โรส สาวสวยแสนเซ็กซี่แต่นิสัยแสนร้ายกาจ ผู้ที่มีความสามารถในการล่อลวงให้หนุ่มๆหลงรักแล้วหักอด แต่กับเขาที่ไม่ว่าเธอจะยั่วเขาขนาดไหนแต่เขาก็ไม่เคยสนใจเธอ มีแต่ร้ายใส่เธอ ไฟ ทนายหนุ่มที่พ่อของโรสไว้ใจให้ช่วยดูแลหญิงสาว ใครๆก็บอกว่าเขาเป็นคนที่แสนดี แต่กับเธอทำไมเขาถึงได้ใจร้ายนัก
View Moreบทที่ 1 กุหลาบกับไฟ
ณ.ผับหรูใจกลางกรุงปารีสที่ตอนนี้เต็มไปด้วยนักท่องราตรียามค่ำคืน ที่กำลังต่างพากันโยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะเพลงที่ดีเจกำลังเปิดอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะบริเวณกลางเวทีที่ดูจะร้อนระอุที่สุด เพราะมีร่างของหญิงสาวที่สุดจะแสนเซ็กซี่ในชุดเกาะอกสีแดงสดกำลังเต้นโยกย้ายด้วยท่าทางที่สุดแสนจะยั่วยวน ทุกการเคลื่อนไหวของเธอเรียกเสียงเฮจากบรรดาหนุ่มสาวที่ต่างพากันส่งเสียงเชียร์เธอได้เป็นอย่างดี
“โรเซ่ โร่เซ่ โรเซ่” ยิ่งเสียงเรียกชื่อเธอดังมากเท่าไร หญิงสาวก็ยิ่งเพิ่มความยั่วยวนมากขึ้นเท่านั้น ทำเอาบรรดาหนุ่มๆ ที่อยู่แถวหน้าแทบจะเลือดกำเดาไหลเพราะความเซ็กซี่ของเธอ
โรส หรือที่ทุกคนเรียกด้วยชื่อโรเซ่ เธอคือหญิงสาวชาวไทยที่มีรูปร่างแสนจะเซ็กซี่ อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกเป็นสะโพก ยิ่งรวมกับรูปร่างสูงโปร่งเหมือนนางแบบที่ช่วยส่งเสริมให้เธอดูดียิ่งขึ้น รวมกับหน้าตาที่สวยชนิดที่คนเดินผ่านยังต้องหันมอง ทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจของทั้งชายและหญิงได้ไม่ยาก
“ขอบคุณโรเซ่ที่รักของเรา ที่วันนี้ขึ้นมามอบความสุขให้กับพวกเราทุกคนเป็นการส่งท้ายก่อนที่เธอจะกลับประเทศของเธอ” เป็นเสียงของดีเจที่พูดขึ้นช่วงท้ายเพลงก่อนที่เพลงจะจบลง “ฉันหวังว่าเธอจะคิดถึงพวกเราและกลับมาเยี่ยมพวกเราบ่อยๆ นะ ไม่งั้นพวกเราคงคิดถึงเธอแน่ๆ” โรสได้ยินดีเจพูดแบบนั้นเธอเลยเดินไปหาดีเจคนนั้นก่อนจะแย่งไมค์ของดีเจมาพูด
“อย่ามาโกหก พรุ่งนี้พวกนายก็ลืมฉันแล้ว” คำพูดของโรสเรียกเสียงเฮจากคนในร้านได้เป็นอย่างดี
หลังจากจบเพลงโรสก็ลงจากเวทีมานั่งที่โต๊ะของเธอ ที่มีเพื่อนๆ ของเธอนั่งรออยู่
“เซ็กซี่เป็นบ้า เชื่อมั้ยวันนี้ต้องมีผู้ชายกว่าครึ่งร้านที่อยากพาจะเธอกลับบ้าน” หนึ่งในเพื่อนของโรสพูดขึ้น “แต่พวกนั้นก็ต้องผิดหวังเพราะโรเซ่ของเราไม่เคยสนใจใคร” เพื่อนคนเดิมยังพูดต่อ
“ใช่ ยัยนี่เก่งเรื่องทำให้คนอยากแล้วจากไปเป็นที่สุด ฉันล่ะสงสารคนพวกนั้นจริงๆ” เพื่อนอีกคนของเธอพูด
