Mag-log inวรัทยามองร่างเล็กบางของหญิงสาวที่มีฐานะเป็นลูกสาวเจ้าของบ้านด้วยสายตาจับผิด เมื่ออีกฝ่ายกลับมาถึงบ้านเกือบทุ่ม ซึ่งค่อนข้างจะผิดเวลา เธอค่อนว่าลอยๆ เมื่อเพชรน้ำบุษเดินผ่านเธอเพื่อตรงเข้าไปในห้องครัว
“เดี๋ยวนี้เหลวไหลใหญ่แล้วนะ เห็นลุงณัฐไม่อยู่หรือไง ถึงได้นึกจะทำอะไรก็ทำ”
“พี่แยม บุษซื้อเสื้อยืดมาฝากด้วยน่ะค่ะ”
เพชรน้ำบุษแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่าย บางทีการที่คนเรานิ่ง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมเสมอไป แต่บางทีก็แค่ไม่อยากจะให้เรื่องราวบานปลายไปก็เท่านั้น
“ขอบใจนะ”
ตอนแรกพอได้ยินว่าของฝาก วรัทยาก็มีสีหน้าดีขึ้นนิดหนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่าเป็นถุงลายการ์ตูนธรรมดาๆ ไม่ใช่ถุงช้อปปิ้งบอกโลโก้ของห้างสรรพสินค้าดังๆ เธอก็ทำหน้าเบ้ทันที แล้วใช้นิ้วคีบปากถุงเหมือนไม่เต็มใจจะรับเท่าไหร่นัก
“แล้วนี่ไปที่ไหนมาล่ะ หอบข้าวของมาเต็มไปหมดเลย”
“ไปเดินเล่นที่ตลาดนัดคนเมืองมาน่ะค่ะ แล้วก็เลยไปบ้านยายหนูนา ไปทำอะไรทานกัน บุษเอากลับมาฝากที่บ้านด้วย พายบูลเบอรี่ ถ้าพี่แยมสนใจก็ไปทานด้วยกันได้นะคะ”
“อืม...พี่จะไปทำเอกสารให้กับลุงณัฐก่อน ไว้ยังไงเดี๋ยวจะตามไป วันจันทร์นี้พี่ต้องไปประชุมกับลุงณัฐด้วย”
กล่าวจบเจ้าหล่อนก็เดินเชิดหน้า หายไปทางห้องทำงานของณัฐ เพชรน้ำบุษมองตามหลังพลางถอนใจ ก่อนจะเดินต่อเข้าไปยังห้องครัว มีแววและสาวใช้อีกสองสามคนกำลังนั่งทานอาหารเย็นด้วยกันอยู่ หญิงสาววางถุงขนมลง แล้วทรุดลงนั่งด้วย พลางเอ่ยขอข้าวกับแววเสียงหวาน
“ป้าแวว หิวจังเลย กินข้าวด้วยคนนะคะ”
“คุณหนูไปกินที่ห้องอาหารดีกว่าค่ะ เดี๋ยวป้าจัดสำรับไป”
แววรีบห้ามทันที แต่เพชรน้ำบุษย่นจมูก ก่อนจะเอ่ยค้าน
“ไม่เอาหรอกค่ะ วันนี้คุณพ่อไม่อยู่ กินคนเดียวเหงา กินกับพวกป้าแววดีกว่า กินกันหลายๆ คนสนุกดี เจริญอาหารด้วย หรือป้าแววกับพวกพี่ๆ ไม่อยากกินข้าวกับบุษคะ”
“แหม...ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะคุณหนูบุษ”
แววรีบเอ่ยค้าน เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้างอๆ ก่อนจะรีบตักข้าวใส่จานแล้วส่งให้หญิงสาวอย่างเอาใจ แต่ก็ไม่วายเอ่ยเสียงอ่อยๆ
“แต่อย่ามากินกับพวกป้าบ่อยนะคะ ป้ากลัวว่าคุณผู้ชายจะว่าเอาน่ะค่ะ ว่าพวกป้าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”
“ไม่มีใครสูงใครต่ำหรอกจ้ะป้าแวว บุษก็คนเหมือนๆ กับพวกป้าแววนั่นแหละค่ะ แต่บุษมีโอกาสที่ดีกว่าเท่านั้นเอง”
หญิงสาวเอ่ยยิ้มๆ แววมองหน้าเนียนหวานนั่นอย่างชื่นใจ กับความน่ารักของอีกฝ่าย เพชรน้ำบุษไม่เคยถือตัวว่าเป็นเจ้านาย ไม่เคยวางตนข่มท่าน ตรงกันข้ามกลับน่ารัก อ่อนน้อม ถ่อมตน แม้กระทั่งเด็กในบ้านอีกสองคน อย่างเอื้อง และชบา เธอก็เรียกว่าพี่ทุกคำ ไม่เหมือนใครบางคน ที่ไม่ได้มาจากที่สูง แต่เมื่อได้โอกาสที่ดีกว่า กลับใช้โอกาสนั้นเหยียบย่ำคนอื่น และทำตนสูงศักดิ์นัก แทบจะลืมกำพืดเดิมของตนไปแล้วกระมัง
