LOGINลานกว้างหน้าเรือนหลักถูกจัดเป็นสถานที่กินเลี้ยงสังสรรค์ บรรดาคนหนุ่มแน่นวัยฉกรรจ์ถูกจัดเก้าอี้ให้นั่งล้อมวงหลังโต๊ะเตี้ยอย่างไม่เคร่งครัดธรรมเนียมกฎเกณฑ์เบื้องหน้าของทุกคนคือชินอ๋องจ้าวเฟิ่ง พระชายาเพ่ยหนิง ส่วนซื่อจื่อจ้าวฉีเสวียนผู้เป็นขุนพลนำทัพกำลังอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเหล่าทหารกล้า เสียงร้องร่ำทำเพลงดังก้องไปทั่วทั้งลานกว้าง เสียงสรรเสริญเยินยอก็ดังสนั่นไม่แพ้กันพวกเขาเหล่านั้นต่างหัวเราะพลางยกจอกสุราขึ้นเบื้องหน้า ทำความเคารพกันและกันแล้วดื่มรวดเดียวหมดจอกบัดนี้จ้าวเล่อเสียมิใช่ดรุณีนางน้อยแล้ว เรือนร่างอรชรมีเอวคอดกิ่ว สะโพกผาย หน้าอกขยายใหญ่ขึ้น ปีนี้นางมีอายุสิบเก้าปี และทันทีที่เรือนร่างสะโอดสะองแต่ผ่าเผยของนางในชุดสีแดงคลุมทับเสื้อสีดำอันรัดกุมไม่ต่างจากจอมยุทธ์หญิงมาถึงก็พลันสามารถเรียกสายตาของบรรดาบุรุษได้ทั่วทุกคนหนึ่งในบุรุษเหล่านั้นรีบหันมอง ดวงตาคู่คมเปล่งประกายเขาผู้นี้มีนามว่าเหอซวิน มีเรือนร่างสูงใหญ่ภูมิฐานสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ฝีมือเชิงยุทธ์ฉกาจล้ำ เรียกได้ว่ารูปงามกล้ามแน่น เปี่ยมเสน่ห์ร้องแรงแห่งบุรุษเพศเต็มขั้นที่สำคัญ เขาตรึงใจจ้าวเล่อเสียเพียงแรก
จวนเสนาบดีสกุลโจวข่าวการตายของโจวอวี่ถูกส่งมาถึงนายท่านโจว ก่อนที่หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน ศพของเขาก็ถูกนำมาประกอบพิธีกรรมเสียงร่ำไห้ดังระงมไปทั่วโถงพิธีตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายศพของบุตรชายสายหลักคนรองถูกฝังในสุสานบรรพชนอย่างสมเกียรติ ไร้ผู้ใดตำหนิติเตียนเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งสามัญที่คนต้องพบเจอ ทว่าการจากลายากแก่การทำใจเสมอ โจวเจ๋อผู่แม้รังเกียจเดียดฉันท์มารดา ทว่าเขารักบุตรชายยิ่งนักเขายอมรับว่าตนเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการจากไปของโจวอวี่ งานศพนี้คนที่เศร้าที่สุดคือเขาโจวเจ๋อผู่นั่งนิ่งหลั่งน้ำตาเงียบงันอย่างไม่อายใครเสียดายเวลาที่ผ่านมาก็ตอนนี้ เขาควรบอกรักบุตรชายบ้าง ดูแลเอาใจใส่ ชื่นชมยินดีบ้าง มิใช่เอาแต่ต่อว่าด่าทอ หากวันนั้น เขาไม่ขับไล่ไสส่งบุตรชายไป โจวอวี่ก็คงไม่ตายทุกสิ่งคือความผิดของเขา...โจวเจ๋อผู่ได้รับการปลอบประโลมจากฮูหยินคนปัจจุบัน กระทั่งคลายอาการโศกเศร้าและทำใจได้แล้วถึงการจากลานิรันดร์ ทว่าก็ยังขังตัวเองอยู่ในเรือนดึกดื่นค่อนราตรี ท่ามกลางเรือนนอนที่เงียบสงัดเหล่านี้ มีเรือนหลังหนึ่งที่คนมิอาจข่มใจจากลา“แม่นม...”จูเข่อเหรินเรียกขานกุ้ยฉิ
