แชร์

ตอนที่ 2 : ต่อรองกับมัจจุราช

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-20 14:55:11

ตอนที่

[2]

ต่อรองกับมัจจุราช

 ร่างสูงในอาภรณ์สีทองลวดลายมังกรดูทรงอำนาจกำลังจดจ้องมาที่นางด้วยสีหน้าที่สามารถดูออกได้ว่ากำลังโกรธเกรี้ยวด้วยเห็นโทสะที่พวยพุ่งขึ้นที่เหนือศีรษะของเขา

 หากแต่สิ่งที่นางสนใจมิใช่อารมณ์แต่เป็นใบหน้าของเขา บุรุษตรงหน้าของนางนี้หากว่าอยู่ในโลกก่อนต้องไม่พ้นเป็นพระเอกแถวหน้าอย่างแน่นอน ดวงหน้าได้รูป ดวงตาลึกล้ำทรงอำนาจ คิ้วพาดเฉียง จมูกโด่งนั้นดูเชิดขึ้นบ่งบอกว่าเป็นคนเอาแต่ใจไม่น้อย ริมฝีปากไม่หนาหรือบางเกินไป รวม ๆ แล้วกล่าวได้ว่าหล่อเหล่าเกินคน 

 หากว่านี่ไม่ใช่พระรองที่หล่อเหล่าที่สุดแล้วละก็….ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่ายังไงแล้ว 

 ใช่แล้ว ตรงหน้าของนางคือ สามีของนาง ไม่สิ สามีของซูซีหลินคนก่อน เขาเป็นพระรองที่กึ่งจะไปทางตัวร้ายด้วยซ้ำ อวี๋กงซู่ฮ่องเต้ พระรองที่เกลียดนางร้ายในเรื่องยิ่งกว่าสิ่งใดและทุ่มหัวใจทั้งหมดให้กับนางเอกนิยายอย่าง ช่ายเฟิ่งจิ่ว อย่างไม่เหลือพื้นที่ใดอีก แม้ว่าช่ายเฟิ่งจิ่วจะรักพระเอกอย่าง ข่ายเชี่ยนหยุน จนหมดหัวใจก็ตาม 

 นางร้ายเรื่องนี้แปลกนัก มิได้หลงรักพระเอก แต่กลับหลงรักพระรองเสียอย่างนั้น รักจนกระทั่งทำสิ่งที่โง่ที่สุดแม้กระทั่งถูกคนหลอกใช้ก็ยังไม่รู้ตัว 

 แต่บัดนี้นางยังมีโอกาสพลิกวิกฤติก่อนที่จะถูกสั่งประหาร ต้องตายอย่างอเนจอนาถเช่นนั้น แม้ว่าคนตรงหน้าดูเหมือนพยายามจะกินหัวนางในยามนี้มากแล้วก็ตาม 

 “เหตุใดจึงไม่ตอบข้า เจ้าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้วหรือ ถึงได้คิดแผนชั่วทำเรื่องชั่วเช่นนั้นกับคุณหนูช่ายได้!” 

 นางถูกดึงเข้ามาในเวลาที่ไม่ค่อยดีนัก ก่อนหน้านี้เพิ่งสั่งคนไปลอบทำร้าย ช่ายเฟิ่งจิ่วมา โดยมีคำสั่งว่าหากตายยิ่งดี เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายกลับมาเมืองหลวงได้สำเร็จ

 แต่แน่นอนว่ามันไม่สำเร็จและสิ่งต่อไปที่ซูซีหลินจะต้องเจอคือฮ่องเต้ผู้นี้จะสั่งขังนางที่ตำหนักเย็นเจ็ดวัน 

 อวี๋กงซู่ลอบมองสตรีตรงหน้าที่อยู่ในท่าทางผิดแปลกจากเดิมด้วยสายตาพินิจพิจารณา แน่นอนว่าไม่ไว้ใจ โดยทั่วไปแล้วหากเจอเรื่องเช่นนี้ซูซีหลินคงจะโหวกเหวกโวยวายตีอกชกตัวพร้อมทั้งขอความเป็นธรรมให้กับตนเองด้วยการแสดงที่แสนโง่เขลาและไม่เป็นธรรมชาติ แต่บัดนี้กับนิ่งเงียบไม่กล่าวอันใดเพียงครึ่งคำ เขาเกือบจะถูกใบหน้าที่เปิดเปลือยไร้สิ่งประทินโฉมของอีกฝ่ายทำให้ไขว้เขวเพราะมันน่ามองกว่าทุกวัน  แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่านี่คือซูซีหลิน สตรีที่ชั่วร้ายทำร้ายคุณหนูช่ายไม่นานโทสะของเขาก็พวยพุ่งขึ้นอีกครั้งและยิ่งกว่าเดิม 

 “หึ ปฏิเสธกับสิ่งชั่วร้ายที่ตนเองทำลงไปไม่ได้สินะ เราเคยเตือนเจ้าแล้ว ว่าหากเจ้าแตะต้องคุณหนูช่ายแม้เพียงปลายเล็บก็อย่าหาว่าเราไม่เตือน ตอนนี้อย่าว่าแต่ตำแหน่งฮองเฮาเลย แม้แต่ตำแหน่งกุ้ยเฟยของเจ้าก็อย่าหวังว่าจะรักษาเอาไว้ได้!! เผยกงกง….”

 ก่อนที่เขาจะสั่งลงโทษอันใด ซูซีหลินไม่รอช้ารีบยกมือขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้เขาหยุดการกระทำของตนเองก่อน

 “ฝ่าบาทก่อนที่ฝ่าบาทจะลงโทษหม่อมฉัน หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องเพคะ” 

 “คนกระทำผิดเช่นเจ้าสามารถที่จะต่อรองอันใดด้วยหรือ” อวี๋กงซู่ฮ่องเต้เชิดพระพักตร์ขึ้น พระเนตรเต็มไปด้วยความระแวดระวัง ไม่ไว้ใจและความไม่ชอบใจ หญิงสาวคล้ายจะรับรู้ถึงสายตาเหล่านั้นจึงได้คิดที่จะรีบพูดเพื่อให้ทุกอย่างจบลงโดยเร็ว

 “ฟังหม่อมฉันก่อนสักนิดเถิดเพคะ” หญิงสาวพยายามอ้อนวอน คล้ายกับว่าเขารำคาญไม่นานก็ตอบตกลงฟังที่นางจะกล่าว

 “ว่ามา แต่หากคำพูดเจ้ามีอันใดที่ไม่เข้าท่าอย่าหาว่าข้าไม่เตือน” นี่ก็ขู่เก่งเหลือเกิน 

 “หม่อมฉันรู้แล้วเพคะว่าที่ผ่านมานั้นเป็นหม่อมฉันที่ดึงดันทุกอย่างไปเองคนเดียว จนทำให้เรื่องทุกอย่างมันบานปลายมาถึงขั้นนี้” 

 “ก็รู้นี่” อวี๋กงซูฮ่องเต้

 “…..”

 นางทำเป็นไม่สนใจท่าทางของเขาก่อนจะกล่าวต่อ 

 “ดังนั้นหม่อมฉันจึงคิดว่าจะขอเวลาพระองค์เพียงแค่สองเดือนเท่านั้นในการอยู่ตรงนี้เป็นซูกุ้ยเฟย จากนั้นหม่อมฉันจะไม่ขอแย่งชิงใด ๆ อีก จะกลับไปที่จินโจวเพื่ออยู่กับท่านพ่อท่านแม่ที่นั่นเพคะ” ฮ่องเต้หนุ่มได้ยินดังนั้นก็หรี่ตาลงอย่างไม่ไว้วางใจ

 “เหตุใดต้องรอถึงสองเดือน” เขาร้อนใจจะแย่แล้ว อยากจัดการตนเองให้เรียบร้อยก่อนที่คุณหนูช่ายจะกลับมา เพื่อที่นางจะได้เห็นว่าเขาไม่มีผู้ใดและรอคอยเพียงนางผู้เดียวเท่านั้น