หลังรับประทานอาหารมื้อค่ำกันในครัวแล้ว วันนี้ก็มีของหวาน เป็นขนมแสนอร่อยที่ทำมาจากฝีมือของเพชรน้ำบุษและเพื่อนสนิท ทุกคนจึงอิ่มหนำ และเจริญอาหารกันมากทีเดียว
“คุณหนูบุษนี่น่ารักนะป้าแวว”
ชบาว่า เมื่อคล้อยหลังเจ้านายคนเล็กของบ้านดิลกธรรมชัยแล้ว เธอได้ของฝากเป็นเสื้อยืดลายสวยคนล่ะตัวกับเอื้อง ถูกใจกันไปทั้งสองคนที่ได้ของฝากน่ารักๆ มากน้ำใจจากเจ้านาย
“นั่นน่ะสิ มิน่าล่ะ คุณท่านถึงหวงนัก ลูกสาวน่ารักๆ แบบนี้ ต้องดูให้ดีเวลามีผู้ชายเข้ามาจีบ”
เอื้องรีบพูดเออออแทนแววที่นั่งจิบน้ำเย็นอยู่ทันที แววฟังแล้วก็นึกถึงหญิงสาวอีกคน ที่แตกต่างจากเพชรน้ำบุษโดยสิ้นเชิง
แม้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ที่นางได้พร่ำสอนอบรม แต่ดูเหมือนว่าวรัทยาจะเชื่อฟังแต่อุทัย ยอมรับแนวคิดของบิดามาแทบเสียทั้งหมด อุทัยปลูกฝังความทะเยอทะยาน อยากมีอยากได้ในสิ่งที่ดีกว่าสิ่งที่ตนเองมีให้กับวรัทยา ส่วนความเจียมตัว ความจงรักภักดีต่อเจ้านาย ที่แววเฝ้าปลูกฝังให้ ลูกสาวคนเดียวไม่เคยรับไว้เลยสักนิด
ยิ่งนับวันก็ยิ่งเหมือนว่าวรัทยา จะกู่ไม่กลับไปเสียทุกที ลูกสาวของนางยิ่งก้าวร้าว และดูจะเย่อหยิ่ง ทำตนลืมตัวมากขึ้นไปทุกวัน ตั้งแต่ที่ณัฐให้ลูกสาวคนสวยของนางไปทำงานด้วย ที่บริษัทของเขา แววนึกระแวงอย่างมีลางสังหรณ์ ตามประสาคนเป็นแม่ ว่าตอนนี้วรัทยา อาจจะกำลังมีอะไรลึกซึ้งกับประมุขของบ้านดิลกธรรมชัย
เนื่องจากลูกสาวของเธอ มักจะแสดงท่าทีออกมาบ่อยๆ ว่าตนเองมีความสำคัญกับณัฐ นอกเหนือจากเด็กในบ้านกับเจ้านาย ข้าวของส่วนตัวของวรัทยาเป็นของมีราคาแพงมากขึ้น แถมอาการที่ชอบยกตนขึ้นเสมอเพชรน้ำบุษนั่นอีกเล่า มันทำให้แววเจ็บร้าวในอกตามประสาคนเป็นแม่นัก ว่าบุตรสาวอาจจะกำลังเลือกทางเดินลงสู่หุบเหว เหวลึกที่ไม่อาจจะกลับตัวขึ้นมาได้อีก
“แม่ ทำสลัดให้หน่อยสิ”
เสียงของวรัทยาดังขึ้น พร้อมกับร่างอวบอิ่มของเจ้าตัว ที่ก้าวเข้ามาในห้องครัว เธอทำหน้าเชิดเมื่อเอื้องและชบามองใบหน้าสะสวยนั้นด้วยสายตาไม่ค่อยเป็นมิตรนัก
“ไม่กินข้าวหรือยังไงกัน แยม กับข้าวเยอะแยะ นี่คุณหนูบุษเอาพายมาให้ชิมด้วย อร่อยนะ”
วรัทยายักไหล่ ก่อนจะทำหน้าเบ้
“ไม่อยากกินข้าวน่ะแม่ กลัวอ้วน เดี๋ยวจะไม่สวย อ้วนไปหุ่นเสียแล้ว ดูไม่ดี ไม่เหมาะกับตำแหน่งของเลขานุการของลุงณัฐ”
“แหม...ยายแยม คนสวยอย่างเธอน่ะ กลัวอ้วนด้วยหรือจ๊ะ”
เอื้องที่อดหมั่นไส้เพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน หากแต่ได้ดิบได้ดีจนเกินหน้าอดแขวะไม่ได้ ปรกติแล้วหล่อนไม่ค่อยจะคิดร้ายอิจฉาใครสักเท่าไหร่ เพียงแต่อาจจะเป็นคนช่างซุบซิบไปบ้างก็เท่านั้น แต่กับวรัทยาเห็นจะเป็นข้อยกเว้น เพราะเจ้าหล่อนมักจะชอบทำเชิดว่าอยู่สูงเหนือกว่าพวกเธอ แถมยังชอบมาค่อนแคะ แขวะเธอกับชบาบ่อยๆ ทั้งเรื่องการศึกษา และเรื่องความงาม รวมถึงโอกาส ที่วรัทยามีเหนือพวกเธอ
“ก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ ปล่อยตัวไม่ได้หรอก ฉันต้องออกงานกับลุงณัฐบ่อยๆ ไม่ได้ขลุกอยู่กับงานบ้านงานครัว จะได้ทำตัวยับเยินแบบไหนก็ได้”
