/ วาย / บัญชารักคุณหลวง / ดวงใจล่วงหล่น

공유

ดวงใจล่วงหล่น

작가: jalix-ren
last update 최신 업데이트: 2025-05-17 22:33:46

ลมหายใจของเปรมกระทบฝุ่นเก่าในอากาศ เขาใช้ชายผ้าคลุมปิดหน้าบังกลิ่นไหม้จาง ๆ ที่ยังติดอยู่ในไม้เก่า ไฟจากตะเกียงน้ำมันเล็ก ๆ ในมือส่องสะท้อนให้เห็นผนังเรือนที่แตกร้าว ร่องไม้ที่เคยประณีตบัดนี้มีรอยไหม้ดำปื้น ฝุ่นและเถ้าถ่านจับเป็นคราบหนา

เงียบ...เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเองและเสียงหัวใจที่เต้นช้าลงทุกขณะราวกับกลัวบางอย่างจะได้ยิน เขาเดินอย่างเบาเท่าที่จะเบาได้ ขาเรียวเคลื่อนไปตามความทรงจำ รู้ตำแหน่งของทุกห้อง ทุกซอกทุกมุม แต่บัดนี้มันไม่ใช่ “บ้าน” แล้ว มันคือซาก...ที่เฝ้าหลอกหลอน

เปรมหยุดอยู่หน้าห้องเก็บเอกสาร ประตูไม้ที่เคยแกะสลักลวดลายหรูหราถูกแงะออก เหลือเพียงบานที่เอียงกระเท่เร่ ข้าวของกระจัดกระจายเหมือนถูกค้นอย่างรีบร้อน

เขาคุกเข่าลงพลิกแฟ้มเอกสารทีละชุด เอกสารเกี่ยวกับการติดต่อค้าขายระหว่างราชสำนักกับชาววิลาดหายไปแทบหมด เหลือเพียงเศษใบเสร็จลายมือชื่อหนึ่ง ที่เซ็นด้วยตัวอักษรประณีตแต่อ่านไม่ออก...เหมือนตั้งใจให้ลบเลือน

“...มีคนอยู่เบื้องหลังแน่”

เปรมกัดฟันแน่น แล้วหันไปเปิดลิ้นชักลับใต้โต๊ะ ก่อนจะทันได้ดึงของข้างในขึ้นมา ปลายดาบเย็นเยียบก็กดลงตรงต้นคอเขา เสียงฝีเท้าเบา ๆ ช้า ๆ ดั่งแมวกระโจนเหยื่อดังขึ้นข้างหลัง

"แมวมักจะออกหากินตอนกลางคืนจริง ๆ นะขอรับ...

"คุณพี่เปรม"

เสียงนั้นนุ่มนวล...แต่กลับแฝงไปด้วยพิษร้ายเปรมชะงัก ก่อนจะเหลือบตาไปด้านข้าง

เงาของชายคนหนึ่งในผ้าคลุมดำค่อย ๆ ถอดผ้าปิดหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าเรียวหล่อเหลา ดวงตาคมใต้แสงไฟสะท้อนความพึงพอใจปนเย้ยหยัน

“หลวงวิษณุ...” เปรมพูดช้า ๆ เน้นเสียงทุกพยางค์

“ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเจ้าที่อยู่เบื้องหลังการฆ่าคนทั้งเรือน”

หลวงวิษณุหัวเราะเบา ๆ พลางใช้ปลายดาบยกชายผ้าคลุมของเปรมขึ้น ดวงตาสั่นไหวเพียงชั่วครู่เมื่อเห็นใบหน้าของเปรมชัด ๆ

“...ยังงามเหมือนเดิมเลยนะขอรับ”

“แต่ขอโทษที” เขายิ้มเย็น “...น่าจะงามกว่านี้ถ้าไม่มีไฟไหม้ทำให้ดวงตาพี่แดงขนาดนี้”

"เจ้าคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะได้อะไร?" เปรมถามเสียงเข้ม ดวงตาเรียบนิ่งราวกับน้ำใสในบ่อ แต่มีพายุอยู่เบื้องลึก

"อำนาจเหรอ? หรือแค่จะทำให้เรือนนี้กลายเป็นเถ้าถ่านเหมือนหัวใจเจ้า?"

หลวงวิษณุเดินวนรอบตัวเปรมอย่างช้า ๆ ปลายดาบยังแตะไว้ที่ต้นคอไม่ห่าง

"เปล่าขอรับ...ข้าก็แค่ทำในสิ่งที่ใคร ๆ ก็กลัวจะทำ"

"ลบชื่อ 'หลวงพิตชิเดโช' ออกจากประวัติศาสตร์"

"และดึงพี่เปรมลงมาจากหอคอยที่สูงเกินไป"

แสงไฟสะบัดเบา ๆ จากลมเย็นที่พัดลอดหน้าต่างเข้ามา ทั้งห้องมืดลงชั่วครู่ เปรมสบตาเขา ตอบกลับด้วยเสียงเย็นยะเยือก

"ข้าจะไม่มีวันลืมว่าน้องเขยที่ก้มกราบข้าแทบเท้า...แล้วดูเจ้าตอนนี้สิ วิษณุ"

"เหมือนหมาที่กัดเจ้านายตัวเอง...เพียงเพราะอยากได้กระดูก"

ในขณะเดียวกัน...

อินพายที่เรือฝ่าความมืด

ดวงตาเบิกกว้างในแสงตะเกียงที่วางไว้ตรงหัวเรือ มือสั่นแต่มั่นคง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่เรือนใหญ่ แต่ทุกวินาทีที่ล่วงเลยไป เขารู้แค่เพียงว่า—เขาต้องไปถึงให้ทัน

“คุณเปรม...ได้โปรดอย่าเป็นอะไรเลยนะ”

ลมพัดแรงขึ้น เสียงจั๊กจั่นเงียบลงราวกับหลบภัยจากบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวในเงามืด เสียงพายกระทบผิวน้ำดังขึ้นเป็นจังหวะเหมือนกับเสียงนาฬิกานับถอยหลัง

ใกล้แล้ว...

