แชร์

บทที่ 5 ภวังค์ฝัน (1)

ผู้เขียน: เทียนสื่อ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-11 12:00:39

นับตั้งแต่จูฟางหรงอภิเษกเข้ามาเป็นพระชายาของโหย่วอี้อ๋อง นางก็ถูกไทเฮาเรียกเข้าเฝ้าทุกวันไม่ขาด วันนี้ก็เช่นเดียวกันพลังกายทั้งหมดของนางได้ประเคนแด่ไทเฮาไปเสียหมดแล้ว จูฟางหรงลากสังขารอันแสนโรยแรงเข้ามาภายในห้องบรรทมดั่งร่างไร้วิญญาณ 

“โอ๊ย เหนื่อยจะแย่ ข้าปวดเมื่อยไปทั้งตัวเลย ไทเฮาช่างโหดร้ายจริงแท้ แทบไม่ให้ข้านั่งเลย ขาแข็งไปหมด”

“พระชายา เป่าชุนนวดให้นะเพคะ”

จูฟางหรงพยักหน้าหงึกหงัก แม้ไทเฮาเอ็นดูจูฟางหรงเป็นอย่างมาก ทว่านางก็ยังถูกไทเฮาเคี่ยวกรำเรื่องมารยาทอย่างหนักตลอดทั้งวัน เพราะจูฟางหรงถนัดแต่จับดาบง้างธนู ไหนเลยจะสันทัดกับการวางตัวเป็นกุลสตรีสูงศักดิ์ในวังหลวง หลายวันมานี้จูฟางหรงขลุกตัวอยู่แต่เพียงตำหนักไทเฮาไม่เป็นอันทำอะไร ทั้งยังไม่เคยพบหน้าสวามีของตนแม้สักเสี้ยว ดูเหมือนนางกำลังเล็งเห็นจังหวะเหมาะ 

“เป่าชุน เจ้าว่าคืนนี้เขาจะมาหรือเปล่า”

เป่าชุนยิ้มแหย “พระชายา ถ้าหมายถึงท่านอ๋องล่ะก็...ดูเหมือนท่านอ๋องไม่เฉียดมาที่ตำหนักรองตั้งนานแล้วนะเพคะ เกรงว่าวันนี้คง…”

“ดี ไม่มานั่นล่ะ ดีที่สุด เช่นนั้นวันนี้ข้า…” จูฟางหรงยิ้มพราย 

เป่าชุนลุ้นจนตัวโก่งนางไม่ทราบว่าจูฟางหรงต้องการทำสิ่งใดกันแน่

จูฟางหรงกวักมือเรียกเป่าชุนหย็อย ๆ “เอียงหูมานี่”

เป่าชุนค่อย ๆ โน้มใบหน้าเข้าหาจูฟางหรงด้วยท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ “พระชายา จะทำอันใดเพคะ”

“เหอะน่า ข้าไม่ได้จะส่งเจ้าไปทำเรื่องเสียหายสักหน่อย”

เพราะเป่าชุนเอาแต่อึกอัก ขยับเชื่องช้าเป็นเต่าคลาน ช่างไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย จูฟางหรงจึงคว้าไหล่แคบลงมาฉับพลัน 

“เป่าชุน ฟังข้านะ…”

จูฟางหรงเริ่มอธิบายเรื่องราวที่ตนต้องจัดการในค่ำคืนนี้ให้อีกฝ่ายฟัง จูฟางหรงสังเกตหลายวันจนแน่ใจแล้วว่าหลงโหย่วอี้จะไม่โผล่มา และใช่จูฟางหรงไม่ทราบว่าหลงโหย่วอี้ลอบส่งองครักษ์เงามาสะกดรอยตามนาง เช่นนั้นจูฟางหรงจะตลบหลังเขาดูเสียหน่อย คิดว่านางไร้สมองจนไม่รู้ว่าถูกจับตามองหรือ เขาคิดน้อยเกินไปหน่อยแล้ว 

เป่าชุนได้ฟังเรื่องที่จูฟางหรงวางแผนก็ตระหนกตื่น จูฟางหรงกำลังกุเรื่องว่าอยากออกไปเที่ยวชมจันทร์นอกราชวัง อันที่จริงนางมีภารกิจที่ต้องจัดการต่างหาก “พระชายา ท่านจะไปชมที่ใดเจ้าคะ ที่ราชวังก็ชมได้ไยต้องออกไปด้วย หากคืนนี้ท่านอ๋องเกิดอยากมาพบท่านจะทำเช่นไร”

จูฟางหรงรู้ดีว่าหลงโหย่วอี้รังเกียจตนเพียงไหน แม้แต่หน้าของนางเขาก็ไม่อยากจะมอง ชาติก่อนนางและเขายังไม่เคยร่วมหอกันสักครา ชาตินี้อย่าได้เอ่ยถึง เขาทำราวกับเหม็นขี้หน้านางจะแย่ ไม่เข้าใจเลยจริงเชียว ยามเห็นหน้าสตรีสะสวยเช่นนางนกเขาของเขามันเหี่ยวหดหรืออย่างไร 

“ก็ดวงจันทร์นอกราชวังงามกว่านี่นา เจ้าไม่ต้องห่วง เขาหวงตัวอย่างกับสตรี ท่านอ๋องไม่มีทางมาหาข้าแน่นอน วางใจได้”

“แต่…”

“ไม่ต้องแต่แล้ว ข้าเหลือเวลาไม่มาก แล้วจะรีบกลับ” จูฟางหรงตัดบท กระซิบต่อเสียงค่อย “ไม่ต้องกลัว ข้าสัญญาจะกลับมาให้ทันยามโฉ่ว [1]

เป่าชุนหน้าเผือดสี แต่ไม่อาจขัดผู้เป็นนาย ทั้งสองเปลี่ยนอาภรณ์กันเรียบร้อย เป่าชุนขึ้นไปนอนบนเตียงและหันหลังให้ธรณีประตูเพื่อแสร้งเป็นจูฟางหรงด้วยใจไหวระทึก คืนนี้นางคงต้องภาวนาอย่าให้โหย่วอี้อ๋องอุตริอยากมาหาพระชายาเลย

“เป่าชุน พักผ่อนไปงีบเดียวเท่านั้น เจ้าไม่ต้องกลัว หากเกิดอะไรขึ้น ข้าจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจูฟางหรงจึงลอบสังเกตการหักเหของแสงจากดวงจันทร์ เร้นกายด้วยชุดพรางตัวสีเข้มอยู่นาน กระทั่งเงาบนหลังคาเริ่มขยับ จูฟางหรงจึงได้จังหวะกระโจนหายลับมุ่งสู่ความอนธการ

วันนี้เป็นคราที่จูฟางหรงต้องรายงานความเคลื่อนไหวของหลงโหย่วอี้แก่หอหงฮวา ต่อให้จูฟางหรงหวังปลดระวางจากการเป็นมือสังหารและอยากชำระแค้น แต่นางก็ไม่อาจผลีผลาม จูฟางหรงจะต้องรอบคอบกว่านี้เพื่อหาทางหลุดพ้นอย่างสิ้นเชิง ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นการสร้างศัตรูถึงสองฝั่งจะลำบากเอาได้ ใคร่ครวญไม่นานร่างระหงที่เดินทางด้วยวิชาตัวเบาก็มาถึงที่หมาย

จูฟางหรงค้อมศีรษะเล็กน้อย “ท่านอาจารย์”

“หรงเอ๋อร์ มาแล้วหรือ”

.

.

