공유

บทที่ 33 จ้าวซีอิน

작가: BigM00N
last update 최신 업데이트: 2025-05-23 20:59:02

เพียงแต่รอยยิ้มของพวกนางดำรงอยู่ได้ไม่นานนักก็มีนางกำนัลเข้ามาแจ้งว่าจ้าวซีอินมาขอเข้าพบองค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูเพื่อถวายพระพรเนื่องในโอกาสที่วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่

“วันขึ้นปีใหม่ เหตุใดจึงไม่รู้จักอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนเพื่อปรนนิบัติผู้อาวุโสและสูดกลิ่นอายมงคลที่จวนของนางกันนะ จะวิ่งแล่นออกมาหาข้าจนถึงที่นี่ทำไมกัน” องค์หญิงเก้าเอ่ยอย่างไม่พอใจแต่สหายของนางที่ไม่ได้อยู่ฉลองปีใหม่ที่จวนของตนเองก็ต่างพากันกระแอมออกมา

“ข้าไม่ได้หมายถึงพวกเจ้าเสียหน่อย ข้าเป็นคนเชิญพวกเจ้ามาร่วมเฉลิมฉลองด้วยกันแต่นางนั้นกลับไม่ใช่”

“ก็แค่คนที่พยายามยัดเยียดตนเองเข้าไปในชีวิตของผู้อื่นอีกคนหนึ่ง องค์หญิงก็ทรงอย่าได้ถือสานางเลยเพคะ” เฉินเจียวเจียวเอ่ยพลางวางถ้วยชาลง

“เชิญนางเข้ามา” ได้ฟังคำพูดของเฉินเจียวเจียวแล้วองค์หญิงเก้าจึงได้เอ่ยกับนางกำนัลด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะพอใจเท่าใดนัก

“ถวายพระพรองค์หญิง ขอให้องค์หญิงทรงสุขเกษมสำราญในปีใหม่นี้นะเพคะ” จ้าวซีอินเอ่ยขึ้นมาในทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องแล้วพบว่าองค์หญิงเก้านั่งรออยู่ นางหันไปมองคุณหนูคนอื่นๆ ที่เป็นพระสหายขององค์หญิงเก้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพลางพยักหน้าทักทายด้วยท่วงท่าเย่อหยิ่งและถือดี ทำให้สายตาขององค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูยิ่งทวีความเย็นชามากยิ่งขึ้น

เดิมทีนางก็รู้สึกไม่ชอบใจจ้าวซีอินผู้นี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วยามนี้จ้าซีอินยังวางท่าว่าตนเองสูงส่งกว่าสหายของตนอีกทำให้นางรู้สึกยิ่งไม่ชอบจ้าวซีอินผู้นี้มากกว่าเดิม

คนสกุลจ้าวชอบวางท่าทางใหญ่โตใส่พระมารดาของนาง ในใจของหลี่ถังหรูได้แต่คิดว่าคนเหล่านี้คิดว่าตนเองคือผู้ใดกัน แม้ว่าเสด็จย่าของนางคือคนสกุลจ้าวแต่แท้จริงแล้วยามนี้เสด็จย่าของนางใช้ชีวิตอยู่ที่ไหนและทรงแบกรับความผิดเอาไว้เพียงพระองค์เดียวเพื่อใคร ดูเหมือนว่าคนสกุลจ้าวจะลืมเลือนเรื่องราวในครั้งนั้นไปเสียแล้ว

“ข้าย่อมเกษมสำราญใจดีอยู่แล้ว ว่าแต่เจ้าออกมาข้างนอกเช่นนี้ได้ยินเรื่องที่คนพูดถึงในงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้หรือไม่ รู้ไหมว่าคนของท่านอัครเสนาบดีฝ่ายขวาทำให้ทั้งเสด็จพี่และเสด็จพ่อของข้าต่างไม่พอพระทัยจนต้องเสด็จออกจากงานเลี้ยงอย่างกะทันหันเลยเชียวนะ เมื่อครู่นี้ข้าเองก็กำลังเล่าถึงเรื่องนี้ให้สหายของข้าฟังอยู่พอดี” เมื่อองค์หญิงเก้าเอ่ยเช่นนี้สีหน้าของจ้าวซีอินก็พลันแข็งค้างขึ้นมาในทัน แต่เมื่อคิดได้ว่าองค์หญิงเก้าผู้นี้คือพระธิดาที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานมากที่สุดนางจึงได้พยายามแข็งใจฉีกยิ้มออกมาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“หม่อมฉันเองก็พอจะทราบอยู่บ้าง ท่านพ่อของหม่อมฉันก็ลงโทษขุนนางผู้นั้นไปแล้ว งานเลี้ยงภายในวังหาใช่สถานที่ที่จะกินดื่มตามใจจนควบคุมสติไม่ได้เช่นนั้น” เมื่อจ้าวซีอินเอ่ยเช่นนี้องค์หญิงเก้าก็พยักหน้า

