"ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่เคยนอนกับผู้หญิงคนไหนได้เกินหนึ่งเดือน แต่ถ้าผมติดใจคุณและยังต้องการ คุณก็ต้องทำหน้าที่นี้ต่อไป จนกว่าที่แม่ของคุณจะออกจากโรงพยาบาล เข้าใจใช่ไหมเฟรย์!" “คุณหมอ เราเคยรู้จักกันเหรอคะ” “แน่นอนว่าไม่” “ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงกล้ายื่นเงื่อนไขนี้ให้ฉันละคะ” “คุณเป็นผู้หญิง ส่วนผมเป็นผู้ชาย เรื่องมันก็เข้าใจง่ายมากเลยไม่ใช่เหรอ อีกอย่างเรื่องเซ็กส์นี่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ มนุษย์ที่ไหนก็มีเซ็กส์กันทั้งนั้น คุณคิดว่าผมเป็นหมอแล้วจะมีชีวิตส่วนตัวไม่ได้เหรอ” “ฉัน…” “นามบัตรของผม ถ้าคิดได้แล้วก็โทรมาก็แล้วกัน” “อติวิชญ์ สหัสวัตโยธิน…” “มีอะไรเหรอ หรือว่านึกอะไรขึ้นมาได้” “เปล่าค่ะ ฉันขอตัวก่อน” “ต้นกล้า… ครั้งนี้ฉันจะเป็นคนแก้แค้นให้นายเอง” เรื่องราวมันจะจบลงตรงไหน ฝากกดติดตามและให้กำลังใจทั้งคู่ไปด้วยกันนะคะ
View Moreโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง
“แม่ไม่ต้องห่วงนะ เฟรย์จะรออยู่หน้าห้องผ่าตัด”
ผู้เป็นแม่ทำได้แค่ยิ้มให้เธอก่อนที่เตียงคนไข้จะถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด “ณิชมน" ได้แต่ยืนมองอยู่ด้านนอก ไม่นานคุณหมอที่สวมชุดพร้อมผ่าตัดก็เดินเข้ามาหาเธอ
“ไม่ต้องห่วง คุณแม่ของคุณจะปลอดภัย”
“ขอบคุณค่ะ”
ดวงตาหม่นนั้นไม่ได้บอกถึงความยินดี สายตาของคุณหมอเจ้าของไข้เองก็เช่นกัน เขาก็ไม่ได้หวังว่าเธอจะเข้าใจในการทำงานของเขา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเกิดจากข้อแลกเปลี่ยนของทั้งคู่ทั้งหมด
ก่อนหน้านั้นสองเดือน
“เคสนี้เป็นเคสที่ค่อนข้างหนัก คุณแม่ของคุณต้องทำการผ่าตัดค่ะ”
“อะไรนะคะ แต่ประกันชีวิตที่คุณแม่ทำไว้ วงเงินอาจจะไม่พอ”
“เท่าที่ดูแล้วน่าจะเพียงพอในการผ่าตัดครั้งแรกค่ะ แต่เรื่องค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาจจะมีเพิ่มเติม นี่เป็นยอดค่าใช้จ่ายที่คุณหมอลองคำนวณมาให้ คุณลองพิจารณาดูอีกทีนะคะ”
พยาบาลยื่นเอกสารการรักษาทั้งหมดของคุณ “ชมจันทร์” มาให้ แม่ของเธอเป็นเจ้าของสวนมะม่วงและมะพร้าว แต่เพราะโหมงานหนักกับออเดอร์ที่รับมา เธอจึงได้เกิดอาการหน้ามืดเป็นลม โชคดีที่คนงานในสวนเห็นและนำตัวเธอส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา แต่เมื่อตรวจโดยละเอียดกลับพบว่าเธอมีเนื้องอกที่สมอง