เงาเรือนใหญ่ปรากฏขึ้นในความมืด เหมือนปราสาทร้างกลางป่าผีสิง อินกระโจนขึ้นท่าทันทีที่เรือแตะพื้น เขาคว้าตะเกียงและวิ่งฝ่าความเงียบเข้าไป

ปลายดาบเย็นเฉียบยังคงแนบอยู่ที่ต้นคอ...แต่ดวงตาของเปรมไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย มีเพียงไหวสะท้อนของกลยุทธ์ที่กำลังแล่นปราดในหัวสมอง

เขาเงยหน้าขึ้นสบตา "น้องเขย" อย่างไม่ลดละ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับนิ้วใต้ชายเสื้อ...

จังหวะลมหายใจขาดช่วงเพียงครึ่งวินาที เปรมสะบัดแขนปัดดาบออกจากลำคอทันที พร้อมกับพลิกตัวเข้าประชิดรวดเร็วเกินกว่าที่หลวงวิษณุจะตั้งตัวได้!

“อึก—!” ดาบกระเด็นไปกระทบผนัง เสียงเหล็กกระทบไม้ดังกังวาน

“เจ้าเลือกผิดที่มาประมือกับข้าในเรือนนี้ วิษณุ…”

เปรมกัดฟันแน่น ขณะที่มืออีกข้างล็อกข้อมือของอีกฝ่ายไว้แน่น เขารู้ดีว่าพื้นเรือนไม้ตรงนี้มีช่องเล็กที่เคยหลีกเลี่ยงมาตลอดชีวิต

และเขาก็ใช้มัน สะบัดข้อเท้าพลิกจังหวะถ่วงน้ำหนัก พร้อมกับถีบขาด้านหลังของหลวงวิษณุให้เสียหลักล้มลงไปกับพื้นเสียงดัง ตึง!

ไม่ปล่อยให้เสียเวลา เปรมกระโจนขึ้นไปทับร่างอีกฝ่ายทันที เขานั่งคร่อมบนลำตัว บีบข้อมือของหลวงวิษณุทั้งสองข้างตรึงกับพื้นไม้เก่า ร่างเพรียวที่เคยอ่อนโยนในแสงจันทร์บัดนี้เต็มไปด้วยอำนาจและความดุดัน

“หายใจไม่ออกล่ะสิ...” เปรมกระซิบเย็น ๆ ดวงตาเรียวหรี่ลงด้วยความข่ม

แต่แทนที่หลวงวิษณุจะดิ้นหรือร้องขอชีวิต เขากลับหัวเราะออกมาเบา ๆ

“หึ...เก่งเหมือนเดิมเลยนะ...แต่ท่านคิดว่าข้ามาคนเดียวรึ คุณพี่เปรม”

ดวงตาเรียวคมของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะจ้องเปรมกลับด้วยรอยยิ้มยั่วเย้า เสียงฝีเท้าดังขึ้นพร้อมกันรอบด้าน เปรมยังนั่งทับหลวงวิษณุไว้แน่น มือข้างหนึ่งกดไหล่อีกฝ่ายไม่ให้ลุกขึ้น

แต่เสียงฝีเท้าพวกนั้น…ทำให้หัวใจเขากระตุก

“ตึง!”

ประตูไม้เก่าถูกถีบเปิด

ชายในผ้าคลุมดำกรูกันเข้ามา ห้าถึงหกคน ทุกคนในมือมีอาวุธ ดาบที่ไม่เงาวาวแต่กลับน่าหวาดหวั่นเพราะเปื้อนรอยเลือดแห้ง ๆ พวกเขาแยกวงล้อมเปรมไว้อย่างมีระเบียบ

เปรมขบกรามแน่น ดวงตายังจ้องหลวงวิษณุที่อยู่ใต้ตัว ปลายดาบจากโจรคนหนึ่งจ่อเข้าที่ซี่โครงขวาเขา อีกคนยกดาบพาดบ่าด้วยท่าทีสบาย ๆ ราวกับไม่เร่งรีบ แต่ในดวงตาพวกนั้น...เต็มไปด้วยความพร้อมฆ่า

หลวงวิษณุหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นมองใบหน้าคมที่เริ่มเต็มไปด้วยโทสะของเปรม

“ท่านพี่นี่ใจร้อนเกินไปทุกทีเลยนะขอรับ…”

น้ำเสียงเขานุ่มแต่ลื่นเหมือนน้ำมัน

“…ท่านโดนล้อมไว้ขนาดนี้ยังไม่ยอมลุกขึ้น”

เปรมไม่ตอบ แต่อุ้งมือข้างที่กดอีกฝ่ายเริ่มสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะประเมินสถานการณ์รอบด้านเขาหายใจช้า ลึกแต่อีกฝ่ายเหมือนตั้งใจจะลบสมาธิของเขาให้สิ้น

“หรือว่า…”

ดวงตาหลวงวิษณุวาวขึ้น ยิ้มขำในลำคอ

“…ท่านพี่ชอบอยู่ด้านบนแบบนี้?..ชอบขึ้นให้อีกฝ่ายสินะขอรับ”

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่ขัดศรัทธา”

พูดจบ เขายกมือขึ้นช้า ๆก่อนจะใช้นิ้วเรียว “บีบเอว” เปรมอย่างจงใจ แรงพอให้เปรมสะดุ้ง และแรงพอให้คนที่ล้อมอยู่หัวเราะในลำคออย่างดูแคลน

เปรมกัดฟันกรอด ลมหายใจหอบถี่จากทั้งแรงกดดันและอารมณ์กรุ่นในอก ใบหน้าที่เคยเรียบนิ่งบัดนี้ขึ้นสีเข้มจากทั้งโทสะและความอับอาย แต่เขายังไม่ขยับ…เพราะรู้ว่า หากลุกขึ้นตอนนี้ เขาจะถูกสังหารทันที