“เดี๋ยวแม่ทำให้ก็แล้วกัน เสร็จแล้วจะยกไปให้”
แววรีบพูดตัดบทก่อนที่บุตรสาวจะพูดจาทำร้ายจิตใจใครอีก วรัทยายักไหล่พลางยิ้มที่มุมปากเมื่อเดินกรายออกไปจากห้องครัวหลังจากที่ได้สิ่งที่ต้องการแล้วเรียบร้อย ชบาถึงกับโพล่งออกมาอย่างอดไม่ไหว
“โอ๊ย! แม่คนสวย สวยไม่มีใครเกิน ทำตัวเป็นหงส์ฟ้า สูงส่งจริงๆ เลย อยากจะเห็นวันที่ปีกหักนัก แม่จะหัวเราะสมน้ำหน้าให้”
“ชบา”
เอื้องรีบกระแอม เมื่อเห็นว่าชบากำลังนินทาลูกสาวต่อหน้าแม่แท้ๆ เสียแล้ว ชบาหันไปมองแววแล้วยิ้มแหย นางได้แต่ยิ้มให้ แล้วเอ่ยเสียงเบา
“ไม่เป็นไรหรอก ป้าไม่ได้ว่าอะไรถ้าพวกแกจะว่าอะไรยายแยมมันบ้าง บางอย่างมันก็เหลือทนจริงๆ”
“เดี๋ยวพวกฉันช่วยกันล้างจานดีกว่า อยากดูทีวีแล้ว ละครกำลังสนุกเลย”
ชบารีบเปลี่ยนเรื่องแล้วขยิบตาเป็นสัญญาณให้กับเอื้อง เอื้องรีบเก็บจานชามแล้วนำไปล้างในอ่าง สองสาวรีบช่วยกันทำอย่างว่องไว ส่วนแววนั้นได้แต่นั่งถอนใจ แล้วส่ายหน้าช้าๆ อย่างระอากับฤทธิ์เดชของบุตรสาวคนเดียว
นางคงได้แต่ตักเตือน ห้ามปรามเอาบ้างเท่านั้นกระมัง เพราะหมดวัยจะจับกันมาตีเหมือนเด็กๆ แล้ว แววได้แต่ปลงกับนิสัยบางอย่างของบุตรสาวคนเดียวอย่างวรัทยา ที่ตอนนี้เปรียบเสมือนไม้แก่ ถ้าดัดก็คงจะหักกลางไปเสียแล้ว ได้แต่หวังว่าอาจจะมีอะไร มาสอนสั่งและให้บทเรียนกับบุตรสาวของนางบ้างก็เท่านั้น
.............................................................................................................................................................................
“เสร็จเสียที ปวดตาจัง”
เพชรน้ำบุษหลับตาพลางนวดขมับเบาๆ หลังจากที่ตรวจบัญชีเสร็จเรียบร้อย เธอปิดเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คส์ที่ใช้งานอยู่ แล้วบิดเนื้อตัวให้คลายปวดเมื่อยจากการนั่งทำงานมาหลายชั่วโมง หญิงสาวเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว นึกตกใจที่ตนเองทำงานเพลินจนกินเวลาป่านนี้แล้ว หญิงสาวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปที่ริมระเบียงห้อง พลางชะโงกหน้ามองไปยังลานจอดรถ ก่อนจะถอนใจน้อยๆ เมื่อไม่เห็นรถของบิดา
“คุณพ่อยังไม่กลับอีก ป่านนี้แล้ว สงสัยจะต้องเตือนบ้างแล้วเรื่องทำงานหนัก”
เพชรน้ำบุษบ่นพึมพำ อย่างนึกเป็นห่วงณัฐ ท้องของเธอร้องประท้วงขึ้นทันที มือเรียวยกขึ้นลูบหน้าท้องแบนราบของตัวเองพลางย่นจมูก สงสัยเธอจะใช้พลังสมองไปมาก ถึงได้หิวขึ้นมาในตอนดึกๆ ได้แบบนี้
หญิงสาวคว้าเสื้อคลุมลายดอกไม้สีหวาน มาทับชุดนอนของตนเอง แม้แบบของมันจะไม่ค่อยโป๊เปลือยนัก แต่ก็เป็นเนื้อผ้าบางเบา เพชรน้ำบุษเดินเรื่อยเอื่อยลงมาด้านล่าง แต่ก่อนที่เธอจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องครัว ก็ได้ยินเสียงรถคุ้นหูแล่นเข้ามา หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ลืมความหิวไปเลยทันที แล้วเดินก้าวออกไปต้อนรับบิดาที่หน้าบ้าน
“อ้าว! หนูบุษยังไม่นอนอีกหรือลูก”