“นั่นนะสิ ผู้คนจึงต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าขุนนางผู้นั้นแท้จริงแล้วเขาเมาจริงหรือเสแสร้งเพื่อหาผลประโยชน์ให้บุตรสาวของเจ้านายกันแน่” คำพูดนี้ขององค์หญิงเก้าทำให้จ้าวซีอินขาดความยับยั้งชั่งใจในทันที

“องค์หญิงพระองค์ทรงเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงย่อมไม่สมควรที่จะหลงเชื่อข่าวลือของชาวบ้านร้านตลาดนะเพคะ” จ้าวซีอินเอ่ยออกมาหลังจากสะกดอารมณ์ของตนเองเอาไว้ไม่ได้แล้วซึ่งองค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูเองก็ไม่ใช่ลูกพลับนิ่มรีบเอ่ยวาจาสวนกลับตอบโต้ไปอย่างไม่คิดจะไว้ไมตรีเช่นเดียวกัน

“เอาไว้เจ้าได้เป็นเชื้อพระวงศ์เมื่อไหร่ก็จะรู้เองว่าบางครั้งเสียงของประชาชนทั่วไปเจ้าก็ควรจะต้องรับฟังเสียบ้าง แต่ก็นั่นแหละ! ดูจากสถานการณ์แล้วคงยากที่เจ้าจะได้เป็น ต่อให้เจ้าพยายามมากเพียงใดก็อาจจะแค่เพียงทำให้ผู้อื่นหัวเราะให้แก่ความพยายามของเจ้าเพียงเท่านั้น” เมื่อองค์หญิงเก้าเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวที่นั่งฟังอยู่ก็อยากจะเอ่ยเตือนสหาย ในชาติที่แล้วพระชายาองค์รัชทายาทคือจ้าวซีอินผู้นี้แม้ว่านางจะดำรงตำแหน่งพระชายาได้ไม่นานก็ตามที แต่ด้วยในยามนี้ไม่เหมาะจะเอ่ยเตือนนาบจึงทำได้แค่เพียงหลุบตาลงแล้วจิบน้ำชาเพื่อปิดบังแววตาของตนเองเพียงเท่านั้น

จะว่าไปแล้วองค์รัชทายาทผู้นี้ก็มีดวงกัดกินภรรยาเสียเหลือเกิน มีคู่หมั้นคู่หมั้นก็ตาย เมื่อมีพระชายาพระชายาก็ตาย ไม่น่าแปลกใจที่หลังจากขึ้นครองราชย์แล้วไม่กล้ามีผู้ใดกล้ามอบบุตรหลานเข้าตำหนักในของเขาอีก เขาจึงได้มามุ่งหวังทายาทจากจวนน้องชายคนรองแล้วก็ทำให้หลินชิงเหมยฟาดฟันแย่งชิงการให้กำเนิดทายาทคนแรกกับเฉินเจียวเจียวอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นนั้น เฉินเจียวเจียวได้แต่จ้องมองจ้าวซีอินด้วยสายตาเวทนา ได้เป็นทั้งพระชายาและได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮาในภายหลัง แต่เท่าที่นางเคยได้ยินว่าจ้าวซีอินผู้นี้ไม่เคยได้เสพสุขกับความสำเร็จเหล่านั้นเลยสักนิดนอกจากวันแต่งงาน

“องค์หญิง ผู้ใดจะได้หัวเราะก็ยังไม่แน่ อย่างน้อยเทศกาลหยวนเซียวในปีนี้หม่อมฉันก็มีรายชื่อที่จะได้เข้าไปเป็นแขกในงานเลี้ยงฉลองเทศกาลของกุ้ยเฟยภายในวังนะเพคะ” คำพูดของจ้าวซีอินทำให้องค์หญิงเก้าทรงยิ้มออกมา

