Share

บทที่ 12

last update Last Updated: 2025-02-10 14:17:27

“เรียบร้อยดีหรือไม่จื่อถิง”

“เรียบร้อยดีเจ้าค่ะ คุณหนูต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่เจ้าคะ”

“ไม่ละ เราไปกันเลยดีกว่า ข้าอยากเห็นร้านของข้าเต็มทนแล้ว”

“เจ้าค่ะ คุณหนูอย่าลืมไปบอกกล่าวฮูหยินใหญ่ก่อนนะเจ้าคะ”

“... นั่นสินะ ขอบใจนะจื่อถิงที่เตือน ข้าเกือบลืมไปเลย”

ไป๋ฟางเซียนเอ่ยขอบคุณสาวใช้ของตนที่เอ่ยเตือนเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณีของคนที่นี่ให้ เป็นผู้น้อยจะไปที่ใดต้องบอกอาวุโสในบ้านให้รับรู้ นางลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท คงเป็นเพราะความเคยชินจากโลกเดิมก่อนมาที่นี่ ด้วยความที่ต้องเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้นในมหาวิทยาลัยชื่อดัง นางเลยต้องไปพักที่คอนโดมิเนียมและอยู่คนเดียว เวลาไปที่ใดจึงไม่ต้องขออนุญาตใคร ทว่ากับที่นี่นั้นต่างกัน ถ้าจื่อถิงไม่เตือนนางคงเสียมารยาทไปแล้วจริง ๆ  

ส่วนเรื่องก่อนหน้าที่นางและสาวใช้พูดคุยกันว่าเรียบร้อยดีหรือไม่นั้น ล้วนเกี่ยวกับถุงเงินของนางที่ตั้งใจไปจับจ่ายใช้สอยในวันนี้ทั้งสิ้น 

เมื่อได้จื่อถิงเอ่ยเตือนเรื่องที่สมควรบอกกล่าวผู้อาวุโสเรือนหลังของจวนแล้ว ไป๋ฟางเซียนก็ตรงไปหาเหลียนฮวาที่เรือนและบอกกล่าวสถานที่ที่ตนจะไปทันที ครั้นได้รับอนุญาตรวมถึงได้ถุงเงินเพิ่มจากอีกฝ่าย นางก็ออกจากจวนตระกูลหลี่ด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า จนจื่อถิงเกรงว่าคุณหนูของตนจะเมื่อยกรามหรือปวดแก้มได้ 

หากเป็นเรื่องอื่นน้อยนักที่คุณหนูของนางจะฉีกยิ้มอย่างมีความสุขเช่นนี้ รอยยิ้มสว่างไสวเช่นตอนนี้จะได้เห็นก็ต่อเมื่อได้รับถุงเงินหรือเห็นตำลึงเงินตำลึงทองเข้าถุงตนเองแล้วนั่นแหละ แม้เมื่อก่อนคุณหนูของนางจะเห็นแก่เงินไปบ้างมันก็ไม่เท่ากับตอนนี้ ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาหากจะบอกว่าคุณหนูของนางงกและหน้าเงินมากกว่าเดิมนั้นไม่ได้เกินจริงเลย เช้าจรดเย็นไม่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งคุณหนูของนางต้องมาเปิดหีบสมบัติและเงินทองของตนเองตรวจนับอยู่เรื่อย จื่อถิงไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไปเพราะอะไร 

“เป็นอันใดของเจ้าจื่อถิง ส่ายหัวไปมาอยู่นั่น” ไป๋ฟางเซียนถามด้วยความแปลกใจ ตั้งแต่ขึ้นรถม้ามาสาวใช้ของนางก็ทำท่าครุ่นคิดก่อนจะส่ายหัวไปมา ราวกับว่ามีเรื่องที่คิดไม่ตกเป็นหนักหนา

“เปล่าเจ้าค่ะคุณหนู จื่อถิงคิดเรื่องไร้สาระไม่มีอันใดสำคัญเลยเจ้าค่ะ” เห็นจื่อถิงไม่บอกถึงเหตุผลไป๋ฟางเซียนก็คร้านจะสนใจ