“ค่าใช้จ่ายมากขนาดนี้เลยเหรอ”
เอกสารในนั้นมีค่าใช้จ่ายเกือบสองล้านบาท แม้ว่าแม่ของเธอจะทำประกันชีวิตเอาไว้ แต่วงเงินในการรักษารวมทั้งหมดก็อาจจะไม่พอ เมื่อเห็นค่ารักษาพยาบาลแล้วเฟรย์ทรุดตัวลงกับโซฟาในห้องพักฟื้นของแม่ แม้ว่าเธอจะมีงานทำและเงินเดือนก็นับว่าพอใช้ได้ แต่ไม่อาจจะไม่พอหากต้องใช้เงินมากขนาดนี้ อีกอย่างตั้งแต่แม่ของเธอเข้าโรงพยาบาลและรับการรักษา ก็ยังไม่เคยได้คุยกับคุณหมอเจ้าของไข้เลยสักครั้ง
“คุณหมอจะเข้ามาไหมคะวันนี้”
“คุณหมอ “อติวิชญ์” จะเข้ามาช่วงบ่ายค่ะ ถ้าคุณอยากจะคุยกับคุณหมอเดี๋ยวฉันจะแจ้งให้นะคะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ”
บ่ายวันนั้น / ห้องพักคุณหมอ
“คุณหมอคะ ญาติผู้ป่วยห้องแปดสองสองอยากปรึกษาคุณหมอเรื่องการผ่าตัดค่ะ”
“ห้องแปดสองสอง…”
“อติวิชญ์” หมอศัลยกรรมสมองและเจ้าของไข้ของชมจันทร์ หยิบแฟ้มมาดู เมื่อเห็นชื่อของผู้ป่วยเขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยและหันไปบอกพยาบาลผู้ช่วยของเขา
“ให้เธอเข้ามาคุย ผมว่างตอนบ่ายสาม”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันไปแจ้งญาติผู้ป่วยให้นะคะ”
“ขอบคุณมากครับ”
เมื่อพยาบาลผู้ช่วยออกไปแล้ว อติวิชญ์ หรือ “มาร์ค” หมอหนุ่มในวัยสามสิบสองปี เขาพึ่งได้รับตำแหน่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษทางด้านศัลยกรรมสมองมาหมาด ๆ และยังเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยดังอีกสองแห่ง เมื่อหันไปมองนอกหน้าต่างด้านนอกก็ยิ้มออกมา
“ได้เจอสักทีสินะ”
เมื่อเฟรย์รู้ว่าคุณหมออนุญาตให้เข้าพบได้ เธอจึงรีบเดินตามพยาบาลผู้ช่วยเข้ามาที่ห้องพักของคุณหมอทันที เมื่อเคาะประตูและเสียงอนุญาตดังขึ้นเธอจึงเดินเข้าไปด้านใน เฟรย์หันไปสวัสดีคุณหมอที่ดูอายุมากกว่าเธอแต่คงไม่มากเกินห้าปี เขาสวมแว่นตา หน้าตานิ่งและดูเย็นชากว่าที่เธอคิด
“สวัสดีค่ะคุณหมอ ดิฉันอยากจะปรึกษาเรื่องอาการป่วยของคุณชมจันทร์ค่ะ”
“เชิญนั่งก่อนสิครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
เขาปรายตามองเธอนิดหน่อยและบอกให้เธอนั่งลง หญิงสาวในวัยยี่สิบห้าปีค่อย ๆ นั่งเก้าอี้ตรงข้ามเขา ในมือเธอถือเอกสารที่พยาบาลให้เอาไว้แน่น หมอมาร์คที่หันไปคลิกบางอย่างในคอมพิวเตอร์เสร็จ จึงหันมามองเธอ
“ว่ายังไงครับ คุณมีอะไรจะคุยกับผมเหรอ”