“นี่ก็ไม่ใช่เรื่องพิเศษอันใด สหายของข้าก็ล้วนแล้วแต่มีรายชื่อที่จะได้เข้าไปเป็นแขกของกุ้ยเฟยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะเจียวเจียวของข้าที่นั่งของนางถูกจัดเอาไว้เป็นพิเศษในฐานะที่นางเป็นหลานสาวของกุ้ยเฟย” ประโยคนี้ขององค์หญิงเก้าทำให้จ้าวซีอินหันไปจ้องมองเฉินเจียวเจียวด้วยความไม่พอใจ

“คุณหนูใหญ่จวนผิงกั๋วกงจะเป็นหลานสาวของเฉียวกุ้ยเฟยได้อย่างไร นางมิใช่คนสกุลเฉียวเสียหน่อย อ้อ! ที่แท้ก็เกี่ยวพันกันทางมารดาเลี้ยงของเจ้าสินะ” จ้าวซีอินเอ่ยพลางตวัดสายตาไม่ชอบใจมาที่เฉินเจียวเจียว ท่าทีของจ้าวซีอินทำให้ความรู้สึกเมตตาสงสารของเฉินเจียวเจียวพลอยหายวับไปในทันที

“เฉินเจียวเจียว เจ้าอย่าได้พยายามทำอะไรที่เกินตัว คราวที่แล้วยังอับอายไม่พอหรือ ถูกญาติสาวทางฝั่งมารดาแย่งว่าที่สามีจนโด่งดัง ยามนี้คิดจะกู้ชื่อเสียงโดยอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างมารดาเลี้ยงขอเจ้าและพระนางเฉียวกุ้ยเฟยหรือ” คำพูดของจ้าวซีอินทำให้เฉินเจียวเจียวที่ก่อนหน้านี้ยังจิบน้ำชาด้วยท่วงท่าสบายอกสบายใจพลันตวัดสายตาตอบโต้จ้าวซีอินในทันที

“ข้าไม่ใช่คนผิดเหตุใดต้องรู้สึกอับอาย ในเมื่อสายน้ำไม่มีใจแล้วเหตุใดข้าต้องฝืน ส่วนท่านเล่าสายน้ำของท่านมีใจให้ท่านหรือไม่ท่านน่าจะรู้ตนเองดี เรื่องการไว้ทุกข์ก็ยังกล้านำมากล่าวอ้าง หากเป็นข้าถูกทำให้เสียหน้าเช่นนี้ข้าคงไม่คิดจะฝืนทนจนทำให้ตนเองกลายเป็นตัวตลกของผู้อื่นเนิ่นนานได้ถึงขนาดนี้หรอก”

“เจ้า!”

“จ้าวซีอิน ที่นี่ไม่ใช่จวนสกุลจ้าวของเจ้า ต่อหน้าข้าเจ้ายังกล้าหาเรื่องผู้อื่นอย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้ ระวังตัวเอาไว้เถอะข้าจะเล่าเรื่องการกระทำและทุกคำพูดของเจ้าในวันนี้ให้เสด็จพี่รัชทายาทของข้าได้ฟังอย่างไม่ตกหล่นเลยสักคำ” คำพูดขององค์หญิงเก้าทำให้จ้าวซีอินพยายามสงบสติอารมณ์ แต่แววตาที่นางใช้มององค์หญิงเก้าและสหายกลับเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว

“เช่นนั้นหม่อมฉันคงต้องขอลา ทรงจำเอาไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่แน่นอน วันนี้หม่อมฉันอาจจะต้องย่อกายถวายพระพรองค์หญิงแต่ก็ไม่แน่ว่าสักวันองค์หญิงอาจจะต้องทรงย่อกายถวายพระพรหม่อมฉันก็เป็นได้” เมื่อเอ่ยจบจ้าวซีอินก็เดินออกจากห้องรับรองไปด้วยท่าทีหยิ่งยโส

“คอยดูเถอะ ข้าจะต้องหาทางยั่วยุให้เสด็จพี่รัชทายาทของข้าแต่งตั้งผู้อื่นเป็นพระชายาให้ได้ นางจะได้ลดท่าทีหยิ่งผยองเช่นนี้ลงได้เสียที” องค์หญิงเก้าเอ่ยออกมาด้วยความไม่พอใจ ส่วนเฉินเจียวเจียวก็ได้แต่ส่ายหน้า