ณัฐมีสายตาเป็นประกายทันทีเมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานของเพชรน้ำบุษ เขาไม่ได้พบเจอลูกเลี้ยงมาหลายวันแล้ว เห็นหน้าสวยใสของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรสาว เรือนร่างเล็กบางหากแต่ซ่อนรูปในชุดนอนผ้าเนื้อบางสั้นเหนือเข่า สวมทับด้วยเสื้อคลุมแบบน่ารัก เรือนผมหยักศกปล่อยสยายล้อมกรอบหน้ารูปไข่งดงามนั่น มันก็ทำให้ณัฐหายเหนื่อยแทบจะเป็นปลิดทิ้ง
“ทำงานพึ่งเสร็จน่ะค่ะ ว่าแต่คุณพ่อเถอะ ทำไมถึงพึ่งกลับคะ หมู่นี้คุณพ่อกลับดึกๆ บ่อยจัง บุษเป็นห่วง”
น้ำเสียงหวานใสนั่น ทำให้คนฟังชื่นใจนัก เขาโอบบ่าบางเข้ามาใกล้ ก่อนจะจุมพิตหน้าผากมนเบาๆ อย่างรักใคร่ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“พ่อต้องปูทางไว้เผื่อเลือกตั้งสมัยหน้าน่ะ ต้องไปดูแลชาวบ้าน เหนื่อยหน่อยแต่ก็มีความสุข ที่ได้ช่วยเหลือตอบแทนสังคมบ้าง”
“บุษภูมิใจในตัวคุณพ่อมากๆ ค่ะ”
เธอโอบเอวหนาตอบ แล้วกอดเขาอย่างปลาบปลื้ม ณัฐซ่อนประกายตาเจ้าเล่ห์ไว้ เมื่อโอบรัดร่างบางนั่นแน่นเข้า หัวใจเขากำลังรุ่มร้อน ด้วยเพลิงบางอย่างที่เริ่มแผดเผา
แต่ยังไม่ถึงเวลา...ใจเขาย้ำบอกเตือนตนเอง ตอนนี้ต้องทำงานอื่นที่สำคัญก่อน เรื่องอื่นค่อยเอาไว้ทีหลัง ยังไงเพชรน้ำบุษก็หนีมือเขาไม่รอดอยู่แล้ว เขาให้คนเฝ้ามองดอกไม้งามดอกนี้อยู่ทุกฝีก้าว และแน่ใจว่ามันปราศจากแมลงร้ายมารบกวนหรือไต่ตอม
“พ่อก็แค่อยากจะทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้างน่ะ ก็งานกิจการของพ่อ มีคนไว้ใจได้มาช่วยดูแลอย่างหนูบุษแล้วนี่นา ทุกอย่างของพ่อ เป็นของหนูนะ จำไว้”
ณัฐเอ่ยเสียงทุ้ม มองใบหน้าหวานละมุนนั้นด้วยสายตารักใคร่เจือปนด้วยความปรารถนา ที่เกินกว่าจะเป็นการรักกันฉันท์พ่อลูก หากแต่เพชรน้ำบุษซื่อใส ไว้ใจเขานัก จนไม่ระแคะระคายถึงนัยแห่งสายตานั่น เธอจะคิดอะไรกับณัฐได้ไปจนเกินกว่าการชื่นชมบูชาเขาดุจพ่อแท้ๆ ของเธอ
“คุณพ่ออยากทานอะไรไหมคะ บุษว่าจะไปทำโจ๊กทาน ให้บุษทำเผื่อด้วยดีไหมคะ”
หญิงสาวเอ่ยยิ้มๆ เมื่อท่านโอบพาเธอเดินเข้ามาด้านใน ณัฐมองใบหน้างดงามนั่นแล้วก็หรี่ตา กลิ่นกายของหญิงสาวหอมกรุ่นชื่นใจนัก จนเขาแทบจะอดรนทนไม่ไหว เขาไม่เคยต้องอดทนรออะไรมานานขนาดนี้ แต่กับเพชรน้ำบุษ ต้องรอคอย เพราะอะไรหลายๆ อย่างมันทำให้เขาบุ่มบ่ามไม่ได้อย่างใจคิดนัก
แต่การรอคอย มักจะให้ในสิ่งที่คุ้มค่าเสมอ ณัฐบอกกับตนเอง เมื่อโน้มใบหน้าลงไปกดจมูกกับแก้มนวลของลูกสาวนอกไส้เบาๆ เล่นเอาหญิงสาวถึงกับหน้าแดงเรื่อ
“ขอบใจมากหนูบุษ ลูกสาวของพ่อน่ารักเสมอ เสร็จแล้วยกไปให้พ่อในห้องทำงานนะ พ่อว่าจะจัดการงานอีกนิดหน่อยแล้วค่อยนอน”
“ค่ะ เดี๋ยวบุษจะไปทานเป็นเพื่อน แล้วก็ช่วยทำงานด้วยก็แล้วกันนะคะ คุณพ่อจะได้นอนไม่ดึกมาก บุษเป็นห่วง”
แม้จะไม่ค่อยชอบใจนักกับการแสดงความรักแบบนี้ของบิดา แต่เพชรน้ำบุษก็ไม่ได้ว่าอะไรท่านให้เสียน้ำใจ เธอคิดในแง่ดีว่า ณัฐคงจะติดการแสดงความรักแบบนี้มาจากธรรมเนียมของวัฒนธรรมฝรั่ง จึงไม่ได้ขัดเขินที่จะโอบ กอด หรือหอมแก้มเธอในบางครั้ง แม้จะรู้สึกแปลกๆ บ้าง แต่เพราะเธอรักและบูชาท่าน จึงไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการคิดว่าท่านเอ็นดูเธอ ในฐานะลูกสาวแท้ๆ
