Home / รักโบราณ / โศลกเพลิงผลาญใจ / ตอนที่3 จริงหรือฝัน

Share

ตอนที่3 จริงหรือฝัน

last update Last Updated: 2025-07-07 12:16:05

เมื่อเธอมาอยู่ในการดูแลของปู่หลิว จึงได้ใช้แซ่หลิวตามท่าน  ปู่หลิวไม่ได้แต่งงานไม่มีลูกสืบสกุล แม้เธอเป็นผู้หญิงก็ยินดีรับเลี้ยงด้วยความเมตตา  หลินอวี่เหยาอยู่กับปู่หลิวแทบตลอดเวลาจึงซึมซับความรู้ทางพฤกษศาสตร์มาด้วย หลายครั้งที่ปู่หลิวต้องไปประชุมสัมมนาก็พาเธอไปด้วย  รวมทั้งขึ้นเขาเข้าป่าเพื่อศึกษาพันธุ์ไม้ต่างๆ  จนตอนนี้เธอเดินตามรอยเท้าของปู่หลิน เป็นนักพฤกษศาสตร์หลังจากเรียนจบปริญญาโทและกลับมาทำงานที่สถาบันพฤกษศาสตร์แห่งชาติ

ราวสองสัปดาห์ก่อนได้รับอีเมล์ถึงปู่หลินให้ช่วยวิเคราะห์ว่าในภาพถ่ายนี้ใช่ ‘กล้วยไม้บรรพกาล’ หรือไม่ หลายคนที่ได้เห็นต่างตื่นเต้นทั้งตกใจและดีใจ หากสิ่งที่เห็นคือกล้วยไม้ที่หายสาบสูญไปจริง นั้นแสดงว่าความสมบูรณ์ของระบบนิเวศวิทยาในท้องที่นั้น และยังอาจพบพันธุ์ไม้อื่นๆ รวมทั้งสัตว์ป่าอีกด้วย

เดิมทีศาสตราจารย์หลินเฉินอี้ จะเดินทางไปตรวจสอบด้วยตนเอง แต่ดันมาตกบันไดเพราะปีนขึ้นไปเปลี่ยนหลอดไฟในห้องอ่านหนังสือ โชคดีที่กระดูกไม่แตกหักแต่อักเสบจนเท้าบวมจนใส่รองเท้าไม่ได้  หลินอวี่เหยาจึงอาสาไปตรวจสอบด้วยตัวเอง และโชคดีที่คุณปู่หลิวหรืออาจารย์หลิวเป็นที่รักของบรรดาลูกศิษย์ จึงมีหลายคนอาสามาคอยดูแลระหว่างที่เธอไม่อยู่

แม้เป็นผู้หญิงรูปร่างบอบบางรอยยิ้มอ่อนโยน แต่เธอไม่ได้อ่อนแออย่างที่คนอื่นคิด หลินอวี่เหยาอยู่กับคุณปู่ที่เดินทางบ่อยและเคยเติบโตที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จึงดูแลตัวเองได้คล่องแคล่ว หญิงสาวจัดเตรียมกระเป๋าเดินทางไม่นานนัก ในส่วนของการเดินทางทางสถาบันได้จัดการให้แล้ว เมื่อถึงเวลาก็สะพายเป้เดินทางพร้อมกระเป๋าโน้ตบุ๊คตรงดิ่งไปสนามบิน

อยู่บนเครื่องบินสองชั่วโมงมาถึงที่หมายก็มีรถตู้มารับ เจ้าหน้าที่ที่มารับค่อนข้างแปลกใจที่เห็นเป้เดินทางของเธอใบเดียวเท่านั้น

“ทำไมเหรอคะ”  หลินอวี่เหยาไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือ เมื่อมีคนอาสาหิ้วกระเป๋าให้ เธอก็ส่งให้ไม่ลังเล