หมอกควันสีจางพวยพุ่งขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะเลือนหายไปเนิบช้า ภาพเบื้องหน้าพลันปรากฏร่างชายหนุ่มวัยสิบแปดนั่งคุกเข่าท่ามกลางสายฝนจนกายเปียกชุ่ม สภาพของเขายามนี้ทั้งอ่อนล้าและโรยแรง ใบหน้าวสันต์ซีดขาว ร่างกายสั่นเทาเพราะความหนาวเหน็บ

เพราะเขามักพ่ายแพ้ในการประลองกระบี่กับพี่ชายอยู่เสมอ ไม่ว่าทำอย่างไร ทุ่มสุดกำลังเพียงไหนเขาก็ไม่อาจเอาชนะพี่ชายของตนได้แม้เพียงเสี้ยว บิดาจึงได้สั่งลงโทษเขาโดยให้คุกเข่าบนพื้นเย็นเยียบทั้งยังสกปรก

ขาแกร่งชาหนึบไม่อาจขยับไหว เขาทราบดีว่าบิดาไม่เคยภูมิใจในตนแม้แต่น้อย ยิ่งเกิดเป็นบุรุษที่มีร่างกายอ่อนแอขี้โรคด้วยแล้วก็ยิ่งเป็นที่ชิงชังของบิดาและเป็นที่ขบขันของพี่น้อง

ด้วยเกรงว่าวรยุทธ์ของเขาจะไม่รุดหน้าเฉกเช่นองค์ชายคนอื่น ๆ จนอาจนำไปสู่การช่วงชิงอำนาจ จึงเป็นเหตุให้ฮ่องเต้เคี่ยวกรำโอรสคนรองของตนอย่างหนัก ผู้เป็นบิดาคงหลงลืมไปว่าเขาเองก็เป็นลูกอีกคนที่ต้องการความรักและความอบอุ่น 

ใบหน้าขาวโทรมแหงนมองฟากฟ้าที่เทกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ดุจกำลังตอกย้ำความอ่อนแอภายในใจ ต่อให้ชนะศึกนอกจนเป็นที่โดดเด่นแล้วอย่างไร สุดท้ายก็ยังแพ้ศึกในอยู่ดี ตำแหน่งแม่ทัพวัยเยาว์นี้เขาไม่ต้องการเลยสักนิด หากเลือกได้เขาอยากเป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดา ขณะที่ชายหนุ่มกำลังตัดพ้อสิ้นหวัง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเพื่อเรียกสติ

“พี่ชาย ท่านหนาวหรือไม่เจ้าคะ”

เด็กหญิงอายุราวสิบหนาวใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรายืนถือร่มฉีกยิ้มกว้างดั่งโลกใบนี้สดใสเสียเต็มประดา เขาไม่ได้ตอบกลับนาง แต่เลือกเบือนหน้าหนี พริบตาชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าหยาดฝนไม่ต้องกายของตนแล้ว

ใบหน้าหล่อเหลาเปียกพราวด้วยหยาดน้ำแหงนมองอีกฝ่าย เขาจึงเห็นว่าเด็กหญิงคนนั้นกำลังยืนกางร่มให้ตนอยู่ ในขณะที่ไหล่อีกฝั่งของนางต้องเปียกชื้นไปด้วยน้ำฝนเพราะได้ปันร่มที่มากกว่าครึ่งเพื่อช่วยบดบังหยาดพิรุณให้เขา

“ถอยไป”

เสียงทุ้มแข็งกระด้าง แต่ดูเหมือนเด็กหญิงไม่สะทกสะท้านใด ร่างเล็กยังคงยืนนิ่งไม่ยอมขยับ รอยยิ้มก็ประดับบนใบหน้าอยู่ตลอด

“ท่านพ่อบอกว่าหากตากฝนจะไม่สบายเอาได้ พี่ชายท่านอยากป่วยหรือ”

“ไม่ต้องยุ่ง”

เด็กหญิงยังไม่ยอมแพ้ นางล้วงบางอย่างในสาบเสื้อออกมา จากนั้นยื่นให้เขา นัยน์ตาคมมองตามของที่อยู่ในมืออีกฝ่ายก็พบว่าเป็นลูกกวาด