“ถ้าเธอสงสาร ก็เก็บพวกนั้นกลับไปสิฉันยกให้” โรสพูด
“ที่พวกฉันพาเธอมาก็เพราะแบบนั้นนั่นแหละ”
“นี่พวกเธอเห็นฉันเป็นตัวล่อผู้ชายเหรอ” เธอถามแบบไม่ค่อยใส่ใจ
“เอาน่าถือว่าช่วยพวกฉันออมแรง พวกฉันจะได้มีแรงไว้ทำกิจกรรมที่มันสนุกๆ ว่าแต่เธอเถอะไม่สนใจทำบ้างเหรอ”
“ไม่” โรสพูดก่อนจะหยิบกระเป๋าเตรียมตัวที่จะกลับ “พวกเธอทำกันไปเถอะไอ้กิจกรรมอย่างว่า ระวังโรคกับระวังท้องด้วยก็แล้วกัน ฉันกลับก่อนนะเหนื่อยแล้ว” พูดจบโรสก็ลุกขึ้นเพื่อกลับห้องปล่อยให้เพื่อนๆของเธอสนุกกันต่อ แต่ระหว่างทางเดินที่จะออกจากร้านก็มีหนุ่มๆ เข้ามาชวนเธอให้ไปต่อตลอดทาง แต่ทุกคนก็ต้องผิดหวังเพราะเธอปฏิเสธไปอย่างไม่ใยดี
วันนี้เพื่อนๆ พาโรสมาเลี้ยงส่งท้ายเพราะพรุ่งนี้เธอต้องกลับประเทศไทยหลังจากที่เรียนจบ เธอถูกพ่อขับไล่ไสส่งมาเรียนที่ฝรั่งเศสตั้งแต่อายุแค่สิบห้า จนตอนนี้เธออายุยี่สิบห้าพร้อมกับจบปริญญาโทเรียบร้อยแล้ว
“ที่บ้านจะเปลี่ยนไปขนาดไหนนะ” เธอคิด เพราะตั้งแต่ที่เธอถูกพ่อส่งมาอยู่ที่นี่เธอก็ไม่เคยได้กลับไปประเทศไทยอีกเลย
ณ.ห้องทำงานห้องหนึ่งในคฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางกรุงเทพเมืองหลวงของประเทศไทย มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลารูปร่างสูงโปร่งกำลังเดินด้วยจังหวะมั่นคงตรงมาที่โต๊ะทำงานที่มีชายวัยกลางคนกำลังนั่งทำงานอยู่ด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“ท่านเรียกผมเหรอครับ” ชายหนุ่มเดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานก่อนจะเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่
“ใช่ นั่งก่อนสิฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” ท่านอนุวัตรหรือก็คือท่านที่ชายหนุ่มเอ่อถามบอก ชายหนุ่มจึงนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ทันทีที่ชายหนุ่มนั่งลงท่านก็เริ่มพูดขึ้นทันที
“นายรู้เรื่องที่ลูกสาวฉันจะกลับมาแล้วใช่มั้ย” ท่านอนุวัตรเริ่มเข้าเรื่องทันที
“ทราบแล้วครับ” ชายหนุ่มตอบ เพราะเขาเองก็ทำงานอยู่ที่นี้ต้องเขาออกบ้านหลังนี้บ่อยๆ เขาจะไม่รู้ข่าวเรื่องการกลับมาของลูกสาวท่านอนุวัตรได้ยังไง เพราะหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาคนที่บ้านต่างวิ่งวุ่นเพราะต้องจัดเตรียมห้องสำหรับคุณหนูของบ้านให้วุ่นวายไปหมด
“ฉันอยากให้นายไปเป็นคนดูแลลูกสาวฉัน” ทันทีที่ท่านพูดจบชายหนุ่มก็มองท่านอนุวัตรด้วยสีหน้าสงสัย
