".....?"
สายตาคู่งามกวาดมองบรรยากาศภายในหอคณิกาแห่งนี้อย่างโง่งม หากไม่กลัวว่าถอยหลังกลับไปแล้วจะจ๊ะเอ๋กับพวกที่ไล่ตามนางมา นางคงถอยกลับไปดูป้ายด้านหน้าอีกครั้งว่านางตาฝาดไปหรือไม่ เพราะภาพตรงหน้าของนางตอนนี้มันไม่เหมือนหอคณิกาในความคิดนางแม้แต่น้อย ไม่เห็นโฉมสะคราญในชุดนุ่งน้อยห่มน้อย ไม่มีเสียงดนตรี ไม่มีการร่ายรำ แต่มันคล้ายดังโรงเตี๊ยม โรงน้ำชาหรือโรงสุราของเหล่าคนมีเงินเสียมากกว่า คนที่อยู่ด้านในนี้ก็ดูดีมีระดับ ดูจากการแต่งกายแล้วล้วนเป็นเหล่าคุณหนูคุณชายและเหล่าขุนน้ำขุนนางทั้งสิ้น อีกทั้งตอนนี้สายตาของพวกเขาและพวกนางๆ บางคนก็จ้องมองมายังนางด้วยสายตาแปลกๆ อีกด้วย คงเป็นคนรู้จักของว่านเย่วอิงสินะ สายตาที่มองมาทำให้นางเผลอยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองอย่างลืมตัว แต่ให้ตายเถอะ ผ้าคลุมหน้าของนางอันธทานหายไปตั้งแต่เมื่อใดกัน มิน่าเล่าคนเหล่านี้ถึงได้มองนางด้วยสายตาเช่นนั้น
แหม...สายตาของแต่ละคนดูรักนางจังเลยนะ ก็อย่างว่านางเป็นถึงนางร้ายผู้โด่งดังของเรื่องนี่นา
อิงอิงได้แต่คิดอย่างขมขื่น ก่อนจะกลั้นใจฉีกรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อนเต็มทนส่งไปให้พวกเขา ซึ่งแต่ละคนเพียงเห็นนางยิ้มให้กลับทำราวกับว่าไม่เห็นเสียอย่างนั้น ชีวิตของว่านเย่วอิงช่างโดดเดี่ยวดีแท้
แต่แล้วเสียงฝีเท้าหนักๆ ของกลุ่มคนที่ดังใกล้เข้ามา ทำให้นางหยุดความคิดทุกอย่างเอาไว้เร่งสาวเท้าขึ้นบันไดไปยังชั้นบนอย่างรวดเร็ว นัยน์ตากลมโตกวาดมองหาที่ซ่อนตัวอย่างตื่นตระหนก ภาวนาอย่าให้พวกเขารู้ว่านางหนีขึ้นมาบนนี้ เสียงโหวกเหวกของคนด้านล่างโดยเฉพาะเหล่าสตรีที่พากันส่งเสียงบอกพวกที่ตามนางมาว่านางหนีขึ้นมาด้านบนดังมาเต็มสองหู อิงอิงทำได้เพียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันคิดอย่างอาฆาตแค้น ผู้ใดที่ปากโป้งหากนางรอดไปได้คงได้เจอนางแน่ เสียงฝีเท้าที่วิ่งขึ้นบันไดมาทำให้นางจำต้องวางความแค้นในครั้งนี้ลงก่อน แล้วพุ่งตัวเข้าไปในห้องที่อยู่ใกล้ที่สุดในตอนนี้โดยไม่สนสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว ทันทีที่บานประตูเปิดออก ก็หลับหูหลับตาก้มศีรษะให้คนที่เห็นว่านั่งอยู่ภายในห้องปลกๆ ก่อนจะทรุดกายลงคลานเข่ามุดเข้าไปใต้โต๊ะโดยไม่สนมารยาท
เซี่ยเยี่ยนเฉินมองสตรีที่พรวดพราดเข้ามาทำลายบรรยากาศการดื่มด่ำในรสสุราของเขาด้วยความตกตะลึง มิหนำซ้ำนางยังมุดเข้ามาอยู่ใต้โต๊ะที่เขานั่งอยู่โดยไม่เกรงกลัวอีกด้วย เจ้าของร่างบางที่เปิดประตูเข้ามานั้นใบหน้าเล็กของนางแดงก่ำดูกระเซอะกระเซิง หลับหูหลับตาไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา ตั้งหน้าตั้งตาลนลานมุดเข้าไปใต้โต๊ะ มันดูน่าขันจนเขาหลุดยิ้มออกมา สตรีนางนี้ทำเอาบุรุษหน้านิ่งเช่นเขาเสียอาการอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยังมิทันที่เขาจะได้ลากตัวของนางออกมาถามไถ่ให้รู้ความ เสียงความวุ่นวายที่ดังขึ้นด้านนอกทำให้เขาเปลี่ยนใจที่จะลากสตรีนางนั้นออกมา เพราะคนด้านนอกนั่นคงจะเป็นสาเหตุที่ทำให้นางหนีเข้ามาหลบในนี้ จึงทำเพียงนั่งจิบสุราราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น นึกอยากจะมีเมตตาช่วยเหลือลูกนกลูกกา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูอย่างมีมารยาทดังขึ้นด้านหน้าห้องของเขาหลังจากที่ห้องข้างๆ เงียบสงบลง ก่อนที่ประตูจะเปิดกว้างออกอีกครั้งด้วยฝีมือของผู้มาใหม่ พร้อมกับปรากฏร่างสูงของบุรุษใบหน้าหล่อเหลาคุ้นตาที่ทำให้คิ้วกระบี่ถึงกับขมวดมุ่นอย่างแปลกใจกับการมาของอีกฝ่าย ด้านหลังนั้นยังมีผู้ติดตามที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี ในใจนั้นคิดว่าเด็กสาวนางนี้ไปก่อเรื่องอันใดมาจึงทำให้คนตรงหน้าเขาถึงกับต้องตามหานางด้วยตัวเอง อีกฝ่ายเองก็ดูเหมือนจะชะงักไปเช่นกันเมื่อเห็นเขา
อิงอิงที่ไม่รู้เลยว่าด้านนอกนั้นเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง ยกฝ่ามือที่สั่นเทาขึ้นแนบอกกดลงบนตำแหน่งหัวใจที่กำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง ถามว่านางหวาดกลัวหรือไม่ หากไม่กลัวนี่สิแปลก ผู้หญิงตัวเล็กๆ ตัวคนเดียว หลุดเข้ามายังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย แถมยังโดนตามล่าอย่างบ้าคลั่งอีก หากไม่กลัวก็บ้าแล้ว
ตอนนี้ลำคอของนางนั้นแห้งผากรู้สึกแสบลำคอไปหมด แต่ก็ทำได้แค่เพียงกลืนน้ำลายลงคอดับกระหาย ก่อนจะเงี่ยหูฟังเสียงความเคลื่อนไหมด้านนอก เพียงได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามากายบางพลันแข็งเกร็งขึ้น ลอบมองช่วงล่างของเจ้าของห้องที่นางถือวิสาสะเข้ามาหลบ รองเท้าใหญ่โตของอีกฝ่ายและชายอาภรณ์สีดำนั้นทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเขาคือบุรุษ ในตอนนี้ปลายเท้าของเขากำลังเคาะอย่างเป็นจังหวะกับพื้นราวกับกำลังใช้ความคิด นั่นทำให้นางหายใจไม่ทั่วท้อง หากนางโดนจับได้ เรื่องที่เกิดขึ้นมันจะถึงทางการหรือไม่ ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้เป็นคนทำแต่ใครเล่าจะมายืนยันให้นาง ซึ่งมันแน่อยู่แล้วว่าคงไม่มี หากคนผู้นี้เอ่ยปากบอกว่านางหลบอยู่ในนี้คงจบเห่เป็นแน่ และนางไม่รู้เลยว่าเขาจะตัดสินใจเช่นไร
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน
นางจะไม่ยอมถูกจับทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำผิดเด็ดขาด คิดได้ดังนั้น ร่างบางก็กระถดกายเข้าไปใกล้กับ ลำแข้ง เอ่อ... ขาแกร่งเบื้องหน้าส่งฝ่ามือที่สั่นน้อยๆ ดึงรั้งชายอาภรณ์ของอีกฝ่ายกระตุกเบาๆ ราวกับบอกให้เขารับรู้ว่านางต้องการขอความช่วยเหลือ ใบหูเล็กนั้นเงี่ยฟังว่าอีกฝ่ายจะกล่าวเช่นไร