 “เพราะหากหม่อมฉันถอนตัวไปตอนนี้ ตำแหน่งสตรีเคียงข้างพระองค์ก็จะว่างเว้น เหล่าขุนนางก็คงจะไม่วายหยิบยกเรื่องแต่งตั้งฮองเฮาขึ้นมาอีก ยามนั้นเกรงว่าพระองค์จะถูกกดดันและต้องทำอันใดสักอย่างก่อนที่คุณหนูซูจะมาถึงเมืองหลวงเป็นแน่เพคะ” 

“แต่หากหม่อมฉันยังอยู่ อย่างน้อยตอนนี้เหล่าขุนนางก็ยังคงเกรงใจในบิดาของหม่อมฉัน” แน่ล่ะ บิดาของซูซีหลินเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของแคว้น ทำผลงานได้มากมายในตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาจึงทำให้เหล่าขุนนางยำเกรงไม่น้อย และด้วยเพราะผลงานบิดานี่เองที่สามารถทำให้ซูซีหลินได้กลายมาเป็นซูกุ้ยเฟยในทุกวันนี้ และพิธีแต่งตั้งกุ้ยเฟยเพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อหกเดือนที่แล้ว เหล่าขุนนางจึงยังไม่กล้ากระโตกกระตากที่จะเสนอสตรีให้กับฮ่องเต้เพิ่มในยามนี้ 

 อวี๋กงซู่แม้จะไม่ไว้ใจ แต่ก็คิดว่าคำพูดของซูซีหลินนั้นมีเหตุผลไม่น้อย ขุนนางเฒ่าพวกนั้นจ้องแต่จะยื่นมือมาวุ่นวายกับหลังบ้านเขาอยู่เรื่อย ๆ 

 แต่แผนการนี้มาจากซูซีหลินเช่นนั้นหรือ มันช่าง….

 “แล้วเราจะไว้ใจได้อย่างไร ว่าเมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะจากไป รวมถึงไม่คิดทำร้ายคุณหนูช่ายอีก” 

 “หม่อมฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้พระองค์เชื่อถือ แต่นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หม่อมฉันจะไม่ไปยุ่งวุ่นวายหรือทำอันใดให้พระองค์รำคาญใจอีกแล้วเพคะ และเมื่อคุณหนูช่ายมาถึงเมืองหลวง หม่อมฉันก็จะรีบหลีกทาง หรือไม่ก็อาจจะช่วยพระองค์รีบเชื่อมวาสนากับคุณหนูช่ายให้สำเร็จด้วย”

 “ขอเพียงเจ้ายอมจากไป เรื่องเชื่อมวาสนาคงไม่ต้องให้เจ้ายื่นมือเข้ามายุ่งอันใด” 

 ผู้ใดจะอยากยุ่งกัน นางก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง

 “แสดงว่าพระองค์รับปากแล้วหรือเพคะ” 

 “อย่าคิดว่าข้าเชื่อถือในคำพูดของเจ้า แต่ข้ากำลังให้โอกาสเจ้า หากครั้งนี้เจ้ายังมีลูกไม้อันใด แม้แต่บิดาของเจ้าก็อย่าได้คิดว่าจะช่วยเจ้าได้!”

 ขู่อีกแล้ว 

 “หม่อมฉันรู้แล้วเพคะ ขอพระองค์โปรดวางใจ” ซูซีหลินค้อมศีรษะลงเล็กน้อย อวี๋กงซู่หรี่ตาลงเพื่อประเมินหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นไม่พูดอันใดอีกก็สะบัดพระวรกายจากไปทันที

 ฟู่ว ไปเสียที 

คล้อยหลังชายหนุ่ม ซูซีหลินก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อครู่มิใช่แค่ซูซีหลินที่กดดันแม้แต่จินจูนั้นก็แทบจะมุดหน้าลงไปฝังที่พื้นเสียแล้ว แม้ว่าเมื่อครู่ใบหน้าของตนก็แทบจะแนบสนิทติดกับพื้นอยู่แล้วก็ตาม

 รัศมีของผู้ปกครองแผ่นดินนี่ช่างอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