เสียงฝีเท้าอีกคู่ดังขึ้นจากด้านหลังแต่ไม่มีใครในห้องสังเกตเห็น…ดวงตาเปรมเหลือบขึ้นไปมองเพดาน แสงตะเกียงริบหรี่ แต่ในดวงตาเขา เปลวเพลิงแห่งความกล้าเริ่มกลับมาลุกโชนอีกครั้ง

เขาแค่ต้องถ่วงเวลาอีกนิดเดียว…แค่อีกนิดเดียวเท่านั้น

บรรยากาศในห้องไม้เก่าแน่นขนัดด้วยกลิ่นเหงื่อ อาวุธ และกลิ่นเลือดแห้ง ๆ ที่ตลบอยู่ในอากาศ เสียงไฟจากตะเกียงเปลวอ่อนยังสั่นไหวตามแรงลมหายใจของเปรมที่กำลังถูกจับตรึงไว้แน่น ใบหน้าเขาเคร่งเครียด ขากรรไกรขบแน่นจนสันกรามขึ้นรูปชัด แม้ถูกล้อมไว้ด้วยชายฉกรรจ์ติดอาวุธหลายคน ร่างเพรียวที่เคยเปี่ยมด้วยอำนาจเมื่อครู่กลับอ่อนแรงลงอย่างน่าใจหาย

เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ลากเข้ามาในห้องพร้อมกับร่างเฒ่าที่ถูกหามเข้ามา ทำเอาเปรมสะอึก

“ลุงเพิ่ม!?” น้ำเสียงเขาเปล่งออกมาจากลำคออย่างไม่เชื่อสายตา

ชายแก่ผู้เคยดูแลเขาแต่เด็ก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เลือดเปรอะเสื้อผ้า แทบไม่มีแรงจะพยุงตัวเองอยู่ได้ เปรมจะถลาเข้าไป แต่ก็ถูกมือหยาบกร้านของพวกโจรผลักกลับมา กระแทกเข้ากับเสาเรือนจนหลังเขากระทบไม้เสียงดัง

เสียงหัวเราะของหลวงวิษณุกลับมาอีกครั้ง คราวนี้เย็นชาและเสียดแทงมากกว่าเดิม เขาปัดฝุ่นเสื้อคลุมอย่างไม่รีบร้อน ราวกับเพิ่งลุกจากการจิบน้ำชายามบ่าย ไม่ใช่จากสถานการณ์ที่เพิ่งเกือบเสียท่าให้กับเปรม

เขาเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มแปลกประหลาด ก่อนจะก้มลงสวมกอดร่างของเปรมที่ถูกจับมัดไว้แน่น จงใจแนบหน้าเข้ากับซอกคอร้อนผ่าวนั้น กระซิบถ้อยคำเยาะหยันช้า ๆ ชัด ๆ

“ไอแก่นั่นมันขี้เสือกเกินไป…เข้ามายุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่อง ข้าก็เลยจัดการให้เรียบร้อยเสีย”

เสียงหัวเราะเบาหวิวของเขาเย็นยะเยือก “ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ท่านพี่เปรม ข้าส่งมันไปนรกรอท่านแล้ว”

“วิษณุ…” เปรมกัดฟัน เสียงพูดแหบต่ำ ดวงตาสั่นไหวไปด้วยความเจ็บและโทสะ

“…เจ้าจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน?”

หลวงวิษณุหัวเราะ...ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาคู่นั้นสะท้อนทั้งความเจ็บปวด หลงใหล และเกลียดชังในคราเดียว

“เพราะข้ารักท่าน…สุดหัวใจ”

เสียงราบเรียบนั้นทำให้บรรยากาศทั้งห้องเย็นลงทันที

“ที่ข้าแต่งกับน้องสาวท่าน…ท่านคิดว่าเพราะอะไรล่ะ?”

“…”

“ข้าเข้าหาท่านมาตลอด แต่ท่านกลับปฏิเสธข้า แล้วส่งน้องสาวตัวเองมาให้ข้าแต่งแทน…รู้ไหมว่าข้าเกลียดนาง เกลียดทุกครั้งที่ข้าเห็นตาท่านมองนาง เหมือนมองตัวเองในร่างผู้หญิงคนนั้น...”

น้ำเสียงของเขาเริ่มสั่น

“แต่ก็ยอม...เพราะข้าคิดว่าจะได้อยู่ใกล้ท่าน”

แล้วเขากัดฟันแน่น ความร้าวรานผสมพิษร้ายทะลักออกจากดวงตาที่จ้องเปรมเขม็ง

“แต่เพราะไอ้ทาสคนนั้น...เพราะมัน…ท่านถึงไม่แม้แต่จะมองข้าอีก”

“อิน…” เปรมกระซิบชื่อนั้นออกมาอย่างเจ็บปวด

“ข้ารู้ว่าท่านชอบมัน” วิษณุกระชากเสียง

“ข้ารู้ว่าท่านแอบไปช่วยตัวเองแล้วเรียกชื่อมัน…ข้าเห็น! ข้าได้ยิน!”

เปรมเบิกตากว้าง ความลับที่ไม่มีใครควรรู้กลับถูกเปิดโปงโดยคนที่เขาเคยไว้ใจที่สุด

“ข้าถึงต้องหลอกมันขึ้นเรือน! หลอกมันให้เห็นภาพนั้น...ให้มันเจ็บ ให้มันรู้ว่าความรักของมันเป็นไปไม่ได้!”

เสียงสุดท้ายของเขาแทบจะแตกเป็นเสียงตะโกน เปรมสะบัดหัวแรง ๆ ความสับสนแล่นพล่านในหัว...ความจริงอันน่าตกใจตีแสกหน้าอย่างไม่ให้ตั้งตัว

แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เสียงกระแทกของไม้ดังขึ้นที่หลังหัว

“ปึ่ก!”

ภาพตรงหน้าพร่าเลือน เปรมเซ ทรุดลงกับพื้นก่อนที่สติจะดับวูบไปในอ้อมแขนของพวกโจร

“จับมัด แล้วพามันไป…” เสียงเย็นเยียบของหลวงวิษณุเอ่ยขึ้นเบา ๆ เหมือนกำลังสั่งคนให้พับผ้า ไม่ใช่พาร่างคนเป็น ๆ ที่เพิ่งถูกทำร้ายจนหมดสติ

...