จะยอมช่วยเหลือตนหรือไม่ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างยังคงเงียบ จึงตัดสินใจวางมือเล็กของตนลงบนต้นขาแกร่งบรรจงบีบนวดต้นขาของอีกฝ่ายอย่างขอความเมตตา หารู้ไม่ว่าเจ้าของขานั้นกำลังใบหน้าแดงก่ำ จิตใจที่เคยมั่นคงสั่นไหวอย่างไม่เคยเป็นกับน้ำหนักมืออ่อนนุ่มที่บีบนวดอย่างมีจังหวะ ขนอ่อนบนกายถึงกับลุกซู่จนเขาเกือบจะลุกพรวดขึ้นเพราะตกใจกับความรู้สึกของตัวเอง วันนี้เขาคงดื่มมากเกินไปจึงทำให้หวั่นไหวได้ง่ายถึงเพียงนี้
"ท่านพ่อ"
เสียงของชายหนุ่มผู้มาใหม่เอ่ยเรียกเขาเสียงเบาราวกับกระซิบ แต่มันกลับดึงสติของเขากลับมา ใช่แล้ว บุรุษหนุ่มตรงหน้าผู้นี้คือบุตรชายเพียงคนเดียวของเขา สายเลือดของตระกูลเซี่ย เป็นความภาคภูมิใจของเขา แม้ความสัมพันธ์ของเขากับมารดาของบุตรจะเป็นไปตามหน้าที่ แต่กับบุตรชายนั้นทุกอย่างล้วนมาจากหัวใจ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนทุ่มเทให้กับคนผู้นี้ แต่มิทันที่เขาจะได้เอ่ยปากทักทายอีกฝ่าย เจ้าตัวดีก็ฉีกยิ้มกว้างชิงกล่าวขึ้นอย่างร้อนรนจนดูมีพิรุธ
"เอ่อ ข้าขออภัยขอรับที่มารบกวน ข้าเพียงมาดูว่าท่านสำราญดีหรือไม่ เห็นเช่นนี้แล้วข้าก็เบาใจ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะขอรับ"
เซี่ยชิงเทียนเมื่อเห็นอีกฝ่ายเต็มๆ ตาก็คล้ายจะดูลนลาน รีบค้อมศีรษะให้ผู้เป็นบิดาแล้วหันหลังกลับออกมาโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทันซักถาม ตั้งแต่เล็กเขาถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีในฐานะที่เป็นทายาทสายหลักที่จะสืบทอดตระกูลคนต่อไป บิดาคือคนที่เคียงข้างและทุ่มเทเพื่อเขามาตลอด ผู้เป็นบิดาคือต้นแบบของเขา เขาอยากเติบโตมาเก่งกล้าเช่นดังผู้เป็นบิดา แต่กับเรื่องความรักเขามิใช่คนไร้หัวใจเช่นดังบิดา เขากลัวว่าการกระทำของตนในวันนี้จะทำให้บิดาต้องขุ่นมัวและผิดหวัง เขาไม่อยากให้บิดารู้ว่าเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นเกี่ยวพันไปถึงสตรีคนรัก คนที่ทุกคนต่างมองว่านางไม่เหมาะสมที่จะเดินเคียงข้างเขา คนที่มองทุกอย่างเป็นหน้าที่และผลประโยชน์เช่นบิดาของเขาย่อมไม่เข้าใจในความรักเรื่องนี้เขาย่อมรู้ดี เขายังไม่พร้อมที่จะให้บิดารับรู้ถึงเรื่องราวเหล่านี้
เซี่ยเยี่ยนเฉินมองตามแผ่นหลังกว้างของบุตรชายที่เมื่อเห็นหน้าเขาก็ทำราวกับตกใจเสียหนักหนา ไม่ทันให้เขาได้กล่าวคำใดก็รีบเดินหนีออกไป มุมปากหยักพลันกดลึกลง แม้ในตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าผู้เป็นบุตรชายกำลังปิดบังเรื่องใดอยู่ แต่อีกไม่นานเขาจะได้รู้
ส่วนอีกคนที่หลบอยู่ใต้โต๊ะในตอนนี้ดวงตาคู่งามกำลังส่องประกายวาววับ มันดูเจิดจรัสราวกับดวงดารา
น้ำเสียงของอีกฝ่ายเมื่อครู่นางฟังไม่ผิดแน่
พ่อพระเอกผู้เก่งกาจดูจะร้อนรนและหวั่นเกรงเมื่อเอ่ยกับบุรุษเจ้าของช่วงล่างที่ดูแข็งแรงและบึกบึนนี้