 เมื่อหันไปลอบมองผู้เป็นนายก็เห็นเพียงว่าพระองค์เอาแต่ถอนหายใจออกมาไม่หยุดไม่รู้แท้จริงคิดอย่างไรอยู่

เฮ้อ สองเดือนคงจะเพียงพอที่นางจะรักษาชีวิตตนเองและคนผู้นั้นเอาไว้ได้ ซูซีหลิน

 อวี๋กงซู่ฮ่องเต้หลังจากที่กลับมายังห้องทรงพระอักษรของตนเองแล้วก็ได้แต่สบสายตาขันทีคนสนิทอย่างเผยกงกง ก่อนจะถามในสิ่งที่ตนเองสงสัยออกไป

 “เผยกงกง ท่านว่าสิ่งที่นางพูดนั้นมีความจริงกี่ส่วน” 

 นาง ที่ว่าหมายถึงผู้ใดไม่ต้องเดา เผยกงกงประมวลคำถามและคำตอบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ ตอบอย่างระมัดระวัง 

 “ซุกุ้ยเฟยนั้น มีใจผูกติดกับฝ่าบาทมานานหลายปี ความฝังลึกนั้นผู้ใดก็ล้วนแต่รับรู้ เฉกเช่นเดียวกับที่ฝ่าบาทรู้สึกเช่นเดียวกับคุณหนูช่าย กระหม่อมจึงคิดว่า…พระนางไม่น่าจะสามารถตัดใจได้อย่างง่ายดายในระยะเวลาเพียงสองเดือนแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” 

 “ท่านคิดว่านางโกหก?” 

 “หามิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมลอบสังเกตดูพระนางดูไม่คล้ายคนโกหก” 

 “ตกลงว่านางโกหกหรือไม่โกหก” อวี๋กงซู่ฮ่องเต้ฮึดฮัดขัดใจไม่น้อย 

 เผยกงกงจึงได้คุกเข่าลงก่อนจะรีบกล่าวต่อ 

 “กระหม่อมแม้ไม่แน่ใจว่าพระสนมคิดอย่างไร แต่พระนางดูไม่คล้ายจะปฏิบัติกับพระองค์เช่นเดิมพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้น ไหน ๆ พระองค์ก็รับปากพระสนมไปแล้ว ระหว่างนี้ก็รอดูท่าทีไปก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เผยกงกงกล่าวแล้วลอบปาดเหงื่อในใจ เขารอดหรือยังนะ

 “เช่นนั้นเราจะคอยดูท่าทีของนาง แต่หากว่านางไม่คิดทำดังปากว่า ก็อย่าหาว่าเราใจร้ายก็แล้วกัน!” จักรพรรดิตรัสแล้วก็ตวัดสายพระเนตรดุดันไปยังทิศทางตำหนักของสตรีที่ตนเพิ่งจากมา

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนพิเศษ 2 : ผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้ 1/2

    ตอนพิเศษที่[2]ฮ่องเต้แห่งแคว้นจ้าว จะเห็นได้ว่าสีหน้าของคนทั้งสี่ปราศจากแววตาล้อเล่นสนุกสนานดังที่เคยไป หนำซ้ำยังแดงก่ำราวกับคนจะปล่อยโฮออกมาอยู่รอมร่อ อวี่กงซู่อยากจะห้ามแต่เขาเห็นความหวังและความมุ่งมั่นในตาของลูก ๆ จึงได้แต่ปล่อยเด็ก ๆ ไปด้วยกัน “พวกเจ้าต้องดูแลตนเองให้ดี ห้ามเป็นอันใดไปเด็ดขาด” มิได้บอกเพียงลูก ๆ แต่อวี๋กงซู่ยังบอกจู่จิ่งหลงด้วย “พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ”“เนื่องจากว่าวันนี้มืดค่ำแล้ว พวกเราต้องรอพรุ่งนี้เช้าถึงจะออกเดินทางได้” ก่อนออกเดินทางจู่จิ่งหลงรีบหันไปสั่งการบางอย่างกับคนของตน ก่อนจะเผยแววตาอันเยือกเย็นเต็มไปด้วยรังสีสังหารแผ่ออกมา ใครกล้าคิดร้ายกับเสด็จป้าของเขามันต้องไม่ตายดี!! จากนั้นห้าคนพี่น้องรวมถึงผู้ติดตามจึงได้พากันเดินทางไปยังป่าทางตอนใต้ของแคว้นที่มีความชื้นมากเป็นพิเศษ ค้นหาอยู่ทั้งวันก็ไม่พบสิ่งที่ใกล้เคียงกับสมุนไพรที่ว่านั้นเลย ระหว่างที่หลายคนเริ่มใจเสีย หางตาของจูจิ่งหลงก็หันไปพบกับบางอย่าง ทว่าระหว่างที่เขากำลังคิดจะไปเก็บมัน กลุ่มคนร้ายกลุ่มใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้น “ฝ่าบาทในที่สุดก็มาถึงวันนี้ วันที่ข้าไม่ต้องก้มหัวให้กับเด็กน้อยปากไม่สิ้นน