“คือว่าเรื่องการผ่าตัดของคุณแม่น่ะค่ะ ดิฉันอยากทราบรายละเอียดว่าต้องทำการผ่าตัดเร่งด่วนเลยไหมคะ แล้วก็ค่ารักษาทั้งหมด… จะเกินกว่าที่คุณหมอประเมินมาหรือเปล่า ดิฉันจะได้เตรียมตัวถูก”
“เห็นว่าคุณชมจันทร์ก็มีประกันชีวิตอยู่ไม่ใช่เหรอครับ เรื่องค่ารักษาไม่น่าจะต้องห่วงนี่”
“ใช่ค่ะ เรื่องค่าผ่าตัดอาจจะไม่มีปัญหา แต่ว่าค่าห้องที่ต้องจ่ายในช่วงพักฟื้น… คือว่ามันค่อนข้างสูง ดิฉันจึงอยากจะทราบว่าต้องใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน เพราะส่วนต่างตรงนี้ เราต้องรับผิดชอบเอง”
“อ้อ ผมเข้าใจแล้ว ถ้าตามปกติผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดสมอง ช่วงพักฟื้นในโรงพยาบาลอย่างต่ำก็ไม่เกินเจ็ดวัน หากมีอาการแทรกซ้อนก็ราว ๆ สิบวันไม่เกินสิบห้าวัน นอกจากมีอาการอื่นร่วมด้วย ดังนั้นผมคิดว่าหากต้องการสำรองเรื่องค่าห้อง ก็ควรจะต้องคำนวณเผื่อเอาไว้สักหนึ่งเดือน”
“หนึ่งเดือน… เลยเหรอคะ”
“ผู้ป่วยหลังการผ่าตัดมีอาการไม่เหมือนกัน บางคนก็หายเร็วกว่าปกติ แต่บางคนหากมีอาการข้างเคียงมาก ๆ ก็คงต้องดูอาการกันยาว ๆ อ้อจริงสิอย่าลืมเรื่องค่าใช้จ่ายหลังจากที่ผ่าตัดไปแล้ว ก็ต้องมีการมากายภาพบำบัดและตรวจร่างกายทุกเดือนด้วย ผมลืมไปเลยว่าตรงส่วนนี้ประกันชีวิตน่าจะไม่จ่ายให้ใช่ไหม”
“นั่น… จริงด้วยสิ”
สีหน้าของเฟรย์เริ่มวิตกกังวลมากขึ้น เธอลืมนึกถึงเรื่องหลังจากการผ่าตัดไปเลย ทั้งเรื่องการรักษาต่อเนื่องและการพักฟื้น ถึงจะผ่านเรื่องการผ่าตัดใหญ่ไปได้ แม่ของเธอก็อาจจะต้องพักอย่างน้อยสามถึงหกเดือน และยังต้องมาตรวจที่โรงพยาบาลตลอด
“ดูเหมือนคุณจะค่อนข้างลำบากใจนะคุณ…”
“ณิชมนค่ะ”
“คุณณิชมนเอาแบบนี้ก็แล้วกัน คุณลองกลับไปคิดดูก่อน ที่ผมประเมินค่ารักษาไปให้คุณ นี่เป็นเพียงเบื้องต้นเท่านั้น ยังไม่นับเรื่องที่จะมีอาการแทรกซ้อน หรือภาวะที่คนไข้ต้องรับหลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น แต่ยังไงผมก็คงต้องบอกว่าอาการของคุณแม่คุณ จะต้องได้รับการผ่าตัด ไม่อย่างนั้นอาจจะอันตรายมากในอนาคต คุณเข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม”
“ฉันทราบค่ะ”
‘ณิชมน เอมฤทัย เป็นเธอจริง ๆ ด้วยสินะ’
สีหน้าของเฟรย์เริ่มซีดลงเรื่อย ๆ เธอแทบจะหมดแรงเมื่อคุยกับคุณหมอมาถึงตรงนี้ แม้ว่าเขาจะยังทำหน้านิ่งและพูดเหมือนไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเลยก็ตาม
“คุณมีอะไรอยากจะพูดไหม”
“คะ?”