อิงอิงเหยียดยิ้มกว้างด้วยความหวัง นางคิดว่านางเจอคนที่จะฉุดนางออกจากชะตากรรมอันน่าสังเวชของนางร้ายได้แล้วล่ะ
ผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนหลังจากงานมงคลสมรสของคุณชายน้อยตระกูลเซี่ย จวนตระกูลเซี่ยก็มีงานมงคลเกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นงานมงคลสมรสของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินนายท่านของจวนกับคุณหนูว่านเย่วอิงคนงาม สตรีผู้อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน และครั้งนี้ก็คล้ายดังจะชื่นมื่นเสียยิ่งกว่างานมงคลของบุตรชาย เพราะแขกที่มาร่วมงานล้วนมีแต่เหล่าคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เคียงคู่กันมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว สหายของเจ้าสาวที่มาร่วมงานในวันนี้ล้วนไม่มีสตรีคนใดที่ไร้คู่อีกแล้ว เพราะหลังจากงานมงคลของเซี่ยชิงเทียนในวันนั้นภายในเดือนเดียวพวกนางต่างพากันขึ้นเกี้ยว ตบเท้าแต่งงานออกเรือนกันไปตามๆ กัน และเจ้าบ่าวของพวกนางก็หาใช่ใครที่ไหน บุรุษเหล่านั้นล้วนเป็นสหายของคุณชายเซี่ยชิงเทียนทั้งสิ้น ความดีความชอบนี้คงต้องยกให้เจ้าสาวของงานในวันนี้ที่เป็นผู้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในวันนั้นขึ้น หนุ่มสาวจึงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันแบบถึงพริกถึงขิง เพราะหลังจากที่พากันเต้นระบำคลอเคล้าจอกสุราอย่างที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน ตื่นมาอีกทีก็เนื้อตัวเปล่าเปลือยแนบชิดอยู่กับบุรุษเสียแล้วงานในวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีท่ามกลางความหวานชื่นของคู่บ่าวสาว และ
แล้ววันมงคลสมรสของเซี่ยชิงเทียนกับจ้าวอี้หลันก็มาถึง จวนแม่ทัพในวันนี้อบอวลไปด้วยความสุขและกลิ่นอายอันเป็นมงคล ภายในจวนนั้นดูมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ บ่าวไพร่ต่างมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า เพราะไม่ใช่เพียงแค่คู่บ่าวสาวที่ดูจะมีความสุขและหวานซึ้งต่อกัน แต่ดูจะมีหลายคู่ที่หวานชื่นไม่แพ้คู่บ่าวสาว บรรดาบุรุษจากจวนแม่ทัพต่างพากันหลงเสน่ห์สาวๆ จากจวนตระกูลว่าน ตบเท้าเข้าไปเกี้ยวพาจนประตูจวนท่านหมอว่านแทบจะสึกแต่ดูเหมือนผู้ที่ดูจะคลั่งรักกว่าใครคงจะเป็นนายท่านของจวน ที่ไม่ยอมออกห่างจากคนงามแม้เพียงครึ่งก้าว เพราะวันนี้คุณหนูว่านเย่วอิงงดงามมากเสียจนท่านแม่ทัพตามติดแจ โฉมงามผู้เป็นว่าที่มารดาของเจ้าบ่าว ใบหน้างามประดับไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตายังทอประกายแห่งความสุขจนยากที่จะละสายตาได้และยังมีรอยยิ้มหวานที่ถูกส่งไปให้บรรดาแขกที่มาร่วมงานก็ยังหวานหยดย้อย จนท่านแม่ทัพต้องคอยถลึงตามองเหล่าบุรุษหนุ่มๆ ที่เผลอไผลหันมาจ้องมองสตรีของตนจนใบหน้าเลิ่กลั่กไปตามๆ กันเซี่ยเยี่ยนเฉินทอดสายตามองว่าที่ฮูหยินของตนด้วยสายตารักใคร่ชื่นชม ภูมิอกภูมิใจในตัวคนรักอย่างมาก แม้นางจะซุกซนแต่กลับรู้ว่าเ