ทว่าบาดแผลทั้งสามนี้ กลับแลกมาด้วยชีวิตของเหล่านักฆ่าถึงห้าคน พวกมันกลายเป็นซากศพจนเกือบหมดเช่นกันกระนั้นกลับเหลืออีกสี่ห้าคน ทั้งหมดพุ่งเข้าใส่พร้อมกัน การประจัญบานแบบรุมกินโต๊ะเกิดขึ้นกะทันหัน ร่างของหูเย่หรงนอนแน่นิ่งตรงพุ่มหญ้านองเลือด ในขณะที่ร่างสูงสง่าของโจวอวี่พลัดตกหน้าผาในชั่วลมหายใจเดียวนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงวูบหนึ่งยามที่จ้าวเล่อเสียคลาดสายตาไปเพียงเสี้ยวเวลาปราดเดียว“โจวอวี่!”หญิงสาวรีบวิ่งไปคว้ามือเขาไว้“ไม่นะ โจวอวี่!”มือใหญ่ถูกมือเล็กกอบกุม และทำท่าจะร่วงตามกันลงไป แต่โจวอวี่จะยอมให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไรมือหนึ่งสะบัดกระบี่วาดขึ้นเหนือศีรษะนาง อีกมือสะบัดออกจากการกอบกุมนักฆ่าที่กำลังลอบรุกคืบอยู่ด้านหลังจ้าวเล่อเสียพลันล้มตึงพร้อมกับร่างทั้งร่างของโจวอวี่ทิ้งตัวดิ่งลงหุบเหวไร้ก้น ต่อหน้าต่อตาจ้าวเล่อเสีย“โจวอวี่ ไม่นะ....”เสียงกรีดร้องดังลั่นก้องสนั่นทั้งหน้าผา เหล่านกกาต่างกระพือปีกเสียขวัญก่อนสิ้นสติจนภาพตรงหน้าดับวูบ จ้าวเล่อเสียคล้ายเห็นบุรุษหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งปรากฏขึ้น เขาเข้ามาพร้อมวงแขนอบอุ่นที่เข้าปกป้องนางอย่างหวงแหนจ้าวเล่อเสียหลับใ
เสียงร่ำไห้ค่อยๆ จางลง หูเย่หรงเริ่มคล้อยตามจ้าวเล่อเสีย นางเริ่มคิดได้ การอยู่ใกล้พระโพธิสัตว์ ย่อมมองลูกได้จากที่ไกลๆ และอาจได้รับดวงตาพระธรรมส่งผลให้เห็นสามีในอีกภพหนึ่งด้วยหูเย่หรงเช็ดหยาดน้ำตา เงยหน้า ก่อนผงกศีรษะเบาๆ อย่างยอมรับชะตากรรมอีกรูปแบบหนึ่งทว่าพริบตานั้น เสียงสวบพลันดังขึ้น ไม่มีใครตั้งตัวทั้งสิ้น เบื้องหน้าสายตาหูเย่หรง ลูกธนูคมกริบดอกหนึ่งจากที่ไกลพุ่งเข้ามาใกล้แล้วขยายใหญ่ขึ้น ตามติดมาด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง แล่นปราดจากจุดเดียวลุกลามไปทั่วร่างนางก้มหน้าลงตามสัญชาตญาณก็มองเห็นเลือดไหลทะลักจากหน้าอก สีแดงฉานกระจาย กระไออุ่นที่แผ่ซ่านจากโลหิตสลายหายไปกับสายลมบนยอดหน้าผาแห่งนี้อย่างรวดเร็ว“เย่หรง!” จ้าวเล่อเสียตกใจยิ่ง รีบกอดร่างเปื้อนเลือดไว้“มีคนร้าย” โจวอวี่ลุกขึ้นยืนเป็นโล่กำลังให้สองสตรีทันทีรอบด้านพลันมีเงาดำวูบไหวทั่วทิศ ย่อมเป็นกลุ่มคนชุดดำที่เคยตามติดหมายปลิดชีวิตโจวอวี่ ครานี้พวกมันหอบโทสะ พร้อมความแค้นเทียมฟ้ามาด้วยมิใช่เพียงฆ่าคนแลกเงินอย่างเดียว แต่ต้องการแก้แค้นให้กับสมุนที่ตายเมื่อคราวที่แล้ว ลูกธนูห่าใหญ่โหมเข้าใส่ปานสายฟ้าผ่าระลอกแล้วระลอกเล่า