“ไม่มีอะไรครับ” อีกฝ่ายยิ้มเขินแล้วรับกระเป๋าไปวางที่ด้านหลังรถ “ได้ยินว่ามีผู้หญิงมาร่วมคณะสำรวจ ผมก็เลยคิดว่าจะมีกระเป๋าเยอะกว่านี้ หรือว่าภารกิจนี้จะใช้เวลาไม่นานครับ”

“ใช้เวลากี่วันยังบอกไม่ได้ค่ะ”  หลินอวี่เหยาตอบขณะนั่งในรถเรียบร้อยแล้ว

“ต้องเดินทางอีกชั่วโมงกว่าๆ คุณหลิวพักผ่อนก่อนก็ได้ครับ”  เจ้าหน้าที่พูดอย่างสุภาพแล้วเคลื่อนรถออกไปด้วยความเร็วปกติ  หญิงสาวทอดตามองไปด้านนอก รถออกจากสนามบินมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก

"เราจะไปที่พักก่อนนะครับ”

“ทำไมหรือคะ ถ้าเป็นห่วงว่าฉันเหนื่อยจากการเดินทางละก็...เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาเลยค่ะ”

“ก็ไม่เชิงครับ”  เจ้าหน้าที่หัวเราะเก้อๆ “ที่ๆ คาดว่าจะพบกล้วยไม้บรรพกาลนั้นอยู่ในพื้นที่ของตระกูลเยี่ย ทางเรายังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป”

“อ้าว! ฉันคิดว่าทางสถาบันประสานงานเรียบร้อยแล้ว”

“ประสานงานแล้วครับ แต่ว่าบริเวณนั้นเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนเข้าไปสำรวจ หากเข้าไปก่อน...เกรงว่าวันข้างหน้ามีปัญหาจะถูกฟ้องร้องเอาได้ครับ”

“ค่ะ”  หญิงได้แต่รับคำ เธอทำงานด้านนี้และยังติดตามปู่หลิวมากนานย่อมเข้าใจดี แม้ใจจดจ่ออยากเข้าไปค้นหาพรรณไม้โบราณนั้นให้เร็วที่สุด

ไม่รู้ว่าการเพราะฝีมือการขับรถที่แสนนุ่มนวลหรือความเหนื่อยล้าสะสมมาหลายวัน หลิวอวี่เหยาพริ้มตาหลับลง แต่ขณะเดียวกันได้ยินเสียงเพลงแว่วข้างหูทำให้เธอลืมตาขึ้น

“คุณเปิดเพลงหรือคะ”

“เพลง? เพลงอะไรครับ ผมไม่ได้เปิดเพลง”

“ฉันได้ยินเหมือนเสียงขลุ่ย”

“ขลุ่ยเหรอครับ” เจ้าหน้าที่นิ่งไปเล็กน้อย เขาเหลือบตามองผู้โดยสารที่นั่งด้านหลังผ่านกระจกส่องหลังรถแล้วพูดขึ้นมา “คุณหลิวเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่รู้ว่ารู้จักขลุ่ยซุนหรือเปล่า”

“รู้จักค่ะ แต่ฉันไม่ถนัดเครื่องดนตรีสักชิ้น”

“นี่เราขึ้นชื่อเรื่องผลิตขลุ่ยซุน ทำกันมารุ่นสู่รุ่นเป็นมรดกของคนที่นี่ ถ้าเข้าไปในหมู่บ้านก็จะได้ยินเสียงขลุยซุนจากคนเฒ่าคนแก่ที่ยังทำอยู่”

“อย่างนั้นหรือคะ น่าสนใจจริงๆ”

“แต่ในรถไม่ได้เปิดเพลง เอ่อ...รถเก่าแล้ว อาจจะเป็นเสียงแอร์ก็ได้ครับ”  เจ้าหน้าที่ตอบแล้วหัวเราะในลำคอ “ทางข้างหน้าเป็นทางขึ้นเขา จำกัดความเร็ว คุณหลิวหลับสักงีบก็ได้ครับ”

“ขอบคุณค่ะ”