‘ให้นางแต่งไปเถิด นางจะได้ตายเร็วๆ ด้วยนิสัยเช่นนี้ของนางข้าไม่แปลกใจเลยสักนิดว่านางทำไมถึงได้ตายเร็วถึงขั้นนั้น องค์รัชทายาทผู้นั้นมิใช่คนถือศีลกินเจเสียหน่อย อย่างน้อยการที่นางได้ตายในฐานะพระชายาและได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮาในภายหลังก็นับว่าองค์รัชทายาททรงปรานีต่อนางมากแล้ว’ เฉินเจียวเจียวได้แต่คิดในใจโดยมิได้เอ่ยออกมามีเพียงแค่รอยยิ้มประดับริมฝีปากอย่างสาแก่ใจเพียงเท่านั้น

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 72 บทส่งท้าย

    หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยงเฉินฮองเฮาจึงได้ปลีกตัวกลับตำหนักอันหนิงไปก่อนเหลือเพียงหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ที่ทรงเรียกน้องชายเข้ามาตักเตือนเป็นการส่วนพระองค์โดยมีองค์ชายทั้งสองประทับอยู่ด้วย“จนถึงยามนี้แล้วเจ้าก็ยังคิดไม่ได้อีกหรือ น้องรองพระชายาของเจ้าผู้นี้แม้ว่าจะไม่ได้งดงาม รูปร่างก็ใหญ่โตแต่สิ่งที่นางมีเหนือผู้อื่นก็คือความจริงใจ แม้ว่าจะดุดันและไม่ช่างเอาอกเอาใจแต่เจ้าก็ไม่ต้องคอยระมัดระวังตัวและคอยคาดเดาอารมณ์ของนาง นางโกรธเจ้าก็รู้ นางโมโหเข้าก็แค่ถูกด่าหลังจากถูกโบยตีไม่กี่ทีนางก็กลับไปเป็นปกติแล้ว” หลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสพลางถอนพระปัสสาสะออกมา“ในขณะที่คนงามส่วนใหญ่กลับซับซ้อนมากกว่านั้นภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มของพวกนางมีความคิดมากมายซุกซ่อนอยู่ภายในใจ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีทางจะคาดเดาความคิดของนางได้แน่ น้องรองเจ้าโชคดีแล้วที่ได้โม่หลันเป็นพระชายา อย่าได้คิดหาเศษหาเลยแล้วทำให้ชีวิตของตนเองต้องตกต่ำอีกเลย” เมื่อหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสเช่นนี้โซ่วอ๋องที่คุกเข่าขอรับผิดอยู่ตรงหน้าก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ“เสด็จพี่! แล้วพระองค์ทรงไม่เคยหวั่นไหวบ้างเลยหรือ มีคนงามมาอยู่ตรงห

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 71 บัวขาวอีกหนึ่งดอก

    เฉินฮองเฮาแห่งแคว้นต้าเยียนทรงสิริโฉม เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา ได้รับความรักและความให้เกียรติจากสวามีจนสตรีทั่วแคว้นต่างโจษจันกันไปจนทั่ว สตรีทุกนางล้วนริษยาในความพรั่งพร้อมและสมบูรณ์พูนสุขของพระนางนาง พระนางประสูติพระโอรสสองพระองค์พระธิดาหนึ่งพระองค์แม้ว่าจะทรงมีพระชันษามากแล้วความงามของพระนางก็ยังคงเป็นที่กล่าวขานถึง“นี่ใช้คำว่ารักและให้เกียรติได้อย่างไรกัน ต้องใช้คำว่ารักและเคารพมากกว่า” หลี่เทียนหลงองค์รัชทายาทแคว้นต้าเยียนเอ่ยกับพระอนุชาด้วยสุรเสียงแผ่วเบา“รักหรือไม่ข้าไม่แน่ใจ แต่เคารพและเกรงกลัวข้าขอยืนยันว่าเป็นความจริง เสด็จพี่ทรงทอดพระเนตรดูขุนนางที่ไม่รู้จักตายนั่นสิ พยายามจะยัดเยียดบุตรสาวโฉมงามให้เสด็จพ่อ แถมยังโอ้อวดว่าทั้งร่างกายและจิตใจบุตรสาวของเขาล้วนงดงามพิสุทธิ์หาผู้ใดเทียม ช่างไม่ดูเสียบ้างว่ายามนี้สีพระพักตร์ของเสด็จพ่อซีดเซียวเสียยิ่งกว่าไก่ในโถน้ำแกงเสียอีก” หลี่เทียนเฮ่าผู้เป็นองค์ชายรองเอ่ยกับพระเชษฐาด้วยน้ำเสียงซุกซน โดยไม่สนพระทัยหลี่เทียนหรูพระขนิษฐาพระองค์เล็กที่ในยามนี้หลบไปนั่งอยู่กับบรรดาสตรีในจวนผิงกั๋วกงแล้ว ค่ำคืนนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองเทศกาลหยวนเซี

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 70 เพลิงโทสะ

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีอภิเษกไปเพียงไม่กี่วัน เฉินเจียวเจียวก็ต้องสวมชุดไว้ทุกข์ให้แก่จ้าวไทเฮา แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คาดเดาได้อยู่แล้ว แต่เพลิงพิโรธของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ผู้เป็นราชบิดาของสามีก็ยังทำให้นางอดใจสั่นไม่ได้“เจ้าลูกเลว! หากเจ้าไม่ส่งคนไปบอกยามนี้พระนางก็คงจะยังทรงดำเนินชีวิตได้ตามปกติ” พระสุรเสียงที่ทรงตรัสออกมาทำให้เฉินเจียวเจียวที่คุกเข่าอยู่ทางด้านข้างขององค์รัชทายาทไม่กล้าเงยหน้าขึ้น“ลูกก็แค่คิดว่าไม่ควรจะหลอกลวงพระนางอีกต่อไป”“ยังไม่สำนึกอีก! หลี่ไท่หลงนางคือเสด็จย่าของเจ้านะ นางคือแม้แท้ๆ ของข้า และก็เป็นนางที่ผลักดันจนข้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้จวบจนทุกวันนี้” ถ้อยคำนี้ของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ทรงเต็มไปด้วยกระแสอารมณ์อันเศร้าโศกและโกรธเกรี้ยว เฉินเจียวเจียวที่ก้มหน้าอยู่อดเหลือบมองสวามีของตนเองที่ยามนี้เงยหน้าขึ้นไปทุ่มเถียงกับพระราชบิดาของตนเองไม่ได้“แต่ก็เป็นพระนางที่วางแผนปลิดชีพพระมารดาของลูก เป็นพระนางที่ยึดครองพระราชอำนาจของเสด็จพ่อไปตั้งนานหลายปี แล้วก็เป็นพระนางที่สนับสนุนสกุลจ้าวให้ทะเยอทะยานและก้าวล้างพระราชอำนาจของเสด็จพ่ออยู่หลายครั้ง ลูกเข้าใจในความรักความผูกพัน

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 69 พระชายาองค์รัชทายาท

    พิธีอภิเษกขององค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่จวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บุรุษของจวนผิงกั๋วกงเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมกันอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ เฉินเจียวเจียวแต่งกายอย่างดงามสวมมงกุฎหงส์และผ้าคลุมหน้าที่ปักลวดลายอันวิจิตรนั่งเกี้ยวเข้าวังหลวงอย่างยิ่งใหญ่ การแต่งงานในชาตินี้นับว่าเป็นการแต่งงานที่ยิ่งใหญ่กว่าในชาติที่แล้ว คนที่รอรับนางลงจากเกี้ยวก็ไม่ใช่คนเดิม นางจึงไม่กล้าตั้งความหวังต่อชีวิตการแต่งงานเท่าใดนัก ไม่คาดหวังก็ย่อมจะไม่ผิดหวัง เรื่องนี้นางสามารถเรียนรู้มาจากชาติที่แล้ว ในชาตินี้ชีวิตของนางจึงถูกเติมเต็มไปด้วยความสุข“ฮู่ว ในที่สุดก็ได้พบหน้ากันโดยไม่ต้องปีนกำแพงเสียที” องค์รัชทายาทเอ่ยหลังจากที่ใช่คันชั่งเปิดผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว เขาจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่งด้วยสายตาอันแวววาว แล้วจึงได้เอ่ยถ้อยคำชื่นชมออกมาอย่างที่ควรจะเป็น“เจ้างามมาก” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้นางอดยิ้มออกมาไม่ได้ฝ่าบาททรงประทานงานเลี้ยงฉลองให้แก่ผู้มาร่วมงานภายในวัง แต่เพราะเขามีฐานะเป็นถึงองค์รัชทายาทจึงไม่ต้องออกไปคารวะสุรามงคลให้แก่ผู้ใด ยามนี้ภายในห้องหอจึงมีเพียงเขาและนางเพียงเท่านั้น