“ท่านดูอารมณ์ไม่ดีนะเจ้าคะ กินนี่ท่านจะรู้สึกดีขึ้น”

ชายหนุ่มยังทำหน้าขรึมและไม่ตอบกลับ หูของเขาได้ยินการเคลื่อนไหวบางอย่าง เพราะร่มบนศีรษะมันเอียงกระเท่เร่จากการที่นางเอาด้ามเหน็บบริเวณใต้รักแร้

“ตายจริง คุณหนู ไปทำอะไรตรงนั้นเจ้าคะ”

ครั้นเห็นว่าสาวรับใช้ของตนใกล้เข้ามามือเล็ก ๆ ก็ยัดเจ้าก้อนขนมหวานเข้าปากเขาอย่างไม่ลังเล

“นี่เจ้า!”

“พี่ชาย ข้าอยู่เป็นเพื่อนท่านต่อไม่ได้เสียแล้ว เช่นนั้นร่มนี่ข้ายกให้ท่าน ขนมนั่นก็เช่นกัน”

ชายหนุ่มตัวแข็งทื่อตะลึงค้าง ความหวานละมุนกำลังอบอวลอยู่ในโพรงปาก ร่มคันเล็กถูกยัดเข้ามาในมืออันเย็นเยียบ ไม่ทันเอ่ยถาม เจ้าของร่างเล็กก็วิ่งฝ่าลมฝนห่างออกไปเสียก่อน

“ยัยตัวยุ่ง เดี๋ยว!”

หลงโหย่วอี้สะดุ้งเฮือก เขาผุดลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าหล่อเหลาเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อพราวระยับ

“ท่านอ๋อง ฝันอีกแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”

หลงโหย่วอี้หอบหายใจถี่ระรัว เขาผินหน้ามองเฉินกงแต่ยังไม่ได้เอ่ยสิ่งใด มือกว้างยกขึ้นคลึงขมับชั่วครู่ จากนั้นก็เหลือบมองร่มคันเก่าที่วางทิ้งไว้ข้างหัวเตียงมานับสิบปี

“ยามใดแล้ว”

“ปลายยามจื่อ [2] พ่ะย่ะค่ะ”

หลงโหย่วอี้พยักหน้า วันนี้เขานอนไม่หลับเสียแล้ว และดูเหมือนว่าเขาอยากไปเยือนตำหนักพระชายาของตนดูเสียหน่อย ไม่รู้เช่นกันว่าผีสางตนใดดลใจให้เขาอยากไปพบนาง

หลงโหย่วอี้ลุกยืนเต็มความสูง เฉินกงเอ่ยถามด้วยความงุนงง “ท่านอ๋อง จะไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ”

“ตำหนักรอง”

เฉินกงนิ่งเงียบ ร้อยวันพันปีหลงโหย่วอี้แทบไม่โผล่ไปที่นั่น เหตุใดวันนี้จึงคิดอยากไปเยือนตำหนักรองกันเล่า หรืออารมณ์บุรุษกำลังพลุ่งพล่าน เพียงเผลอคิดเช่นนั้นเฉินกงก็หน้าร้อนผ่าว

“แต่…พระชายาน่าจะบรรทมไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เพราะเขาได้รับรายงานจากองครักษ์เงาเป็นที่เรียบร้อย ว่าจูฟางหรงนั้นเข้านอนตามเวลาปกติ

“แล้วอย่างไร หลายวันมานี้นางทำตัวเชื่อฟังผู้อื่นไปหมดทุกอย่าง นางเป็นชายาของข้า จำเป็นต้องเกรงใจนางด้วยงั้นหรือ ข้าอยากไปข้าก็จะไป หรือเจ้ามีปัญหาใด”

เฉินกงกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอ “ไม่พ่ะย่ะค่ะ”