อิงอิงแอบย่องออกมาจากเรือนของตนด้วยฝีเท้าที่เบาและเงียบกริบ เรือนร่างกลมกลึงแฝงกายไปกับความมืด ใช้เงาไม้ช่วยอำพรางกาย นางต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อที่จะหลบให้พ้นสายตาของเหล่าเวรยามที่บิดาได้วางเอาไว้รอบเรือน เพื่อป้องกันมิให้ชายคนรักแอบลอบเข้ามาหานาง แต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้กลับเป็นเป็นบุตรสาวของตนเสียเองที่ลักลอบแอบออกมาหาบุรุษ แม้จะรู้สึกผิดต่อบิดาแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อตอนนี้ความรักความคิดถึงคนรักมันอึดอัดคับแน่นอยู่ในอก นึกเข้าข้างตัวเองว่าอย่างไรนางก็ต้องแต่งให้เขาอยู่แล้ว การกระทำเช่นนี้ก็คงจะไม่ผิดมากนัก เพราะถึงอย่างไรนางกับเขาก็กลายเป็นคนคนเดียวกันแล้ว ยิ่งคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาที่มองนางด้วยสายตาตัดพ้อ นางยิ่งไม่อาจที่จะเมินเฉยปล่อยให้อีกฝ่ายแง่งอนได้นาน ยิ่งน้ำคำที่ชายคนรักฝากมากับเสี่ยวม่านม่าน ยิ่งทำให้โฉมงามหัวใจอ่อนยวบจนแทบจะล่องลอยไปหาเขาเสียเดี๋ยวนี้จะรอจนกว่าจะได้พบหน้า แนบชิดเนื้อนวลโถ โถ โถ โถ โถ...พ่อพยัคฆ์เฒ่าของอิงอิง พ่อยอดขมองอิ่ม ทูนหัวทูลกระหม่อมของเมีย คงคิดถึงเมียใจจะขาดแล้วกระมังท่านพ่อเจ้าขา อิงอิงขอโทษนะเจ้าคะ อื้อ...หนูรักเค้า หลงเค้า ให้เค้าไปหมดแล้
ณ เวลานี้คงไม่มีใครไม่กล่าวถึงเรื่องราวของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินบุรุษผู้กล้าแกร่ง ผู้เป็นยอดบุรุษแห่งแผ่นดิน บุรุษผู้ที่ขณะนี้กลายเป็นที่อิจฉาของบรรดาบุรุษทั่วทั้งเมืองหลวง เพราะนอกจากจะเป็นผู้ที่ฝ่าบาทให้ความไว้วางพระทัยแล้ว อีกฝ่ายยังได้ครอบครองโฉมสะคราญผู้งดงามเป็นหนึ่ง สตรีผู้มีความงามอันเย้ายวนแล้วยังอ่อนเยาว์เป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มที่อายุรุ่นราวคราวลูกมาเป็นว่าที่ฮูหยินความสุขใดเล่าจะเทียบเท่าการได้ครอบครองหญิงงาม มันช่างน่าอิจฉาเสียยิ่งนัก ชีวิตคงจะกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาไม่ใช่น้อย ไม่รู้ว่าพวกตนต้องทำบุญอีกกี่ชาติจึงจะมีวาสนาเช่นอีกฝ่ายแต่ไหนเลยใครเล่าจะรู้ ว่าบุรุษผู้ที่ทุกคนต่างก็อิจฉาอยู่นั้น ตอนนี้กำลังนั่งใบหน้างอง้ำอย่างคนอดอยากปากแห้ง เนื้อขาวๆ หวานๆ ฉ่ำๆ อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ไม่อาจที่จะกัดกินได้ ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมจึงดูหม่นเศร้าหงอยเหงาราวคนกำลังตรอมใจอย่างหนัก คร่ำครวญอย่างชอกช้ำอยู่ได้เพียงในใจ ไม่อาจที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ไหนล่ะรางวัลที่เขาสมควรจะได้รับ รางวัลความดีความชอบของเขาอยู่ที่ใดกัน เพราะตั้งแต่งานเลี้ยงในวังหลวงวันนั้น นี่ก็ผ่านมากว่าสิบวันแ