ครู่ต่อมา ออนผลักประตูเรือนเก่าเข้ามา ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล

“คุณเปรม!?”

สิ่งที่เขาเห็น มีเพียง ร่างไร้วิญญาณของลุงเพิ่ม นอนแน่นิ่งอยู่กลางห้อง ดวงตาเหม่อลอยไม่มีแสงอีกต่อไป รอยเลือดเปื้อนอยู่ทั่วพื้น และกระดาษแผ่นหนึ่งถูกเสียบไว้ที่หน้าอกเสื้อของลุง

ตัวหนังสือเขียนด้วยหมึกแดงเดือดที่แห้งกรัง

> “ถ้าอยากให้คุณเปรมปลอดภัย

มึงก็ไปจากที่นี่ซะไอ้อิน”

ร่างออนทรุดลงข้างศพ น้ำตาเอ่อเต็มขอบตา ทั้งเจ็บ ทั้งสับสน ทั้งโกรธ...แต่ยิ่งกว่านั้นคือความกลัว และรู้ดีว่า นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของหายนะเท่านั้น.

บนเรือนใหญ่ของตระกูลราชมนู แสงตะเกียงนวลตาไหวริกไปตามลมยามดึก แม่ปิ่นแก้วที่นั่งรออยู่บนตั่งไม้ ริมชานเรือน เสียงจักจั่นร้องระงมเป็นระยะ แต่ไม่อาจกลบความกังวลที่สุมแน่นในอกนางได้

สามีของนาง หลวงวิษณุ อ้างว่าไปทำราชการนอกเมืองตั้งแต่เช้าจรดค่ำ นางเฝ้ารอด้วยหัวใจรุ่มร้อน กระทั่งเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นบริเวณหน้าบันไดเรือน นางลุกขึ้นพลันก่อนจะเบิกตากว้าง

“พี่เปรม!!”

นางร้องลั่น รีบวิ่งเข้าไปเมื่อเห็นร่างชายหนุ่มที่แน่นิ่งและมีคราบเลือดแห้งติดอยู่ตามแขนเสื้อ ถูกหามขึ้นเรือนโดยสามีของตน พร้อมชายอีกคนที่เป็นคนใช้เก่าประจำเรือน

“ใจเย็นก่อน น้องปิ่นแก้ว…เขายังมีลมหายใจอยู่” วิษณุรีบเอ่ย ขณะหันไปพยักหน้าให้คนใช้พาเปรมไปวางลงที่เสื่อกลางเรือน

แม่ปิ่นแก้วทรุดนั่งข้างพี่ชายทันที มือสั่นระริกเมื่อเห็นสภาพเปรมที่อิดโรย ใบหน้าบวมช้ำ รอยฟกช้ำตามซอกคอและแขนขาน่าตกใจอย่างถึงที่สุด ดวงตานางเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา

“เกิดอะไรขึ้น...พี่ชายข้า...เหตุใดจึงได้บาดเจ็บถึงเพียงนี้?” เสียงนางสั่นพร่า

วิษณุเดินเข้ามาอย่างสง่างาม ท่าทางเหมือนผู้มีคุณธรรม แต่นัยน์ตากลับวาววับราวกับได้แสดงละครที่เตรียมไว้เสร็จสรรพ

“ข้า...ข้าก็ไม่คิดว่าจะเจอพี่เปรมในสภาพนี้เช่นกัน ปิ่น” เขาเริ่มพูด พลางนั่งลงข้างภรรยา น้ำเสียงแสร้งเป็นห่วงเป็นใย

“ข้าออกไปตามทางป่าชายเมือง เห็นร่องรอยการต่อสู้ เลือดหยดไปตามทาง ข้าจึงรีบตามไป จนเจอพี่เปรมหนีตายจากพวกโจรอยู่กลางทาง…”

“โจร?” ปิ่นแก้วหันขวับ น้ำตาร่วงทันที

“พวกมันคงจะหวังทรัพย์หรือมีจุดประสงค์ร้าย ข้าไม่ทันได้สู้พวกมัน เพียงพาเขาหนีมาได้ก่อนที่พวกมันจะกลับมาอีก” วิษณุพูดอย่างน่าเชื่อ สบตาภรรยาตรง ๆ พลางเอื้อมมือกุมไหล่นางแน่นด้วยท่าทีเป็นห่วง “เราต้องรีบพาเขาพักรักษาตัวก่อนนะ ปิ่น”

แม่ปิ่นแก้วหลั่งน้ำตาออกมา เธอเชื่อสนิทใจ มองหน้าสามีอย่างสำนึกบุญคุณ

“ขอบคุณเจ้าค่ะ…ขอบคุณท่านนักที่ช่วยพี่ข้าไว้…”

วิษณุเพียงยิ้มบาง ๆ แล้วหันไปมองเปรมที่ยังไม่รู้สึกตัว ดวงตาเขาทอดมองร่างนั้นอย่างครุ่นคิด คล้ายจะกระซิบกับตัวเองว่า

“เจ้าจะไม่มีทางหนีพ้นไปจากข้าได้อีกแล้ว ท่านพี่…”

และแล้วม่านกลางคืนก็คลี่คลุมทุกสิ่ง โดยที่แม่ปิ่นแก้วไม่รู้เลยว่า ทุกคำพูด ทุกหยาดน้ำตา…คือเพียงฉากในละครที่หลวงวิษณุเป็นผู้เขียนบทเองทั้งสิ้น.