ไม่นานหลงโหย่วอี้ก็ระเห็จออกจากห้องของตนด้วยความเร่งร้อน

เหตุใดข้าต้องมาหานางกันนะ

หลงโหย่วอี้หงุดหงิด แต่ไม่อาจทานแรงร่ำร้องในใจได้ เขารู้สึกว่ากำลังมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

เฉินกงเดี๋ยวเดินเดี๋ยววิ่งไล่หลังผู้เป็นนายด้วยความสับสน ไม่นานบุรุษทั้งสองก็ถ่อมาถึงหน้าประตูของตำหนักรอง หลงโหย่วอี้ลังเลเล็กน้อย จากนั้นจึงตัดสินใจทาบฝ่ามือลงบนบานประตู เพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรู้ตัวเขาจึงเลือกเสียมารยาทผลักมันเข้าไป

ผลัวะ!

หลงโหย่วอี้ผงะ เฉินกงที่ยืนไม่ห่างก็เช่นเดียวกัน นัยน์ตาคมปลาบตวัดมององครักษ์ข้างกายก็เห็นอีกฝ่ายอ้าปากค้าง เสียงทุ้มกระแอมเบา เฉินกงได้สติจึงเร่งหันหลังขวับ

สตรีร่างระหงนอนเหยียดขาเปลือยเปล่า แขนเรียวชันศีรษะอยู่บนเตียงนอนในสภาพอาภรณ์หลุดลุ่ย ผิวขาวราวหิมะแรกสาดสะท้อนเข้าม่านดวงตาคมกริบเสียจนต้องเบือนหนี เพราะมันกำลังส่งผลต่อจิตใจจนเลือดลมสูบฉีดพิกล หลงโหย่วอี้ไม่คิดยอมรับว่าเป็นเพราะนาง เขาคิดเพียงว่าตนอาจเดินอย่างเร่งร้อนเกินไป จึงเป็นเหตุให้ใจเต้นระส่ำ

ริมฝีปากสีกุหลาบแย้มยิ้มอวดฟันเรียงสวย เสียงใสเอ่ยหยอกล้อ “เสด็จพี่ วันนี้อยากนอนกับหม่อมฉันหรือเพคะ”

เชิงอรรถ

^ยามโฉ่ว (丑:chǒu) คือ 01.00 – 02.59 น.

^ยามจื่อ (子:zǐ) คือ 23.00 – 24.59 น.

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • กลวิธีพิชิตใจอ๋องปีศาจ   บทที่ 19 หยกของข้า (1)

    จูฟางหรงถูกลากตัวกลับไปยังเรือนกลางหุบเขา นางต้องทนให้ลมตีแสกหน้าเสียจนองคาพยพแทบปลิวหาย เพราะคนที่บังคับม้าอยู่เบื้องหลังช่างเลือดร้อนเหลือเกิน“ท่านอ๋อง อยากกอดหม่อมฉันก็บอกดี ๆ ได้นะเพคะ หม่อมฉันยินดีให้พระองค์กอดอยู่แล้ว ในเมื่อเราเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง”“หุบปาก ผู้ใดอยากกอดเจ้า อย่ามายั่วโมโหข้า”จูฟางหรงทำแก้มป่อง “แต่หม่อมฉันขี่ม้าเป็นนะเพคะ ไยไม่ให้หม่อมฉันขี่เอง”“คิดว่าข้าโง่หรือ ทำเช่นนั้นก็เท่ากับปล่อยเสือเข้าป่า”จูฟางหรงเบ้ปาก พลางทำปากมุบมิบปะทะสายลมก็โง่จริง ๆ ไม่ใช่หรือไง“อย่านึกว่าข้าไม่รู้ ว่าเจ้ากำลังคิดอะไร”จูฟางหรงสะดุ้งโหยงอ๋องงี่เง่านี่ อ่านใจคนได้หรือไงไม่นานม้าของหลงโหย่วอี้และเฉินกงก็กลับมาถึงเรือนกลางเขา เฉินกงแวะไปส่งเป่าชุนกลับหอนอนส่วนจูฟางหรงกำลังถูกมือหยาบกร้านจับไว้แน่น ซ้ำยังฉุดกระชากลากถูจนนางร้าวระบมไปหมด“โอ๊ย ท่านอ๋อง หม่อมฉันเจ็บนะเพคะ”“เจ็บสิดี จะได้จำ ต่อไปจะได้ไม่คิดยั่วยวนผู้อื่นต่อหน้า