ตั้งแต่จำความได้ เธอมักรู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งเฝ้ามองอยู่ แต่เมื่อหันไปก็พบเพียงความว่างเปล่า หรือบางครั้งก็ฝัน...ฝันที่ตื่นมาก็จำไม่ได้ว่าฝันเรื่องอะไร แต่เจ็บปวดหัวใจเหลือเกินจนบางครั้งก็นึกไปว่าตัวเองอาจจะเจ็บป่วยเป็นโรคหัวใจ ถึงขั้นไปตรวจร่างกายมาแล้วก็มี แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ

เธอหลับตาลงอีกครั้งพร้อมเสียงขลุ่ยหวานโศกขับกล่อมเข้าสู่ห้วงนิทรา

‘ไม่ต้องกลัว ข้าจะตามหาเจ้า ไม่ว่ากี่ชาติภพ ข้าจะตามหาเจ้าให้พบ’

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่5 มีแค่นี้

    เพราะกำลังใจดีแม้ร่างจะยังไม่มีเรี่ยวแรงนัก แต่หลินอวี่เหยาก็จัดการหาภาชนะมาใส่น้ำสำหรับดื่ม นางเดินไปหาหิมะมาต้มน้ำสำหรับสระผม ถึงอย่างไรก็เป็นผู้หญิง ความรักสวยรักงามย่อมมีอยู่ ไม่มีเม็ดสบู่ ตอนนี้จะหาพืชสมุนไพรคงยาก เอาแค่สางให้ผมไม่พันกันก่อน ถ้าไม่เกรงใจเจ้าของร่างนี้ เธอคงตัดผมทิ้งไปแล้ว ขยับเคลื่อนไหวตัวมากเข้า ร่างกายก็ขับเหงื่อออกมา ความร้อนในร่างทำให้รู้สึกดีขึ้น ตอนนี้หญิงสาวไม่มีสมุด ปากกาหรือดินสอ ไม่มีแท็ปแล็ตหรือสมาร์ทโฟน นางใช้การลำดับสิ่งต่างๆในสมอง อาหารการกินเป็นเรื่องสำคัญ ในความทรงจำของหลินอวี่เหยาคือจะมีขันทีนำอาหารมาส่ง วันละครั้งหรือสองครั้ง วันนี้มาแล้ว มื้อเย็นอาจไม่มีหรือบางคราวก็สองวันมาครั้งหนึ่ง เสื้อผ้าก็สำคัญไม่ต้องถามถึงความสวยงามขอแค่ปกปิดร่างกายและสร้างความอบอุ่น หน้าต่างต้องหาอะไรมาปิด ไม่เช่นนั้นลมหนาวทำเอานางเจ็บป่วยได้แน่นอน ม่านมุ้งที่เปือนเก่าไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว เลาะออกน่าจะดีกว่า หญิงสาวหอบเสื้อผ้าที่มีไม่กี่ชุดออกมาพึ่งใกล้ไฟเพิ่มความอบอุ่น ยังดีที่หลังคายังใช้การได้ดี แต่ก็ไม่แน่ ถ้าฤดูฝนมาเยือนก็ไม่รู้ว่าจะกั้นฝน