ไม่นานรถม้าของจวนตระกูลหลี่ที่นางนั่งก็มาถึงเขตการค้า และหยุดลงที่บริเวณหน้าร้านขายผ้าของนางทันที ในขณะที่ไป๋ฟางเซียนกำลังจะก้าวขาลงจากรถม้าก็ถูกจื่อถิงยื้อไว้แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามปราม นางชะงักไปครู่ ก่อนจะพยักหน้ารับเมื่อนึกถึงกิริยามารยาทของสตรีชั้นสูง

ยุ่งยากเสียจริง

ด้วยความที่มาจากยุคสมัยที่ต้องช่วยเหลือตนเอง ไป๋ฟางเซียนจึงนึกรำคาญไม่น้อยแต่ก็ไม่มากกระไรนัก นับว่านางยังพอทำใจประพฤติตนตามได้อยู่

จื่อถิงลงจากรถม้ามาแล้วจึงยื่นแขนของตนให้เจ้านายสาว ไป๋ฟางเซียนถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือเล็กขาวผ่องของตนเองจับที่แขนของสาวใช้คนสนิทแล้วก้าวลงจากรถม้าอย่างช้า ๆ

ทันทีที่ร่างระหงเผยโฉม ผู้คนที่เดินจับจ่ายใช้สอยซื้อข้าวของก็ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกตกตะลึงกับความงามเบื้องหน้า อาภรณ์สีฟ้าสดใสที่สวมอยู่บนร่างบางนั้นช่างขับเน้นให้ผู้สวมใส่น่าทะนุถนอมเสียจริง ผิวหรือก็ขาวใสปานหยกชั้นดี ครั้นได้ยลโฉมทุกผู้ก็ได้แต่ตะลึงงันที่สตรีเบื้องหน้ามีใบหน้าล่อลวงผู้คนเช่นนี้

มีบ้างบางคนที่จำได้ว่านางคือสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงที่แต่งงานกับท่านแม่ทัพ เป็นสตรีที่ไม่ออกมานอกจวนมากนัก พอเห็นว่านางออกมาก็นึกสนใจและสงสัยอยู่บ้าง แต่ฟางเซียนกลับไม่สนใจ นางมัวแต่มองสภาพร้านของตนเองอย่างพินิจพิจารณา ร้านเฟยเจิน

ร้านเฟยเจินคือร้านขายผ้าพับและชุดอาภรณ์ที่ทำสำเร็จแล้ว เป็นทรัพย์สมบัติเพียงอย่างเดียวที่บิดามารดาของเจ้าของร่างทิ้งไว้ให้ ไป๋ฟางเซียนพอใจกับชื่อร้านมาก เฟยเจิน โบยบินสู่ทรัพย์สมบัติ ใช่แล้วละ หลังจากนี้นางจะโบยบินอยู่ท่ามกลางตำลึงเงินตำลึงทอง

เบื้องหน้าของไป๋ฟางเซียนเป็นอาคารสูงสามชั้น มองจากภายนอกนับว่าใหญ่โตไม่น้อย อันที่จริงมันดีกว่าที่นางคิดภาพไว้มาก เห็นทีจื่อถิงจะพูดเกินจริงไปสักหน่อย ทว่าแม้จะใหญ่โตแต่กลับไม่ได้รับความนิยมนัก ดูจากจำนวนผู้คนที่เข้าไปในร้านแล้วกลับน้อยนิดจนน่าใจหาย นี่ทำให้นางปวดใจอยู่บ้าง ดูเอาเถิดมีร้านค้าอยู่ย่านการค้าและทำเลดีเยี่ยงนี้กลับไร้คนสนใจ เจ้าของร่างเดิมก็โง่เหลือแสน วัน ๆ ไม่ทำอะไรนอกจากหึงหวงบุรุษที่ไม่คิดมีใจให้ตน พลันคิดถึงบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี ดวงตาของไป๋ฟางเซียนก็มีริ้วรอยความไม่พอใจพาดผ่านก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว

ไป๋ฟางเซียนมองไปยังอาคารร้านที่อยู่ใกล้ ๆ และละแวกเดียวกันก็เห็นว่า พื้นที่ตรงนี้น่าจะเป็นย่านผ้าและอาภรณ์เสียส่วนใหญ่ แม้ผู้คนไม่พลุกพล่านเท่าย่านที่มีโรงเตี๊ยมและตลาดแต่ก็ถือว่ามีผู้คนเดินอยู่ไม่น้อย ฉับพลันสายตาของไป๋ฟางเซียนสังเกตเห็นถึงลวดลายของชุดที่ถูกปักสำเร็จวางขายของแต่ละร้าน ให้นึกรู้ว่าลวดลายของผ้ามีความคล้ายคลึงกัน ไม่มีอะไรแตกต่างทั้งยังซ้ำซากจำเจหาได้มีความน่าสนใจไม่ หากมีอะไรแตกต่างคงเป็นคุณภาพของผ้าเท่านั้น เพียงเท่านั้นในดวงตาของนางก็สว่างวาบเปล่งประกายสดใสเสียจนผู้คนที่มองมาอดยิ้มตามไม่ได้

‘ยอดไปเลย ลวดลายและแบบชุดค่อนข้างเหมือนกัน งั้นข้าก็สามารถออกแบบและวาดลวดลายให้ช่างปักตามที่ข้าคิดได้สิ แบบนี้ถึงจะแตกต่างเรียกคนเข้าร้านของข้าได้!’ นางคิดอย่างยินดี

ทว่าก่อนอื่นที่นางจะทำสิ่งที่คิดให้เป็นจริง ไป๋ฟางเซียนก็มองเห็นปัญหา แม้ย่านนี้จะเป็นย่านการค้า แต่ร้านอาภรณ์กลับอยู่ใกล้เคียงกัน นี่อาจก่อให้เกิดปัญหาแย่งลูกค้ากันได้ หากร้านตนไม่มีความน่าสนใจพอคงไม่มีคนเข้าร้านแน่ เห็นทีสิ่งแรกที่นางควรทำคือการปรับปรุงร้าน ปรับปรุงให้เหมาะสมรอรับตำลึงเงินตำลึงทองที่จะลอยเข้าถุงเงินของนาง! แค่คิดดวงตาของไป๋ฟางเซียนก็ระยิบระยับแล้ว

“เข้าข้างในเถอะเจ้าค่ะคุณหนู อยู่ตรงนี้นานไม่งามนัก” จื่อถิงสะกิดแขนเรียกเจ้านายก่อนชี้แนะให้เข้าไปในร้าน ซึ่งไป๋ฟางเซียนก็เห็นด้วย ถึงจะบอกว่าไม่สนใจสายตาของผู้คนที่มองมา แต่เมื่อถูกมองจนเป็นจุดรวมสายตามากเข้าก็ให้รู้สึกเก้อเขินเช่นกัน

ว่าแล้วหนึ่งนายหนึ่งบ่าวก็เข้าไปในร้าน และแน่นอนทั้งสองได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเสี่ยวเอ้อร์และหลงจู๊ที่รออยู่ด้านใน เห็นกิริยาอีกฝ่ายที่มีต่อตนและลูกค้าจากที่จื่อถิงรายงานให้ฟังก็นึกพอใจไม่น้อย พอใจที่คนของนางไม่ดูคนที่ภายนอก ไม่เหยียดหยามคนยากจน และไม่ทรยศนาง ทว่าเรื่องนี้ต้องดูกันต่อไปใช่ว่านางจะเชื่อใจใครง่าย ๆ เสียเมื่อไร

จื่อถิงก็เช่นกัน เพียงแต่ว่าจื่อถิงคือคนที่อยู่ใกล้ชิดนางที่สุด จึงสามารถทำลายกำแพงที่นางตั้งไว้ไปทีละขั้น ๆ ได้  ส่วนคนอื่น ๆ ที่จะมาเป็นคนของนางนับจากนี้นั้น คงต้องรอดูกันต่อไป

“คารวะเจ้าค่ะฮูหยิน” สี่เสียงสอดประสานดังขึ้นจากสตรีสี่คน สี่ช่วงวัย ต่างหน้าตา ไป๋ฟางเซียนกลอกตาเล็กน้อยเมื่อถูกเรียกขานว่าฮูหยิน ได้ยินกี่ครั้งล้วนไม่เคยชิน คำเรียกขานเช่นนี้ช่างขัดหูคนงามอย่างนางเสียจริง นางจึงบอกทุกคนเช่นที่บอกกับจื่อถิง