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนพิเศษ 2 : ผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้ 1/1

    ตอนพิเศษที่[2]ฮ่องเต้แห่งแคว้นจ้าว นับตั้งแต่ที่วันนั้นเดินทางจากที่ที่เคยเติบโตมากว่าสิบปีเพื่อมาอยู่ที่แคว้นที่ตนกำเนิดมา เด็กน้อยที่เคยผอมแห้งแรงน้อยและหวาดกลัวผู้คนบัดนี้ได้เติบใหญ่สูงสง่า ท่าทางองอาจ รูปลักษณ์หล่อเหลาไม่แพ้ผู้เป็นพระปิตุลาที่อยู่แคว้นหลิวหยวนเลยแม้แต่น้อย จูจิ่งหลงฮ่องเต้ จักรพรรดิที่ปกครองแผ่นดินด้วยอายุน้อยที่สุดของแคว้นจ้าว ครองราชย์ตั้งแต่พระชนม์มายุสิบหกชันษา จากวันนั้นผ่านมาเจ็ดปี บัดนี้ก็ยี่สิบสองชันษาแล้ว แม้เหล่าขุนนางและคนภายนอกจะมองว่าเขามากความสามารถและน่าเกรงขามเพียงใด แต่ยามนี้พระพักตร์หล่อเหลากลับเต็มไปด้วยการรอคอย ราวกับเด็กน้อยที่รอเพื่อจะได้กินของอร่อยที่สหายคนแรกเคยแอบนำมาให้ เมื่อครั้งยังอยู่ที่ตำหนักซิงเยียน ใช่แล้ว เขากำลังรอคอยสหายหรือยามนี้ที่เขาเรียกว่าเสด็จป้า เดินทางมาเยี่ยมเยียนเขาที่แคว้นจ้าวเฉกเช่นทุกปี ยามนี้คงใกล้ถึงแล้วกระมัง “พี่จิ่งหลงพวกเรามาแล้ว” และคนที่เขารอคอยก็มาถึง เริ่มต้นด้วยเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของเหล่าลูกลิงทั้งสี่ แม้จะเติบใหญ่กันแล้ว แต่พวกเขาก็ยังทำตัวเป็นเด็กน้อยที่สดใส โดยเฉพาะอวี๋กงจวิ้นที่แม้จะอายุเ

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนพิเศษ 1 : ผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้ 1/2

