเล็กน้อยแต่ทุกวันนี้เขามักจะมองเหม่อไปทางโทรศัพท์ เมื่อมันดังขึ้นก็เฝ้าหวังว่าจะเป็นสายจากคนที่คิดถึง กระนั้นชายหนุ่มกลับต้องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะแม้ว่าโจวเม่ยเม่ยจะติดต่อกลับมาก็เพื่อพูดคุยกับครอบครัว หรือไม่ก็สหายอย่างตานโมว่เท่านั้น ไม่ได้สนใจพี่ชายของสหายที่พ่วงด้วยฐานะผู้ช่วยคนสนิทของนายหญิงเพ่ยเพ่ยอย่างเขา ตานเต๋อคงเองก็ไม่มีหน้าพอที่จะไปขอคุยโทรศัพท์กับหญิงสาวทั้งที่ไม่มีธุระอะไรจนกระทั่งนายหญิงเพ่ยเพ่ยเรียกให้เขาเข้าพบ แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ พร้อมกับบอกว่ามีคนจะปรึกษาเรื่องงาน“สวัสดีครับ”เขารับโทรศัพท์มา และกลอกเสียงที่ถูกทำให้นุ่มทุ้มลดระดับหนึ่งลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ“พี่เต๋อคง ช่วยสอนงานเล็กน้อยให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ พอดีฉันกำลังจัดการปัญหาที่เจอในสาขาหนึ่งของร้านค้าในเมืองปักกิ่งอยู่ ถ้าได้ผู้เชี่ยวชาญอย่างพี่มาช่วยคงจะดีมาก”ตานเต๋อคงหัวใจกระตุกวูบ รู้ส
ตอนพิเศษ 1 โจวเม่ยเม่ย – ตานเต๋อคงหลังจากผ่านพ้นการปฏิวัติ มีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงในบ้านโจว โดยเฉพาะการตัดสินใจสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของ‘โจวเม่ยเม่ย’ น้องสาวของบ้านนั่นเองการตัดสินใจครั้งนี้ของเธอ ได้รับการสนับสนุนจากทางบ้านอย่างแข็งขัน ทำให้โจวเม่ยเม่ยมีกำลังใจทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการอ่านหนังสือสอบจนกระทั่งหลังออกจากห้องสอบ หญิงสาวถึงได้โล่งอก ท่าทางมั่นอกมั่นใจของเธอ ทำให้ทุกคนวางใจ และไม่มีใครถามถึงเพื่อไม่เป็นการกดดันน้องสาวไม่นานหลังจากนั้น บ้านโจวก็ได้รับจดหมายตอบรับ ซึ่งข่าวเรื่องนี้มาถึงหูของโจวเพ่ยชิงก่อนที่บุรุษไปรษณีย์จะมาถึงเสียด้วยซ้ำทำให้เมื่อบุรุษไปรษณีย์มาถึง ก็พบว่ามีผู้คนมากมายออกมารอรับจดหมายอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นเขาจึงได้ยื่นซองเอกสารที่ลงทะเบียนให้แก่หญิงสาวเจ้าของชื่อด้วยรอยยิ้ม“ยินดีด้วยนะ คุณหนูโจว” เมื่อแสดงความยินดีเสร็จแล้วจึงเดินหันหลังกลับไป โดยไม่ได้พูดอะไรต่อคำยินดีเป็นเพียงคำมงคลที่บุรุษไปรษณีย์มีให้เด็กนักเรียนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยทุกคนอยู่แล้ว แต่เสียงเฮที่ตามหลังมา ทำให้เขาอมยิ้มมากขึ้น เพราะรู้ว่าจดหมายตอบรับนั้นเป็นข่าวดี“ยินดีกับน้องด้วยนะ”