ทำไมเขาต้องไปดูลูกสาวของท่านด้วย ไม่ใช่ว่าเธอมีคนดูแลอยู่แล้วหรอกเหรอ เขาเคยได้ยินว่าป้านวนแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่คือคนที่ดูแลลูกสาวของท่านมาตั้งแต่เธอยังเล็กไม่ใช่เหรอ
“นายสงสัยใช่มั้ยว่าทำไมฉันถึงได้ให้นายไปดูแลลูกสาวฉัน” ดูเหมือนท่านอนุวัตรจะอ่านสีหน้าของชายหนุ่มออก
“ครับ ผมเคยได้ยินว่าป้านวนคือคนที่ดูแลคุณหนูมาตั้งแต่เธอยังเด็ก และป้านวนก็ดูดีใจมากที่คุณหนูจะกลับมา” ชายหนุ่มตอบคำถามตามที่เขาเข้าใจ
“นายรู้ใช่มั้ยว่าฉันเสียภรรยาไปหลังจากที่เธอคลอดลูกสาวฉันได้ไม่นาน” ชายหนุ่มพยักหน้า ท่านอนุวัตรเคยเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง ภรรยาของท่านเสียชีวิตเพราะว่าท่านป่วยเป็นมะเร็ง ในตอนที่ภรรยาท่านตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งเป็นตอนที่ท่านตั้งท้องได้ประมาณสามเดือน แต่ท่านไม่ยอมรับการรักษาเพราะท่านกลัวว่าการรักษาจะกระทบเด็กในครรภ์ ท่านจึงรอให้คลอดลูกก่อนถึงค่อยทำการรักษา ถึงแม้หลังจากที่ท่านคลอดคุณหนูแล้วท่านจะรับการรักษาทันทีแต่อาการของท่านก็ทรุดมากแล้วทำให้การรักษาไม่ค่อยได้ผล ท่านจึงเสียงไปหลังจากคลอดคุณหนูได้แค่สามปี
“ถ้างั้นนายก็คงเคยได้ยินความร้ายกาจของลูกสาวฉันมาบ้างใช่มั้ย” ชายหนุ่มพยักหน้าเขาเองก็เคยพอได้ยินวีรกรรมของลูกสาวท่านมาอยู่บ้าง เห็นว่ามีชอบปัญหากับเพื่อนในโรงเรียนจนท่านต้องย้ายโรงเรียนให้จนแทบจะย้ายครบทุกโรงเรียนในกรุงเทพแล้ว สุดท้ายท่านเลยต้องส่งไปเรียนที่ฝรั่งเศส
“เพราะว่าเธอขาดแม่ตั้งแต่เด็กฉันเลยตามใจเธอจนกลายเป็นเด็กนิสัยเสีย อยากได้อะไรก็ต้องได้ อยากทำอะไรก็ต้องทำ ส่วนนวนเองก็รักคุณหนูของเธอมากจนไม่กล้าจะขัดใจ ส่วนคนอื่นก็ไม่มีใครกล้าขัดใจเธอเพราะกลัวความร้ายกาจของเธอ ถ้าฉันยังให้นวนดูแลต่อในอนาคตต้องเกิดปัญหายิ่งกว่านี้แน่ๆ ฉันเลยอยากให้นายช่วยดูแลเธอหน่อย ด้วยนิสัยอย่างนายน่าจะรับมือกับความร้ายกาจของลูกสาวฉันได้ ถือว่าฉันขอร้องก็ได้นะไฟ” ท่านอนุวัตรเรียกชื่อของชายหนุ่ม พร้อมกับมองเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง
ชายหนุ่มใช้เวลาคิดอยู่สักพักก่อนจะตอบรับคำขอของท่านอนุวัตร
“ครับ” ชายหนุ่มตอบรับ เดิมที่เขาไม่อยากจะตอบรับหน้าที่นี้สักเท่าไร แต่เพราะท่านเป็นผู้มีพระคุณที่เคยช่วยเขาไว้ถ้าไม่ได้ท่านป่านนี้ไม่รู้ว่าเขากับแม่จะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