    ตอนพิเศษที่[1]ผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้“ข้าขอแสดงความยินดีกับพวกท่านทั้งสองด้วยนะ ขอให้พวกท่านครองรักกันตลอดไปไร้ซึ่งอุปสรรค”“ขอบพระทัยเพคะฮองเฮา ไว้หม่อมฉันส่งเมล็ดพันธุ์พืชที่น่าสนใจจากด้านนอกมาให้ฮองเฮาปลูกอีกนะเพคะ” ช่วงนี้นางกำลังชื่นชอบการปลูกพืชชนิดต่าง ๆ ช่ยเฟิ่งจิ่วก็ชอบส่งเมล็ดพันธุ์พืชที่แปลกใหม่และน่าสนใจมาให้นางเรื่อย ๆ“ดีจริง ขอบใจเจ้าล่วงหน้าด้วยนะ” ซูฮองเฮาฉีกยิ้มด้วยความดีใจพลางจับมือของช่ายเฟิ่งจิ่วเอาไว้ คราแรกช่ายเฟิ่งจิ่วไม่คิดอะไร แต่ทว่าเมื่อเห็นพระเนตรของฮ่องเต้แล้ว จึงทำท่าขยับกายเข้าใกล้ฮองเฮาแล้วกระซิบบางอย่าง หากมองจากมุมที่ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมา คงคล้ายกับว่านางกำลังหอมแก้มฮองเฮากระมัง “องค์รัชทายาทดูแลคู่หมายของท่านให้ดี อย่าได้มายุ่งกับคนของผู้อื่น!” อวี๋กงซู่รีบเดินเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน แต่ราวกับไม่ทันใจเขาจึงได้ช้อนกายของฮองเฮาลอยหวิวขึ้น “ว้าย” “กลับตำหนักเรากันเถิด” แม้ว่าซูซีหลินจะทุบไปที่ต้นแขนเขาอย่างไร เขาก็ไม่ปล่อยนางลงด้านข่ายเชี่ยนหยุนและช่ายเฟิ่งจิ่วที่มองภาพนั้นจากด้านหลังทั้งคู่ พวกเขาหันมามองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมา “พระองค์สัญญากับ

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนพิเศษ 1 : ผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้ 1/1

    ตอนพิเศษที่[1]ผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้ นับตั้งแต่ที่มีการแต่งตั้งฮองเฮาก็เป็นอันรู้กันจนทั่วเมืองหลวงว่าฮ่องเต้นั้นมีความรักลึกซึ้งต่อซูฮองเฮามากเพียงใด ไม่ว่าจะเสด็จไปประพาสที่ใดก็มักจะพาซูฮองเฮาไปด้วยเสมอ ทั้งสองพระองค์มักจะพากันไปกินของอร่อยที่เป็นร้านรวงของชาวบ้านตามสถานที่ต่าง ๆ โดยฝ่าบาทมักจะเป็นฝ่ายคีบอาหารให้ฮองเฮาด้วยพระพักตร์เปื้อนรอยยิ้มเสมอ ภายนอกผู้คนมักมองว่าสองผู้สูงศักดิ์ช่างรักใคร่กลมเกลียวต่อกันยิ่งนัก และยามนี้อวี๋กงซู่ก็เป็นที่ชื่นชมของประชาชนหลายคนในความมั่นคงที่มีรักเดียว เหล่าสตรีได้แต่คิดว่าหากมีสามีก็ต้องการหาบุรุษที่เป็นเฉกเช่นฮ่องเต้ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ก็ไม่นับว่าเกินจริงแต่อย่างใด ทว่ามันกลับมีหลายอย่างที่มากกว่านั้น “จินจู เจ้าลองกินขนมนี้ดู ข้าว่าอร่อยมาก” ระหว่างที่ซูฮองเฮากำลังยื่นขนมไปป้อนให้นางกำนัลคนสนิทกลับพบว่าผู้ที่รับขนมนั้นไปมิใช่จินจูแต่เป็นพระสวามี “ฝ่าบาท!” “ทำไมเห็นเราจะต้องตกใจด้วย” “ก็ฝ่าบาทมาไม่ให้สุ้มให้เสียงจะมิให้ตกใจได้อย่างไรเพคะ” “เป็นเจ้าที่ไม่สนใจการมาของเรามากกว่า มัวแต่ไปป้อนขนมให้ผู้อื่น” จินจูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ร

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 34 : นางร้ายที่ได้เริ่มต้นใหม่ (ตอนจบ)