“ผมถามคุณว่า มีอะไรอยากจะพูดอีกไหม”
“แล้วถ้าฉัน… อยากจะย้ายโรงพยาบาลที่พอจะ… จ่ายไหว”
“คุณก็ต้องมาขอประวัติ ทำเรื่องโยกย้ายและเริ่มต้นการตรวจใหม่ทั้งหมด อีกอย่างการรักษาที่ไม่ต่อเนื่องมีผลกระทบในระยะยาวและที่สำคัญ… คนไข้อาจจะรอไม่ได้นานถึงขนาดนั้น”
เฟรย์เริ่มหาทางออกไม่ได้ เธอกำมือแน่น ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีในตอนนี้ ทุกหนทางเหมือนกับจะถูกบีบให้แคบลงเรื่อย ๆ ซึ่งเธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของหมอ หรือว่าเธอเองที่กำลังสับสนจนทำตัวไม่ถูก
‘ใกล้แล้วสินะ’
“ฉันขอเวลากลับไปคิดทบทวน”
“แบบนั้นก็ได้ไม่มีปัญหา แต่ก็เท่ากับว่าคุณแม่ของคุณจะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น”
“คุณหมอหมายความว่ายังไงคะ”
“หมายความว่าอาการของคุณชมจันทร์ ที่อยู่ห้องไอซียูตอนนี้ ต้องการการรักษาอย่างต่อเนื่อง”
“แต่ว่าฉัน…”
เฟรย์รู้สึกจนมุมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงคิดจะขายที่ดินและทรัพย์สินที่มีทั้งหมด แต่ก็คงไม่ได้รวดเร็วขนาดนั้น ถ้าจะหางานทำเพิ่มในตอนนี้ก็พอจะเป็นไปได้แต่มันจะช่วยได้สักเท่าไหร่ เมื่อหันไปมองหน้าคุณหมอหนุ่มตรงหน้า เธอจึงไม่คิดถึงอะไรที่น่าอายมากกว่านี้อีกแล้ว
“คุณหมอมีวิธีอะไรที่พอจะช่วยฉันในเรื่องนี้ไหมคะ ฉันยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้แม่ได้เข้ารับการผ่าตัดในครั้งนี้”
เฟรย์น้ำตารื้นและหันไปกอดมาร์คแน่นขึ้นพร้อมกับสะอื้น หมอรัตติกาลบอกแล้วว่าช่วงนี้อารมณ์ของเธอจะค่อนข้างอ่อนไหวง่าย ให้เขาปรับตัวให้ทัน ถึงเธอจะเหวี่ยงวีนใส่เขาหรือร้องไห้โดยไม่รู้สาเหตุบ่อย ๆ หรือบ่นมากกว่าปกติ แต่สำหรับหมอมาร์คแล้วก็ไม่เคยมองว่าเธอน่าเบื่อเลยสักนิดสองเดือนถัดมา / งานหมั้น“เจ้าบ่าวมองกล้องหน่อยครับ สวยมาก”“เหนื่อยหรือยัง”“นิดหน่อยค่ะ”“คุณหมอคะ แขกเข้าไปข้างในหมดแล้ว คุณแม่ให้มาตามค่ะ”“ขอบใจนะแคท”“มาฉันพยุงแกไปเอง ยังไหวอยู่ไหมปวดเท้าหรือเปล่า ฉันจะเอารองเท้ามาเปลี่ยนให้”“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็ถอดแล้ว”“เดี๋ยวผมจัดการเอง คุณเข้าไปก่อนเถอะขอบคุณมากนะครับแคท”“ไม่เป็นไรค่ะหมอ งั้นฉันเข้าไปก่อนนะ”“ได้ ๆ ไปเถอะขอบใจนะแคท”แคทเดินเข้าไปรอในห้องโถงในบ้านซึ่งเป็นเรือนหอของทั้งคู่แล้ว แต่วันนี้ตกแต่งใหม่ และมีโต๊ะอาหารในเต็นท์เย็นที่สั่งมาเป็นพิเศษในสวนเพื่อรองรับแขกที่เป็นญาติ ๆ ในงานหมั้น ส่วนตอนเย็นเป็นงานฉลองสมรสที่จัดที่โรงแรม“ไปเถอะ เข้าไปข้างในกัน”“ค่ะ เอ๊ะ หมอคะ”หมอมาร์ครวบตัวเจ้าสาวในชุดไทยสีทอง ซึ่งเป็นสีเข้าชุดกับชุดเจ้าบ่าวของเขาเข้าไปในบ้าน หลังจากยืนร
“ทวงทุกเรื่องเลยนะคะ ยังไม่ทันได้เริ่มเลย”“ขอเก็บค่ามัดจำไว้ก่อนไม่ได้เหรอ”“เถียงทุกคำ กินข้าวไปเถอะค่ะ”สามวันถัดมาหมอมาร์คและเฟรย์ไปตรวจคลินิกที่เริ่มติดตั้งป้ายแล้ว เพราะเขาพึ่งได้รับใบอนุญาตมาสด ๆ ร้อน ๆ หลังจากทำเรื่องขอเปิดอย่างถูกต้องตั้งแต่ย้ายมาที่นี่เกศราถูกสั่งพักงานและย้ายไปแผนกผู้ป่วยนอก และยังถูกทัณฑ์บนเรื่องการข่มขู่พนักงานเจ้าหน้าที่คนอื่น สุดท้ายเธอทนแรงกดดันไม่ไหวเพราะแผนกผู้ป่วยนอกงานหนักและเหนื่อยกว่าเดิม จึงตัดสินใจลาออกไปแทน“ยินดีด้วยหมอมาร์ค ในที่สุดก็ได้ใบอนุญาตเปิดมาแล้วสินะ”“ต้องขอบคุณลุงมิ่งด้วย ที่อุตส่าห์ช่วยมาดูแลช่างให้ตอนรีโนเวทคลีนิก”“เอาน่า ๆ คนกันเองทั้งนั้น ขอแค่รักษาคนในบ้านฟรีก็พอ”“ไม่ได้สิครับ”""เอ๊ะ!!""ทั้งชมจันทร์ ป้าบัวลอยและลุงมิ่งส่งเสียงขึ้นมาทันที หมอมาร์คหันไปยิ้มแต่คนที่พูดกลับเป็นเฟรย์“พี่มาร์คหมายความว่าแค่คนในบ้านไม่ได้ ต้องทั้งสวนค่ะ ทั้งพนักงานและลูกจ้างทุกคน มีสิทธิ์มารักษาที่คลินิกนี้ฟรีทุกคน อย่าพึ่งตกใจสิคะ คุณก็หาเรื่องแกล้งคนแก่ เดี๋ยวแม่ก็ตกใจอีกหรอก”“ธรรมโม พ่อคุณเอ๊ยใจบุญเหลือเกิน ขอให้เจริญ ๆ เงินไหลมาเทมานะคะ”
“อุ้มไปสิคะ ตอนนี้ไม่สกปรกแล้วนี่”“รับคำสั่งครับผม”เขารวบตัวเธออุ้มและก้มลงมาจูบอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องตัวคู่หมั้นสาว เขาเป็นโรครักสะอาดและไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องตัวเขา ซึ่งเมื่อกี้เขาถูกเกศราจู่โจมเข้ามาลวนลาม ดังนั้นจึงไม่กล้าแตะต้องเฟรย์จนถอดเสื้อตัวนั้นทิ้งถึงได้กลับมาจูบเธออีกครั้ง น้ำอุ่นในอ่างสุดหรูรอทั้งคู่อยู่ เทียนหอมกลิ่นโปรดของเฟรย์ถูกจุดเพื่อปรับบรรยากาศ“จุดเทียนหอมด้วยเหรอคะ”“นิดหน่อยน่ะ ผมคงต้องล้างตัวนานเลยล่ะ”“เล่าให้ฟังหน่อยสิคะว่ามันเกิดอะไรขึ้น