“เรียกข้าว่าคุณหนูก็พอ ส่วนฮูหยินอะไรนั่นไม่ต้องไปสนใจหรอก”

“เจ้าค่ะคุณหนู” แม้พวกนางทั้งสี่จะแปลกใจแต่ก็ไม่มีใครเอ่ยถาม ทุกคนต่างแย้มยิ้มให้กับเจ้านายสาวผู้เป็นเจ้าของร้านอย่างยินดี ในที่สุดนางก็มาที่ร้านแล้ว หลังจากนั้นพวกนางทั้งสี่จึงแนะนำตัวให้ไป๋ฟางเซียนได้รู้จัก 

คนแรกเป็นสตรีวัยกลางคนหน้าตาสะอาดสะอ้านดูมีความรู้และความชำนาญเรื่องผ้าไม่น้อย นางมีชื่อว่า อวี้เหนียง ทำหน้าที่เป็นหลงจู๊ของร้าน หรือผู้จัดการร้านนั่นเอง อวี้เหนียงผู้นี้ทำหน้าที่เกือบทุกอย่างแทนผู้เป็นเจ้าของร้านตัวจริง ตั้งแต่รับผ้า ส่งผ้า ทำบัญชี คิดค่าแรง และจิปาถะอีกหลายอย่าง เมื่อไป๋ฟางเซียนได้ฟังแล้วก็พยักหน้ารับด้วยใบหน้าสงบนิ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนในแววตาคือความพอใจ อวี้เหนียงผู้นี้เป็นสตรีที่เก่งกาจอย่างมากจึงประคองร้านผ้าให้อยู่รอดมาได้

สตรีคนที่สองมีหน้าที่เย็บปักผ้าและตัดชุดให้กับทางร้านเป็นน้องสาวของอวี้เหนียง อายุห่างกันสองปี นางชื่อว่า อวี้หรู จากที่ได้คุยไป๋ฟางเซียนพบว่า คนคนนี้เป็นคนเก่งงานฝีมืออย่างมาก เย็บปักก็เรียบร้อยเป็นระเบียบ ที่ทำให้นางอดทึ่งกับความสามารถของคนยุคนี้ไม่ได้คือ แม้ไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างเครื่องจักร มีเพียงแค่มือ เข็ม และด้ายเท่านั้นเอง กลับทำให้งานออกมาดียิ่ง ไป๋ฟางเซียนจึงหมดปัญหาเรื่องลวดลายต่าง ๆ ที่นางจะออกแบบมาให้อวี้หรูได้ปักหลังจากนี้ไป

ส่วนสตรีสองคนสุดท้ายมีชื่อว่า อิงฮวากับเหยาเหยา ทั้งสองนางทำหน้าที่เป็นเสี่ยวเอ้อร์ของร้าน หน้าตาสะสวยใช้ได้ กิริยามารยาทดี เหนือสิ่งอื่นใดคือความฉลาดหลักแหลม ด้วยความที่พูดเก่งและมีรอยยิ้มอยู่เป็นนิจ และช่างเอาอกเอาใจลูกค้า จึงสามารถพูดชักจูงผู้คนให้ซื้อผ้าร้านนางได้อย่างชำนาญ นี่คงเป็นคุณสมบัติของฝ่ายขายกระมัง ซึ่งนั่นทำให้ไป๋ฟางเซียนพอใจอย่างมาก

หลังจากที่รู้จักทุกคนแล้วนางจึงบอกจุดประสงค์ของตนเองที่มาในวันนี้ทันที

“อวี้เหนียง เจ้าไปเขียนป้ายติดหน้าร้านว่าร้านปิดปรับปรุงชั่วคราวเสีย เราจะได้มาคุยรายละเอียดกัน”

“เจ้าค่ะคุณหนู” อวี้เหนียงรับคำและจัดการงานที่ได้รับมอบหมายอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่เดินผ่านต่างสงสัย ร้อยวันพันปีร้านผ้าเฟยเจินไม่เคยติดประกาศเช่นนี้ วันนี้ติดไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทว่าแม้จะสงสัยแต่กลับไม่มีใครรู้คำตอบ อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะรู้ในเร็ว ๆ นี้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 134 จบ