    ตอนที่[24]นางร้ายที่ได้เริ่มต้นใหม่ (ตอนจบ) วันเวลาผันผ่านไปอีกหลายปีทว่าคนในวังหลวงของแคว้นหลิวหยวนกลับยังเต็มไปด้วยความอบอุ่นใจ รักใคร่ปรองดองกัน โดยเฉพาะอวี๋กงซู่ฮ่องเต้ที่หลังจากว่างเว้นจากงานบ้านเมืองก็มักจะพาตนเองมาอยู่ที่ตำหนักหงอี้ ที่เป็นตำหนักที่ประทับของซูฮองเฮาและพระราชโอรสทั้งสอง ผ่านไปห้าปีมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากมาย ซูฮองเฮาหลังได้รับการแต่งตั้งก็ถูกย้ายจากตำหนักซิ่วอิงมาอยู่ที่ตำหนักหงอี้ เหตุผลนั่นก็เพราะตำหนักหงอี้อยู่ใกล้กับตำหนักเฉินไท่ของฝ่าบาทมากที่สุด ที่จริงฮ่องเต้ผู้นั้นอยากจะย้ายตนเองมาอยู่ที่ตำหนักหงอี้เสียให้รู้แล้วรู้รอด ติดก็ตรงที่เผยกงกงเอาแต่บอกว่าไม่เหมาะสม ๆ อยู่นั่น “เผยกงกงขัดใจอันใดมาหรือเพคะ” ซูซีหลินเอ่ยถามพระสวามีที่มีพระพักตร์บูดบึ้งราวกับไม่พอใจบางอย่าง ซึ่งไม่ต้องเดาว่าเรื่องอันใด ต้องเป็นฝีมือเผยกงกงเป็นแน่ “ก็เผยกงกงบอกว่าเรามาค้างที่ตำหนักหงอี้มากเกินไป เดี๋ยวพวกขุนนางเฒ่าจะหาว่าข้าลุ่มหลงในฮองเฮาได้ แล้วมันไม่จริงหรืออย่างไร ก็เราลุ่มหลงในตัวเจ้าจริง ๆ” จากใบหน้าบูดบึ้งจู่ ๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นความเจ้าเล่ห์ หนำซ้ำมือปลาหมึกยังเลื้

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 33 :ฮองเฮาพวกเราเข้าหอกันเถิด 1/2

    ตอนที่[23]ฮองเฮาพวกเราเข้าหอกันเถิด “เจ้าก็ควรถอดเช่นกันนะ” “…..” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงนิ่ง ชายหนุ่มก็คิดว่าตนไม่อาจรั้งรอได้อีก จึงได้ถือวิสาสะเข้าไปช้อนกายภรรยาก่อนจะรีบพาไปที่เตียงทันที “หลินเออร์ คืนนี้เรามาสร้างความแนบแน่นกันเถิด” “…..” “แล้วก็หากเจ้าได้เราแล้ว ก็ห้ามทิ้งเราไปที่ใดเล่า” นี่มันอันใดกัน ใครได้ใครกันแน่ ในเมื่อสายตาของเขาตอนนี้แทบจะกลืนกินนางทั้งตัวแล้ว! “เหตุใดจึงเงียบ รับปากเราสิ” ระหว่างที่รอคำตอบพระเนตรของจักรพรรดิก็เอาแต่จับจ้องริมฝีปากของฮองเฮาอย่างไม่ละสายตา และยามที่นางเอื้อนเอ่ย “หม่อมฉัน อื้อ” “ข้ารอไม่ไหวแล้ว” ริมฝีปากหนารีบเข้าฉกชิงความหอมหวานจากริมฝีปากของอีกฝ่ายทันที ลิ้นของเขาพยายามเกี่ยวกระหวัดและหยอกล้อหญิงสาวอยู่เนิ่นนาน มือที่ว่างอยู่ก็พยายามแตะไปยังจุดอ่อนไหวของภรรยาจนทั่วร่าง “ฝ่าบาท” รู้ตัวอีกทีซูซีหลินก็ไม่เหลืออาภรณ์ปิดกายแม้แต่ชิ้นเดียวแล้ว “เจ้างดงามและหอมหวานถึงเพียงนี้ ก็อย่ามาโทษว่าเราเอาแต่ใจเล่า” ว่าแล้วก็ก้มใบหน้าลงไปฉกฉวยบุปผางามที่พยายามชูช่อดึงดูดสายตาของเขาอย่างอดใจไม่ไหว และไม่เพียงแค่บุปผางามที่ทั้งขาว

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status