หญิงสาวเทโจ๊กผงสำเร็จ ลงในหม้อต้ม ก่อนจะจัดแจงทำอาหารมื้อดึกอย่างคล่องแคล่ว กลิ่นอาหารหอมฟุ้งจนท้องเริ่มประท้วงขึ้นมาอีกรอบ เพชรน้ำบุษตักโจ๊กใส่ชาม เติมไข่ไก่สดลงไปในโจ๊กควันกรุ่นอย่างรู้ใจของบิดา ขณะที่เธอกำลังเตรียมถาดเพื่อยกอาหารเข้าไปในห้องทำงานนั้น เสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน
“พี่จัดการเอาโจ๊กไปให้ลุงณัฐเอง บุษ ไปนอนเถอะ ดึกมากแล้ว”
วรัทยาปรากฏตัวขึ้น ในชุดนอนผ้าซาตินสีดำ ในแบบที่ค่อนข้างจะวาบหวิว เซ็กซี่นัก เธออวดเนื้อตัวอวบอิ่มสาวสะพรั่งเต็มที่ เพชรน้ำบุษมองดูหญิงสาวรุ่นพี่พลางลอบกลืนน้ำลาย อยากจะเตือนอีกฝ่ายเรื่องกายเปิดเผยเนื้อตัวในเวลาค่ำคืนแบบนี้ หากแต่นัยน์ตาคมสวยนั่นกลับมองเธอแบบหัวจรดเท้าแทน ราวกับว่าเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ มันเปิดเผยมากกว่าของตนเองสักสิบเท่า ซึ่งความเป็นจริง มันมิดชิดกว่ามากนัก
“วันหลังแต่งตัวให้มันมิดชิดหน่อยนะบุษ บอดี้การ์ดหนุ่มๆ ของลุงณัฐมีเยอะ เราโตมากแล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆ ส่งถาดมา เดี๋ยวพี่จัดการเอง พี่มีงานรอถามลุงณัฐอยู่ บุษไปนอนเถอะ”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฝากพี่แยมจัดการด้วยก็แล้วกันนะคะ บุษไปนอนก่อนก็แล้วกันค่ะ”
เพชรน้ำบุษหายหิวไปเลยทันที เมื่อเจอสายตาแบบนั้นของวรัทยาเข้า ตอนแรกเธอตั้งใจจะไปเอาส่วนของเธอมากินร่วมกับบิดา แล้วช่วยท่านทำงานไปด้วย แต่ตอนนี้มันหมดอารมณ์นั้นเสียแล้ว
“เข้ามาเลยหนูบุษ พ่อไม่ได้ล็อกประตู”
เสียงทุ้มเอ่ยอนุญาต เมื่อห้องทำงานของเขาถูกเคาะ หากแต่ร่างอวบอิ่มที่ก้าวเข้ามาในห้องนั้นกลับเป็นวรัทยา ไม่ใช่เพชรน้ำบุษ ทำให้คิ้วเข้มขมวดหากัน ก่อนจะกวาดตามองร่างงดงามเย้ายวน ที่ซ่อนในชุดนอนที่แทบจะปิดความงดงามของวัยสาวไว้ได้ไม่มิด วรัทยายิ้มเยือนให้กับณัฐ แล้วก้าวเข้ามาหาเขาด้วยลีลาย่างกรายอย่างเย้ายวน
“ดึกมากแล้วนะแยม พรุ่งนี้มีประชุมเช้า ทำไมยังไม่นอน”
คำถามนั้นทำเอาลีลานางยั่วเมืองของวรัทยาแทบจะสะดุดกึก เธอค้อนให้กับชายวัยกลางคนที่แสนจะมีเสน่ห์อย่างมีจริต ก่อนจะทำเสียงอ้อนๆ
“แหม...ลุงณัฐขา ทำไมพูดกับแยมแบบนี้ล่ะคะ แยมก็แค่อยาก...”
“มาบ่อยๆ แบบนี้ ไม่ค่อยดีนักนะแยม เกรงใจแววกับอุทัย”
ณัฐเอ่ยขัดขึ้นมาทันที แม้จะติดใจในรสเสน่หาของหญิงสาวคราวลูก แต่เขาไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับวรัทยา เห็นเป็นดอกไม้ใกล้มือที่เด็ดดมง่าย แถมมีข้อตกลงกันไว้อย่างชัดเจน ว่าเซ็กส์แลกเงิน งาน ไม่ใช่เพราะความรัก ระหว่างเขาและวรัทยา มีเพียงความใคร่ที่ต่างปรนเปรอให้กันและกันก็เท่านั้น
“ลุงณัฐไม่คิดถึงแยมหรือไงคะ”
วรัทยาทำน้ำตาคลออย่างน้อยใจ แต่ก็ไม่ได้ทำสะบัดสะบิ้งวิ่งหนีเขา หรืองอนจนเกินงาม กับชายคนนี้เธอรู้ดีว่าทำอย่างไร เธอถึงจะได้ในสิ่งที่เธอต้องการจากเขา
“แยมก็รู้นี่ว่าอะไรเป็นอะไร เราไม่ควรทำให้ต้องลำบากใจกันไม่ใช่หรือ?”