ยามเช้าผ่านพ้นอย่างเงียบงัน แสงแดดอ่อนสีทองสาดลอดผ่านช่องไม้ของเรือนไม้เก่า เปรมกระพริบตาช้า ๆ รับความเจ็บปวดที่แล่นพล่านอยู่ทั่วสรรพางค์ร่างกาย ร่างกายของเขาปวดระบมราวกับเพิ่งผ่านการต่อสู้มาหลายราตรี กลิ่นหอมอ่อนของสมุนไพรยังอวลอยู่ในอากาศ และทันทีที่เขาพยายามขยับตัว เสียงร้องเบา ๆ หลุดออกมาจากลำคอโดยไม่ตั้งใจ

“อื้อ...” เปรมขมวดคิ้วแน่นก่อนจะเหลือบตาไปรอบห้อง

มันคือเรือนไม้สักที่ดูคุ้นตา...คล้ายกับเคยมาเยือน แต่ไม่สามารถปะติดปะต่อความทรงจำได้ทั้งหมด

เขากำลังจะพยายามลุกขึ้น ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าเบา ๆ ก็ดังขึ้น และราวกับเวลาเดินช้าลง หญิงสาวผู้หนึ่งพรวดเข้ามาในห้อง ดวงหน้าหวานประดับด้วยความกังวล “พี่เปรม! พี่เปรมตื่นแล้วหรือคะ?”

“...แม่ปิ่นแก้ว?” เปรมเบิกตากว้าง

น้องสาวของเขาย่อตัวลงข้างเตียงทันที มืออุ่นประคองแขนของเขาขึ้นอย่างระมัดระวัง

“พี่เจ็บตรงไหนอีกหรือไม่? เมื่อคืนท่านเพ้อทั้งคืน ข้าแทบไม่ได้นอน”

เปรมมองเธอด้วยสายตาตื่นตระหนก สมองเขาประมวลสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ถ้าแม่ปิ่นแก้วอยู่ที่นี่...ก็แปลว่าที่นี่คือเรือนของนาง แล้วนั่นแปลว่า...

“...แล้ว...สามีเจ้าล่ะ” เปรมถามเสียงต่ำ

ก่อนที่น้องสาวจะตอบ เสียงเปิดประตูเบา ๆ ก็ดังขึ้น

“ข้าก็อยู่ที่นี่...” น้ำเสียงนั้นเรียบนิ่งแต่แฝงด้วยความเย้ยหยัน หลวงวิษณุยืนอยู่หน้าประตู ดวงตาเรียวหรี่ลงอย่างจับผิด ก่อนจะก้าวเข้ามาในห้องช้า ๆ

เปรมสบตาชายผู้นั้นก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่ เขาต้องรอดออกไปจากที่นี่ ต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เขาสลบ และที่สำคัญ...ต้องแฉความชั่วร้ายของหลวงวิษณุให้ได้

“ท่าน...เป็นใคร?” เปรมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงพร่า

ปิ่นแก้วหันขวับไปมองหน้าเขา “พี่เปรม?”

“พี่จำข้าไม่ได้หรือ...” ดวงตาหญิงสาวเต็มไปด้วยความสับสน “เมื่อครู่นี้ท่านยังเรียกข้าว่าแม่ปิ่นแก้วอยู่เลย...”

เปรมขมวดคิ้วแสร้งทำเป็นเจ็บปวดจนต้องหลับตา มือข้างหนึ่งกุมขมับ “ข้าขอโทษ...หัวข้าปวดเหลือเกิน...”

หลวงวิษณุเดินเข้ามาใกล้พร้อมรอยยิ้มบางที่ดูไม่จริงใจเลยแม้แต่น้อย เขาวางมือลงบนไหล่ของภรรยาเบา ๆ “แม่ปิ่น เจ้ารบกวนออกไปรอข้างนอกก่อนเถิด ข้าขอคุยกับท่านพี่เปรมสักครู่”

“แต่ท่าน...พี่เปรมเพิ่งฟื้น” ปิ่นแก้วเอ่ยเสียงสั่น “ร่างกายยังไม่แข็งแรง จะสอบสวนอะไรนักหนา”

“เพียงพูดคุยเบา ๆ เท่านั้น ข้าสัญญา”

หญิงสาวลังเลเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจและเดินออกจากห้องโดยไม่วายหันกลับมามองพี่ชายด้วยแววตาห่วงใย “พี่เปรม...ถ้ารู้สึกไม่ดี บอกข้าได้นะ ข้าอยู่ใกล้ๆ นี้”

เปรมส่งสายตากำลังใจให้นางก่อนจะหันกลับมามองศัตรูตัวฉกาจ

เมื่อประตูปิดลง หลวงวิษณุก็พลิกท่าทีทันที เขาก้าวพรวดมานั่งคร่อมลงบนเตียง มือเย็นเฉียบยกคางเปรมขึ้นบังคับให้สบตา

“จำข้าไม่ได้...จริงๆ หรือ?”

เปรมกลั้นหายใจ แต่รีบแสดงสีหน้าว่างเปล่า “ท่าน...ใครกัน ข้า...ไม่เคยเห็นหน้าท่านมาก่อนเลย”

“เจ้ากำลังเล่นละครอยู่ใช่ไหม” วิษณุหัวเราะเบา ๆ จมูกเฉียดแก้มเขา

“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จักแววตาของเจ้าหรือ? แววตานั้นน่ะ”

คำพูดนั้นทำให้เปรมตัวแข็งทื่อ พูดจาบ้าบออะไรของมัน กะจะให้คนที่มาได้ยิน เข้าใจผิดหรือเขาอยากจะผลักอีกฝ่ายออกเหลือเกินแต่ก็ต้องฝืนเก็บอารมณ์

“ข้า...จำไม่ได้จริงๆ” เขาแกล้งเบือนหน้าไปทางอื่น

หลวงวิษณุจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะในลำคอ “เช่นนั้นก็ดี...เจ้าไม่จำอะไรได้ ก็ดีแล้ว”

ก่อนจะผละออกไป เขายังจงใจจูบลงบนหลังมือของเปรมอย่างจาบจ้วง แล้วเดินจากไป ทิ้งให้เปรมนอนกำหมัดแน่น ใบหน้าเขียวคล้ำด้วยความโกรธจัด

“ไอ้ชาติชั่ว...ข้าจะลากเจ้าลงนรกให้ได้”

เวลาสายวันเดียวกัน แม่ปิ่นแก้วถือถาดอาหารเข้ามาในห้องอีกครั้ง สีหน้าของนางอ่อนโยน ดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใย

“พี่เปรม ข้าปรุงแกงจืดใบตำลึงเอง ท่านพอจะรับประทานได้หรือไม่”

เปรมคลี่ยิ้มจางๆ เขาผงกศีรษะรับ ก่อนจะใช้โอกาสตอนที่นางตักข้าวป้อนเข้าปากแอบพูดเบาๆ

“แม่ปิ่น...ความจริงข้าจำได้”

มือของปิ่นแก้วชะงัก นางจ้องหน้าเขานิ่ง “พี่พูดอะไรนะ?”