    ไป๋ฟางเซียนที่รับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นเบื้องหลังจึงหันกลับไปมอง ก็พบเห็นสามีของตนใบหน้าเขียวคล้ำสลับแดง เขาหรี่ตามองราวกับคนกำลังจับผิด สายตาของเขาทำเอานางรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เสียงลมหายใจหอบถี่ของผู้เป็นสามีทำให้นางเข้าใจได้ทันทีว่านางทำให้เขาไม่พอใจแล้ว ขณะที่กำลังจะเอื้อนเอ่ย ร่างของผู้เป็นสามีก็สะบัดชายอาภรณ์ตรงกลับไปยังห้องนอน ไป๋ฟางเซียนนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะผุดลุกตามไปขณะเดินไปยังห้องนอนของตน นางก็ขบคิดกับตนเองว่าจะง้องอนเขาเช่นไรดี เขาจึงจะหายจากท่าทางปั้นปึ่งเช่นนั้น แต่คิดไปคิดมาพลันนึกขึ้นได้ว่า ตัวนางเองไม่ได้ผิดอันใดเสียหน่อย คนที่มาหานางในวันนี้ล้วนเป็นสหายนางทั้งนั้น ให้ตายนางก็ไม่ยอมง้อเขาหรอกแน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแค่ความคิด เพราะทันทีที่เข้ามาในห้องนอนเห็นสีหน้าปั้นปึ่งมองนางตาขวางด้วยแล้ว ไป๋ฟางเซียนก็รีบก้าวเท้าเดินไปเบื้องหน้าตรงเข้าหาเขาอย่างเร็วรี่ พลางลอบกลืนน้ำลายเงียบ ๆ “ท่านพี่เจ้าขา เหตุใดถึงทำหน้าเช่นนี้เล่าเจ้าคะ ประเดี๋ยวจะไม่หล่อเอานา” นางเอ่ยเสียงหวานหยอกเย้าเขา หวังให้เขาโต้แย้งเช่นทุกครั้ง แต่กลับได้ความเงียบตอบมาแทนดวงตากลมโตช้อนสายตาหวานขึ้นมองอ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 133

    หนึ่งเดือนผ่านไปนับจากวันที่ไป๋ฟางเซียนฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างในชีวิตของนางและหลี่เหวินหลางก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ความรักของคนทั้งสองต่างผลิบานและสุกงอมเต็มที่ หลี่เหวินหลางกระทำอย่างปากว่า เขาไม่เคยปล่อยให้นางห่างจากตัวหรือห่างจากสายตาอีกเลย ไม่รู้เช่นกันว่าเขาไปทำเช่นไร จึงสามารถทำให้องค์ฮ่องเต้พระราชทานวันหยุดมาให้ถึงสองเดือนด้วยกัน ทว่าจะบอกว่าหยุดเลยก็คงไม่ถูกนัก เพราะระหว่างนี้หลี่เหวินหลางก็ต้องไปดูระเบียบในค่ายทหารเป็นครั้งคราวด้วยเช่นกัน กระนั้นเขาก็มีเวลาอยู่กับนางมากขึ้นอยู่ดี และนอกจากชีวิตของนางและเขาจะเปลี่ยนไปแล้ว ชีวิตของผู้อื่นก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกันยามนี้สาวใช้ตัวน้อยของนางและคนสนิทของหลี่เหวินหลาง จื่อถิงกับตงผิง ต่างก็กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันแล้วทั้งคู่ ตลอดหนึ่งเดือนมานี้นางจึงไม่เห็นหน้าสาวใช้คนสนิทเลย แต่ก็เป็นนางอีกนั่นแหละที่ให้จื่อถิงหยุดและใช้ชีวิตคู่หลังแต่งงานบ้าง แน่นอนว่าคำของนางทำให้ตงผิงมีความสุขอย่างมาก เพราะถ้านางบอกให้จื่อถิงหยุด หลี่เหวินหลางก็จะบอกให้ตงผิงหยุดงานชั่วคราวเช่นเดียวกัน แต่นี่ก็ครบกำหนดเวลาที่นางให้ไปแล้ว คาดว่าไม่เกินสองวันนี้คงได้เห็นห