ชายหนุ่มนึกถึงอดีต เขาในวัยสิบห้าปีได้ถูกตำรวจจับข้อหาทำร้ายร่างกาย โดยคนที่ถูกเขาทำร้ายร่างกายก็คือพ่อเลี้ยงสาระเลวของเขาเอง ในวันนั้นเขากลับบ้านหลังจากที่ทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนเสร็จ เขาเห็นแม่กำลังถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายเพราะแม่ของเขาไม่ยอมให้พ่อเลี้ยงเอาเงินเก็บที่เขาเก็บไว้สำหรับค่าเทอมไปกินเหล้าและเล่นการพนัน ไอ้หมอนั้นเลยทั้งทุบทั้งตีแม่ของเขาจนท่านลงไปนอนกองที่พื้นแต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นท่านก็ยังคงกอดกระปุกเงินของเขาไว้แน่นไม่ยอมให้มันเอาไป และภาพนั้นก็ทำให้ความอดทนของเขาที่มีต่อพ่อเลี้ยงหมดลง
เขาเข้าไปผลักพ่อเลี้ยงที่กำลังจะยกเท้ากระทืบแม่ของเขาจนมันล้มลงที่พื้น ก่อนที่เขาจะขึ้นคร่อมมันแล้วกระหน่ำมัดใส่จนมันสลบไปแต่เขาก็ยังไม่หยุดต่อยมัน จนกระทั่งตำรวจที่ได้รับแจ้งความจากชาวบริเวณนั้นมาถึงและได้คุมตัวของเขาไป
แม่ของเขากลัวว่าเขาจะติดคุกจึงได้ติดต่อหาเพื่อนของพ่อแท้ๆ ของเขา ซึ่งก็คือท่านอนุวัตร ท่านอนุวัตรรีบมาที่โรงพักที่เขาถูกคุมตัวอยู่ทันที และช่วยเรื่องคดีของเขาโชคดีที่เขายังเป็นเยาวชนอยู่การจัดการอะไรก็เลยค่อนข้างง่าย และท่านยังช่วยจัดการเรื่องพ่อเลี้ยงสาระเลวของเขาให้มันได้รับโทษอีก นอกจากท่านจะช่วยเขาในเรื่องของคดีในวันนั้นยังไม่พอ ท่านยังช่วยส่งเสียให้เขาได้เรียนนังสือให้งานแม่ของเขาทำ ทำให้เขาได้มีที่อยู่ที่ดีๆ จนกระทั่งวันนี้เขาเรียนจบจนสามารถเปิดบริษัททนายความก็ยังคงได้รับการสนับสนุนจากท่านจนบริษัทของเข้าเติบโตขึ้นมาจนอยู่แถวหน้าของประเทศ
“ฉันขอบใจนายมาก แล้วเรื่องที่ฉันให้นายไปจัดการล่ะ ได้เรื่องมั้ย” ท่านอนุวัตรถามถึงเรื่องที่ดินที่ภูเก็ตที่ให้ชายหนุ่มไปจัดการ ถึงแม้ว่าเขาจะมีบริษัทของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบแต่เขาก็ยังคงทำงานให้ท่านอนุวัตรอยู่เหมือนเดิม
“เรียบร้อยแล้วครับ ผมส่งเรื่องให้ทนายพัชชาจัดการต่อแล้วครับ“ เขาตอบ
“ดี ขอบใจนายมาก” ท่านอนุวัตรบอก แล้วทั้งสองก็คุยเรื่องงานอื่นๆ กันอีกนาน