ณัฐว่าเสียงทุ้ม วรัทยาคุกเข่าลงแล้วเอาหน้าแนบกับต้นขาเขาอย่างประจบ ท่าทางราวกับนางทาสผู้ภักดี มือใหญ่ไล้เรือนผมยาวดำมัน ก่อนจะเลื่อนไล้ซอกคอนุ่มละมุนเบาๆ
“แยมแค่อยากปรนนิบัติ ทำให้ลุงณัฐมีความสุข นะคะ”
เสียงหวานเอ่ยอ้อน พร้อมกับมือที่เลื่อนไล้ไปยังซิบกางเกงของเขา ร่างบางขยับเข้าหา ณัฐรู้ดีว่าเจ้าหล่อนกำลังจะปรนเปรอให้เขาแบบไหน วรัทยาหัวไว ร้อนแรงนัก จนบางครั้งหนุ่มใหญ่เชี่ยวประสบการณ์อย่างเขา ก็แทบจะทนไฟร้อนรักของอีกฝ่ายไม่ไหว เธอเรียกร้องมากเหลือเกิน และมากขึ้นทุกๆ วัน
“อืม...”
เสียงครางดังลอดออกมาจากริมฝีปากได้รูปของหนุ่มใหญ่ เมื่อใบหน้าสวยเย้ายวนซบลงตรงกึ่งกลางตัวแล้วเริ่มสัมผัสให้ความสุขเขาด้วยปากอิ่มสีเรื่อ ที่โอบล้อมความแข่งแกร่งของเขาไว้ มือของเขาจับลูบเรือนผมสลวยของวรัทยา บางครั้งถึงกับจิกแน่นเมื่ออีกฝ่ายสร้างความสุขซ่านให้เขาจนแทบจะสำลัก
“วันนี้ลุงณัฐเหนื่อย แยมจะเป็นคนบริการความสุขให้เราสองคนเองนะคะ”
เสียงหวานเอ่ยกระซิบ เมื่อเจ้าหล่อนปรนเปรอให้จนหนุ่มใหญ่แทบจะลิ่วไปวิมานน้ำผึ้งก่อนแล้ว เธอคลานขึ้นมานั่งตักเขา ตอนนี้เรือนกายท่อนล่างของทั้งเธอและเขาเปลือยเปล่า พร้อมแล้วสำหรับการไปท่องราตรีพิศวาสด้วยกัน แขนเรียวโอบรอบลำคอเขาไว้ ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวเหยเก เมื่อเขาส่งตัวตนเข้าไปในความฉ่ำชื้นที่แนบแน่น
เสียงครวญครางดังกระหึ่ม เมื่อจังหวะรักอันแรงร้อนเริ่มต้นขึ้น เคราะห์ดีนักที่ห้องทำงานของณัฐค่อนข้างจะเก็บเสียง จึงไม่มีสรรพเสียงใดๆ ดังลอดออกไปเลยแม้แต่น้อย กว่าที่วรัทยาจะย่องกลับออกมาจากห้องทำงานของหนุ่มใหญ่ ก็เกือบจะกินเวลาของวันใหม่แล้ว
สายตาคมกริบกำลังจับจ้องมองตามร่างเล็กบางของหญิงสาวที่กลายเป็นดาวเด่นของงานในคืนนี้อย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา ก้องหล้าจิบแชมเปญในมือ พร้อมกับมองตามร่างบางระหงที่อยู่ในชุดสีชมพูหวานไปด้วยสายตามุ่งมั่น เขามองกวาดไล่ไปทั้งเรือนร่างงดงามนั้น เปลวไฟบางอย่างถูกจุดขึ้นมาแล้วกำลังระอุร้อน เมื่อได้มองพินิจเธอแบบนั้น คนอย่างก้องหล้า อยากได้อะไร ต้องได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นลูกสาวของศัตรูของบิดาก็ตามทีเขากล่อมชัชชัยได้เรียบร้อยแล้ว เกี่ยวกับเรื่องของเพชรน้ำบุษ หญิงสาวที่เขานึกชอบตั้งแต่แรกเห็นหน้า ยิ่งเธอเป็นดอกฟ้าที่มีแต่คนหมายตาอยากจะคว้า เขาก็ยิ่งทวีความ ‘อยากได้’ อีกฝ่ายมากขึ้น การได้เป็นลูกเขยของณัฐ ดิลกธรรมชัยนั้น มันแสดงถึงศักยภาพของผู้ชายคนนั้น ว่าต้องไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ถึงผ่านด่านหินของชายผู้มีอิทธพลอย่างณัฐมาได้ แล้วผลประโยชน์ต่อไปในอนาคตกับการร่วมชีวิตกับเพชรน้ำบุษด้วยนั้น ยิ่งเหมือนกับบ่อเพชรบ่อพลอย ที่ชวนให้ลงทุนลงแรงชิงเธอมาเป็นที่สุดวันนี้ไม่มีเงาของบอดีการ์ดหนุ่มร่างยักษ์ ที่เป็นเหมือนก้างชิ้นโต สำหรับบรรดาเหล่าภมรที่อยากจะไปบินโฉบชมดอกฟ้าแสนสวยอย่างเพชรน้ำบุษ มีเพียงหญิงสาวอีกคนที