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 132

    หลี่เหวินหลางกอดร่างบางแนบแน่น คางสากเกยไหล่มนของนางไว้พร่ำบอกแนบชิดริมหู จนคนป่วยที่เพิ่งฟื้นอดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ มือบางยกมือขึ้นโอบกอดบุรุษร่างโตด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน ความรู้สึกรักและห่วงหาทว่าดูเหมือนพวกเขาจะหลงลืมไปว่าในห้องนี้หาได้มีพวกเขาไม่ ยามนี้ทั้งท่านหมอชรา หลี่เหวินชิง เหลียนฮวา จื่อถิงและตงผิงต่างมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำหน้าไม่ถูกกันแทบทั้งสิ้น ก่อนจะเป็นไป๋ฟางเซียนที่ตั้งสติได้ นางมีกิริยาเลิ่กลั่ก พยายามดันตัวตนเองออกจากอ้อมกอดของหลี่เหวินหลาง แต่เจ้าของอ้อมกอดแสนอบอุ่นหาได้ยินยอมไม่“เซียนเซียน พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน คิดถึงเหลือเกิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่กลัวมากเพียงใด กลัวว่าเจ้าจะจากพี่ไป กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาพี่อีก พี่คิดไปต่าง ๆ นานา นอนก็ไม่เคยหลับ กินก็ไม่เคยอิ่ม ใจภวงคิดถึงเป็นกังวลแต่เรื่องของเจ้า เซียนเซียน ขอบคุณที่เจ้ากลับมาหาพี่ นับว่าการรอคอยที่แสนทรมานของพี่สิ้นสุดลงแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณจริง ๆ”“เอ่อ ท่านปล่อยข้าก่อนดีไหมเจ้าคะ”“ไม่! จากนี้ไปพี่จะไม่ยอมห่างเจ้าอีกแล้ว ทั้งยังไม่ยอมให้เจ้าห่างสายตาจากพี่อีกด้วย”“ท่านพี่ ปล่อยข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 131

    “ข้าขอโทษ” น้ำเสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด เจ้าของร่างตัวจริงทำเพียงยิ้มรับ ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ สุดท้ายแล้วข้าและเจ้าก็คือคนคนเดียวกัน เจ้าคิดว่าจะมีใครที่ไหนจะมีชื่อแซ่เดียวกับตนเองบ้างเล่า สิ่งที่เจ้าควรรู้คือ เจ้าคือข้า ข้าคือเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด”“แต่ว่า...”“ตอนแรกข้าก็สงสัยเหมือนเจ้า ในยามที่ข้าตกตายเพราะจมน้ำ ข้าก็ถูกพามายังสถานที่แห่งนี้ เฝ้ามองดูเจ้าเข้าไปในร่างของข้าอย่างไม่ยินยอมนัก หลายครั้งที่ข้าคิดทำร้ายเจ้า หากแต่ไม่สามารถกระทำได้ เพราะทุกครั้งที่คิด ข้าจะรู้สึกเจ็บไปด้วยเช่นกัน ข้าไม่เข้าใจและเฝ้าถามตนเองมาตลอดว่าทำไม กระทั่งวันหนึ่งข้าก็ได้คำตอบจากคนผู้หนึ่ง”“ผู้ใดรึ”“คนผู้นั้นบอกกับข้าว่า แท้จริงแล้วทั้งข้าและเจ้าต่างเป็นคนคนเดียวกัน เพียงแต่ว่าตอนเกิด ดวงจิตของเราได้แยกเป็นสอง หนึ่งคือข้า สองคือเจ้า เมื่อดวงจิตแยกไม่รวมเป็นหนึ่งชะตาชีวิตของคนผู้นั้นย่อมเปลี่ยนแปลงไป เจ้าไม่สงสัยบ้างหรือ ว่าทำไมตอนที่อยู่ในโลกเดิมทั้ง ๆ ที่เจ้ามีทุกอย่าง มีครอบครัวที่ดีพร้อมและอบอุ่น แต่เจ้ากลับรู้สึกมีความสุขได้ไม่เต็มที่นัก เ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 130