ตอนที่ 49นัดเจรจาครั้งที่สองช่วงสองวันที่ผ่านมา โรสรู้สึกว่าเธอชดชื่นกว่าในทุกวัน เพราะเธอตื่นขึ้นพร้อมความรู้สึกที่เหมือนกับปมแน่นในอกที่แบกมานานหลายปี…คลี่คลายลงแล้วการได้เล่าความจริงในอดีตให้ไฟฟังในคืนนั้น ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้หายใจเต็มปอดอีกครั้ง ไม่ต้องหลบ ไม่ต้องฝืนเข้มแข็ง ไม่ต้องปั้นหน้าว่าไม่เป็นไรอีกต่อไปวันนี้โรสแต่งตัวสวยจัดเต็มเพราะว่าเธอมันนัดสำคัญ เธอเดินออกจากห้องนอนในชุดเรียบหรูพร้อมออกไปข้างนอก ไฟที่รออยู่ด้านล่างเงยหน้าขึ้นมองเธอพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น“พร้อมมั้ย?”“อืม” โรสพยักหน้าเบาๆ “ไปกันเถอะ”วันนี้ไม่ใช่วันของเธอโดยตรง แต่เป็นวันสำคัญของเพื่อนสนิทนั่นคือสิวันนี้เป็นวันนัดเจรจาหย่าระหว่างสิ กับสามีเก่าของเธอ ผู้ชายที่เคยทำให้สิร้องไห้มานับครั้งไม่ถ้วน และวันนี้โรสตั้งใจไว้ว่าจะเป้นวันสุดท้ายที่สิจะได้เจอกับอดีตสามีเฮงซวยของเธอเมื่อถึงศาล สิเดินทางมาพร้อมกับวี ผู้ชายที่ก่อนหน้านี้ไฟบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทสิ แต่ช่วงนี้ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งสองดูจะเปลี่ยนไป โรสมองแววตาที่วีมองสิแล้วก็อดยิ้มไม่ได้“ตกลงวันนี้มาเจรจาเรื่องหย่า หรือว่ามาเปิดตัวว่าที่สามีใ
ตอนที่ 48อตีดที่เจ็บปวด"ตอนนั้นฉันอายุสิบห้า...และพัชชาก็เป็นเหมือนพี่สาวที่ฉันรักที่สุดคนหนึ่ง"โรสเริ่มพูดช้า ๆ เสียงของเธอนิ่ง แต่มีอะไรบางอย่างสั่นอยู่ในน้ำเสียงนั้น"เราสนิทกันมาก พัชชามักจะมาหาฉันที่บ้านบ่อย ๆ เพราะพ่อของเธอเป็นทนายประจำตัวของพ่อฉัน”โรสพูดเธอขยับตัวนิดหน่อย เพื่อให้เพื่อให้ไฟกอดเธอได้ถนัดขึ้น เพราะเธอต้องใช้ความกล้าอย่างมากที่จะเล่าเรื่องนี้“พัชชาเป็นคนใจดี ฉลาด แล้วก็...เหมือนรู้จักโลกมากกว่าฉัน เธอเป็นคนเดียวที่กล้าดุฉันในเวลาที่ฉันทำผิด ซึ่งต่างจากคนอื่นๆ ที่มักจะปล่อยผ่าน” พอเล่าถึงตรงนี้โรสก็ยิ้มออกมาเบาๆ เธอมีความสุขจริงในตอนนั้น“ฉันเคยคิดว่าเธอเป็นแบบอย่างของผู้หญิง ที่ฉันอยากเติบโตไปแล้วเก่งให้ได้ครึ่งของเธอ”ไฟยังคงลูบผมของโรสอย่างตั้งใจ ไม่ขัดจังหวะการเล่าของเธอแม้แต่นิดเดียว"จนวันหนึ่งฉันได้ยินมาว่าเธอกำลังจะแต่งงานกับทศ...ฉันไม่รู้ว่าความรู้สึกไม่สบายใจมันมาจากไหน แต่ทศไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย เขาชอบมองฉันด้วยสายตา...ที่ฉันไม่สามารถอธิบายได้ แต่ฉันรู้ว่าไม่ใช่สายตาของคนดี"โรสกลืนน้ำลาย สีหน้าของเธอเริ่มเจ็บปวดมากขึ้น"ฉันไม่กล้าบอกพัชชา เพร