  • กลวิธีพิชิตใจอ๋องปีศาจ   บทที่ 18 คณิกาอันดับหนึ่ง

    “เป่าชุน กลับ!”เป่าชุนลุกพรวด ดีดกายเข้าหาจูฟางหรงอย่างรวดเร็ว “พระชายา ไม่ได้รับบาดเจ็บนะเพคะ”จูฟางหรงพยักหน้า “ข้าไม่เป็นไร”ผู้คนด้านนอกเมื่อเห็นนางระบำของหอไป๋หลิงวิ่งกระเจิงออกจากห้องพร้อมกลุ่มควันโขมง ทั้งยังล้มหน้าคว่ำไปบนพื้นกันระนาวก็ตื่นตระหนก บ้างโผล่หน้าออกมาจากห้องทั้งที่สวมอาภรณ์ไม่เรียบร้อยด้วยความสงสัย“เกิดอะไรขึ้น”เจ้าของหอคว้ามือหญิงคณิกาผู้หนึ่งไว้ นางเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ท่านเจ้าหอ ห้องพิเศษหนึ่งเกิดเรื่องเจ้าค่ะ ควันสีขาวนั่นหากผู้ใดสูดดมเข้าไปก็จะหมดสติกันทุกรายข้าอยู่ห้องข้าง ๆ ได้ยินเสียงอึกทึกเลยออกมาดู รู้เรื่องราวไม่มาก ตอนนี้หนีเอาชีวิตรอดก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ”เจ้าหอไป๋หลิงเบิกตาโพลง “ตายแล้ว หอไป๋หลิงของข้าเพิ่งเปิดตัวไม่นานเองนะ บัดซบจริงเชียว”นางหันรีหันขวาง เพราะยามนี้ชีวิตสำคัญที่สุด ทว่าคนตระหนี่เช่นเจ้าหอย่อมไม่อาจทิ้งทรัพย์สินมีค่าได้ สตรีร่างท้วมจึงวิ่งรี่เท่าที่จะเร็วได้ เที่ยวปลดล็อกช่องเก็บของทั้งหมด ก่อนหอบแก้วแหวนเงินทองออกมาพะรุงพะรัง“ท่านเจ้าหอ มัวทำสิ่งใดเจ้าค

  • กลวิธีพิชิตใจอ๋องปีศาจ   บทที่ 17 เคี้ยวโคนลิ้น (2)