“ฟังข้าให้ดี...อย่าให้ไอ้เวรนั่นรู้ ว่าข้าจำทุกอย่างได้ ข้าต้องรู้ว่ามันกำลังทำอะไร...และเจ้าเองก็ต้องระวังตัว”

“ท่านพี่หมายความว่าสามีข้า...”

“มันเป็นคนอันตราย มันสมรู้ร่วมคิดกับพวกวิบัติ ข้าเห็นมันด้วยตาตัวเอง เจ้าอย่าเพิ่งเชื่อข้า...แค่คอยสังเกตมัน แล้วเจ้าจะรู้ว่าข้าพูดความจริง”

ปิ่นแก้วกำช้อนแน่น นางดูสับสน “ข้า...ไม่อยากเชื่อเลย...ท่านเขาดูเป็นคนดีมาตลอด ดูมีความรู้ ดูมีเมตตา...”

“นั่นคือสิ่งที่มันอยากให้เจ้าคิด...”

หญิงสาวเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะสบตาพี่ชายด้วยความแน่วแน่ “ถ้ามันเป็นความจริง...ข้าจะช่วยท่าน ข้าจะหาทางเปิดโปงมัน”

ด้านนอกเรือน อินเดินว่อนอยู่ในตลาด ดวงตาคมจับจ้องผู้คน พยายามฟังข่าวคราวจากการพูดคุยของชาวบ้าน

“ได้ข่าวหรือยัง? แม่ปิ่นแก้วเจอพี่ชายที่หายตัวไปแล้วนะ!”

“จริงรึ?”

“ข้าว่าใช่ ตอนนี้เขารักษาตัวอยู่ในเรือนของแม่ปิ่นนั่นแหละ เห็นว่าบาดเจ็บหนักเชียว...”

หัวใจอินเต้นแรง เขากำลังจะเดินเข้าไปถามให้ชัด แต่ทันใดนั้นเอง กลุ่มชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ หน้าตาเต็มไปด้วยแผลเป็นก็เดินปรี่เข้ามา พวกมันหยิบจับผลไม้ข้าวของตามร้านค้าโดยไม่ถาม จนชาวบ้านแตกกระเจิงไปคนละทิศ

อินถอยหลัง เงี่ยหูฟังพวกมันพูด

“ไอหลวงกรมคลังแม่งความจำเสื่อมเรอะ?”

“หึ...คืนนั้นเราก็ไม่ได้เล่นแรงเท่าไรนี่หว่า แค่เอามีดกรีดให้พอสมจริงเอง”

“ฮ่าๆ แล้วคนอย่างมัน รักชายด้วยกัน มัน...เอากันยังไงวะ ฮ่าๆๆ”

เสียงหัวเราะเย้ยหยันปนถ่อยทำให้อินมือสั่น เขาเกือบจะปรี่เข้าไปซัดไอพวกสารเลวนี้ให้รู้แล้วรู้รอด

แต่แล้ว...มือเล็ก ๆ ข้างหนึ่งคว้าเขาไว้

“ตามข้ามาเงียบ ๆ เดี๋ยวนี้” เสียงหญิงกระซิบ

อินหันมอง นางสวมผ้าคลุมหน้า แต่เขาจำแผ่นหลังนั้นได้...

คุณปิ่นแก้ว!

หล่อนดึงเขาเข้าไปในตรอกแคบ ปราศจากผู้คน

“คุณปิ่นแก้ว...ท่าน...”

“เงียบก่อน” นางถอนผ้าคลุมหน้า “พี่เปรมอยู่ปลอดภัย ข้าให้สัญญา เจ้ายังไม่ควรเข้าไปตอนนี้ มันอันตรายเกินไป”

“แต่ข้าเป็นห่วงเขา ข้าอยากเจอเขา—”

“เจ้าเจอได้...ผ่านข้า ข้าจะส่งข่าวให้เขารับรู้...และเจ้าก็ต้องอยู่เงียบ ๆ อย่าให้ใครจำเจ้าได้ เข้าใจหรือไม่?”

อินเม้มปากแน่น ก่อนจะพยักหน้า “ข้าจะอดทน...ตราบเท่าที่ท่านยังอยู่ข้างเรา”

ปิ่นแก้วมองเขาแน่วแน่ “ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครทำร้ายพี่เปรมได้อีกต่อไป ข้าสัญญา”

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • บัญชารักคุณหลวง   ข้ามาหาแล้วหนา

    หลังจากพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลครบกำหนดสองวันตามคุณหมอสั่ง ธีรัชก็ได้กลับมาที่บ้านของตนเองอีกครั้ง บ้านที่เขาควรจะเคยคุ้นแต่กลับรู้สึกแปลกตา เหมือนกลายเป็นแค่ฉากในละครที่ไม่ได้ฉายให้ใครดู เขาเดินช้า ๆ ผ่านห้องนั่งเล่น มองเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัวล้ำสมัย ตู้เย็น ทีวี และโซฟานุ่ม ๆ ที่เคยนั่งดูซีรีส์กับตัวเองในทุกคืนวันศุกร์จนลากไปเช้าของอีกวัน... ชีวิตที่สะดวกสบายและบ้านหลังใหญ่โตที่เขาสร้างมันขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ด้วยความภาคภูมิใจที่แต่ก่อนเขาต้องรู้สึกดีใจและมีความสุขทุกครั้งที่ได้กลับมาเหยียบที่แห่งนี้แต่ครั้งนี้ทำไมมันกลับไม่อุ่นเหมือนอ้อมแขนของใครบางคนที่เขาคิดถึงจับใจ หรือเพียงเพราะโลกใบนี้ ไม่มีคุณเปรมอยู่ด้วย...ธีรัชนั่งลงกับพื้นเบา ๆ ตรงระเบียงหลังบ้าน ลมฤดูหนาวพัดแผ่วผ่านใบหญ้า เสียงนกกระจอกยังคงร้องเจื้อยแจ้วไม่รู้วันเวลาผ่านไปแค่ไหนสำหรับพวกมัน ต่างจากหัวใจของธีรัชที่เหมือนหยุดเดินตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาจาก “บ้าน” หลังหนึ่งในยุคต้นรัตนโกสินทร์กลับมาเขาหลับตา สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แต่ก็ไม่ได้กลิ่นดอกมะลิที่เคยหอมกรุ่นในยามเช้า กลิ่นหอมน้ำอบไทยที่มักจะติดต

  • บัญชารักคุณหลวง   หวงกลับคืน

    ทินกรรุ่งอรุณ แสงแดดอุ่น ๆ สาดผ่านม่านผืนบาง ละไล้ลงบนใบหน้าของอินที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง เปรมยืนอยู่มุมห้องอย่างเงียบเชียบ จนเมื่อหมอที่เขาเรียกมาตรวจอาการเดินออกมาจากห้อง อินหันไปมองด้วยสายตาเป็นกังวล“เขาเป็นอย่างไรบ้างขอรับท่านแพทย์?” เสียงเปรมเต็มไปด้วยความห่วงใยแพทย์หมอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยคำวินิจฉัย “จากที่ฉันตรวจดูทั้งหมดแล้ว คิดว่านายคนนี้น่าจะแพ้พิษบางอย่างที่สะสมในร่างกาย และเพิ่งจะแสดงอาการออกมา โชคดีที่ตรวจพบเร็ว ฉันจัดยาไว้ให้แล้ว ให้กินเช้าเย็นนะหลวงเปรม”เปรมพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเครียด“ที่สำคัญ ช่วงนี้อย่าให้เขาใช้ร่างกายหนัก ๆ ยิ่งถ้ามีไข้ พิษจะยิ่งกระจายเร็วขึ้น ต้องระวังให้ดี”“ขอรับ… ขอบพระคุณมากขอรับท่านแพทย์ขอบคุณจริง ๆ”คุณเปรมส่งหลวงแพทย์หมอจนลับสายตา ก่อนจะรีบกลับเข้าห้อง เขาเปิดประตูเบา ๆ เหมือนกลัวเสียงจะไปรบกวนคนป่วย บนเตียง อินนอนเอนพิงหมอนอยู่ก่อนแล้ว ดวงตากลมใสสบกับเขาอย่างแนบแน่น มีแววซุกซนผสมความอ่อนล้าอยู่ในนั้น“ไม่ต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้นก็ได้นะครับ” อินพูดเบา ๆ น้ำเสียงพยายามกลั้วหัวเราะ “ผมสบายดีม๊ากก ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ไม่เป็นไรหรอกน

  • บัญชารักคุณหลวง   ลางสังหรณ์

    แสงแดดยามสายทอดผ่านม่านโปร่งบางภายในโถงของเรือนหลังใหญ่ เสียงจิบน้ำชาดังแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบสงบที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของใบชาและมะลิอบแห้งเปรมนั่งเอนหลังบนเบาะรองตัวยาว ร่างกายที่เคยแบกรับภาระหนักอึ้งมาหลายวันคล้ายได้หย่อนคลายเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน เขาสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย ผ้าคลุมบางสีอ่อนพาดบ่า ใบหน้าเริ่มมีรอยอ่อนล้าจาง ๆ แต่แววตายังคงหนักแน่นและแน่วแน่เช่นเดิมอินนั่งอยู่พื้นข้าง ๆ มือหนึ่งหยิบหนังสือ อีกมือก็ไม่วายวางไว้บนขาของคนรัก พยักหน้าเบา ๆ รับฟังอย่างตั้งใจ แม้บทสนทนาที่เอ่ยออกมาจะชวนให้ใจสั่นไม่น้อย“อีกไม่กี่วัน…” เปรมเอ่ยเสียงเรียบ ขณะทอดสายตามองออกไปยังสวนหลังบ้าน“หลวงวิษณุจะถูกนำตัวไปประหาร พร้อมกับ พักพวกอีกสามคน”อินชะงักมือที่กำลังเปิดหน้ากระดาษ เสียงคำว่า “ประหาร” กระแทกเข้าหูราวกับสายลมหนาวเฉียบ เขาเงยหน้ามองอีกคน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ แต่ไม่ได้เอ่ยขัด เพราะเข้าใจดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องของความแค้นส่วนตัวธรรมดา หากแต่เป็น ความยุติธรรมที่คนบาปสมควรได้รับเปรมวางถ้วยชาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหันมาสบตาอินตรง ๆ“ข้ารู้ว่าเจ้าหวั่นใจ แต่การลอบสังหาร เจตนาโค่นล้มอำนาจ