ตอนที่ 47ความสาเหตุของความเจ็บปวด หลังจากที่ไฟพาโรสมาอยู่ที่บ้านของเขา เวลาก็ผ่านไปเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว เป็นหนึ่งอาทิตย์ที่โรสไม่ออกไปไหน เธอไม่กลับบ้านบ้านและไม่ออกไปเจอใคร ไฟมองดูโรสที่กำลังนั่งดูทีวีและทานผลไม้ที่แม่เขาเป็นคนปลอกให้ มันคงจะเป็นภาพที่เขารู้สึกมีความสุขที่สุด ถ้าภาพนี้มันเกินเพราะเธอคนนั้นมีความสุขจริงๆ ไม่ใช่เพราะฝืนมีความสุขแบบตอนนี้ “ผมกลับมาแล้ว” ไฟพูด หลังจากที่เขาเข้ามายืนอยู่ในบ้านได้สักพัก แต่ก็ไม่มีใครสนใจเขา โรสหันมามองไฟ “ฉันได้ยินเสียงรถแล้ว” เธอตอบ ก่อนจะหันไปมองทีวีตามเดิม ไฟเดินมานั่งที่โซฟา เขาวางกระเป๋าเอกสารไว้ที่โต๊ะ ก่อนจะมองโรสที่กำลังตั้งใจดูทีวี ส่วนแม่ของเขาก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเย็น โรสเคยอาสาเข้าครัวไปช่วยแม่เขาทำครัวอยู่ครั้งหนึ่ง แต่ด้วยความสามารถของเธอที่มีเยอะมากเลยเกือบทำครัวเขาไหม้ แม่ของเขาเลยสั่งห้ามไม่ให้หญิงสาวเข้าครัวโดยเด็ดขาด “วันมะรืนคุณสิมีนัทเจรจารอบที่สอง เธอจะไปด้วยมั้ย” “ไปสิ” โรสตอบโดยที่ไม่ยอมล่ะสายตาไปจาก
ตอนที่ 46ฉันไม่มีวันทิ้งเธอไฟมายืนอยู่หน้าบ้านของสิ ด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าเมื่อคืนเขาเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องของโรสทั้งคืนจนถึงเช้า แต่ช่วงที่เขากลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน พอเขากลับมาก็ไม่เจอโรสที่ห้องแล้ว เขารู้ว่าโรสอยู่ที่นี่ เพราะสิเป็นคนเดียวที่โรสจะหนีไปหาได้เวลานี้ประตูรั้วบ้านของสอเปิดออก สิยืนกอดอกมองทนายความของเธออย่างใช้ความคิด“ฉันควรจะให้คุณทนายเข้าไปดีมั้ย” เธอถามเสียงเรียบ“ผมแค่อยากเจอเธอ ให้ผมได้มีโอกาสได้อธิบายกับโรสหน่อยได้มั้ย”สิมองไฟนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินหลบออกข้างเพื่อให้ไฟได้เดินเข้าไปในบ้าน แต่ก่อนที่ไฟจะเดินเข้าไป สิก็พูดขึ้นมา“เธอแค่กลัวค่ะ กลัวว่าจะต้องเสียคุณให้กับผู้หญิงคนนั้นไปอีกคน” “คุณมั่นใจได้เลย ผมจะไม่มีวันไปจากเธอ ต่อให้เธอไล่ผมแค่ไหนก็ตามไฟพูด เขาก้าวเดินเข้าไปในบ้านของสิด้วยความมั่นใจ โรสนั่งอยู่บนโซฟาเธอเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง มองดูสวนเล็กๆ ข้างข้างของสิด้วยสายตานิ่งๆ แสงแดดยามสายส่องลงกระทบผิวซีดของเธอ“โรส” ไฟเรียกเธอเบาๆโรสไม่ได้หันมา แต่เธอก็พูดกับเขาด้วยเสียงแผ่วเบา“ฉันรู้ว่านายไม่ได้ตั้งใ