    จูฟางหรงเหลือบมองตาแก่นี่…ข้ามีค่ามากกว่าเงินง่อย ๆ นั่นของเจ้าตั้งเท่าใด ชิ!“ไปบอกเจ้าหอ ว่าคืนนี้ นางระบำคนนี้ เป็นของข้าแล้ว”จูฟางหรงได้ยินก็อยากกรีดร้อง เพราะนางวางแผนแล้วว่าจะเข้ามาหาข่าวสำคัญ หากได้แล้วก็จะเร่งปลีกตัวออกห่าง ดูเหมือนว่าเรื่องราวกำลังยุ่งเหยิงไม่เป็นท่า นับตั้งแต่นางก้าวเท้าเข้ามายังห้องพิเศษแสนโกโรโกโสที่เต็มไปด้วยโลกีย์คาวคลุ้งนี่อยากจะบ้าตาย ชาติที่แล้วตาแก่นี่เป็นไก่หรือไงนะหลงโหย่วอี้ผุดลุกโดยไม่รู้ตัว เขาเขม้นมองจูฟางหรงประหนึ่งจะกระชากวิญญาณออกจากร่างเจ้าเมืองฉางฝูเลิกคิ้วหนึ่งฝั่ง “สุลต่าน ท่านเป็นอะไรงั้นหรือ”เฉินกงเห็นท่าไม่ดีก็กระตุกชายอาภรณ์ของผู้เป็นนายเพื่อเตือนสติ หากไม่ทำเช่นนี้นายของเขาต้องพังหอไป๋หลิงจนเหลือเพียงชื่อแน่ “ท่านอ๋อง”จูฟางหรงประสานสายตากับเขา ยิ่งเห็นอีกฝ่ายแทบคลั่งนางก็ยิ่งสาแก่ใจ จูฟางหรงเดินเข้าใกล้เจ้าเมืองฉางฝูเพื่อเบี่ยงความสนใจจากอาการผีเข้าของหลงโหย่วอี้คนโง่ ครั้งนี้ท่านต้องขอบคุณข้า หากไ

  • กลวิธีพิชิตใจอ๋องปีศาจ   บทที่ 17 เคี้ยวโคนลิ้น (1)

    ร่างระหงย่างกรายออกไปเบื้องหน้าแช่มช้า ทุกคนต่างหยุดมองนางเป็นตาเดียว ผู้ที่อ้างตนว่าเป็นสุลต่านตาค้าง จูฟางหรงเองก็ไร้เวลาให้ตริตรองมากนัก ในเมื่อตัดสินใจแล้วย่อมไม่อาจหันหัวเรือกลับจอมปีศาจ มิน่าเล่าข้าถึงไม่เห็นเขา ที่แท้ก็ปลอมตัวเป็นตาแก่เคราเฟิ้มนี่เองจูฟางหรงเหลือบมองแววตาคมกริบที่ยังเขม้นตนแทบไม่กะพริบ เปลือกตาบางหลุบลงนอบน้อม จากนั้นหมุนกายประจันหน้ายิ้มหวานให้กับเจ้าเมือง ภายใต้รอยยิ้มหวานละมุนกลับมากล้นไปด้วยความรู้สึกหมื่นพันจูฟางหรงอยากทิ่มดวงตาของโคแก่ตรงหน้าให้มืดบอดนัก กล้าดีอย่างไรแทะโลมนางได้ไม่อายฟ้าดินครั้นลอบเสมองไปอีกด้าน ก็ทันเห็นบุรุษอีกคนกำลังกัดฟันกรอด จูฟางหรงไม่กลัวเขาหรอก นางจะเล่นละครเป็นหญิงคณิกาให้ใครบางคนโมโหจนกระอักโลหิตตายไปเสียข้าอยากรู้นักว่าท่านจะทนเห็นชายาของตนเองคลอเคลียชายอื่นได้จริงหรือ โหย่วอี้อ๋องแขนเรียววาดลวดลายขึ้นกลางอากาศ ดนตรีเริ่มบรรเลงเป็นจังหวะ จูฟางหรงร่ายระบำได้อย่างงดงามยิ่งนางอ่อนช้อยหวานหยดประหนึ่งนางเซียนเท่าใด ความเดือดด

  • กลวิธีพิชิตใจอ๋องปีศาจ   บทที่ 16 แม่นางอาเนี่ยน (2)