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 68 ฝันร้ายของโซ่วอ๋อง

    พิธีปักปิ่นของคุณหนูใหญ่ของจวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะว่าที่พระชายาองค์รัชทายาท ย่อมมีเจ้าหน้าที่จากกรมพิธีการมาช่วยเหลือในการดำเนินพิธี เฉินเจียวเจียวนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าฮูหยินผู้เต็มไปด้วยโชคลาภทั้งหลายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม พวกนางช่วยหวีผมให้พร้อมคำอวยพรอันเป็นมงคลปิ่นแรกที่ปักลงมาบนมวยผมคือปิ่นพระราชทานจากเฉียวกุ้ยเฟย ตามมาด้วยปิ่นของพระนางเต๋อเฟย และบรรดาพระสนมที่เฉินเจียวเจียวเคยพบ ฮูหยินผู้เฒ่าจวนผิงกั๋วกงและฮูหยินผู้เฒ่าจวนสกุลหยวนนำปิ่นมาปักลงบนมวยผมของเฉินเจียวเจียวด้วยตนเอง ต่อมาก็เป็นสตรีอาวุโสในจวนและสตรีอาวุโสที่มีความสัมพันธ์กันดีกับจวนผิงกั๋วกงเมื่อเสร็จสิ้นพิธีปักปิ่นเฉินเจียวเจียวก็ลูกขึ้นคารวะขอบคุณอย่างเต็มพิธีการสามครั้งแล้วจึงเข้าสู่งานเลี้ยง เฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมี่ที่ได้รับหน้าที่ถือพานใส่หวีและปิ่น ต่างรีบจับจูงนางกลับเรือนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม มีคุณหนูจากหลายจวนที่มีความสัมพันธ์อันดีมาร่วมแสดงความยินดีด้วย แน่นอนว่าคนที่มาย่อมขาดหวังฮุ่ยหลิงและองค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูไม่ได้เหตุการณ์ปราบกบฏสกุลเจ้าเกิดขึ้นเร็วกว่าในชาติที่แล้ว ในชาตินี้เซียว

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 67 พบหน้า

    เมื่อบ้านเมืองสงบสุขชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประชาก็กลับมาดำเนินไปตามปกติ เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นไปตามยถากรรมของโลก ในเมื่อหลินชิงเหมยไม่สามารถทนรับความบอบช้ำของร่างกายไม่ไหว นางจึงได้ตายจากไปในที่สุด ในตอนที่นางจะตายนางยังเคยอดสงสัยไม่ได้ว่า หากนางไม่ทะเยอทะยาน หากนางไม่คิดจะร่วมมือกับสกุลจ้าวชีวิตของนางจะต้องจบลงเช่นนี้ไหม น่าเสียดายที่ต่อให้นางสงสัยมากเพียงใดก็ไม่อาจจะทำอันใดได้แล้วแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่นางกลับรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า การตายเช่นนี้กลับดีมากแล้ว เพราะในความฝันของนาง นางเคยต้องเผชิญกับความตายที่น่ากลัวกว่านี้ ทั้งถูกทุบตี ทั้งถูกรุมย่ำยีแถมยังถูกทารุณกรรมจนไม่เหลือสภาพความเป็นคน อยากตายก็ไม่ได้ตาย ลืมตาขึ้นมาในแต่ละวันต้องร้องไห้ทุกครั้งที่พบว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ การถูกโบยจนตายน่าจะเป็นการตายที่สวรรค์ปรานีสำหรับนางมากแล้ว นี่คือความคิดสุดท้ายในห้วงความนึกคิดของนาง ตอนที่โซ่วอ๋องมารับร่างที่ไร้ลมหายใจของนางจึงได้เห็นว่าแม้ในยามหลับบนใบหน้าของนางก็ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่หลินชิงเหมยตายแล้ว โซ่วอ๋องจะทุกข์ใจหรือไม่เฉินเจียวเจียวไม่ได้ให้ความสนใจอีกแล้ว เรื่องราวในกาลก่อนราวกับ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status