  • บัญชารักคุณหลวง   น้ำเดือดที่ดับไฟกองเล็ก

    แสงแดดยามสายทอดผ่านหมู่เมฆลงมากระทบผิวน้ำในท่าเรือ เกลียวคลื่นเบาๆ ซัดกระทบข้างลำเรือสำเภาอย่างสม่ำเสมอ เสียงเชือกเสียดสีกับเสากระโดง สลับกับเสียงกลาสีเรือร้องสั่งงานก้องไปทั่วท่าเรือ เปรมยืนอยู่ที่หัวท่า ชุดเครื่องแบบขุนนางขอบทองดูขรึมขลัง เขากำลังไล่ตรวจตราสินค้าที่ถูกขนลงจากเรือ สำรวจบัญชีรายชื่อสินค้าจากแดนไกลพลางใช้แววตาเคร่งขรึมพินิจทุกรายละเอียดทว่ากระแสลมเย็นที่พัดมากลับนำพาบางสิ่งมาให้เขา กลาสีเรือชาววิลาทคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหา มอบจดหมายเก่าๆ ซองขาดปลายให้โดยไม่เอ่ยคำใด เปรมรับไว้ด้วยความสงสัย ครั้นเปิดจดหมายอ่าน ความสงบของเช้าวันนั้นก็ถูกฉีกทึ้งข้อความที่เขาได้อ่านนั้นสั้น เรียบง่าย แต่ราวกับเสียงระเบิดในอก> “รีบกลับมาดูผลงานข้าสิขอรับคุณพี่เปรม ก่อนที่มันจะตายน่ะ”เส้นเลือดที่ขมับเขาปูดพองขึ้น มือข้างหนึ่งกำกระดาษจนยับยู่ยี่ ขณะที่อีกมือแทบสั่นเทา ใจของเปรมกระโจนไปข้างหน้าเร็วกว่าความคิด เขารู้ดี ใครเป็นคนทำเรื่องนี้ได้ และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กล้าเยาะหยันเขาเช่นนี้ หลวงวิษณุ“รีบส่งกำลังตามจับหลวงวิษณุเดี๋ยวนี้!” เขาสั่งเสียงกร้าวกับทหารที่ติดตามมาด้วย" มันยังอยู่พ

  • บัญชารักคุณหลวง   ภาระที่ต้องแบกรับ

    เสียงฝีเท้าดังสม่ำเสมอบนพื้นไม้สักของตำหนักฝ่ายในเรือน เปรมเดินกลับมายังห้องพักชั้นบนอย่างเหนื่อยล้า แขนเสื้อถูกร่นขึ้นครึ่งหนึ่ง เหงื่อชื้นผุดบนหน้าผากแต่ไม่ทันได้ซับ เจ้าตัวก็ทรุดตัวลงกับเก้าอี้ไม้ฝังลายอย่างหมดแรงบนโต๊ะข้างเตียงมีจดหมายหนึ่งฉบับวางอยู่เรียบร้อย ลายมือเจ้าหนุ่มคนรักวางซองกระดาษไว้แนบด้วยใบไม้สีเขียวที่แห้งไปบ้างจากการเดินทางไกล เปรมมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแกะเปิดด้วยมือที่ยังเปรอะหมึกจากเอกสารเมื่อบ่ายเขาอ่านมันช้าๆ เงียบๆ ไม่มีใครในที่นี้รู้ว่าอินเขียนอะไรในนั้น ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีน้ำตา มีเพียงรอยยิ้มบางที่คลี่ออกบนใบหน้าของชายหนุ่มผู้เก็บงำความรู้สึกจนคนรอบตัวเรียกเขาว่า ‘คุณเปรมจอมบึ้งตึง’เปรมยกใบไม้นั้นขึ้นแนบจมูก สูดกลิ่นจาง ๆ ที่หลงเหลืออยู่พลางหลับตาลงอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะเปิดสมุดบันทึกเก่าหนังวัว หย่อนใบมะลิลงบนหน้าหนึ่งที่ยังว่าง แล้วจดบางสิ่งไว้ด้วยลายมือเรียบร้อยเพียงไม่กี่คำ"ยังมีบ้านให้กลับเสมอ"เขามองออกไปยังท้องฟ้ากลางคืนผ่านหน้าต่าง บนฟ้าคืนนี้เต็มไปด้วยหมู่ดาว และพระจันทร์ทรงกลดก็สุกสว่างอย่างสงบ เป็นค่ำคืนที่สวยงามเกินกว่าจะเก็บไว้ในควา

  • บัญชารักคุณหลวง   ฝากดูแลแทนข้าที

    หลายต่อหลายวันผ่านไปไวเหมือนโกหก เพราะวันนี้กลับเป็นวันที่ต้องส่งคนรักออกไปทำงานไกลตัวเสียแล้ว รุ่งเช้าตรู่ แสงแดดแรกของวันทอดผ่านหน้าต่างเรือนไทยส่องสะท้อนกับผืนน้ำที่สงบเงียบ เสียงไก่ขันยังไม่ทันจางหาย อินก็ตื่นขึ้นมาอย่างรู้งาน เขาเตรียมน้ำท่าร้อนอุ่นอย่างพอดี กลิ่นมะลิจากเกลืออาบน้ำที่ตั้งใจผสมด้วยมือของตนเองลอยคลุ้งทั่วห้อง อินขัดผิวและเช็ดตัวให้เปรมอย่างอ่อนโยน ทุกจังหวะของนิ้วและฝ่ามือเหมือนตั้งใจจดจำสัมผัสของคนรักไว้ในใจ“คุณเปรม…” อินพูดขึ้นในขณะที่กำลังติดกระดุมเสื้อผ้าให้ “ถ้าเดินทางไปถึงที่โน่นแล้ว อย่าลืมเขียนจดหมายมาหาผมนะครับ อย่างน้อยก็...เดือนละสองฉบับก็ยังดี”เปรมยกมือขึ้นลูบศีรษะของอินเบา ๆ “เจ้าจะไม่เขียนตอบกลับข้ารึ?”“ผมกลัวว่าจะเขียนไม่ทันคุณเปรมต่างหาก” อินแสร้งเบะปาก พลางส่งยิ้มละมุน “แค่คิดถึงก็แทบจะเขียนทุกวันอยู่แล้ว”เปรมหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะกดจูบลงที่หน้าผากอีกฝ่ายแผ่วเบา เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใย และความเสียดายเมื่อถึงเวลาต้องไปที่ท่าเรือ อินช่วยขนของและจัดแจงทุกอย่างอย่างคล่องแคล่ว เขายกกระเป๋า ผูกเชือกมัดปากถุง เดินขึ้นลงเรือจนเหงื่

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status