    สภาพของหลี่เหวินหลางทำให้ผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลหลี่รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก หากจะบอกว่าอาการของไป๋ฟางเซียนน่าเป็นห่วง สภาพของผู้เป็นบุตรชายก็น่าเป็นห่วงไม่ต่างกันหลี่เหวินชิงและเหลียนฮวามองสภาพบุตรชายที่หน้าประตูด้วยสายตาเป็นห่วงอย่างสุดแสน คิ้วของคนทั้งคู่ขยับเข้าหากันจนแน่นขนัด ใบหน้าที่ร่วงโรยไปตามวัยฉายความกังวลออกมาอย่างมาก ก่อนจะเป็นหลี่ฮูหยินที่ทนไม่ไหวพูดมันออกมา“ท่านพี่ น้องเป็นห่วงบุตรของเราจังเลยเจ้าค่ะ อาเหวินแทบไม่ออกจากห้องนอนของเซียนเอ๋อร์เลยนะเจ้าคะ เห็นอาการของลูกเราตอนนี้แล้ว น้องกลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ น้องกลัวว่าลูกจะล้มป่วยไปอีกคน” เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นอย่างหนักอกหนักใจ มองหลี่เหวินหลางที่กอบกุมมือไป๋ฟางเซียนด้วยความห่วงใยอย่างถึงที่สุด ด้วยไม่เคยเห็นบุตรชายของตนมีสภาพซึมเศร้าเช่นนี้มาก่อน“ไม่ต้องกังวลหรอกน้องหญิง อาเหวินรู้ขีดจำกัดของร่างกายตนเองดี เราแค่อยู่ข้าง ๆ เขาในยามที่เขาต้องการก็พอ ตอนนี้เราไปนั่งรับลมที่ศาลากันก่อนเถิด อยู่ตรงนี้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ประเดี๋ยวน้องหญิงจะเป็นกังวลห่วงคนนั้นคนนี้จนพานจะไม่สบายไปอีกคน”“ท่านพี่”แม้จะเป็นห่วงบุตรชายแต่ก

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 129

    “เซียนเซียน ตื่นขึ้นมาเถิดนะคนดี พี่คิดถึงเจ้า อยากได้ยินเสียงของเจ้าจนแทบจะทานทนไม่ไหวแล้ว หรือที่เจ้าไม่ยอมตื่นขึ้นมาเพราะอยากลงโทษที่พี่เคยพูดไม่ดีกับเจ้าในวันแรกที่เจ้าลืมตาขึ้นมาที่จวนเรือนหลังนี้ใช่หรือไม่ เซียนเซียน พี่ขอโทษเจ้า กลับมาเถิดนะคนดี กลับมาหาพี่ พี่รักเจ้า รักเจ้าเหลือเกิน” หลี่เหวินหลางทอดสายตาแห่งความคะนึงหาไปยังดวงหน้างาม ก่อนที่ชั่วพริบตาแววตาของเขาจะมีความโกรธแค้นวาบผ่าน หากแล้วก็ปล่อยวางลงอย่างรวดเร็ว เพราะคนที่ทำให้คนรักของเขาต้องเป็นเช่นนี้ได้ตกตายไปแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าต้องจ้องเวรไปเพื่อสิ่งใดแท้จริงแล้วการตกน้ำของนางอันเป็นที่รักใช่ว่าเขาไม่คิดติดใจสงสัย เขาย่อมต้องสงสัยแน่นอน และมั่นใจมากว่านางคงไม่กระโดดน้ำฆ่าตัวตายแน่ ที่ไม่ได้สืบหาตั้งแต่วันแรกเพราะเป็นห่วงนางจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด พอตั้งสติกับตนเองได้เขาจึงเริ่มสอบถามเรื่องราวคาดคั้นกับจื่อถิงอีกครั้ง แต่นางก็ตอบสิ่งใดไม่ได้ ทั้งยังไม่รู้ว่าว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ นอกจากร่ำไห้ด้วยความรู้สึกผิดและโทษว่าที่ไป๋ฟางเซียนเป็นเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของตน หลี่เหวินหลางจึงสั่งให้ตงผิงและจื่อถิงกลับไปที่สร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status