เฟรย์จะสระผมให้”เธอค่อย ๆ ขยับมานั่งขอบอ่าง เขาเอนตัวมาพิงเธอและเริ่มเล่าอีกครั้งเมื่อเฟรย์เริ่มสระผมให้เขา“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ตั้งแต่ย้ายมาที่นี่วันแรกผมก็เจอเธอในแผนก เธอทำงานเก่ง กระตือรือร้น และทุกครั้งที่ออกตรวจก็มักจะเจอทุกครั้ง ผมมารู้ทีหลังว่าเกศราข่มขู่น้องพยาบาลคนอื่น เพื่อให้ได้ออกตรวจพร้อมกับผม และยังจัดเวรของตัวเองให้ตรงกับผมทุกครั้ง แต่นั่นมันหมายความว่าไปทำให้คนอื่นเดือดร้อน”“พยายามมากจริง ๆ แล้วยังไงต่อคะ”“หลังจากนั้นเธอก็เริ่มเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ คุณจำวันแรกที่คุณแม่ไปทำกายภาพ แล
เฟรย์ยืนนิ่งเหมือนกับช็อกไป เมื่อเห็นภาพของพยาบาลสาวคนสวย อายุน่าจะพอ ๆ กับเธอ นั่งตักคู่หมั้นหนุ่มซึ่งเขารีบดันเธอจนตกจากเก้าอี้ลงพื้น“เกศรา ผมบอกคุณไปแล้วนะว่าผม…”“เพราะเธอเหรอคะ ก็แค่คู่นอนที่ไม่เหมาะสมกับคุณ ได้ข่าวว่าเป็นแค่ชาวสวนธรรมดา เธอไม่เหมาะกับคุณหมอเลยสักนิดนะคะ เกศเป็นพยาบาล ทำงานสายเดียวกันกับคุณหมอคะเกศว่า…”“เธอเป็นเมียผมไม่ใช่คนอื่น คุณเป็นบ้าอะไรถึงได้มั่นหน้าว่าผมจะชอบคนอย่างคุณได้… เฟรย์ ฟังผมก่อนนะเรื่องนี้ผมไม่ได้เริ่มเลยนะ ผมไม่มีทางทำผิดกับคุณ"“เธอเป็นใครคะ”“ฉันเป็นคนที่ทำงานกับคุณหมออติวิชญ์ทุกวัน เราสองคนทำงานด้วยกันมาตลอดตั้งแต่ที่เขาย้ายมาที่นี่ เราสองคนเข้ากันได้ดีมาก แต่เธอ! เป็นคนที่น่ารำคาญที่เอาแต่เกาะเขา!”“หุบปากนะ! เกศราดูเหมือนว่าครั้งก่อนผมจะขู่คุณเบาไปใช่ไหมว่าให้คุณเว้นระยะห่างจากผมหน่อย คุณก็เห็นว่าผมมีคู่หมั้นแล้วและกำลังจะแต่งงาน”“ไม่! ถ้าคุณหมอเจอฉันก่อน ไม่มีทางที่คุณจะเลือกเธอ เกศมั่นใจว่ามีดีกว่าผู้หญิงคนนั้น!”“เพี๊ยะ!”“เฮือก! นี่เธอ…. ตบฉันเหรอ!”“ตบนี้เพื่อดับความมั่นของเธอหน่อย”“เพี๊ยะ!”“อี…!”“ผลั่ก!”“กรี๊ด!!!!”เสียงร้องขอ
สามเดือนถัดมา “ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง ยังปวดหัวอยู่ไหมครับ”“ไม่แล้วค่ะ”“ยังกินอาหารได้ปกตินะครับ”“ค่ะคุณหมอ”“แสดงว่าการผ่าตัดได้ผลดี ไม่มีผลกระทบอะไร”“ขอบคุณค่ะ”“คุณหมอยังหนุ่มอยู่เลยนะคะเนี่ย ไม่ทราบว่าคุณหมอมีครอบครัวหรือยังคะ”ญาติผู้ป่วยหันมาถาม