ตึก ตึก ตึก ตึกเสียงหัวใจภายใต้อกอิ่มเต้นอย่างรุนแรงจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมา เสียงตุบๆ ดังอื้ออึงอยู่ในหัวจนกลบเสียงรอบกายไปเสียสนิท อิงอิงจ้องมองบุรุษผู้ที่หันมาสบตานาง เฝ้ารอคำตอบของอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อมากกว่าผู้ใดนางกำลังตื่นเต้น ตื่นเต้นมากๆ ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้ที่อีกฝ่ายขอสมรสพระราชทานให้บุตรชายเสียอีก สองมือของนางรู้สึกได้ว่ามันเย็นเฉียบและสั่นเทา นางรู้สึกยินดีอย่างมากที่เขายอมให้บุตรชายและคนรักได้ครองคู่กัน ยินดีจนอยากจะตกรางวัลให้อย่างงาม และตอนนี้หัวใจของนางก็กำลังเต้นกระหน่ำรอคอยคำตอบของเขา รอคอยว่าคำตอบนั้นมันจะใช่อย่างที่นางคิดหรือไม่ แม้ตอนนี้สายตาของเขาที่มองมาจะสื่อถึงความในใจทั้งหมด จนสามารถบอกนางให้มั่นใจ แต่นางก็ยังอยากได้ยินจากปากของเขา เซี่ยเยี่ยนเฉินมองสบดวงตาคู่งามของสตรีคนรัก สตรีที่เขามั่นใจแล้วว่าไม่อาจที่จะปล่อยมือจากนางได้ สตรีที่เขายอมให้นางหมดทุกอย่างโดยไร้เงื่อนไข ยอมมอบให้ได้แม้แต่ชีวิต เขาค้นพบแล้วว่าความสุขของเขาคือนาง ถึงแม้จะมีใครกล่าวว่าเขานั้นเป็นบุรุษโง่งมหลงใหลในตัวสตรีเขาก็พร้อมที่จะน้อมรับ เขาจะยืดอกรับอย่างเต็มภาคภูมิ คำกล่า
อิงอิงกวาดตามองหาบุรุษผู้ที่ส่งสายตาบอกให้นางออกมาหาอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะนางออกมาตามหาเขาอยู่นานแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมโผล่หัวออกมาเสียทีเซี่ยชิงเทียนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไรอีกอุ๊ย!!!คนงามหลุดอุทานขึ้น ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง เมื่อจู่ๆ เอวบางก็ถูกโอบรัดจากทางด้านหลังด้วยลำแขนแข็งแกร่ง ก่อนร่างของนางจะถูกยกจนตัวลอยขึ้นจากพื้น แต่เพราะสัมผัสและกลิ่นหอมอันคุ้นเคยของอีกฝ่ายจึงทำให้นางหาได้มีความตระหนกตกใจ รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มมาหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นใหญ่ลับตาคนเสียแล้ว เซี่ยชิงเทียนหายขุ่นเคืองบิดาของเขาแล้วหรืออย่างไรจึงปล่อยให้อีกฝ่ายมาใกล้ชิดนางเช่นนี้เมื่อเท้าแตะพื้นจึงหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ใบหน้างามงอง้ำเตรียมจะเอ่ยถ้อยคำต่อว่าคนที่เมินเฉยใส่นางมาหลายวันแต่วันนี้กลับมาทำตัวรุ่มร่ามอุกอาจราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หึ พอนางเมินเฉยใส่บ้างก็มาทำตาขุ่นเขียวใส่นาง อย่าคิดนะว่านางจะยอมใจอ่อนง่ายๆ ปล่อยให้นางต้องเสียน้ำตาเศร้าซึมเสียหลายวัน ความรู้สึกที่เสียไปใช่จะเรียกคืนกันโดยง่าย มันคงต้องมีการแลกเปลี่ยนกันบ้าง"นี่ท่าน..."อื้อ...แต่ทว่านางยังไม่ทันจะได้เอ่ยสิ่งใดจอมเผด็จการก็ใช้ริมฝี