นอกเขตเมืองอิ๋นโจวบนหน้าผาสูงชันในหุบเขาเถียนซานหูเย่หรงยืนอยู่ตรงนี้นานแล้ว สายตานางทอดมองไปไกล สีหน้าฉายแววทอดอาลัยไร้สิ้นสุด ท่าทางของนางโศกเศร้าเคล้าความอาดูรครุ่นคิดคะนึงถึงมิสร่างซา“ท่านพี่...” กระแสเสียงสั่นเครือแผ่วพร่าเรียกขานคล้ายเรียกใครบางคนบนนภาอันเวิ้งว้าง“เพื่อลูกของเรามีที่พึ่งพิงจนเติบใหญ่ ข้าจึงตัดสินใจเช่นนี้ ข้าทำดีที่สุดแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ? อาจดูเห็นแก่ตัว แต่ข้าอยู่ไม่ได้หากไม่มีท่าน ใจข้าตรึงรักเพียงท่าน มิอาจมอบให้ผู้ใด”หูเย่หรงยิ้มขื่น น้ำตาหลั่งริน “บนสวรรค์ท่านเหงาหรือไม่ ข้าขอตามท่านไปยังภพหน้า เราสองต้องครองคู่กันนิรันดร์”จบคำนางก้าวขึ้นหน้าอย่างเชื่องช้าทว่ากิริยาแน่วแน่มั่นคง ดวงตาทั้งสองหลับลง หยาดน้ำใสกลิ้งบนพวงแก้มแล้วกระจายไปกับสายลม กระนั้นกลับมิอาจแห้งเหือดเรือนร่างบอบบางอ่อนแรงค่อยๆ ทิ้งกายอย่างหมดอาลัย หูเย่หรงตั้งใจจมดิ่งจบชีวิตบนหน้าผาเถียนซานแห่งนี้ทว่าพริบตาพลันมีแรงกระชากมหาศาลดึงนางกลับขึ้นมาสตรีสองคนจึงกอดกันกลิ้งเข้ามาทางฝั่งหญ้านุ่ม ทิ้งห่างจากหน้าผามาไกลพอควรหูเย่หรงมองอย่างงุนงงและคาดไม่ถึง ครั้นพอหายตกใจแล้วตั้งสติได้นางก็
ช่วยมิได้ที่ทั้งคู่ คนหนึ่งชอบสีแดงสดร้อนแรงดุจเปลวเพลิง อีกคนชอบสีขาวจัดความเย็นชาแผ่ซ่านทำผู้พบพานหนาวสะท้านปานยืนอยู่บนแผ่นหิมะกลางธารา ยามเดินไปไหนมาไหนด้วยกันคำว่าโดดเด่นยังน้อยไป ความขัดแย้งนั้นแลดูลงตัวอย่างประหลาด ถึงขนาดที่คนต้องมองเหลียวหลังมาแล้วสาเหตุที่โจวอวี่พูดเรื่องการแต่งกายก็เพราะเขาเห็นกลุ่มคนคล้ายมือสังหารในคืนนั้นเดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้าร้านเหล้าไฉจิ้น นี่คือสาเหตุที่คนต้องรีบเดินทาง เขาบอกจ้าวเล่อเสียว่าไม่อาจอยู่เมืองนั้นได้อีก เพราะอาจนำความเดือดร้อนมาให้สองพี่น้องสกุลอี้ในเมืองแห่งนี้ก็เช่นกัน คนทั้งสองมิอาจเปิดเผยตัวตนเข้าเยี่ยมเยือนมู่จินหรือเข้าพำนักเฉกสหายต่างเมืองอย่างผ่าเผยได้ จำต้องลอบสังเกตการณ์จากภายนอกเท่านั้น“ท่านคิดว่าเราควรเลือกเอาชุดไหนดี?” จ้าวเล่อเสียหยิบชุดนั้นชุดนี้ออกมาจากห่อผ้าจัดเตรียมสำหรับตนเองและโจวอวี่ ท่าทีเช่นนี้เหมือนภรรยาดูแลปรนนิบัติสามีไม่ผิดเพี้ยนโจวอวี่ลุกขึ้นคลำทางมาเรื่อยๆ ยกเชิงเทียนมาส่องใกล้ เพ่งมองดูอย่างจริงจัง “เอาชุดสีฟ้า ข้าเห็นว่าเจ้ามี ข้าเองก็มี ใส่เหมือนกันก็ดี”ชุดคู่รัก...นี่ไยม