ตอนที่ 45 ความเสียใจ อีกครั้ง“ใช่ ฉันรักพัชชา”สิ้นคำพูดของพ่อเธอโรสก็รู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงที่กลางตัวเธอ เธอชาไปทั้งตัว ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธและความเสียใจ“พ่อพูดว่าอะไรนะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “พ่อบอกว่าพ่อรักมันเหรอ พ่อทำแบบนี้ได้ยังไง พ่อรักมันได้ยังไง”โรสถามเสียงดังด้วยความโมโห เธอหันไปมองพัชชาที่ร้องให้น้ำตานองหน้าด้วยแววตาโกรธแค้น ก่อนจะเดินเข้าไปหาพัชชาเพี๊ยะ! เสียงฝ่ามือของโรสที่กระทบเข้าที่แก้มซ้ายของพัชชาจนเกิดเสียงดัง จนพัชชาถึงกับเซ โรสกำลังจะเข้าไปตบพัชชาซ้ำอีกครั้ง แต่ไฟก็จับตัวเธอไว้ก่อน“ยัยโรส! หยุดเดี๋ยวนี้!”เสียงของอนุวัตดังก้องห้องนอน แต่มันไม่อาจดับไฟโกรธในหัวใจลูกสาวของเขาได้เลยโรสยืนตัวสั่น ดวงตาแดงก่ำมองพัชชาที่ก้มหน้าร้องไห้เงียบๆ อยู่ตรงหน้า ความอดทนของเธอหมดไปตั้งแต่วินาทีที่เห็นภาพที่ไม่ควรเห็นนั้น“เลิกเอาแต่ร้องไห้ได้แล้ว!” โรสคำราม ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยแรงอารมณ์ “แกบอกมานะว่าแกทำอะไรพ่อฉัน พ่อฉันถึงได้หลงแก” โรสพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของไฟ ที่รั้งตัวเธอไว้พัชชาสะอึก ตัวสั่นเหมือนเด็กน้อยที่ไร้ที่พึ่ง ใบหน้าชื้นไปด้วยน้ำตาแต่กลับไม่พูดตอบอ
ตอนที่ 44 จบเรื่อง และความจริงเรื่องใหม่เสียงคลื่นกระทบฝั่งเบาๆ ดังสม่ำเสมอ บ่งบอกถึงค่ำคืนที่เงียบสงบไม่ต่างจากหัวใจของชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน ที่วันนี้เปี่ยมไปด้วยความหวังอีกครั้ง หลังจากที่ไกรสรถูกจับและทุกอย่างเริ่มคลี่คลายไฟนั่งอยู่หน้าเต็นท์ชั่วคราว ที่พวกชาวบ้านใช้เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมหลักฐานและให้คำปรึกษาทางกฎหมาย เขายังคงสวมผ้าพันแผลที่แขน แม้หมอจะสั่งให้พัก แต่เขากลับเลือกจะใช้เวลาช่วยชาวบ้านยื่นเรื่องฟ้องเพื่อเอาที่ดินคืน“คุณไฟครับ นี่คือรายชื่อเจ้าของที่ดินที่พร้อมจะฟ้องในรอบแรกครับ” ชาวบ้านคนหนึ่งยื่นแฟ้มมาให้ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม“ดีมากครับ เดี๋ยวผมจะจัดเรียงตามลำดับและแนบคำร้องไว้ให้ทุกคนในวันพรุ่งนี้” ไฟตอบกลับอย่างใจเย็น“ยืนยันตามราคานี้อีกครั้งนะคะ” โรสพูดกับผู้ใหญ่ทองคำ ตัวแทนกลุ่มชาวบ้านที่มาเจรจาในวันนี้ “ฉันจะซื้อที่พวกคุณในราคาที่มากกว่าตลาดกลางร้อยละห้าสิบ…เพราะมันควรค่ากับชีวิตของทุกคนที่ปกป้องมันไว้”ผู้ใหญ่ทองคำยิ้มออกมาอย่างซาบซึ้ง เขาไม่คิดว่าสาวสวยจากกรุงเทพฯ ที่ดูภายนอกเหมือนจะเป็นนักธุรกิจเย็นชา จะพูดคำพูดแบบนี้กับเขา“หนูโรส…ขอบใจแทนทุกคนในหมู่บ้า
Comments