“เย็นนี้แวะไปหาหมอไหมครับคุณหนู”น้ำเสียงอาทรถามขึ้นจากคนตัวโต เมื่อเอาเอกสารมายื่นให้เธอด้วยตนเอง ไอยราซึ่งปรกติแล้วมักจะอยู่ในห้องส่วนตัวของเขาเงียบๆ รอจนเวลาเธอเลิกงาน หรือจะไปไหนมาไหนจึงมาปรากฏตัว แต่วันนี้เขานึกเป็นห่วงเธอจนแย่งหน้าที่ของเลขานุการส่วนตัวของเพชรน้ำบุษ เอางานมาให้เธอด้วยตัวเอง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ช้าง ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้วล่ะค่ะ”“ไม่ไปจริงๆ น่ะเหรอครับ อย่าฝืนนะครับคุณหนู”ไอยรายังคงมองใบหน้าหวานซึ้งของเธออย่างเป็นห่วง เพชรน้ำบุษหัวเราะเบาๆ เธอทรงตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะตั้งท่าหมุนตัวอวดเขา ทำเอาไอยราต้องรีบกระแอม แล้วรีบเอ่ยขัดขึ้นทันที“ไม่ต้องก็ได้ครับคุณหนู ผมเชื่อแล้วครับ”“บุษ พี่เอาเสื้อผ้ามาให้ เดี๋ยวเราไปที่ร้านกันเลยไหม พี่จัดการเตรียมทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”เสียงที่ดังมาก่อตัว พร้อมกับประตูห้องทำงานของหญิงสาวที่ถูกเปิดผั๊วะเข้ามาอย่างไร้มารยาท บอกได้เลยทันทีว่าเป็นใคร ไอยราและเพชรน้ำบุษมองสบตากันทันที ก่อนที่นายสาวจะพยักหน้าให้กับบอดีการ์ดหนุ่ม ไอยราค้อมศรีษะให้กับวรัทยาเล็กน้อย แล้วเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้หญิงสาวอยู่ด้วยกันตามลำพัง“นี่ชุดของบุษ ลุง
เสียงนกร้องดังเจื้อยแจ้ว แดดยามเช้าส่องรำไรลอดใบไม้มาต้องผิวให้ความอบอุ่น ลมเย็นๆ พัดมาเรื่อยเฉื่อย เอาอากาศบริสุทธิ์มาต้องใบหน้าใสหวาน เพชรน้ำบุษสูดอากาศเข้าปอดอย่างสดชื่น พลางมองไปรอบๆ ตัว นานครั้งที่เธอจะได้มาสัมผัสบรรยากาศนอกบ้านบ้างแบบนี้ แม้จะสดชื่นไม่ต่างกัน แต่ความรู้สึกของอิสรภาพนั้นต่างกันมากมายนัก“ผมจะรอที่นี่นะครับคุณหนู”บอดีการ์ดประจำตัวเธอพูดด้วยน้ำเสียงขรึมๆ เมื่อมองความเรียบร้อยของสวนสาธารณะแห่งนั้นแล้ว เขาคอยติดตามเพชรน้ำบุษมานาน และนึกสงสารนายสาวนัก เพราะหญิงสาวเป็นคนน่ารัก และไม่มีทีท่าว่าจะมีศัตรูที่ไหนเลยแม้แต่คนเดียว คำสั่งของณัฐเกี่ยวกับเพชรน้ำบุษนั้น ทำให้ไอยรายิ่งนึกสงสารเธอ และแอบให้อิสระแก่นายสาวบ้าง ซึ่งถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเพชรน้ำบุษในเวลาที่เขายอมปล่อยเธอแล้ว ไอยราก็พร้อมจะรับผิดชอบความผิดพลาดนั้นทั้งหมด แม้จะเป็นชีวิตเขาก็ยอม เพียงแค่ให้เพชรน้ำบุษมีเวลาเป็นของตัวเอง ได้ยิ้ม ได้หัวเราะบ้าง“ไม่นานหรอกค่ะพี่ช้าง รับรองว่าเราสองคนจะไม่ไปทำงานสายแน่ๆ”เพชรน้ำบุษหลิ่วตา เธอและไอยราออกมาจากที่บ้านแต่เช้า เพื่อมาแวะที่สวนสาธารณะก่อนจะไปทำงานที่ออฟฟิศต่อ วันนี้วร
“พ่อจะไปนิวยอร์คสองอาทิตย์นะลูก ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะหนูบุษ”ประมุขของบ้านดิลกธรรมชัยเอ่ยขึ้น ขณะที่ทานอาหารเช้ากันอย่างสบายๆ ในสวน เพื่อรับแดดและเสพบรรยากาศยามเช้า ของฤดูปลายฝนต้นหนาว เพชรน้ำบุษตักข้าวต้มส่งกลิ่นหอมฉุยหน้าทานให้กับเขาแล้วยิ้ม ขณะที่ณัฐเอื้อมมือไปจับมือนุ่มของหญิงสาวมาบีบเบาๆ นัยน์ตาคมนั้นฉายแววห่วงใยอาทรนัก เขากำลังจะสร้างธุรกิจให้ก้าวไกลยิ่งกว่าเดิม ด้วยการติดต่อกับต่างประเทศ ธุรกิจลับๆ อย่างที่จะสร้างเงินให้เขาอย่างมหาศาล“ค่ะ คุณพ่อไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ บุษดูแลตัวเองได้”เพชรน้ำบุษแทบจะร้องไชโยออกมาเลยทันที แต่ก็ต้องระงับอาการดีใจของตนเองไว้ เพราะไม่อยากให้มีพิรุธ ท่านคงจะไม่ชอบใจนักที่เห็นเธอดีใจเมื่อเขาไม่อยู่บ้าน เพราะเมื่อณัฐไม่อยู่บ้านเวลาอิสระของเธอก็มาถึง ตอนนี้ไอยราบอดีการ์ดส่วนตัวของเธอ ก็ไม่ได้ตามเฝ้าเธอแจเข้มงวดอะไรนัก แม้จะเป็นคนดูดุ นิ่งขรึม แต่ไอยราก็เป็นคนใจดี ยอมปล่อยให้เพชรน้ำบุษได้เป็นอิสระบ้าง เพราะดูแล้วคงจะไม่มีอันตรายใดๆ ที่จะมา กล้ำกรายเธอได้ เขาสงสารหญิงสาวที่ถูกเลี้ยงดูราวกับนกน้อยในกรงทอง“ถ้าไม่ติดว่าทำธุระ พ่ออยากจะพาหนูไปด้วยกัน”เขาว่า พลางถ
“เอ๋? ว่าอะไรนะยายหนูนา”เพชรน้ำบุษทวนคำของเพื่อนสนิทก่อนจะอมยิ้ม เธอเช็ดเรือนผมที่เปียกหมาดไปด้วยพร้อมๆ กัน เพราะพึ่งออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ชำระล้างร่างกายเรียบร้อยแล้ว“เราเจอกับสุดหล่อ ที่ชนกับบุษไง วันนี้เขามาเป็นลูกค้าที่ร้านของพี่ไนซ์ เค้าชื่อวี เลี้ยงหมาด้วยนะ ชื่อเจ้ายุ่ง หมาเค้าเป็นหมาพันธุ์เล็กอย่างมินิเจอร์ ไม่ยักกะใช่หมาพันธุ์ใหญ่ๆ อย่างพวกเซนต์เบอร์นาด หรือโกลเด้นรีทีฟเวอร์ แต่แบบผู้ชายตัวโต หล่อชวนฝัน เลี้ยงหมาตัวเล็กๆ โอย...น่ารัก”“ฟังจากเสียงนี่คงจะปลื้มเอามากๆ เลยนะเนี่ย”เธอหัวเราะเบาๆ กับสุ้มเสียงของเพื่อนรัก ปรกติแล้วเพื่อนรักของเธอไม่เคยชื่นชมใครมากขนาดนี้มาก่อนก็น่าจะปลื้มอยู่หรอก เพชรน้ำบุษคิดในใจ ภาพของชายหนุ่มที่รัดเธอไว้ในอ้อมแขนเพื่อช่วยไม่ให้เธอล้มลงกับพื้น ปรากฏขึ้นมาในห้วงนึก ใบหน้าของเธอเริ่มเป็นสีเรื่อ หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ราวกับว่าสัมผัสของเขาและกลิ่นหอมอ่อนๆ ราวกับแดดยามสายของชายหนุ่มยังคงกรุ่นอยู่ตามเนื้อตัวเราเป็นอะไรไปกันเนี่ย?เพชรน้ำบุษถามตัวเอง ก่อนจะสะบัดหน้าเบาๆ เพื่อไล่ภาพจำของชายหนุ่มออกไปจากห้วงนึก น้ำใสหวานใสของเพื่อนรัก
ลัทธพลคว้ากล่องอุปกรณ์สำหรับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น อีกมือถือกระเป๋าคู่ใจ แล้วหันรีหันขวางมองไปรอบๆ ท่าทางเขาลุกลี้ลุกลนนัก จนน้องสาวที่มาช่วยดูแลร้านในตอนเย็นถึงกับกอดอก พลางส่ายหน้าช้าๆ กับท่าทางของพี่ชาย เสียงใสเอ่ยลอยๆ ขึ้น เมื่อเห็นว่าลัทธพลกำลังยืนบ่นทบทวนถึงเครื่องมือเครื่องไม้ในการรักษาอยู่ไปมา“ลืมอะไรเหรอพี่ไนซ์”“กล่องเครื่องมือ สงสัยพี่จะลืมกล่องเครื่องมือ อ้อ...ยาด้วย ยาสลบ บางทีอาจจะต้องวางยา เครื่องมือจะพอไหมนะ เคลื่อนย้ายมาที่นี่ก็กลัวจะเป็นอันตราย ต้องไปดูก่อนเสียด้วย”“ที่ถือไว้ไม่ใช่หรือยังไงกัน กล่องเครื่องมือน่ะพี่ไนซ์”“เอ่อ...จริงสิ พี่คงจะตกใจไปหน่อย ถ้าคนไข้เป็นตัวอื่น พี่จะไม่กลัวเลย แต่นี่เป็นเจ้าปีโป้ มันถูกรถชนอาการหนักมากเลย ป้าจิตกำลังสติแตก ไม่กล้าขับรถมาที่นี่”“พี่ไนซ์ก็กำลังสติแตกเหมือนกันน่ะแหละ แล้วนี่พี่โยยังไม่มารับอีกหรือไงกัน”เธอชะเง้อมองไปนอกคลีนิก ซึ่งไม่ทันขาดคำ ชายหนุ่มร่างผอมโปร่ง ผิวขาวละเมียดแบบที่ผู้หญิงยังอาย เครื่องหน้าสวยเกินชายก็โผล่มาราวกับนัด ลัทธพลแทบจะกระโดดกอดคอเพื่อนสนิทเมื่อเห็นเขามาได้รวดเร็วทันใจมาก หลังจากที่โทรศัพท์ไปขอควา