พร้อมกับดึงลูกสาวที่ยืนบิดเพราะความอายอยู่ข้าง ๆ แม่ อติวิชญ์ไม่ได้สนใจพวกเธอ เขาแค่ก้มลงเซ็นเอกสารบางอย่างและส่งให้พยาบาลเท่านั้น“ขอบคุณที่ถามครับ แต่ผมมีภรรยาแล้ว”ติ๊ด ติ๊ด“ผมขอตัวก่อนนะครับ”“ขอบคุณนะคะคุณหมอ”“ยินดีครับ”อติวิชญ์เดินออกมาจากห้องพักฟื้นของคนไข้ที่พึ่งทำการผ่าตัด เธอพึ่งฟื้นขึ้นมาหลังจากการผ่าตัดที่ผ่านไปได้ด้วยดี แต่ญาติคนไข้กลุ่มนี้มักจะชอบซื้อของมาฝากเขาเสมอ ตั้งแต่ย้ายมาประจำอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ ก็มักจะมีญาติคนไข้แปลก ๆ เยอะมาก ห้องพักแพทย์“ที่รัก ผมมาแล้ว”“ตรวจเสร็จแล้วเหรอคะ เฟรย์คิดว่าจะนานกว่านี้เลยแค่ส่งข้อความไปให้คุณเฉย ๆ นี่ก็คิดว่าจะไปดูคุณแม่ทำกายภาพบำบัดเลย…. ที่รักคะเบาหน่อยที่นี่โรงพยาบาลนะ”“นิดเดียวน่า”หมอมาร์คดึงตัวคู่หมั้นสาวเข้ามาจูบด้วยความคิดถึง แม้ว่าทั้งสองจะย้ายเข้าไปอยู่ในเรือนหอที
“คุณว่ายังไงนะคะ นี่คุณ….”เขาจอดรถและพาเธอเดินลงมา เพื่อดูตึกแถวหน้าหมู่บ้านที่เขาพาเธอขับรถวนดูอยู่สองรอบ และก็เจอทำเลที่ถูกใจ“คุณคิดว่ายังไง ที่จริงผมเองก็เบื่อชีวิตในกรุงเทพมาก ๆ อีกอย่างพอมาอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน กลับเริ่มติดใจและไม่อยากกลับกรุงเทพเสียแล้ว”“หมอพูดจริงเหรอคะ”“ที่รักผมจะโกหกคุณได้เหรอ คุณคิดว่ายังไงจะเห็นด้วยไหมถ้าเราแต่งงานแล้วย้ายมาอยู่ที่นี่ ซื้อบ้านและห้องชุดเพื่อเปิดคลินิก”“คุณไม่เสียดายงานที่โรงพยาบาลเหรอคะ”“ไม่ ผมทุ่มเทกับงานมาเกือบห้าปีเต็ม จนบางครั้งยังคิดว่าเผลอทำบางอย่างหายไป อีกอย่างพ่อแม่ของผมก็อยู่ต่างประเทศกันหมด ตอนนี้ที่ไหนมีคุณอยู่ด้วย ที่นั่นก็คือบ้านของผม”เฟรย์เข้ามากอดเขาแน่น และยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาอีกครั้ง และนึกขึ้นได้ว่าหมอมาร์คดูห้องชุดแถวสาทรเอาไว้ แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยถามเขาอีกเลย“ที่รักคะ เฟรย์จำได้ว่าคุณจะซื้อห้องชุด”“อ๋อ ห้องนั้นน่ะเหรอ ผมขายให้เพื่อนหมอของผมไปแล้ว เขาอยากได้ที่พักแถวนั้นพอดี ในเมื่อคุณไม่อยู่แล้วผมจะอยู่ทำไมละจริงไหม”“ถ้าอย่างนั้น...”“ไปดูที่ดินในหมู่บ้านกันเถอะ ผมอยากสร้างเองโดยไม่ต้องใช้ช่างของโครงการ ส่วนตึ
Comments