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่4 ตื่น

    โศลกเพลิงผลาญใจ ตอนที่04 ตื่น ความหนาวเหน็บปลุกให้หญิงสาวตื่น หลินอวี่เหยาปรับสายตาครู่หนึ่งแล้วค่อยๆ ยันกายขึ้นนั่ง กวาดสายตาในห้องที่เก่าและทรุดโทรม บานหน้าต่างที่ชำรุดไม่อาจป้องกันสายลมหนาวได้ นางยกมือขึ้นเสยเส้นผมที่ลงมาปรกใบหน้าทว่าเส้นผมยาวยุ่งเป็นกระเซิงสางด้วยมือยังทำไม่ได้ “นึกว่าจะตื่นมาแล้วกลับไปที่สถาบันเสียอีก” หญิงสาวถอนหายใจอย่างไม่รู้จะทำอะไรได้ดีกว่านี้ อยากกลับบ้านก็ไม่รู้จะกลับยังไง ตอนมาเธอตกเขาแต่ที่นี่ไม่มีภูเขาจะทำซ้ำสถานการณ์เดิมก็ไม่ได้ หลินอวี่เหยาไม่ใช่คนจมกับความทุกข์ ชีวิตที่บ้านเด็กกำพร้าสั่งสอนให้เผชิญกับปัญหาทุกรูปแบบ คิดในแง่ดีก็คือไม่ต้องไปแย่งชิงความโปรดปรานกับผู้ใด แต่ก็คงไม่ใช้ชีวิตขาดอิสรภาพเช่นนี้ไปจนวันตาย ร่างกายนี้อ่อนแอแทบไร้เรี่ยวแรงทรงตัว ได้ยินเสียงประตูใหญ่เปิดออกตามด้วยร่างขันทีผอมบางนำตะกร้าอาหารมาวางบนโต๊ะที่ผุผัง เขาไม่เอ่ยวาจาใดเมื่อทำหน้าที่ตนเสร็จก็หมุนตัวออกไป ทิ้งให้หลิวอวี่เหยายืนนิ่งงันอยู่อึดใจก่อนเดินไปเปิดตะกร้าออกดู “นี่มัน...ของคนกินเหรอ” นางมองข้าวต้มที่แทบเป็นน้ำขาวขุ

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่3 จริงหรือฝัน

    เมื่อเธอมาอยู่ในการดูแลของปู่หลิว จึงได้ใช้แซ่หลิวตามท่าน ปู่หลิวไม่ได้แต่งงานไม่มีลูกสืบสกุล แม้เธอเป็นผู้หญิงก็ยินดีรับเลี้ยงด้วยความเมตตา หลินอวี่เหยาอยู่กับปู่หลิวแทบตลอดเวลาจึงซึมซับความรู้ทางพฤกษศาสตร์มาด้วย หลายครั้งที่ปู่หลิวต้องไปประชุมสัมมนาก็พาเธอไปด้วย รวมทั้งขึ้นเขาเข้าป่าเพื่อศึกษาพันธุ์ไม้ต่างๆ จนตอนนี้เธอเดินตามรอยเท้าของปู่หลิน เป็นนักพฤกษศาสตร์หลังจากเรียนจบปริญญาโทและกลับมาทำงานที่สถาบันพฤกษศาสตร์แห่งชาติราวสองสัปดาห์ก่อนได้รับอีเมล์ถึงปู่หลินให้ช่วยวิเคราะห์ว่าในภาพถ่ายนี้ใช่ ‘กล้วยไม้บรรพกาล’ หรือไม่ หลายคนที่ได้เห็นต่างตื่นเต้นทั้งตกใจและดีใจ หากสิ่งที่เห็นคือกล้วยไม้ที่หายสาบสูญไปจริง นั้นแสดงว่าความสมบูรณ์ของระบบนิเวศวิทยาในท้องที่นั้น และยังอาจพบพันธุ์ไม้อื่นๆ รวมทั้งสัตว์ป่าอีกด้วยเดิมทีศาสตราจารย์หลินเฉินอี้ จะเดินทางไปตรวจสอบด้วยตนเอง แต่ดันมาตกบันไดเพราะปีนขึ้นไปเปลี่ยนหลอดไฟในห้องอ่านหนังสือ โชคดีที่กระดูกไม่แตกหักแต่อักเสบจนเท้าบวมจนใส่รองเท้าไม่ได้ หลินอวี่เหยาจึงอาสาไปตรวจสอบด้วยตัวเอง และโชคดีที่คุณปู่หลิวหรืออาจารย์หลิวเป็นที่รักของบรรดาลูกศิษ