บทส่งท้าย ความสุขที่ต้องการห้าปีต่อมา...เวลานี้ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น โจวเพ่ยชิงแนะนำนายพลข่ายและนายพลซีให้เลือกฝ่ายที่ถูกต้อง แม้ว่าทั้งสองจะสงสัยว่าโจวเพ่ยชิงรู้ได้อย่างไร ก็ไม่มีใครคิดที่จะถาม เมื่อเลือกฝ่ายที่ถูกต้อง ตำแหน่งหน้าที่ของทั้งสองจึงมั่นคงขึ้น นี่จึงทำให้ สายป่านของโจวเพ่ยชิงยิ่งยาวเข้าไปอีกห้าปีที่ผ่านมา เกิดเรื่องราวมากมายในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น บ้านหลี่หรือบ้านโจว พี่ใหญ่โจวอย่างโจวเทียนอี้ ไม่รู้ว่าไปพบรักกับคุณหนูโม่ตอนไหน ทว่าเวลานี้ทั้งสองแต่งงานกันเรียบร้อยแล้วและพี่ใหญ่ก็ไป ๆ มา ๆ ระหว่างที่นี่กับเมืองลุยจืองานทางนั้นก็มากพอตัว อีกทั้งโรงงานที่ทำร่วมกับตระกูลโม่ก็มียอดขายเข้ามาไม่น้อย ซึ่งของขวัญวันแต่งงานสำหรับพี่ชายคนนี้โจวเพ่ยชิงมอบทรัพย์สินให้ไม่น้อย รวมถึงโรงงานที่เมืองลุยจือหากพูดถึงพี่ใหญ่แล้ว จะไม่พูดถึงพี่รองอย่างโจวว่านปิงคงไม่ได้ ไม่รู้ว่าชายที่หวงตัวเองไปหลงรักเซียงเหมยได้ยังไง มารู้ข่าวอีกทีพี่รองของเธอ ก็ให้พ่อกับแม่ไปสู่ขอหญิงสาวคนนี้เสียแล้วแต่ไม่ว่าพี่ชายทั้งสองจะรักกับใคร พี่สะใภ้ของเธอจะเป็นคุณหนูหรือลูกสาวชาวบ้านธรรมดา โจ
“นายหญิงเพ่ยเพ่ย!!” หว่านซีห่าวเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาว“ขอบใจนะที่ยังจำกันได้ คุณซีห่าว”แม้จะโกรธแค้นแค่ไหน ทว่าโจวเพ่ยชิงกลับเก็บอารมณ์ได้ดี ไม่วู่วาม เพราะเธอมีเรื่องบางอย่างที่จะสอบถามหว่านซีห่าว“มีใครบ้างไม่รู้จักนายหญิงเพ่ยเพ่ยผู้ทรงอิทธิพลของกลุ่มการค้าเพ่ยเพ่ย ว่าแต่นายหญิงที่เข้ามาเยือนที่นี่ มีเรื่องอะไรจะสอบถามใช่หรือไม่ เพราะการกระทำของพวกเราในวันนี้ น่าจะทำให้นายหญิงต้องการเอาชีวิตพวกเรามากกว่า”“ถูกต้องแล้ว ความแค้นที่ฉันมีต่อคุณ มันมากเกินกว่าที่จะให้อภัยด้วยซ้ำ แต่ฉันมีข้อข้องใจบางอย่างที่อยากจะถาม นอกจากคุณที่แฝงตัวเข้าในทีมของพี่ฮั่นตงแล้ว ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย ใช่หรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้น พวกคุณคงไม่หนีหายและหลุดรอดออกไปได้เช่นนี้จนย้อนกลับมาทำร้ายพี่ฮั่นตงอีกครั้ง”นี่คือสิ่งที่เธออยากรู้ ก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่ คนสนิทอย่างตานเต๋อคงได้รายงานบางอย่าง และก็ทำให้เธอคิดได้ แล้วเลือกที่จะถามก่อนที่จะจัดการเรื่องราวทั้งหมด“สิ่งที่นายหญิงกล่าวมาก็ไม่ผิด แต่ภารกิจที่พวกเราได้รับมอบหมายมาในครั้งนี้ไม่ใช่ฮั่นตง แต่เป็นตัวของนายหญิงเพ่ยเพ่ย เองต่างหาก”หว่านซีห่าวรู้ว่าอีกฝ่ายกำ