    คิ้วสวยเคลื่อนเข้าหากันแทบผูกเป็นปม จูฟางหรงขบปากตนเองแผ่วเบาพลางครุ่นคิด เป่าชุนก็มองตาที่เหลือกขึ้นทั้งยังกลอกไปมาของจูฟางหรงจนตัวโก่ง ไม่รู้ว่านางกำลังคิดทำสิ่งใดอยู่กันแน่เสียงสุลต่านคนนี้คุ้นหูข้าจริง“เรื่องเคร่งเครียดเพียงนี้ไว้ค่อยคุยก็แล้วกัน ข้าว่าเราหาความสำราญด้วยการชมระบำกันก่อน ท่านสุลต่านว่าดีหรือไม่”“ตามแต่ท่านเจ้าเมืองสะดวกขอรับ”จูฟางหรงได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ก็นึกบางอย่างออก“อาเป่าเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่เงียบ ๆ จนกว่าข้าจะกลับ เข้าใจหรือไม่”“พี่หรง ท่านกำลังคิดทำสิ่งใด”“ไว้ข้าจะมาอธิบายคราวหลัง จำไว้หากเกิดอะไรขึ้น เจ้าต้องวิ่งให้สุดชีวิต แล้วไปหาเช่ารถม้ากลับจวนก่อนข้าได้เลย หากใครถามก็บอกเพียงว่าข้าจะกลับพร้อมท่านอ๋อง”จูฟางหรงยัดถุงเงินให้เป่าชุน ดูเหมือนแผนการชมดอกไม้ไฟบนระเบียงสูงต้องล้มเลิกเสียแล้ว เพราะยามนี้จูฟางหรงต้องการอิสรภาพมากกว่า ถ้าไม่มีสิ่งใดผิดพลาด นางต้องได้ข้อมูลสักอย่างมาแน่ต่อให้เป่าชุนนึกปฏิเสธก็ไม่อาจขัดใจผู้เป็นนาย นางจึงต้องพยักหน้าด้วย

  • กลวิธีพิชิตใจอ๋องปีศาจ   บทที่ 16 แม่นางอาเนี่ยน (1)

    ตั้งแต่จูฟางหรงก้าวเท้าเข้ามาในหอไป๋หลิง นางได้ลอบสำรวจไปแล้วกว่าค่อนหอ แต่ยังไม่พบร่องรอยของหลงโหย่วอี้สักเสี้ยวหรือข้าจะคิดผิด ช่างเถอะ ๆ เขาไม่อยู่ก็ดี สบายใจอีกเปลาะ จะได้เที่ยวเล่นให้หนำใจนางไม่เห็นเขาก็นับเป็นเรื่องถูกต้อง ในเมื่อหลงโหย่วอี้แต่งกายเป็นพ่อค้าต่างแคว้น ซ้ำยังเสริมหนวดเคราประหนึ่งสุลต่าน ระยะไกลเพียงนั้นถ้านางจำได้ก็คงเปรียบดั่งเทพเซียนแล้วกระมังเป่าชุนส่งสายตาเว้าวอนให้จูฟางหรง เพราะนางถูกบรรดาสตรีนัวเนียอยู่ไม่ห่าง ไม่รู้ว่าขนบนแขนลุกชันจนได้กลายเป็นร่วงกราวไปแล้วหรือไม่จูฟางหรงขบขันเมื่อเห็นสีหน้าเหยเกของเป่าชุน นางเองก็ไม่อยากให้ใครยุ่มย่ามเวลาแห่งความสุขมากนัก ที่จูฟางหรงอ้าแขนรับสตรีเหล่านี้เข้ามาก็เพื่อบดบังตัวตนให้แนบเนียนขึ้นอีกหน่อยเพียงเท่านั้นยามนี้มาถึงห้องส่วนตัวแล้ว เช่นนั้นควรเริ่มแผนการไต่ระเบียงชมดอกไม้ไฟมันเสียตอนนี้เลยดีกว่า“มาเถิดคนงาม พวกเจ้ามาร่ำสุราเป็นสหายข้าหน่อยเร็ว” จูฟางหรงยกกาสุราขึ้นเหนือศีรษะ สตรีร่างอรชรก็ใช้หน้าอกใหญ่ตู้มแย่งเบียดกันเพื่อเข้าหานาง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status