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่2 ฝันหรือจริง

    หลินอวี่เหยาเป็นเพียงบุตรีของเสนาบดีฝ่ายพิธีนามหลินเหวินเฉิง แต่หลินอวี่เหยาเป็นบุตรจากภรรยารองซึ่งมารดาของนางมาจากตระกูลพ่อค้าแม้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีแต่เมื่ออยู่ในจวน กลับถูกภรรยาเอกกลั่นแกล้ง หลังให้กำเนิดบุตรสาวที่แสนน่ารักได้ไม่เพียงไม่กี่ปี มารดาก็ล้มป่วยสิ้นใจไร้การแลเหลียวของบิดา ในจวนหลังใหญ่โตงดงาม นางเติบโตอยู่ท้ายจวนอย่างเดียวดาย จนเมื่ออายุสิบห้ามีการคัดเลือกหญิงงามเป็นสนมของฮ่องเต้ มิรู้ว่าเหตุใดฮูหยินใหญ่ส่งหลินอวี่เหยาเข้ามาและก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงได้รับคัดเลือกทั้งที่นางไม่มีความงดงามสะดุดตาเลยสักนิด อยู่บ้านบิดาก็ไม่เหลียวแล อยู่ในวังหลวงฮ่องเต้ก็มิเคยชายตามอง นางไม่เคยได้เข้าเฝ้าถวายการปรนนิบัติเลยสักครั้ง บางทีฮ่องเต้อาจไม่รู้การมีตัวตนของหลินอวี่เหยาก็เป็นได้ เข้าวังได้ไม่นานก็ถูกใส่ร้ายป้ายสีเป็นคนผิดที่ไม่ได้กระทำผิด ฮองเฮาตัดสินโทษให้มาอยู่ที่ตำหนักเย็น บิดารู้ข่าวก็มิได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ อยู่ที่นี่ราวกับรอวันตายหรือจะกล่าวให้ถูกต้องหลินอวี่เหยาตายไปแล้วหญิงสาวใช้มือสางผมที่ยุ่งเหยิงแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแข็งๆ ดึงผ้าห่มแสนเก่าขึ้นมาคลุมกาย หากหลับตาลงตอนนี

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่ 1 เสียงรำพึงรำพันหวานโศก

    รัตติกาลถูกย้อมด้วยเปลวเพลิงแผ่นดินสะอื้นครวญคร่ำร่ำไห้โชคชะตาชิงชังกักขังข้าฯไว้ หนึ่งปรารถนาเพียงใจได้พบนางเสียงรำพึงรำพันหวานโศกล่องลอยในอากาศราวกับวงแขนที่โอบรัดทว่ามองไม่เห็น ความหนาวเย็บเสียดแทงทุกอณูเนื้อของร่างกายเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว ปรารถนาเพียงการจำนนเพื่อปลดปล่อยจากความเจ็บปวดทั้งหลายทั้งมวล ทว่าเสียงขับร้องบทกวีซ้ำๆ เรียกสติที่เหลือน้อยนิด เหนี่ยวรั้งให้กลับมา‘ไม่ต้องกลัว ข้าจะตามหาเจ้า ไม่ว่ากี่ชาติภพ ข้าจะตามหาเจ้าให้พบ’‘ไม่ต้องกลัว’คล้ายมีก้อนเหนียวหนืดติดอยู่ในลำคอ ในที่สุดหญิงสาวสำลักจนอาเจียนออกมาหมดสิ้น ร่างบอบบางพลิกตัวโกงคออาเจียนเป็นน้ำเหนียวข้นสีเหลือง บนพื้นที่มีหิมะปกคลุมบางเบาแต่กลับเห็นได้ชัดว่า นางสำรอกเอาน้ำย่อยออกมา“ดีแล้วๆ อ้วกออกมาให้หมด” มือหยาบกระด้างตบแผ่นหลังของหญิงสาว “ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว”กระเพาะแสบร้อนไปหมด แต่กระนั้นกลับเรียกสติให้หญิงสาวได้เป็นอย่างดี ดวงตางดงามกวาดมองไปถ้วนทั่วแต่กลับยิ่งมึนงงสับสน“เด็กน้อยของข้า” มือข้างนั้นยังคงลูบแผ่นหลังของนาง “รักษาชีวิตไว้เถิด ให้สมกับที่แม่เจ้ามอบชีวิตนางเพื่อเจ้า”“คุณ...คุณน้าพูดเรื

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status